หากวิชาดูดกลืนวิญญาณของตนถูกอีกฝ่ายต้านกลับได้ มีหรือที่ท่านอาสุ่ยจะมิรู้จุดจบ นางอาจจะติดอยู่ในภาพลวงตาที่หลิงอวี๋สร้างขึ้นตลอดไปและมิสามารถออกไปได้อีกในยามนี้ ท่านอาสุ่ยมิกล้าประมาทหลิงอวี๋แล้ว นางจึงพยายามช่วงชิงอำนาจการควบคุมอย่างสุดความสามารถในเวลานี้หลิงอวี๋เองก็มิสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน หากนางมิกดท่านอาสุ่ยเอาไว้ นางก็คงจะกลายเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่งทั้งสองคนแข่งขันกันโดยที่ต่างคนต่างก็ใช้วิธีการของตนมากดอีกฝ่ายไว้เจ้าแห่งทะเลเห็นเพียงปากของคนทั้งสองขยับอยู่ และการแสดงออกก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับมิได้ยินว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เจ้าแห่งทะเลมิได้คิดว่าหลิงอวี๋มีวิชาดูดกลืนวิญญาณและสามารถควบคุมท่านอาสุ่ยได้แต่เขาแค่สงสัยว่า ท่านอาสุ่ยจะมิอยากให้ตนรู้ความลับของหยกหล้าสุขาวดี จึงสื่อสารกับหลิงอวี๋เป็นการส่วนตัวอย่างนั้นหรือ?ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็เห็นเลือดไหลออกมาจากจมูกของท่านอาสุ่ยและหลิงอวี๋!นี่คือธาตุไฟเข้าแทรกหรือไม่?ยามนี้ต่อให้เจ้าแห่งทะเลจะเขลาแค่ไหนก็รู้แล้วว่าเรื่องราวมิได้เป็นไปตามทิศทางที่ตนคาดไว
หลิงอวี๋มิได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกเลยแม้แต่น้อย นางและท่านอาสุ่ยยังคงต่อสู้กันอยู่ในภาพลวงตาพลังของท่านอาสุ่ยสูงกว่าของหลิงอวี๋ ดังนั้นหลิงอวี๋จึงต้านอย่างยากลำบากมากขณะที่หลิงอวี๋กำลังจะต้านมิอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็นึกถึงหยกหล้าสุขาวดีขึ้นมาเย่ซงเฉิงเคยบอกไว้มิใช่หรือว่า หยกหล้าสุขาวดีนี้เป็นอาวุธวิญญาณที่เหนือกว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ ความลับของมันมีเพียงตนเท่านั้นที่จะเข้าไปสำรวจได้?ส่วนการสูญเสียความทรงจำสามารถทำให้ตนละทิ้งข้อจำกัดของอดีต ทำความรู้จักตนเองใหม่อีกครั้ง และไปสำรวจความลึกลับของหยกหล้าสุขาวดีได้!เย่ซงเฉิงสามารถสร้างภาพลวงตาที่ใหญ่โตถึงเพียงนั้นให้ตนได้ นี่มิใช่สิ่งที่พลังของเขาสามารถทำได้แน่นอน!เขาแค่ใช้อิทธิฤทธิ์ของหยกหล้าสุขาวดีของตนมาสร้างภาพลวงตาให้กับตนในเมื่อเขาสามารถใช้ตนกระตุ้นศักยภาพของหยกหล้าสุขาวดีได้ แล้วเหตุใดตนที่อยู่ในฐานะเจ้าของหยกหล้าสุขาวดีจะมิสามารถใช้ได้เล่า?หลิงอวี๋คิดแล้วก็หลับตาลง จากนั้นในหัวของนางก็ตั้งสมาธิแน่วแน่นึกถึงทะเลทรายในชั่วพริบตาบริเวณรอบ ๆ ก็เป็นทะเลทรายทั้งหมด ทะเลทรายสีเหลืองทองนั้นกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แล้วนางก็
หลิงอวี๋แย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “หลังจากออกไปแล้ว หากท่านทำตัวดี มิทำเรื่องชั่วช้าอีก ท่านก็จะมีชีวิตสงบสุขไปจวบจนแก่เฒ่า!”“แต่หากท่านกล้าไปร่วมมือกับคนชั่วแล้วมาหาเรื่องข้าอีก ทะเลทรายแห่งนี้ก็จะเป็นสถานที่ฝังศพของท่าน!”“เจ้าทำอะไรกับข้า?”ท่านอาสุ่ยเอ่ยถามขึ้นมาอย่างแปลกใจและสงสัย“ท่านเชี่ยวชาญวิชาดูดกลืนวิญญาณ ก็น่าจะรู้ว่าข้าสามารถทิ้งคำสั่งไว้ในจิตสำนึกของท่านได้ หากมิไปกระตุ้นคำสั่งนี้ ก็จะไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น!”“ทว่าหากไปกระตุ้นมัน ท่านก็จะกลับมาอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้อีกครั้ง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างมีความหมาย “นี่นับว่าเป็นการลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ท่านให้ข้าเรียกท่านว่าแม่!”ท่านอาสุ่ยตกตะลึง แต่นางมิได้แข็งแกร่งเท่าหลิงอวี๋ แม้ว่าจะมิพอใจกับวิธีการนี้ของหลิงอวี๋แต่ก็มิอาจต่อต้านได้“ออกไปเถิด ท่านเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรบอกกับเจ้าแห่งทะเลว่าอย่างไร!”หลิงอวี๋จึงเปลี่ยนความคิดในใจ จากนั้นท่านอาสุ่ยและนางก็ออกจากภาพลวงตามาสู่ความเป็นจริงทั้งสองคนต่างก็ล้มลงไปกับพื้นพร้อมกันการประลองพลังจิตครั้งนี้สิ้นเปลืองพลังของทั้งสองคนไปเป็นอย่างมาก แม้ว่าหลิงอวี๋จะชนะ แต่ปฐม
เจ้าแห่งทะเลมองท่านอาสุ่ยอย่างกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ท่าทางของท่านอาสุ่ยดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บภายในจริง ๆ ท่าทางของหลิงอวี๋เมื่อครู่ก็มิได้ดูดีนักการประลองของทั้งสองคนดูเหมือนว่าจะบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย!แต่ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้จริงหรือ?“เจ้าเห็นหรือไม่ว่านางใช้หยกหล้าสุขาวดีอย่างไร?”เจ้าแห่งทะเลซักต่ออย่างมิยอมปล่อยท่านอาสุ่ยส่ายหัว “หม่อมฉันสร้างภาพลวงตาให้หลิงอวี๋ นางเองก็ทำเช่นกันเพคะ นางใช้พลังจิตในการใช้หยกหล้าสุขาวดี ตั้งแต่ต้นจนจบหม่อมฉันมิเคยเห็นหยกหล้าสุขาวดีปรากฏออกมาเลยเพคะ!”“เจ้าแห่งทะเล ท่านเคยตรัสว่าหยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมกับหลิงอวี๋แล้วมิใช่หรือเพคะ?”“หยกหล้าสุขาวดีอยู่ในร่างของนาง นางแค่คิดก็สามารถใช้หยกหล้าสุขาวดีได้แล้ว!”เมื่อท่านอาสุ่ยนึกถึงคำสั่งที่หลิงอวี๋ทิ้งเอาไว้ในจิตของตน นางก็อยากจะให้หลิงอวี๋ตายไปเสียใครจะชอบให้คนที่สามารถทำให้ตนกลายเป็นคนโง่ได้ทุกเมื่อมีชีวิตอยู่กัน!ในเมื่อตนมิสามารถจัดการกับหลิงอวี๋อย่างเปิดเผยได้ เหตุใดมิใช้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลกำจัดภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้เล่า!“เจ้าแห่งทะเล หม่อมฉันคิดว่าท่านไปนำหยกหล้าสุขาวดีของนางมาใ
กลุ่มของหลิงอวี๋รีบมุ่งตรงไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างรีบร้อน เผยอวี้เอ่ยถามออกไป “พี่หญิงหลิงหลิง เหตุใดเจ้าแห่งทะเลจึงปล่อยท่านออกมาง่ายดายถึงเพียงนี้เล่า?”“ก่อนหน้านี้พวกเราคิดว่าต่อให้นำพระราชโองการจากฮองเฮามา เจ้าแห่งทะเลอาจจะมิปล่อยท่านออกมาก็เป็นได้!”“ข้ายังมีประโยชน์กับเขาอยู่ ตอนนี้เขาทำอะไรข้ามิได้ และมิอาจสังหารข้าได้ด้วย จึงได้ปล่อยข้าออกมา!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาเรียบ ๆ “แต่เจ้าแห่งทะเลรู้ตัวตนของข้าแล้ว เขาน่าจะมีแผนสำรองอยู่!”หลังจากเถาจื่อขึ้นรถม้าก็มิได้พูดอะไรทั้งนั้น จิตใจของนางค่อนข้างอ่อนล้า หลังจากพักผ่อนไปสักพักหนึ่งจึงรู้สึกดีขึ้นแต่หลิงอวี๋และเผยอวี้ต่างก็มิได้สังเกตว่า สายตาที่เถาจื่อมองพวกเขานั้นค่อนข้างแปลก ทั้งยังแฝงความเกลียดชังอยู่ในนั้นด้วย“เช่นนั้นทางที่ดีพวกเรารีบไปจากแดนเทพกันเถิด!”วิกฤตในวันนี้ ทำให้เซียวหลินเทียนและเผยอวี้ตระหนักถึงอันตรายของการอยู่ในแดนเทพต่ออำนาจของพวกเขาในแดนเทพนั้นมิอาจเทียบกับเจ้าแห่งทะเลได้ พลังก็สู้เจ้าแห่งทะเลมิได้ การรีบไปจากแดนเทพต่างหากจึงจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด“ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำอีก เมื่อทำเสร็จแล้วค่
หลิงอวี๋มาที่เมืองหลวงแดนเทพได้สักพักหนึ่งแล้ว นางรู้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลอูเป็นการดำรงอยู่ที่เหนือกว่าตระกูลใหญ่ ๆ หลายตระกูลเนื่องจากพวกนางได้ปกป้องภูเขาศักดิ์สิทธิ์มารุ่นแล้วรุ่นเล่า และควบคุมเครื่องยาสมุนไพรชั้นยอดอันล้ำค่าที่เหล่าบรรดาตระกูลใหญ่และผู้บำเพ็ญตนในแดนเทพต้องการ ดังนั้นตระกูลเหล่านี้จึงเคารพพวกนางมากอีกทั้งนี่ยังทำให้เกิดเป็นตระกูลสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทำตัวสูงส่งมิเห็นหัวใครและอวดดีอีกด้วยแต่ก็เช่นเดียวกับที่ตระกูลหลงนั่งอยู่อย่างมั่นคงในแผ่นดินของแดนเทพมาหลายร้อยปีนี้ พวกตระกูลใหญ่เหล่านั้นก็มิได้ให้ความเคารพต่อตระกูลสตรีศักดิ์สิทธิ์เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปเหล่าตระกูลใหญ่ส่วนมากต่างก็รู้สึกว่าเครื่องยาสมุนไพรของภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ฟ้าดินประทานให้ทุกคน เหตุใดจึงต้องให้ตระกูลหลงและตระกูลอูเป็นผู้ควบคุมและจัดสรรให้ทุกคนด้วยเล่า?ในตอนนี้เมื่อได้ยินมู่ตงบอกว่าตระกูลอูมิได้เห็นฮองเฮาและท่านหญิงอยู่ในสายตา หลิงอวี๋ก็รู้สึกเป็นห่วงตระกูลอูขึ้นมาการยั่วยุอำนาจจักรพรรดิและตระกูลใหญ่เหล่านั้นเช่นนี้ ต่อให้ตระกูลอูจะปกป้องภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ แต่ในท้ายที่สุด
นั่นคงมิใช่ไม้จินสื่อหนานใช่หรือไม่?หลิงอวี๋สงสัย เพราะถ้าเป็นไม้จินสื่อหนานจริง ๆ หากเป็นในยุคปัจจุบันตระกูลอูก็จะเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอยู่ในอันดับต้นทีเดียวบริเวณรอบ ๆ ลานกว้างมีเรือนยกพื้นสูงอยู่เป็นจำนวนมาก นั่นน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลอูส่วนตรงกลางลานกว้างมีแท่นบูชาอยู่ และด้านหลังแท่นบูชาก็คืออาคารที่มีขนาดใหญ่ราวกับวัง อีกทั้งตัวอาคารทั้งหมดก็เปล่งประกายแสงสีทองอ่อนอีกด้วยขณะที่พวกหลิงอวี๋เดินผ่านลานกว้างไป นางก็เห็นคนจำนวนมากในเรือนยกพื้นสูงเหล่านั้นกำลังจ้องมองพวกตนอยู่พวกเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นอยู่ข้าง ๆ ลานกว้างต่างก็เปลือยครึ่งตัว มีเพียงส่วนสำคัญเท่านั้นที่ใช้ผ้ามาปกปิดไว้นี่มิใช่เพราะพวกเขายากจนเสียจนไม่มีอาภรณ์ใส่ แต่เป็นธรรมเนียมประเพณี“คุณหนู ที่ก้นของคนผู้นั้น…”เถาจื่อมิได้มีความสามารถในการควบคุมตนเช่นหลิงอวี๋และเผยอวี้ เมื่อเห็นเด็กเหล่านั้นนางจึงมองไปแล้วก็เห็นในบรรดาเด็กเหล่านั้นมีเด็กคนหนึ่งสวมเพียงกางเกงแบบที่เปิดตรงเป้า และที่หลังก้นก็มีหางห้อยลงมา นางจึงตกใจกรีดร้องออกมา“หาง!”ยังมิทันที่จะได้ตะโกนออกมา ก็ถูกหลิงอวี๋ปิดปาก
หลิงอวี๋เดินตามสตรีสวมหน้ากากขึ้นไปบนเรือนยกพื้นสูง มิรู้เช่นกันว่าเรือนแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยใด แต่ว่ามันแข็งแกร่งดุจหินผา และไม้กระดานใต้ฝ่าเท้าก็เช็ดถูจนสะอาดเป็นเงางามเช่นกันในทุกระยะสิบกว่าเมตรของทางเดินจะมีนางรับใช้สวมหน้ากากยืนอยู่หนึ่งคน พวกนางทั้งหมดสวมชุดสีขาว นอกจากส่วนสูงและน้ำหนักแล้ว ก็มิอาจแยกแยะได้เลยว่าใครเป็นใครตามทางเดินจะมีกลิ่นของยาโชยมาและมีอีกกลิ่นบางส่วนที่มิรู้ว่าคือกลิ่นอะไรด้วย จึงทำให้หลิงอวี๋รู้สึกว่าอากาศในนี้สกปรกมากกระทั่งเดินไปจนสุดทางก็เป็นประตูบานหนึ่ง ที่ด้านนอกประตูมีสตรีสวมหน้ากากยืนอยู่สองคน และเมื่อพวกนางเห็นทั้งสองคน จึงโค้งความเคารพพร้อมกัน“แม่นางเฟิ่ง!”สตรีสวมหน้ากากที่พาหลิงอวี๋เข้ามาพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นสตรีสวมหน้ากากสองคนก็เปิดประตูให้แม่นางเฟิ่งเดินนำหน้าเข้าไป หลิงอวี๋เองก็เดินตามเข้าไปเช่นกันห้องแห่งนี้ใหญ่โตมาก แต่การตกแต่งก็แปลกประหลาดมาก ตรงคานบนเพดานนั้นมีธงผ้าสีเหลืองแบบโบราณแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก บนธงผ้านั้นมีอักษรที่ดูประหลาดเขียนอะไรไว้มากมายทีเดียวด้านหน้าเป็นแท่นทรงกลม และมีสตรีที่สวมชุดสีขาวนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงก
สตรีศักดิ์สิทธิ์เอ่ยถึงตรงนี้ด้วยสีหน้าจนใจ “คนเหล่านั้นอาศัยอยู่บนภูเขากันมาเป็นเวลานาน ทั้งยังมีความคิดซื่อบริสุทธิ์ จึงมิได้สงสัยว่าอวี๋หลานโกหก!”“พวกเขาล้วนเชื่อคำโกหกของอวี๋หลาน บอกกันว่าข้าเป็นแม่มด ข้าสาปแช่งพวกเขา และต้องการจะจับตัวข้าไปเผาสังหารข้าเสีย!”“หลิงอวี๋ คนตระกูลข้าถูกพวกเขาลอบโจมตีอยู่บ่อยครั้ง ในช่วงสิบปีนี้จำนวนคนจึงลดน้อยลงเรื่อย ๆ”“ข้าเคยคิดว่าจะละทิ้งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด และมอบภูเขาศักดิ์สิทธิ์ให้กับอูอวี๋หลานไปเสีย จากนั้นก็จะพาคนของข้าลงจากภูเขาไปหาแนวทางกันใหม่ แต่พวกเขาล้วนมิยอม!”“พวกเขาอาศัยอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์กันมาหลายชั่วอายุคน จึงมิยินดีที่จะไปจากแผ่นดินแห่งนี้!”หลิงอวี๋เข้าใจความคิดของคนเหล่านี้ หากมิได้ถึงขั้นจำใจต้องทำ ใครจะอยากจากบ้านเกิดไปเริ่มต้นใหม่ในสถานที่ที่มิคุ้นเคยกันเล่า!“ข้าสามารถช่วยอะไรได้บ้าง?”หลิงอวี๋นึกถึงเด็กที่ไม่มีความผิดอะไรเหล่านั้น บิดามารดาทอดทิ้งพวกเขาไป คงจะคิดว่าพวกเขาตายไปแล้วอย่างแน่นอนหากอูอวี๋หลานได้ครอบครองแผ่นดินแห่งนี้ นางจะต้องสังหารเด็กทั้งหมดนี้เป็นแน่“ช่วยข้าช่วยอูจิ่งออกมาที!”เมื่อสตรีศัก
สตรีศักดิ์สิทธิ์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “แน่นอนว่าย่อมทำนายมิได้อยู่แล้วว่าเจ้าจะมีนามว่าอันใด แต่สามารถทำนายได้ว่าจะมีคนที่เกิดมาเพื่อฝ่าด่านเคราะห์ร้ายและจะมาที่ใต้หล้าแห่งนี้!”“เจ้าเป็นลูกหลานของตระกูลหลง ทั้งยังเป็นคนที่มีเส้นชีวิตถึงสามเส้นอยู่ในฝ่ามืออีก ที่สำคัญกว่านั้น ก็คือ หยกหล้าสุขาวดีอยู่ในตัวของเจ้า!”“หลงอวี๋ เจ้าเกิดมาเพื่อฝ่าด่านเคราะห์ร้าย มาเพื่อช่วยตระกูลสตรีศักดิ์สิทธิ์ และช่วยคนทั้งใต้หล้า!”ก่อนหน้านี้เย่ซงเฉิงก็เคยบอกหลิงอวี๋เช่นนี้ แต่เมื่อหลิงอวี๋ได้เห็นภาพน่าสังเวชที่ดูรกร้างย่ำแย่ในภาพลวงตา แต่นางมิได้รู้สึกว่าตนมีอะไรยิ่งใหญ่พอที่จะสามารถช่วยคนทั้งใต้หล้าได้“หลงอวี๋ ข้าไม่มีเวลาอยู่กับเจ้าตามลำพังมากนัก พวกเรามาคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเถิด!”สตรีศักดิ์สิทธิ์เอ่ยออกมาอย่างรีบร้อน “พี่หญิงของข้าคือแม่นมอูที่เจ้ารู้จัก นางมิได้ตกอยู่ในมือของข้า แต่ตกอยู่ในมือของอวี๋หลาน!”“อย่าเรียกข้าว่าหลงอวี๋ ข้าชื่อหลิงอวี๋!”เจ้าแห่งทะเลมิได้เห็นว่าตนเป็นบุตรีของเขา ดังนั้นหลิงอวี๋ก็จะมิยอมรับเขาเช่นกัน“ได้ ๆ หลิงอวี๋ก็หลิงอวี๋ แต่ถึงอย่างไรมิช้าก็เร็วสกุลของเจ้าก็จะต้อง
หลิงอวี๋เดินตามสตรีสวมหน้ากากขึ้นไปบนเรือนยกพื้นสูง มิรู้เช่นกันว่าเรือนแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยใด แต่ว่ามันแข็งแกร่งดุจหินผา และไม้กระดานใต้ฝ่าเท้าก็เช็ดถูจนสะอาดเป็นเงางามเช่นกันในทุกระยะสิบกว่าเมตรของทางเดินจะมีนางรับใช้สวมหน้ากากยืนอยู่หนึ่งคน พวกนางทั้งหมดสวมชุดสีขาว นอกจากส่วนสูงและน้ำหนักแล้ว ก็มิอาจแยกแยะได้เลยว่าใครเป็นใครตามทางเดินจะมีกลิ่นของยาโชยมาและมีอีกกลิ่นบางส่วนที่มิรู้ว่าคือกลิ่นอะไรด้วย จึงทำให้หลิงอวี๋รู้สึกว่าอากาศในนี้สกปรกมากกระทั่งเดินไปจนสุดทางก็เป็นประตูบานหนึ่ง ที่ด้านนอกประตูมีสตรีสวมหน้ากากยืนอยู่สองคน และเมื่อพวกนางเห็นทั้งสองคน จึงโค้งความเคารพพร้อมกัน“แม่นางเฟิ่ง!”สตรีสวมหน้ากากที่พาหลิงอวี๋เข้ามาพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นสตรีสวมหน้ากากสองคนก็เปิดประตูให้แม่นางเฟิ่งเดินนำหน้าเข้าไป หลิงอวี๋เองก็เดินตามเข้าไปเช่นกันห้องแห่งนี้ใหญ่โตมาก แต่การตกแต่งก็แปลกประหลาดมาก ตรงคานบนเพดานนั้นมีธงผ้าสีเหลืองแบบโบราณแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก บนธงผ้านั้นมีอักษรที่ดูประหลาดเขียนอะไรไว้มากมายทีเดียวด้านหน้าเป็นแท่นทรงกลม และมีสตรีที่สวมชุดสีขาวนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงก
นั่นคงมิใช่ไม้จินสื่อหนานใช่หรือไม่?หลิงอวี๋สงสัย เพราะถ้าเป็นไม้จินสื่อหนานจริง ๆ หากเป็นในยุคปัจจุบันตระกูลอูก็จะเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอยู่ในอันดับต้นทีเดียวบริเวณรอบ ๆ ลานกว้างมีเรือนยกพื้นสูงอยู่เป็นจำนวนมาก นั่นน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลอูส่วนตรงกลางลานกว้างมีแท่นบูชาอยู่ และด้านหลังแท่นบูชาก็คืออาคารที่มีขนาดใหญ่ราวกับวัง อีกทั้งตัวอาคารทั้งหมดก็เปล่งประกายแสงสีทองอ่อนอีกด้วยขณะที่พวกหลิงอวี๋เดินผ่านลานกว้างไป นางก็เห็นคนจำนวนมากในเรือนยกพื้นสูงเหล่านั้นกำลังจ้องมองพวกตนอยู่พวกเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นอยู่ข้าง ๆ ลานกว้างต่างก็เปลือยครึ่งตัว มีเพียงส่วนสำคัญเท่านั้นที่ใช้ผ้ามาปกปิดไว้นี่มิใช่เพราะพวกเขายากจนเสียจนไม่มีอาภรณ์ใส่ แต่เป็นธรรมเนียมประเพณี“คุณหนู ที่ก้นของคนผู้นั้น…”เถาจื่อมิได้มีความสามารถในการควบคุมตนเช่นหลิงอวี๋และเผยอวี้ เมื่อเห็นเด็กเหล่านั้นนางจึงมองไปแล้วก็เห็นในบรรดาเด็กเหล่านั้นมีเด็กคนหนึ่งสวมเพียงกางเกงแบบที่เปิดตรงเป้า และที่หลังก้นก็มีหางห้อยลงมา นางจึงตกใจกรีดร้องออกมา“หาง!”ยังมิทันที่จะได้ตะโกนออกมา ก็ถูกหลิงอวี๋ปิดปาก
หลิงอวี๋มาที่เมืองหลวงแดนเทพได้สักพักหนึ่งแล้ว นางรู้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลอูเป็นการดำรงอยู่ที่เหนือกว่าตระกูลใหญ่ ๆ หลายตระกูลเนื่องจากพวกนางได้ปกป้องภูเขาศักดิ์สิทธิ์มารุ่นแล้วรุ่นเล่า และควบคุมเครื่องยาสมุนไพรชั้นยอดอันล้ำค่าที่เหล่าบรรดาตระกูลใหญ่และผู้บำเพ็ญตนในแดนเทพต้องการ ดังนั้นตระกูลเหล่านี้จึงเคารพพวกนางมากอีกทั้งนี่ยังทำให้เกิดเป็นตระกูลสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทำตัวสูงส่งมิเห็นหัวใครและอวดดีอีกด้วยแต่ก็เช่นเดียวกับที่ตระกูลหลงนั่งอยู่อย่างมั่นคงในแผ่นดินของแดนเทพมาหลายร้อยปีนี้ พวกตระกูลใหญ่เหล่านั้นก็มิได้ให้ความเคารพต่อตระกูลสตรีศักดิ์สิทธิ์เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปเหล่าตระกูลใหญ่ส่วนมากต่างก็รู้สึกว่าเครื่องยาสมุนไพรของภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ฟ้าดินประทานให้ทุกคน เหตุใดจึงต้องให้ตระกูลหลงและตระกูลอูเป็นผู้ควบคุมและจัดสรรให้ทุกคนด้วยเล่า?ในตอนนี้เมื่อได้ยินมู่ตงบอกว่าตระกูลอูมิได้เห็นฮองเฮาและท่านหญิงอยู่ในสายตา หลิงอวี๋ก็รู้สึกเป็นห่วงตระกูลอูขึ้นมาการยั่วยุอำนาจจักรพรรดิและตระกูลใหญ่เหล่านั้นเช่นนี้ ต่อให้ตระกูลอูจะปกป้องภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ แต่ในท้ายที่สุด
กลุ่มของหลิงอวี๋รีบมุ่งตรงไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างรีบร้อน เผยอวี้เอ่ยถามออกไป “พี่หญิงหลิงหลิง เหตุใดเจ้าแห่งทะเลจึงปล่อยท่านออกมาง่ายดายถึงเพียงนี้เล่า?”“ก่อนหน้านี้พวกเราคิดว่าต่อให้นำพระราชโองการจากฮองเฮามา เจ้าแห่งทะเลอาจจะมิปล่อยท่านออกมาก็เป็นได้!”“ข้ายังมีประโยชน์กับเขาอยู่ ตอนนี้เขาทำอะไรข้ามิได้ และมิอาจสังหารข้าได้ด้วย จึงได้ปล่อยข้าออกมา!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาเรียบ ๆ “แต่เจ้าแห่งทะเลรู้ตัวตนของข้าแล้ว เขาน่าจะมีแผนสำรองอยู่!”หลังจากเถาจื่อขึ้นรถม้าก็มิได้พูดอะไรทั้งนั้น จิตใจของนางค่อนข้างอ่อนล้า หลังจากพักผ่อนไปสักพักหนึ่งจึงรู้สึกดีขึ้นแต่หลิงอวี๋และเผยอวี้ต่างก็มิได้สังเกตว่า สายตาที่เถาจื่อมองพวกเขานั้นค่อนข้างแปลก ทั้งยังแฝงความเกลียดชังอยู่ในนั้นด้วย“เช่นนั้นทางที่ดีพวกเรารีบไปจากแดนเทพกันเถิด!”วิกฤตในวันนี้ ทำให้เซียวหลินเทียนและเผยอวี้ตระหนักถึงอันตรายของการอยู่ในแดนเทพต่ออำนาจของพวกเขาในแดนเทพนั้นมิอาจเทียบกับเจ้าแห่งทะเลได้ พลังก็สู้เจ้าแห่งทะเลมิได้ การรีบไปจากแดนเทพต่างหากจึงจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด“ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำอีก เมื่อทำเสร็จแล้วค่
เจ้าแห่งทะเลมองท่านอาสุ่ยอย่างกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ท่าทางของท่านอาสุ่ยดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บภายในจริง ๆ ท่าทางของหลิงอวี๋เมื่อครู่ก็มิได้ดูดีนักการประลองของทั้งสองคนดูเหมือนว่าจะบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย!แต่ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้จริงหรือ?“เจ้าเห็นหรือไม่ว่านางใช้หยกหล้าสุขาวดีอย่างไร?”เจ้าแห่งทะเลซักต่ออย่างมิยอมปล่อยท่านอาสุ่ยส่ายหัว “หม่อมฉันสร้างภาพลวงตาให้หลิงอวี๋ นางเองก็ทำเช่นกันเพคะ นางใช้พลังจิตในการใช้หยกหล้าสุขาวดี ตั้งแต่ต้นจนจบหม่อมฉันมิเคยเห็นหยกหล้าสุขาวดีปรากฏออกมาเลยเพคะ!”“เจ้าแห่งทะเล ท่านเคยตรัสว่าหยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมกับหลิงอวี๋แล้วมิใช่หรือเพคะ?”“หยกหล้าสุขาวดีอยู่ในร่างของนาง นางแค่คิดก็สามารถใช้หยกหล้าสุขาวดีได้แล้ว!”เมื่อท่านอาสุ่ยนึกถึงคำสั่งที่หลิงอวี๋ทิ้งเอาไว้ในจิตของตน นางก็อยากจะให้หลิงอวี๋ตายไปเสียใครจะชอบให้คนที่สามารถทำให้ตนกลายเป็นคนโง่ได้ทุกเมื่อมีชีวิตอยู่กัน!ในเมื่อตนมิสามารถจัดการกับหลิงอวี๋อย่างเปิดเผยได้ เหตุใดมิใช้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลกำจัดภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้เล่า!“เจ้าแห่งทะเล หม่อมฉันคิดว่าท่านไปนำหยกหล้าสุขาวดีของนางมาใ
หลิงอวี๋แย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “หลังจากออกไปแล้ว หากท่านทำตัวดี มิทำเรื่องชั่วช้าอีก ท่านก็จะมีชีวิตสงบสุขไปจวบจนแก่เฒ่า!”“แต่หากท่านกล้าไปร่วมมือกับคนชั่วแล้วมาหาเรื่องข้าอีก ทะเลทรายแห่งนี้ก็จะเป็นสถานที่ฝังศพของท่าน!”“เจ้าทำอะไรกับข้า?”ท่านอาสุ่ยเอ่ยถามขึ้นมาอย่างแปลกใจและสงสัย“ท่านเชี่ยวชาญวิชาดูดกลืนวิญญาณ ก็น่าจะรู้ว่าข้าสามารถทิ้งคำสั่งไว้ในจิตสำนึกของท่านได้ หากมิไปกระตุ้นคำสั่งนี้ ก็จะไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น!”“ทว่าหากไปกระตุ้นมัน ท่านก็จะกลับมาอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้อีกครั้ง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างมีความหมาย “นี่นับว่าเป็นการลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ท่านให้ข้าเรียกท่านว่าแม่!”ท่านอาสุ่ยตกตะลึง แต่นางมิได้แข็งแกร่งเท่าหลิงอวี๋ แม้ว่าจะมิพอใจกับวิธีการนี้ของหลิงอวี๋แต่ก็มิอาจต่อต้านได้“ออกไปเถิด ท่านเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรบอกกับเจ้าแห่งทะเลว่าอย่างไร!”หลิงอวี๋จึงเปลี่ยนความคิดในใจ จากนั้นท่านอาสุ่ยและนางก็ออกจากภาพลวงตามาสู่ความเป็นจริงทั้งสองคนต่างก็ล้มลงไปกับพื้นพร้อมกันการประลองพลังจิตครั้งนี้สิ้นเปลืองพลังของทั้งสองคนไปเป็นอย่างมาก แม้ว่าหลิงอวี๋จะชนะ แต่ปฐม
หลิงอวี๋มิได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกเลยแม้แต่น้อย นางและท่านอาสุ่ยยังคงต่อสู้กันอยู่ในภาพลวงตาพลังของท่านอาสุ่ยสูงกว่าของหลิงอวี๋ ดังนั้นหลิงอวี๋จึงต้านอย่างยากลำบากมากขณะที่หลิงอวี๋กำลังจะต้านมิอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็นึกถึงหยกหล้าสุขาวดีขึ้นมาเย่ซงเฉิงเคยบอกไว้มิใช่หรือว่า หยกหล้าสุขาวดีนี้เป็นอาวุธวิญญาณที่เหนือกว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ ความลับของมันมีเพียงตนเท่านั้นที่จะเข้าไปสำรวจได้?ส่วนการสูญเสียความทรงจำสามารถทำให้ตนละทิ้งข้อจำกัดของอดีต ทำความรู้จักตนเองใหม่อีกครั้ง และไปสำรวจความลึกลับของหยกหล้าสุขาวดีได้!เย่ซงเฉิงสามารถสร้างภาพลวงตาที่ใหญ่โตถึงเพียงนั้นให้ตนได้ นี่มิใช่สิ่งที่พลังของเขาสามารถทำได้แน่นอน!เขาแค่ใช้อิทธิฤทธิ์ของหยกหล้าสุขาวดีของตนมาสร้างภาพลวงตาให้กับตนในเมื่อเขาสามารถใช้ตนกระตุ้นศักยภาพของหยกหล้าสุขาวดีได้ แล้วเหตุใดตนที่อยู่ในฐานะเจ้าของหยกหล้าสุขาวดีจะมิสามารถใช้ได้เล่า?หลิงอวี๋คิดแล้วก็หลับตาลง จากนั้นในหัวของนางก็ตั้งสมาธิแน่วแน่นึกถึงทะเลทรายในชั่วพริบตาบริเวณรอบ ๆ ก็เป็นทะเลทรายทั้งหมด ทะเลทรายสีเหลืองทองนั้นกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แล้วนางก็