Masukในที่สุดสวรรค์ก็ประทานพรแก่คนเขลา เกิดใหม่ครั้งนี้นางได้สวมร่างสตรีผู้มากวาสนา และด้ายแดงร้อยใจนางไว้กับบุรุษถึงสองคน หนึ่งคือพ่อเลี้ยงอดีตสามี อีกหนึ่งคือบิดาของสตรีที่เป็นหนามหัวใจในชาติก่อน...
Lihat lebih banyakและฝ่ายนางกลั่นแกล้งเขาคืน เรื่องนี้คงกล่าวได้เช่นนั้น “น้องหญิง... เจ้ากำลังท้าทายข้า” เขาบอกอย่างนั้น แล้วร่วมมือกับเหวินมู่ถังพานางลงไปแช่น้ำพุร้อน ที่อุ่นกำลังดี ยามนี้นางถูกอุ้มและหันหน้าเผชิญกับเซี่ยสิงหาวโดยที่ความแข็งขันอยู่ในกลีบสวาท ด้านหลังเป็นเหวินมู่ถังที่อุ้มนางเอาไว้ เขาสอดแขนไว้ใต้ข้อพับขาทั้งสองข้างของนาง ดังนั้นเนินเนื้อสาวจึงประจักษ์ตรงหน้าเซี่ยเหวินถัง และเขากำลังเสือกแก่นกายเข้าออกด้วยความสำราญใจ ส่วนทางด้านหลัง จมูกกับปากของเหวินมู่ถังก็ไม่หยุดที่จะเล่นสนุกกับผิวกายนาง ดังนั้นอวี้เพ่ยเอ๋อร์จึงเดี๋ยวครางเดี๋ยวส่งคำสบถอย่างลืมตัว “หาวต้าเกอ ทะ ท่าน... อยากพ่นน้ำใส่ข้าหรือไม่ ทั้งข้างในนั้น ที่ใบหน้า แล้วก็แตกล้นปาก” เซี่ยสิงหาวไม่ตอบ หากเป็นเหวินมู่ถังที่ตำหนินางว่า “คนมักมาก... ยามที่ข้าทิ่มแทงเพ่ยเอ๋อร์ ไฉนถึงสำออย และร้องเจ็บอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเป็นเขา ใต้เท้าเซี่ย เจ้ากับครวญครางร้องขอให้เขาทำสิ่งต่างๆ ไม่หยุดปาก” อวี้เพ่ยเอ๋อร์อับอาย และต้องยอมรับแต่โดยดีว่า ของลับเหวินมู่ถังใหญ่เกินไป อีกทั้งเขาใช้แรงราวกับม้
อวี้เพ่ยเอ๋อร์กำลังหัวหมุน เมื่อนางลงจากม้าตัวโตได้ก็ถูกจับจูงมือมายังบ่อน้ำพุร้อน คราแรกเซี่ยสิงหาวจะอุ้มนาง แต่หญิงสาวอยากเดินชมบรรยากาศไปด้วย และยามนี้เป็นเวลาเท่าใด ฟ้ามืดแล้วแต่มีแสงสว่างจากดวงจันทร์นำทาง และนางภาวนาว่า ขอไม่ให้มีผู้ใดมาพบเห็นนาง ด้วยกำลังถูกคนตัวสูงที่แสนหล่อเหลาเอาอกเอาใจสารพัด มือเขาสัมผัสเรือนร่างนางอย่างสิเน่หา จมูกก็ซุกไซ้ซอกคอ ติ่งหู ก้าวไปได้อีกเล็กน้อย ก็รั้งเอวนางไว้แล้วบดเบียดริมฝีปาก พร้อมกับสิ่งลิ้นสากร้อนเข้าไปกวาดข้างใน อวี้เพ่ยเอ๋อร์ร้อนฉ่า นางครางเสียงหวาน และบีบท่อนแขนกำยำของเขาบอกให้รู้ว่า นางก็ปรารถนาจะปรนนิบัติเขาเช่นกัน ซึ่งปกติเขาไม่ได้หวานกับนางเช่นนี้ ไม่มีการเล้าโลมที่ชวนให้สั่นสะท้าน หากยามนี้เซี่ยสิงหาวเปลี่ยนไป เขาดูเหมือนเด็กหนุ่มที่พบหญิงสาวถูกใจ และกำลังจะมีครั้งแรกกับนาง บุรุษรูปงามตังสูง ใบหน้าอ่อนกว่าวัยมาก ยามนี้หากนางบอกว่ากำลังคลั่งเขา ก็คงไม่เกินเลยสักนิด โอ้ มือเขา ปากนุ่มนิ่ม แล้วก็ท่อนลำที่ผงาดล้ำนั้น ทำให้นางสะท้านไปทั้งร่าง เซี่ยสิงหาวไม่สนใจเสื้อผ้าของตน เขาถอดมันออก และ
อวี้เพ่ยเอ๋อร์ถูกส่งตัวออกจากพิธีบรวงสรวงโดยเป็นคำสั่งของม่านกุ้ยหนิง ไม่มีคนของนางติดตามมา อันที่จริงหญิงสาวห่วงเหลียวจูและฉีหนวน อย่างไรพวกนางก็ให้ความช่วยเหลืออวี้เพ่ยเอ๋อร์ในช่วงที่อยู่จวนเซี่ยเป็นอย่างดี ในช่วงที่กำลังจะถูกคลุมศีรษะและจับขึ้นรถม้า นางได้เห็นเหลียวจูพอดี ฝ่ายนั้นได้ส่งสัญญาณบางอย่างมา ซึ่งแปลความหมายได้ว่า แม่บ้านกับสาวใช้จะปลอดภัยแน่นอน รถม้าเคลื่อนออกมาไกล ด้วยถูกผ้าคลุมศีรษะเอาไว้ อวี้เพ่ยเอ๋อร์จึงยากคาดเดาได้ว่าตนอยู่ที่ใด เวลาก็ไม่แน่ชัด หากประเมินว่าตะวันคงตกดินแล้ว กระทั่งนางถูกพาตัวลงจากรถม้า สถานที่แห่งนั้นวังเวง เงียบ ทั้งมีอากาศเย็นชื้น ฝ่ายนางไม่อาจคาดเดาสิ่งใด จิตใจหวั่นวิตก นางเมื่อยทั้งตัว และยังหิว เรื่องที่เกิดขึ้นมันช่วยไม่ได้ที่จะทำให้อวี้เพ่ยเอ๋อร์ปลงต่อชีวิต “แม่นาง มีสิ่งใดต้องการสั่งเสียหรือไม่” เสียงที่ดังขึ้น แม้จะชวนให้ขวัญเสีย แต่อวี้เพ่ยเอ๋อร์ผ่านหลายสิ่งมาในเวลาจำกัด เรียกได้ว่าหากต้องสิ้นลมหายใจตอนนี้ก็คงไม่เสียดาย อีกอย่างชายพวกนี้ มองอย่างไรก็ประเมินได้ว่า เป็นเพียงลูกน้องชั้นปลายแถว คงทำได้แค่ขู่เท่า
อวี้เพ่ยเอ๋อร์ไม่รู้จักอ๋องเสอ คนผู้นี้คือม่านเสอ และจู่ๆ ก็ก้าวตามติดนาง นับแต่หญิงสาวแยกตัวมาหามุมสงบๆ พักใจ พอจะกลับเข้าไปพื้นที่งาน เขากางมือทั้งสองข้างแสดงท่าทางอยากขัดขวางนางเอาไว้ “เป็นเจ้านั่นเอง นึกไม่ถึงว่าจะงดงามเช่นนี้” “ขออภัยด้วย ข้าต้องเข้าไปรอสามีด้านใน ไม่สะดวกคุยกับผู้ใดทั้งสิ้น” “เหลวไหล ข้าคนนี้ กำลังจะเป็นสามีใหม่ให้เจ้า เยี่ยงนี้ยังจะเสนอหน้าไปที่อื่นได้หรือ” ม่านเสอกล่าวอย่างนั้น และพออวี้เพ่ยเอ๋อร์มองไปเบื้องหลังต้น เห็นว่าแม่บ้านเหลียวถูกจับตัวไว้ อีกทั้งใบหน้านางมีรอยแดงปื้นใหญ่ คนพวกนี้ใช้กำลังทำร้ายคนของนาง แสดงความป่าเถื่อนยิ่งนัก “อย่าทำเรื่องให้ใหญ่โตเลย ข้ามาพิธีบรวงสรวงในนามของสามี และไม่คิดก่อเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น” “หึๆ ๆ เจ้าคงเป็นคนเมืองอื่น ถึงไม่รู้ว่างานนี้ มีการจับคู่ สร้างกระโจมไว้ให้พลอดรัก และต่อขาเติมแขนให้เด็กๆ เกิดมาไวๆ แคว้นซีฉางนิยมให้มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง ดังนั้นการจัดงานขึ้นก็เพื่อส่งเสริมเรื่องนี้” อวี้เพ่ยเอ๋อร์ไม่ได้ศึกษาพิธีบรวงสรวงให้ละเอียด แต่นางพอจะคาดเดาได้ว่า การมีกระโจมใหญ่น้












Ulasan-ulasan