วันต่อมา_"องค์หญิงตื่นค่ะตื่น!!" เสียงของพี่เลี้ยงอย่างลิลลี่พยามตะโกนเรียกหญิงสาวบนเตียง เมื่อโดนบุพการีเธอออกคำสั่งให้ไปพบ เพราะมีเรื่องสำคัญซึ่งทุกคนกำลังรออยู่ นาฬิกาบนฝาพนังไล่เดินไปช่วงถึงสิบโมงเช้า เป็นเวลาก่อนที่โมอาจะตื่นทุกวัน บวกกับความร้อนใจของพี่เลี้ยงต้องรีบส่งมือเขย่าขาเรียวกระวนกระวาย"หื้อ..อะไรพี่ลิลลี่!" เมื่อคนถูกปลุกกระทันหัน ยังไม่รู้สึกว่านอนเต็มอิ่ม กว่าเมื่อคืนเธอจะทำใจหลับลงได้เกือบเข้าสู่เช้าวันใหม่ ครั้นยังติดใจถ้อยคำของมาร์แชลล์อยู่ห้วงหัวสมอง เขารับปากว่าจะพากลับไปประเทศไทยได้ยังไง หากบิดาและมารดาไม่ยินยอม"รีบตื่นเถอะค่ะ ทุกคนรอองค์หญิงที่ห้องโถงกันหมดแล้ว" ลิลลี่รีบเตรียมสิ่งของขณะอธิบายบอก เหลือเวลาไม่มากแล้วหากหญิงสาวไปไม่ทันการณ์ อาจเปลี่ยนบรรยากาศเป็นอีกแบบนึง"รอ?รอเราทำไม?" ร่างอรชรค่อยๆลุกชันตัวขึ้นพิงหัวเตียงช้าๆ ไม่ได้รู้สึกกระวนกระวายตามพี่เลี้ยงสักนาทีเดียว แถมยังยกมือชี้ว่าจะเลือกใส่ชุดแบบไหนมากกว่า ท่าทางใจเย็นสลับกัน"ก็ไปสัญญาอะไรกับองค์ชายไว้ล่ะคะ ถ้าช้าอีกนิดเผื่อพวกท่านเปลี่ยนใจ ลิลลี่ไม่มาป...." แค่ลิลลี่พยามบอกยังไม่ทันจบประโยคดี
"โดนเมียทิ้งเหรอเฮีย??" ผู้เป็นน้องชายเอ่ยถามขึ้น ดึงทุกสายตาเหลียวมอง สัมผัสได้ถึงบรรยากาศนิ่งสงัด ที่เจ้าของห้องไม่พึงประสงค์แก่แขกไม่ได้รับเชิญ"จะกลับได้หรือยัง?" ซิลค์กับตอบไม่ตรงคำถาม เหลือบมองผ่านสายตาเชิงตำหนิ ชวนรุ่นน้องขนลุกซาบซ่าน เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยไล่ให้ได้ยิน ร่างสูงสง่าเอนหลังพิงพนักท่าทางเยือกเย็น หยิบปากกาขึ้นมาควงเล่น ระหว่างรอผู้ร่วมอาศัยในห้องออกไป"ดุจังล่ะเฮีย ถ้าไม่บอกไม่เป็นไรก็ได้ แต่ยังไงก็อย่าลืมนะว่าผมช่วยได้เสมอ" ซายน์ทำหน้าทะเล้นใส่ ลุกตรงไปนั่งแทรกกลางระหว่างเอเดนกับภาคิน จนพวกเขาเขยิบอย่างรำคาญ"ช่วยได้?" เป็นคำถามพูดขึ้นที่ทำให้ผู้ฟังไม่ได้รู้สึกดี เหมือนแฝงความคิดบางอย่างดูไม่น่าจะธรรมดาเท่าไหร่ ร่างสูงโน้มตัวนั่งค้ำโต๊ะทำงาน ประสานสองมือหนายกระดับใต้คางสาก"สั่งๆมา ไอเดนกับไอคินพร้อมอยู่แล้ว" ซายน์รีบพูดปัดป่าย หยักหัวไหล่ข้างนึงเรียกความหมั่นไส้ ใช้ข้อศอกทั้งสองข้างกระทุ้งใส่ท่อนแขนรุ่นน้อง ดั่งโยนโทษมหันต์โดยที่พวกเขาไม่ได้ทำผิดเลย"ไปอเมริกากัน" ซิลค์บอก ด้วยความที่ใบหน้าเย็นชาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ยิ่งซ้ำเติมความรู้สึกว่าเอเดนกับภาคินไม่น่
3 เดือนผ่านไป_"โมอา!น้องเห็นแบบก่อสร้างที่พี่ให้ดูเมื่อวานไหม" มาร์แชลล์ส่งเสียงมาแต่ไกล ให้ผู้เป็นน้องสาวในที่พักรับรู้ว่ามีคนกำลังเข้าเขตพื้นที่ส่วนตัว ร่างอรชรในชุดเดรสยาวแทบทำจดหมายหลุดมือ หลังอมยิ้มจากข้อความของคนไกล"พี่เดค่อยหาทางออกไปนะ" คนพูดเริ่มรู้สึกร้อนรน รวบเก็บจดหมายของคนไกลไว้ในลิ้นชัก ลุกขึ้นสบัดเสื้อผ้าให้เข้ารูปพร้อมปั้นหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นองครักษ์หนุ่มรีบวิ่งไปแอบมุมเดิม คือหลังผ่านม่านใหญ่ข้างประตูทางเข้า เลี่ยงการตอบคำถามแก่คนมาใหม่ เนื่องจากยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องความสัมพันธ์ที่โมอาไม่ยอมหย่าให้ซิลค์ เลยโดนตัดการเชื่อมต่อหลายเดือนแล้ว"โมอาเมื่อวานพี่เอาให้เราดูไม่ใช่เหรอ มันหายไปได้ยังไงหน่ะ" มาร์แชลล์พูดอย่างวิตก แบบก่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเมืองเกิดหายไป หลังพาน้องสาวดื่มสังสรรค์เมื่อช่วงค่ำ หรือเขาเมาจนเสียสติไปชั่วคราว"ไม่หายไปหรอก ก็พี่มาร์บอกให้น้องออกแบบลายมันเองไม่ใช่หรอ คอยดูนะจะให้ท่านแม่บ่นเลย" น้องสาวก่นเสียงดุ แค่เธออยากหาเพื่อนคุยสนุกในงานรื่นเริง แต่พี่ชายดันดับฝันเล่นดื่มแอลกอฮอล์จนหมดไปหลายขวด โมอาเลยต้องชิ่งพาเขากลับมาที่พักก่อน
@ หลายวันผ่านไป เมื่อการสอนหนังสือชั่วคราวต้องสิ้นสุดลง ร่างอรชรรีบส่งสัมภาระให้เดโม่นำไปขึ้นรถตรงเชิงเขา ส่วนเธอกับเบลล์จะเดินตามเส้นทางลัดไปพร้อมเด็กนักเรียนจำนวนนึง เพราะอยากมาส่งอำลาในครั้งสุดท้าย หลังจากค่ำคืนแห่งไฟสวาทนั้น โมอาก็ไม่ได้เจอกับคนเอาแต่ใจอีกเลย แม้แต่เตโชเองก็ปิดปากเงียบสนิท มีบางครั้งเข้ามาตรวจทีมแพทย์เหลือทิ้งไว้แค่บอดี้การ์ดจำนวนนึง ซึ่งเธอรู้ดีว่าเรื่องราวสิ้นสุดลงแล้ว"ให้ทุกอย่างมันจบที่นี่แหละดีแล้ว" น้ำเสียงหวานบอกตัวเองเบาๆ ไม่หันหลังกลับไปมองตรงริมลำธารอีก กระชับกำสายกระเป๋าเป้แน่นก่อนยื่นมือจับข้าวนึ่งกับโมจิ เด็กทั้งสองชำนาญเส้นทางบนเขาอย่างดี ถึงอาสามาส่งโดยไม่มีผู้ใหญ่ตาม"ฉันจะต้องจบกับแกด้วยไหมนี่ แกจะกลับมาหาฉันอีกไหมยัยโม" เบลล์พูดอย่างตัดพ้อ เพราะรู้ว่าเพื่อนสาวต้องเดินทางกลับไปประเทศตัวเองทันที ยอมรับว่าใจหายแต่อนาคตคือสิ่งไม่แน่นอน วันใดวันนึงอาจพบเจอกันอีก"กลับสิ ฉันคิดถึงแกจะตายนะยัยเบลล์" น้ำตาแทบไหลเพราะความผูกพันธ์ระหว่างเพื่อนสาว คอยช่วยเหลือช่วงที่ศึกษาอยู่ร่วมห้าปีกว่า สนิทไม่ต่างจากพี่น้องคนนึงเลย"ให้มันจริงล่ะ" จนทั้งคู่เดิ
"อื้ม...อ้าขาสิเด็กดีย์" ซิลค์ยังคงคลอกับเรียวปากบาง จูบบดขยี้เร่าร้อนแถมยังรัวระเรงนิ้วใส่ร่องคับแคบ จนร่างอรชรระทวยอ่อน ผลักนอนลงเบาๆบนโขดหิน จับยกขาเรียวข้างนึงแนบเอวสอบ เตรียมจ่อช่องทางรักเชื่อมต่อประสาน"แค่รอบเดียวใช่ไหม" ดวงตากลมเหลือบเห็นแก่นกายขนาดใหญ่กว่าข้อมือ กำลังถูกชักรูดเตรียมเปิดศึกรักทรหด ก้อนใจดวงน้อยแทบล่วงอยู่ตาตุ่ม หลังขาดหายเรื่องอย่างว่าไปหลายวัน"ฉันพูดแบบนั้นเหรอ?"สวบ~"อื้อ..คะคุณซิลค์....อื้อออ" คนตัวเล็กถึงกับร้องเสียงหลง ผวากอดร่างกำยำแนบกายแน่น ยามแก่นกายเกินมาตรฐานกระแทกใส่โพรงสวาทในรอบเดียว ทำผนังนุ่มขยายกว้างโอบรัดความเป็นชายยากขยับ จุกระบมอ่อนทั่วท้องน้อยปล่อยน้ำเมือกใสอีกละลอกตอบสนอง"อย่าเกร็ง..ซื๊ดด" แม้แต่เขาเองยังปวดหนึบไม่น้อย ร่องนุ่มนิ่มแทบดูดกลืนท่อนเอ็นอุ่นสุดลำโคน ซุกใบหน้าหล่อเหลาคลุกคลีตรงซอกคอขาว ขบเม้มเลียกลิ่นสาวหอมละมุน ใช้สะโพกแกร่งสอบเข้าออก เพียงแค่พึ่งเริ่มก็เสียวซ่านปลุกอารมณ์ดิบตั่บ! ตั่บ! ตั่บ!"บะเบาก่อน...อื้อ..ฉันจะจุก...อื้อ..." ไม่ใช่อาการเจ็บแผ่นหลังยามถูไถกับโขดหิน เพราะมีน้ำและตะไคร่ช่วยเสริมให้ลื่นไหล พาลร่างอรชรกระเ
หลายวันผ่านไป_"ใครจะคิดล่ะว่ามันจะยากขนาดนี้...คนไม่มีหัวใจ!" ถ้อยคำตัดพ้อพอๆกับความรู้สึกตัวเอง น้ำเสียงหวานไม่อาจปรับอารมณ์ได้ทัน นั่งทิ้งกายอยู่บนโขดหินตำแหน่งเก่า หลังเธอแอบหนีเพื่อนสาวออกมากลางดึก เพราะไม่อยากรบกวนเวลานอนซึ่งเธอไม่มีอาการง่วงเลย เหลืออีกไม่กี่วันจะถึงกำหนดการประเทศแล้ว ปล่อยเดโม่ยืนชะเง้อเฝ้าอยู่ระยะไกล ซึ่งไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาองครักษ์ได้ เขาจะพักผ่อนช่วงเวลากลางวันตอนที่เธอสอนหนังสือ เพราะยามดึกคือความอันตรายเผื่อแฝงตัวมา"ถ้าฉันเป็นแบบนั้นบ้างคงดีสินะ" ก้อนหินถูกโยนใส่สายน้ำต่อเนื่ิอง ร่างอรชรนั่งกอดเข่าแน่นพลางก้มหน้าซุกระบายน้ำตา ใครจะรู้ว่าฉากเบื้องหลังเธออ่อนแอได้เช่นนี้ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดยิ่งทำความรู้สึกดิ่งจมลึกหมับ!"คุณ!!" พอฝ่ามือเรียวบางจะหยิบหินก้อนใหม่ ดันถูกฝ่ามือหนาจับรั้งไว้ ก่อนที่ซิลค์จะทิ้งกายลงด้านข้าง ใบหน้าเรียบเฉยจนคนมองรู้สึกโมโห เขาไม่ได้สะทกสะท้านแถมยังกล้ามาเจอกันอีก ร่างอรชรเตรียมลุกหนีไม่อยากพบเจอฟังคำอธิบาย"นั่งลง" น้ำเสียงเข้มเอ่ยบอก จับข้อมือเล็กกระตุกลงบนตักแกร่ง หันสองขาเรียวไปฝั่งเดียวกัน ยิ่งโมอาดีดดิ้นท
@ แคมป์พยาบาล"เสร็จแน่!!!" ร่างอรชรไม่รอให้เตโชเข้ารายงานเจ้านาย ปานมีเรื่องร้อยพันอารมณ์จะซักถาม สองเท้าเรียวสวยเร่งก้าวรวดเร็วยิ่งกว่ามีเรื่องร้อนใจ หลังเขาทำเหมือนหลบหน้ากัน จะปล่อยให้เรื่องที่ผ่านมาอยู่แบบรวนเรได้ยังไง"มีอะไร?" น้ำเสียงเข้มเจ้าของห้องพูดขึ้น เขาจำเสียงจังหวะฝีเท้าก้าวเดินได้ดี แค่ไม่เงยมองดูก็รู้ว่าใครเยื้องกายเข้ามา ร่างสูงยอมวางปากกาเซ็นเอกสารลง เหลือบนัยน์ตาคมไร้ความหมายจ้องอีกฝ่าย"คุณก็รู้หนูมาเรื่องอะไร!" คนตัวเล็กรีบทิ้งสะโพกมนนั่งบนเก้าอี้ของผู้ป่วย ประจันหน้าเอาเรื่องหมอหนุ่ม ผ่านแววตาจริงจังคล้ายลูกแมวขู่ฟ่อ~ก้อนใจดวงน้อยยิ่งกว่าล่วงหล่นใส่ตาตุ่ม เมื่อสัมผัสบรรยากาศไร้อารมณ์ของซิลค์ได้~"ฉันบอกไปหมดแล้ว" น้ำเสียงเข้มบอก ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึงอย่างไม่เคยเป็น โชยกลิ่นสารนิโคตินคละคลุ้งดั่งคนสูบมาอย่างหนัก"แต่สำหรับหนูมันไม่หมด! ไหนคุณว่าหนูเป็นเมียไง แล้วจะยอมให้หนูกลับไปทำไม" โมอาโวยวายจริงจัง ซึ่งกลุ่มบอดี้การ์ดข้างนอกยังได้ยินชัดเจน ฝ่ามือเรียวบางจะเอื้อมจับคนเบื้องหน้า ร่างสูงกลับหมุนเก้าอี้เชิงรำคาญ ยิ่งตอกย้ำสถานะความสัมพันธ์"แค่อารมณ์พาไป" เขาบ
เช้าวันใหม่_"แกโอเคไหมยัยโม" ผู้เป็นเพื่อนสาวต้องรีบถามเพราะความเป็นห่วง ใบหน้าใสคนข้างกายดูหมองเศร้า เหมือนคนอดนอนมาตลอดคืน หลังพวกเธอพึ่งจัดของพร้อมออกไปสอนหนังสือ ทว่าโอมาดูไม่มีกะจิตกะใจเหมือนทุกวัน"ช่างเถอะน่า วันนี้เราว่าจะสอนหลายวิชาไม่ใช่เหรอ" น้ำเสียงหวานตอบให้คนฟังคลายกังวล เมื่อวานนี้ต้องรีบส่งนักเรียน จึงเอาชั่วโมงว่างของวันสอนชดเชยต่อ คงทิ้งความคิดถึงใครบางคนไว้ชั่วคราว เพราะเธอรออยู่ที่เดิมทั้งคืนไร้รี่แวว นั่นเป็นคำตอบแทนการอยากรู้ในใจดี"ก็ใช่น่ะสิ แกรับบทภาษาต่างประเทศด้วยอย่าลืมเชียว" คนบอกทำสีหน้ากึ่งขยาด เธอไม่มั่นใจเสียเวลากลัวออกเสียงผิดๆ ครั้งนึงเคยโดนอาจารย์ประจำภาควิชาตำหนิ เกรงว่าอาจสืบทอดความรู้ผิดต้นตอ"ไม่ลืมหรอก แกหน่ะหัดมั่นใจตัวเองบ้าง""ขอเวลาอีกนิดนะ ของจริงกับตอนเรียนมันต่างกันนี่หน่า" เบลล์บอกน้ำเสียงอ่อน"จะต่างยังไงมันก็เหมือนกันทุกอย่างนั่นแหละ" เธอกับคิดถึงบางเรื่องขึ้นมาเสียดื้อๆ เผลอจิกผมเช็ดตัวในมือใกล้ฉีกขาด"อาชีพครูต้องอย่าเอาเรื่องอะไรมาปะปนนะแกอย่าลืมดิ" เบลล์บอกเตือน หากครูผู้สอนไม่สามารถส่งอารมณ์ให้นักเรียนได้ แล้วคนฟังจะไปรู้สึกสนุก
@ ช่วงเย็น ภายในสถานที่พักส่วนตัวของมาเฟียหนุ่ม นั่งตรงข้ามกับหญิงสาวก้มหน้าอย่างรับผิด เมื่อโดนพี่ชายตำหนิผ่านแววตาจริงจังจนโมอาไม่กล้าสู้มอง บรรยากาศตึงเครียดแม้แต่องครักษ์ด้านนอกยังรู้สึกกดดัน ต่างคนต่างมองกันเลิกลักแม้ว่าไม่เคยเจอรู้จักมาก่อน"เราขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ในเมื่อทุกคนรู้เรื่องจริงทั้งหมดแล้ว เราคงต้องพาโมอากลับบ้าน...สถานที่ของเธอจริงๆ" มาร์แชลล์พูดน้ำเสียงเข้ม จ้องมองคู่สนทนาอย่างไม่ลดหรี่ เขาต้องการพาเธอกลับสู่ครอบครัวจริง ที่นั่นเหมาะสมกับโมอาสุดแล้ว"ตะแต่...." คนตัวเล็กแทบไม่มีถ้อยคำโต้แย้ง เธอรู้ดีว่าพี่ชายเก็บอารมณ์โมโหไว้ก้นบึ้งลึกขนาดไหน คงไม่ต้องอธิบายถึงบุพการี ถ้ากลับไปรับโทษโดนบทสูงสุด สั่งกักขังหรือตัดอิสระอยู่สักพักนึงเขียว"....." ซิลค์เอาแต่มองใบหน้าสวย อายุจวนเจียนใกล้สามสิบวางท่าทางสุขุม แม้อีกฝ่ายเอ่ยคำไม่ต้องการได้ยิน ฝ่ามือหนากำพนักเก้าอี้เกร็งจนเส้นเลือดปูด นัยน์ตาดำนิ่งกริบไม่บ่งบอกความหมาย"คุณคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ ในเมื่อแผนนี้น้องสาวเราเป็นคนคิดเอง" ทุกถ้อยคำที่เขาพยามพูดออกมา มันสื่อความหมายอีกอย่างว่า โมอาต้นคิดแผนการณ์เรื่องบ้านั่นคนเ