LOGINเขาคือ “พี่เขย” ของเธอ เธอคือ “น้องเมีย” ของเขา เขาอยากเป็นสามีของเธอ ส่วนเธอ… จำใจต้องเป็นภรรยาของเขา “การแต่งงานไม่ใช่ที่สุดของชีวิต แต่งได้ก็เลิกได้ ถ้าพี่รามไม่พอใจนิดเราก็หย่ากันเถอะค่ะ นิดจะได้ไม่ต้องมานั่งพะวงกับคำว่าชู้ของพี่ราม” เธอเจ็บจนนิ่วหน้าแต่ไม่ร้องขอความเห็นใจจากคนหน้ายักษ์ “อยากให้ชู้มาแทนที่ผัวนักเหรอไงถึงได้ท้าหย่าแบบนี้” “ก็ไม่แน่หรอกค่ะ ถ้าชู้มันดีกว่าผัวเฮงซวยแบบนี้” “พี่ไม่ดีตรงไหน พี่ขาดตกบกพร่องต่อหน้าที่อย่างไรถึงได้ว่าพี่เฮงซวย” เขาดูแลเธออย่างดีทุกอย่างทำไมเธอยังมาว่าให้เจ็บช้ำน้ำใจแบบนี้ “ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แค่รู้สึกว่าชู้น่าจะดีกว่าก็เท่านั้น” “กล้าพูดเรื่องชู้ต่อหน้าผัวแบบนี้ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยเหรอหนูนิด” “เข้าใจผิดแล้วค่ะพี่ราม ถึงแม้เราจะจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่ฐานะที่แท้จริงของเราก็คือพี่เขยน้องเมียเท่านั้น เรายังไม่ได้เป็นอย่างอื่นกันนะคะ ดังนั้นกรุณาสุภาพกับนิดด้วยค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นให้มากกว่านี้เลยละกัน” พูดจบก็ดึงแขนเรียวตรงไปที่เตียง ไม่สนอาการฝืนแรงสู้ของเธอ…
View More“เมียฉันเป็นยังไงบ้างเบิ้ม ปลอดภัยแล้วใช่ไหม”
คุณหมอหนุ่มวัยสามสิบแปดมองหน้าเพื่อนสนิทที่เคยเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมปลาย ก่อนจะแยกย้ายไปศึกษาต่อตามสาขาที่ใจตัวเองปรารถนามองใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่บัดนี้มีแต่ความคร่ำเครียดนั้นอย่างเห็นใจ
“ยาที่เมียนายกินออกฤทธิ์ทำลายการทำงานของระบบประสาทและร่างกายจนหมดแล้ว...”
“แล้วยังไง นายช่วยแก้วได้ใช่ไหมเบิ้ม” เสียงทุ้มหูสั่นเครือด้วยความรู้สึกกลัวจับใจ
“เสียใจด้วยนะราม ฉันช่วยเมียนายไม่ทันจริงๆ นายมาถึงช้าไป” ถึงแม้จะเห็นใจแต่เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป และยังสงสัยอยู่ว่าทำไมคนที่จิตใจดี อารมณ์ดีอย่างสิรินดาถึงได้คิดฆ่าตัวตาย “เข้าไปดูเมียนายได้นะราม”
“อย่าเพิ่งไป ช่วยเมียฉันให้ฟื้นก่อนเบิ้ม ได้โปรด” รามขวางทางเพื่อนสนิทไม่ให้เดินหนี น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมาอย่างไม่อาย
“สงบสติอารมณ์แล้วเข้าไปดูคุณแก้วอีกสักครั้งนะราม เผื่อนายมีเรื่องที่อยากจะพูดอะไรกับเธอ” อติพลเห็นใจเพื่อนรักเหลือเกิน แต่เขาจะช่วยอะไรได้มากกว่านี้อีกล่ะในตอนนี้
“ได้โปรดเถอะเบิ้ม ช่วยเมียฉันด้วย เอาชีวิตฉันไปแทนก็ได้ แต่ได้โปรดให้เธอกลับมา ลูกของฉันเพิ่งจะสามเดือนเท่านั้น ฉันจะให้เขาขาดแม่ไม่ได้” ลูกผู้ชายที่หยิ่งในศักดิ์ศรีมาตลอดคุกเข่าขอร้องเพื่อนรักที่เป็นหมอพร้อมกับน้ำตาและเสียงคร่ำครวญด้วยความเสียใจสุดชีวิต
“ราม...” อติพลดึงไหล่เพื่อนรักขึ้นมาแล้วโอบกอดเพื่อปลอบใจ “ฉันเสียใจด้วยจริงๆ ฉันพยายามสุดความสามารถแล้ว”
“พี่รามคะ” หญิงสาวคนหนึ่งที่นิ่งเงียบอยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอดเอ่ยขึ้นพร้อมกับประคองชายหนุ่มเอาไว้ “พี่รามกลับบ้านไปก่อนดีกว่านะคะ ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแพรเอง”
“พี่จะเข้าไปหาแก้ว พี่อยากคุยกับแก้ว”
“ถ้าอย่างนั้นแพรพาเข้าไปนะคะ”
“อย่าเลยแพร พี่จะเข้าไปคนเดียว เพราะแก้วคงไม่ชอบถ้าพี่พาแพรเข้าไป” รามดึงแขนออกจากการกอดประคองของหญิงสาวแล้วเดินเข้าไปในห้องที่อติพลออกมา
เมืองบริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย
“ทำไมคุณแม่ต้องกลับเมืองไทยกะทันหันแบบนี้คะ” หญิงสาวที่ใกล้จะเป็นเจ้าของใบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยของรัฐในนครซิดนีย์ถามมารดาด้วยความสงสัย เพราะเพิ่งเดินทางกลับมาถึงบ้านไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็จะถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง
“แม่ก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร ยายเพิ่งโทรมาบอกให้แม่รีบกลับไป” ดวงดาวพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลต่อหน้าลูกสาวคนเล็ก ถ้าไม่ติดว่าอีกสามวันเธอจะสอบนางคงบอกความจริงไปแล้ว
“ทำไมสีหน้าคุณแม่ไม่ดีเลย ญาติเราเสียเหรอคะ... ใครคะคุณแม่”
“เอาไว้แม่ถึงเมืองไทยแล้วจะโทรมาบอกนะลูก เมื่อกี้แม่ก็คุยกับยายยังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน”
สิริญ่าเพียงแต่พยักหน้ารับ เข้าใจความรู้สึกของผู้ที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัวประมาณหนึ่งว่าคงเสียใจจนพูดไม่ออก
“ถ้านิดว่างนิดก็อยากจะไปด้วยนะคะ” ถึงแม้ไม่ได้รู้สึกผูกพันกับญาติพี่น้องทางเมืองไทยอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่คุณยาย คุณตา หรือพี่สาว แต่เธอก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างคนไทยคนหนึ่ง และเคยเดินทางกลับไปเยี่ยมญาติที่เมืองไทยอยู่เสมอก่อนจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย จึงอยากจะกลับไปร่วมงานพร้อมมารดาอยู่บ้าง
“ไม่ต้องหรอกลูก ตั้งใจทำข้อสอบให้ดีก็พอ แม่ไปก่อนนะลูก”
“หนูไปส่งนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกลูกนิด เดี๋ยวพ่อขับรถไปเอง หนูอยู่บ้านตั้งใจอ่านหนังสือสอบก็พอแล้ว” บิลบอกกับลูกสาวสุดที่รักแล้วลากกระเป๋าออกไป
“ค่ะคุณพ่อ ถึงแล้วโทรหานิดด้วยนะคะคุณแม่” หญิงสาวเข้าไปโอบกอดบิดามารดาและหอมแก้มพวกท่านก่อนลาจากกัน “ฝากบอกพี่แก้วด้วยนะคะว่านิดคิดถึงพี่แก้วมาก ถ้าสอบเสร็จแล้วจะรีบตามไปนะคะ นิดอยากเจอหน้าหลานตัวเป็นๆ มากเลยค่ะ”
“จ้ะลูกรัก” บิลตอบแทนภรรยาที่ได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกับอาการข่มกลั้นน้ำตา “พ่อไปก่อนนะ”
เมื่อรถยนต์ที่สามีเป็นคนขับพ้นออกจากรั้วบ้าน น้ำตาที่อดกลั้นเอาไว้ของดวงดาวก็ล้นทะลักออกมาอย่างกับทำนบพัง เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นเจียนจะขาดใจเสียใจเหลือเกินที่ต้องสูญเสียลูกสาวคนโตไปอย่างไม่มีวันกลับแบบนี้
“ที่รัก ความตายเป็นเรื่องธรรมดาของทุกคนบนโลกใบนี้นะ” บิลพยายามปลอบใจภรรยาด้วยความสงสาร ด้วยอาชีพของหมอเขาก็ได้พบเจอกับญาติของผู้เสียชีวิตทุกวัน แต่เมื่อเป็นคนในครอบครัวเดียวกันเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรไปดีกว่านี้
“ถ้าลูกฉันแก่ตายหรือป่วยตายฉันคงไม่เสียใจแบบนี้หรอกค่ะ แต่นี่ลูกฉันฆ่าตัวตาย ตายจากไปแบบไม่รู้สาเหตุว่าทำไม คุณจะไม่ให้ฉันเสียใจได้ยังไงกันคะ”
“ผมเข้าใจที่รัก ผมเข้าใจ” ถึงแม้สิรินดาจะไม่ใช่ลูกสาวที่เกิดจากเขา แต่เขาก็รักและเอ็นดูเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ คนหนึ่งเพราะได้เลี้ยงมาตั้งแต่เธออายุห้าขวบจนถึงอายุยี่สิบสอง เขาเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่ากัน
“ฉันไม่น่าให้เธอกลับเมืองไทยเลย ถ้าเธอยังอยู่ที่นี่กับเราเธอคงไม่ตาย”
“อย่าโทษตัวเองแบบนี้สิที่รัก คุณไม่ได้ไล่ลูกไปนะ ลูกเป็นฝ่ายขอกลับไปเองต่างหาก”
ดวงดาวไม่ได้กล่าวอะไรอีกนอกจากร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจกับข่าวการจากไปของลูกสาวคนโต
เมืองซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์
“นิด พวกเราจะไปเที่ยวฉลองสอบเสร็จกันคืนนี้ ไปด้วยกันนะ”
“ขอโทษด้วยนะนิโคลฉันไปด้วยไม่ได้จริงๆ เพราะฉันต้องไปประเทศไทยคืนนี้”
“ทำไมถึงรีบนักล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“นิดหน่อยจ้ะ ญาติแม่ฉันเสียน่ะ”
“เสียใจด้วยนะ เอาไว้เจอกันหลังจากกลับมานะ”
“บาย” สิริญ่าโบกมือลาให้เพื่อนสนิท เดินไปที่จอดรถจักรยานแล้วปั่นกลับไปยังที่พักที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไม่ถึงห้ากิโลเมตร
“สวัสดีนิด”
“สวัสดีค่ะคุณโทรส” เธอทักทายตอบเจ้าของหอพักขณะกำลังจะเดินขึ้นบันได
“มีจดหมายถึงเธอนะ”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวย้อนกลับไปยังตู้จดหมายของแต่ละห้อง หยิบจดหมายที่ใส่ไว้ในนั้นขึ้นมาดู
“แปลกนะ”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแล้วมองหน้าบุรุษวัยกลางคนที่อยู่ในห้องกระจกใกล้ๆ “อะไรแปลกเหรอคะคุณโทรส”
“ก็แปลกที่ยังมีคนเขียนจดหมายอยู่น่ะสิ สมัยนี้การสื่อสารอยู่แค่ปลายนิ้วเท่านั้นไม่ใช่เหรอ” เขาพูดพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มๆ ไปบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเพื่อบอกใบ้
“พี่สาวฉันคงนึกสนุกก็เลยใช้วิธีโบราณแบบนี้ไงคะ ขอตัวก่อนนะคะ” เธอตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแล้วสาวเท้าขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์
“เรื่องนี้ต้องถามคุณพ่อจ้ะลูก เพราะแม่ไม่ใช่คนวิ่งตาม แม่ไม่ตอบดีกว่า” ช่วงนี้เธอมักจะมีอาการเหนื่อยง่าย ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็พานจะเป็นลม หน้าที่ดูแลลูกจึงตกไปเป็นของสามีแทน แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่ยังไม่ได้บอกให้เขารู้ เพราะเพิ่งจะตรวจดูก่อนที่ลูกชายจะมาถึงนี่เองคืนนี้แหละที่เธอจะบอกเขา เขาคงดีใจมากแน่ ๆ เพราะเคยเปรยอยู่บ่อย ๆ ว่าอยากมีลูกเพิ่มอีกสักสองสามคน และเธอก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะมีรามตัวน้อย ๆ ให้สามีสุดที่รัก ไม่ว่าจะกี่คนก็ตามก็แปลกดีนะ ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมาตั้งหกปี ถึงจะตั้งท้องลูกคนแรก ทั้งที่ไม่ได้กินยาคุมกำเนิด และไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่สองตามมาอีก เพราะคิดว่าคงเป็นไปได้ยาก แต่ตอนนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว“พ่อรามครับ ตกลงไหมครับ”“ตกลงครับ แล้วเราจะเดินไปหรือขับรถไปดีล่ะ”“เดินไปก็ได้ครับ จะได้ออกกำลังกายด้วย คุณตาพากายเดินไปที่นั่นทุกวันเลยนะครับ” เขาพูดจบพอดีกับที่มารดาเปิดประตูเข้าบ้านเด็กชายจึงปล่อยมือจากมารดา แล้วรีบวิ่งไปหาน้องสาวด้วยความคิดถึง “น้องครีม&rd
รามค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียง หลังจากนอนเป็นเพื่อนลูกชายไปได้สักสิบนาที หยิบผ้าห่มมาห่มให้เขาจนเรียบร้อยดีแล้ว จึงปิดไฟดวงใหญ่เหลือไว้เพียงไฟสลัวที่หัวเตียง แล้วกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองเขาแปลกใจเมื่อไม่เห็นภรรยาอยู่ในห้องนอน เดินไปเปิดประตูห้องน้ำแต่ก็ยังไม่มีเธอ จึงเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวรอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏขึ้น เมื่อเห็นเจ้าของร่างเกือบเปลือยที่ยืนหันหลังให้ กำลังรูดแพนตี้ตัวจิ๋วลงไปตามเรียวขา จึงเดินไปหาแล้วแนบกายแกร่ง ประชิดสะโพกกลมกลึงยั่วอารมณ์เอาไว้ทันที“ทำแบบนี้กะจะยั่วกันใช่ไหม” เขาถามแล้วโน้มตัวลงไปพรมจูบบนแผ่นหลังนวลเนียน“ถ้ายั่วแล้วจะยอมเสียตัวไหมล่ะ” เธอถามกลับพร้อมกับหัวเราะเสียงใส แต่จริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะยั่วเขาสักนิด ตอนที่กลับเข้าห้องมาแล้วไม่เห็นเขา ก็คิดว่าคงเผลอหลับอยู่ในห้องของลูกชาย จึงตั้งใจจะอาบน้ำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยเดินไปดู แต่เขาก็โผล่เข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเลย“ยอมสิ รู้ไหมตั้งแต่หนูนิดคลอดลูก พี่รู้สึกเหมือนตัวเองยังไม่ได้หนูนิดคนเก่ากลับมาเลย”คนเป็นเมียถึงกั
โรงพยาบาล“เพลา ๆ บ้างเถอะพ่อคุณ สองวันมานี้ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหูอยู่แล้วนะ” ยุพาแซวลูกชายคนโตที่ยิ้มไม่หุบ เวลาที่ได้อุ้มลูกสาวแรกเกิด“พ่อรามเขาดีใจนี่ครับคุณย่า” เด็กชายภูมิพัฒน์แก้ตัวแทนบิดา“จริงเหรอลูก ย่าไม่รู้เลยนะเนี่ย แล้วกายดีใจไหมลูกที่มีน้อง”“ดีใจครับ น้องครีมของกายน่ารักมาก กายช่วยแม่นิดเลี้ยงน้องครีมด้วยครับ”“น่ารักจริงหลานย่า” ยุพาดึงหลานชายมาหอมแก้มอย่างรักใคร่ “พ่อแม่หนูเขาจะมาหรือเปล่าหนูนิด”“มาแต่คุณแม่ค่ะ ท่านจะมาถึงคืนนี้แหละค่ะ ส่วนคุณพ่อจะตามมาอาทิตย์หน้า เพราะติดเคสนัดผ่าตัด” คุณแม่มือใหม่ ที่เดินบริหารร่างกายเบา ๆ อยู่ข้างเตียง ตอบคำถามแม่สามี“พรุ่งนี้เราก็ไปทานข้าวกลางวันที่บ้านลูกเลยละกัน จะได้ไปทักทายคุณดวงดาวเธอด้วย” บันเทิงบอกกับภรรยา“ก็ดีค่ะ ไม่ได้เจอคุณดวงดาวนานแล้วด้วย คงได้คุยกันยาวแน่เลย”“คุยจนถึงตอนเย็น ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับคุณยุพา”“คุณพี่นี่ช่าง
หลังจากกลับมาจากงานเลี้ยง สิริญ่าก็เตรียมถอดชุดเพื่ออาบน้ำชำระล้างเหงื่อไคล แต่เพราะรูปร่างที่อุ้ยอ้ายทำให้เธอรู้สึกลำบากเหลือเกิน“พี่รามขา พี่รามมาหานิดที่ห้องแต่งตัวหน่อยค่ะ”“จ๋าๆ” คนถูกเรียกรีบขานรับ ขยับตัวลุกจากโซฟาแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องแต่งตัว“ช่วยรูดซิปให้นิดหน่อยสิคะ”“พี่บอกว่าเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วให้ออกไปหาพี่ พี่จะช่วยถอดชุดให้ ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้างเลย” ปากของสามีบ่นไปแต่มือก็ทำตามคำสั่งของภรรยาด้วย“ทำไมถึงขี้บ่นจังคะ”“ที่บ่นก็เพราะรักและเป็นห่วงทั้งนั้น กลัวจะเป็นลมหรือหกล้มอยู่คนเดียว” เขาเป็นห่วงเธอสารพัดห่วง ห่วงจนไม่กล้าแม้แต่จะล่วงเกินเธอตั้งแต่เข้าสู่เดือนที่เจ็ด เพราะกลัวจะเป็นอันตรายกับเธอและครรภ์“รักนิดมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หลังจากเขาช่วยถอดชุดให้เสร็จแล้วเขารู้สึกได้ทันทีว่าเธอเกิดอาการน้อยใจอีกแล้ว จึงสวมกอดจากทางด้านหลัง วางมือใหญ่ลงบนหน้าท้องนูนแล้วลูบไล้แผ่วเบา“ทำไมถึงถามแบบนี้ล