ในที่สุดสวรรค์ก็ประทานพรแก่คนเขลา เกิดใหม่ครั้งนี้นางได้สวมร่างสตรีผู้มากวาสนา และด้ายแดงร้อยใจนางไว้กับบุรุษถึงสองคน หนึ่งคือพ่อเลี้ยงอดีตสามี อีกหนึ่งคือบิดาของสตรีที่เป็นหนามหัวใจในชาติก่อน...
더 보기“คนบ้าแซ่เฉิง และชายสัปดนแซ่สวี พะ พวกท่าน ล้วนรังแกข้า” นางเอ่ยแล้วก็สูดปากส่งเสียงอู้อ้า ราวกับกินของเผ็ดและร้อนจัดร่างกายงดงามซ่านสยิว ทั้งรู้สึกว่าตนกำลังจะจับไข้ ส่วนลำตัวประหนึ่งจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยกำลังรองรับความใหญ่โตของบุรุษ
“ฮึ ขะ ข้าไม่ยอมให้พวกท่านทั้งคู่ หลั่งในร่างกายนี้แน่นอน”
ปากบอกไปอย่างนั้น แต่จางเหยากับบีบรัดท่อนเนื้อเฉิงเซ่าเทียนไม่หยุด ในยามนั้นสวีเกาหานมันเขี้ยว เขาเลยใช้นิ้วยาวๆ ล้วงเข้าในโพรงปากนาง แล้วสั่งให้จางเหยาดูดและขบกัด
“เล่นกับนิ้วข้าไปก่อน พอเปลี่ยนท่าใหม่ เหยาเหยาจะได้ครอบครองแท่งหยกแห่งแคว้นเหลียงแต่เพียงผู้เดียว”
*********************
แนะนำก่อนอ่านเรื่อง
นิยายแบ่งเป็นสามช่วงเวลา
***********************
ชาติก่อน (อดีต) ร่างเหวินซืออี้คนเดิม
ชาติย้อนเวลา ร่างจางเหยา
ชาติปัจจุบัน ร่างเหวินซือคนอี้ใหม่
***********
หนังสือหย่าที่เขียนด้วยเลือด
ชาติก่อน แคว้นเหลียง
ณ ป้อมสังเกตการณ์เมืองไฉ
ห่างจากเมืองหลวงราวๆ สามร้อยลี้
สายลมวูบใหญ่พัดผ่านร่างเหวินซืออี้ นางจึงหลับตาหลบฝุ่นผง กระทั่งลมสงบก็ลืมขึ้นอย่างช้าๆ แล้วกวาดมองไปทั่วงานแต่งที่จัดขึ้นอย่างฉุกละหก
ถึงจะดีใจที่มีได้มีวันมงคลและสวมชุดเจ้าสาว แต่ลึกๆ นางครั่นคร้ามใจ ทั้งมีลางสังหรณ์ในแง่ร้าย ราวกับวันนี้ต้องพบเรื่องไม่คาดฝัน ถึงอย่างนั้นสตรีผู้นี้ก็ดื้อดึง อยากให้งานมงคลของตนเดินหน้าจนสมบูรณ์ นั่นเป็นเพราะมันสำคัญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า หญิงสาววางมือที่หน้าท้องตน ลูบแผ่วเบา พร้อมคิดถึงเรื่องราวที่จะเชื่อมนางกับเจ้าบ่าวไว้ด้วยกัน
ยามนั้นผู้คนที่กำลังส่งเสียงเฮ สลับการเป่าปาก นางล้วนไม่รู้จัก ทั้งที่พวกเขามาร่วมแสดงความยินดีในการเข้าหอของนางกับเจ้าบ่าวผู้องอาจ หลายคนเริ่มเมามาย เมื่อเหวินซืออี้ใคร่ครวญถึงเรื่องที่ผ่านมา จึงตระหนักได้ว่า ตนทั้งเยาว์วัยและโง่เขลา มันคือเรื่องจริงที่นางหลอกตัวเอง กระทั่งเป็นเวลานี้ หญิงสาวได้ประจักษ์แจ้งต่อความจริง
ด้วยความที่เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของสกุลเหวิน บิดาผู้เป็นเถ้าแก่ร่ำรวยของเมืองซีหาน เลี้ยงดูนางราวกับไข่ในหิน ส่วนมารดารักและทนุถนอมยิ่ง สิ่งใดที่ลำบากก็ไม่ให้ทำ งานเย็บปักหรือดนตรี นางล้วนไม่ได้เรื่อง นั่นเป็นเพราะเด็กๆ ป่วยกระเสาะกระแส พอเริ่มโตมีนิสัยรักสบาย ฝ่ายบิดากับมารดาไม่เข้มงวด นางจึงเป็นเพียงคุณหนูในห้องหอ กระทั่งอายุได้สิบสามปี มีโอกาสศึกษาความรู้กับอาจารย์เฉิง (เฉิงเซ่าเทียน) คนสำคัญผู้เป็นเสมือนเสารักของแผ่นดินในยามนั้น และนั่นจึงเป็นเหตุให้นางประสบปัญหาเรื่องรักแรกพบกับลูกบุญธรรมอีกฝ่าย จนมิอาจถอนใจ ความรักของนางบ่มเพาะอยู่พักใหญ่
สุดท้ายก็เป็นเหวินซืออี้ ที่แอบติดตามชายหนุ่ม เดินทางไปมาหลายที่สุดท้ายก็ถึงเมืองไฉ กล่าวได้ว่าแรกเริ่มคือรักข้างเดียว กระทั่งนางทำในสิ่งที่ปรารถนาสำเร็จ เมื่อเขาตอบรับสตรีผู้นี้ และตกลงแต่งนางเป็นฮูหยิน ทั้งที่อีกฝ่ายมีสัญญาใจกับสตรีสูงศักดิ์เป็นถึงองค์หญิง แน่นอนเรื่องนี้เขาปิดปังนางไว้ กลัวเหวินซืออี้จะเสียใจมากจนคิดสั้น
“ด้ายแดงร้อยใจ เคียงคู่กันจนผมขาว...ยึดมั่นในรักมิเสื่อมคลาย” เสียงทุ้มๆ พร้อมจุมพิตลึกซึ้ง เป็นสิ่งย้ำเตือนให้นางรู้ว่า เลือกบุรุษที่จะเป็นคู่ชีวิตไม่ผิด
เหวินซืออี้ดึงตนกลับมาต่อเหตุการณ์เบื้องหน้า ในวันนี้นางคือเจ้าสาวของแม่ทัพหนุ่ม ทว่าหัวใจดวงน้อยหดเกร็ง ร่างงดงามสั่นสะท้าน มีดสั้นในมือนางที่ถือไว้เจียนจะล่วงหล่นลงจากมือ ทว่ามันคือสิ่งเดียวที่จะยืนยันว่านางกล้าหาญพอ ที่จะต่อรองกับคนที่นางมอบหัวใจให้เขาทั้งดวง
“แต่เดิมข้าอยากเป็นภรรยาของคนผู้เดียว และผูกผมครองรักชั่วนิรันดร์ ทว่าวันนี้ได้รู้ซึ้ง หัวใจคนยากแท้หยั่งถึง หากเฟิงเกอยืนยันที่จะก้าวขาไปจากที่นี่ จงเขียนหนังสือหย่าขาดกับข้าเสียก่อน จากนั้นเราย่อมไม่มีสิ่งใดติดค้างต่อกัน”
“หึๆ หย่า เสี่ยวอี้ เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เรายังไม่ทันเข้าพิธีด้วยกันเสียด้วยซ้ำ”น้ำเสียงของชายหนุ่มเปลี่ยนไป สีหน้าเขาก็เครียดจัด ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการมาถึงของคนผู้นั้น ซึ่งทำให้บุรุษที่เคยให้สัญญากับนางไว้มีท่าทีเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
คำว่าจะร่วมทุกข์ และสุขด้วยกันจนผมขาว...ย่อมไม่มีอยู่จริง
เซียวหัวเฟิงกลายเป็นชายไร้สัจจะ กล่าวคำโป้ปด เพื่อเขาจะได้ครอบครองหัวใจนาง ส่วนนางทำผิดต่อทุกคน ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือ มันไร้ค่าไม่มีความหมายสักนิด
“หย่า ข้าต้องการหนังสือหย่าขาดจากท่าน ใช้เลือดของท่านเขียนมันขึ้นมาเสีย และข้าจะยอมให้ท่านจากไป”
เหวินซืออี้ไฉนจะคิดท้าทายเขา มันคือเรื่องที่นางไม่อยากให้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ ทว่าภาพต่อจากนั้น ดวงตานางเบิกค้าง เมื่อเห็นเขากัดปลายนิ้วชี้ตน แล้วเขียนข้อความลงไปด้วยเลือดสดๆ
“นับแต่นี้ ข้าเซียวหัวเฟิงกับเหวินซืออี้ ไม่มีสิ่งใดข้องเกี่ยวกัน ตราบชั่วชีวิต”
หัวใจนางแทบหยุดเต้น แต่เหวินซืออี้ก็ฝืนยิ้ม ก่อนจะหัวเราะเสี่ยงขื่น ถึงยามนั้นอยากเอ่ยรั้งเขาไว้ ทว่าเสียงของนางกลับไม่เล็ดรอดออกจากริมฝีปากซึ่งถูกกัดและมันอาบไปด้วยเลือดที่เป็นพิษ!
พวกเขาเลยต้องหาเจ้าสาวสักคนแต่งไปเป็นฮูหยินใต้เท้าเซี่ย ซึ่งแม้ชิงถงจะหวงหาและพิศวาสอวี้เพ่ยเอ๋อร์มากอย่างไร ทว่าเขารักตัวกลัวตายยิ่งกว่า ดังนั้นที่ทำได้ตอนนี้คือวางยานางให้สูญเสียความทรงจำชั่วขณะ แล้วย้อมแมวให้ปลอมตัวเป็นเจ้าสาวที่มีชื่อว่า จ้าวรั่วรั่ว เสียงบ้านแม่เหลียวดังขึ้นก่อนใคร ตามด้วยสาวใช้ฉีหนวนกับบ่าวชายที่อยู่ด้านหลัง “แม่บ้านเหลียว มั่นใจหรือว่า นี่คือเจ้าสาวที่จะพาไปส่งใต้เท้าเซี่ย!” บ่าวชายถาม แม้เขาอยู่ห่างออกไป แต่เหมือนจะพบพิรุธหลายอย่าง “ใช่หรือไม่ ข้าย่อมล่วงรู้กว่าผู้ใด อีกอย่าง มิเห็นหรือว่านางมีเสื้อคลุมเจ้าสาว ผ้าคลุมหน้าก็ใช่ มิหนำซ้ำยังได้รับบาดเจ็บ หากข้าคาดการณ์ไม่ผิดคงหนีตายมา แล้วหลบซ่อนตัวในบ้านร้างหลังนี้” เหลียวจูเอ่ย พลางสำรวจรูปร่างของอวี้เพ่ยเอ๋อร์ และนางชอบใจเป็นอย่างมาก สตรีผู้นี้ผิวขาวอมชมพู เอวคอด หน้าอกที่อยู่ในเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น เห็นได้ชัดว่าอวบสวย นางเหมาะเป็นแม่พันธุ์โดยแท้ ฝ่ายอวี้เพ่ยเอ๋อร์ ที่ถูกมีดแทงเข้าหัวไหล่ ทั้งยังมีพิษเคลือบอยู่ทำให้นางอ่อนเพลีย มิหนำซ้ำมันให้สตินางหลงลืมชั่วขณะ นอกจากนั้นเหลีย
จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อออก และส่งให้นาง “เสื้อตัวนี้ มีกลิ่นเล็กน้อย แต่รับรองสะอาด เจ้าใส่ไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ พี่จะแก้ปัญหาให้เอง” อวี้เพ่ยเอ๋อร์ยื่นมือไปรับเสื้อจากอีกฝ่าย และกลับกลายเป็นว่าชิงถง ดึงมือนางไว้ ก่อนออกแรงมากกว่าเดิม จนนางถูกรั้งเข้ามาหาอกเปลือยเปล่าของเขา “พี่ถง ทะ ท่านต้องการทำสิ่งใด” “อยากสูดกลิ่นหอมๆ ของเจ้า อยากมอบจูบที่เจ้าคู่ควรได้รับ มิใช่การถูกขบ ดูดเม้ม หรือกัดอย่างป่าเถื่อน เยี่ยงสุนัขบ้า” เขาว่าแล้วก็ฉีกเสื้อที่ขาดของอวี้เพ่ยเอ๋อร์ ในตอนนั้น ผิวขาวอมชมพูเผยให้เขาเห็นมากกว่าเดิม “โอ้ใช่แล้ว กลิ่นกายนี้ ความงาม เนื้อนุ่มนิ่มอ่อนหวาน คือสิ่งที่ข้าฝันถึงมานาน” อวี้เพ่ยเอ๋อร์ตัวสั่น นางตกเป็นของเหวินมู่ถังแล้ว และไม่ปรารถนาเป็นของชายใดอีก เพียงแค่นี้ก็ผิดต่อป้ายวิญญาณสามีที่ตายจาก “พี่ถง ข้าชอบความเปิดเผย และความมีน้ำใจของท่าน แต่สตรีผู้นี้ เหมาะสมที่จะเป็นคนที่ท่านอยากให้อยู่เคียงข้างจริงๆ หรือ” ชิงถงไม่เสียเวลาคิด เขาตอบว่า “ให้ฟ้าดินเป็นพยาน ขอให้ข้ากับเจ้าได้เป็นสามีภรรยา ร่วมทุกข์และสุข ด้วยกันตลอดไป” อว
อวี้เพ่ยเอ๋อร์ ยังปวดศีรษะด้านหลัง ทั้งถูกยากล่อมประสาททำให้ มึนงงอยู่มิน้อย กระนั้นการถูกตบอย่างแรง ก็ทำให้นางฟื้นคืนสติ “ลงนามเดี๋ยวนี้!” อวี้เพ่ยเอ๋อร์ไม่ยอมจับปากกา ดังนั้นจึงถูกจับทั้งฝ่ามือ และหัวนิ้วโป้งลงไปในตลับหมึกสีแดงๆ “ไม่... ข้าไม่ยอมให้ทรัพย์สินใด กับคนช่วยอย่างพวกเจ้า” อวี้เพ่ยเอ๋อร์ร้องประท้วง แต่มือนางถูกซ่งหลันบีบเอาไว้ และสุดท้ายก็วางลงในกระดาษแผ่นดังกล่าว “ฮิๆ ๆ ยอมหรือไม่ เรื่องนี้เจ้าไม่สิทธิ์ขัดขืนหรอก” เมื่อได้หนังสือมอบอำนาจของอวี้เพ่ยเอ๋อร์ สิ่งที่ซ่งหลันกระทำก็นับว่าสำเร็จ ยามนั้นนางเกิดความคิดหนึ่งขึ้น มันฉายวาบในหัว จะดีเท่าใด หากให้เหตุการณ์ต่อจากนี้คือ อวี้เพ่ยเอ๋อร์ มีความสัมพันธุ์กับน้องสามี และเพื่อปกปิดความลับ จึงพยายามจะฆ่าอนุผู้ที่กำลังตั้งท้องอย่างซ่งหลัน! ในตอนนั้น ไฟเริ่มลุกลามเข้ามาทีละนิด ความร้อนทำให้ซ่งหลันไม่อาจอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้อีกต่อไป ซึ่งด้านนอกเริ่มมีเสียงเอะอะ โวยวายดังอึงอล “ฮูหยินหม้าย แซ่อวี้ เจ้าอยู่ข้างในหรือไม่!” “แม่นางอวี้... ป้าเจี้ยนมาหา เจ้ารีบออกมาจากเรือนก
อวี้เพ่ยเอ๋อร์เคลิ้มไปกับการนวด และการจูบหนักหน่วง ทั้งลิ้นเรียวเล็กที่เลื่อนไปตามจุดที่ไวต่อการปลุกเร้า แม้นางจะฟื้นจากยาสลบแล้ว หากยามนี้สิ่งที่ได้รับเข้าไปใหม่ คือยากล่อมประสาท และถุงหอมราคะ ซึ่งกระตุ้นให้หญิงสาวร้อนอบอ้าวในกลีบบุปผางาม และนางจะไวต่อสัมผัสของบุรุษเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นเวลาเกือบสามวันสามคืน! ทั้งหมดนี้คือการกลั่นแกล้งของซ่งหลัน ด้วยต้องการให้อวี้เพ่ยเอ๋อร์ถูกย่ำยี และไม่เหลือความภาคภูมิใจต่อตนเองอีกต่อไป ซ่งหลันอยากให้อีกฝ่าย มีชีวิตอยู่ก็เหมือนตาย และกลายเป็นโสเภณี ที่มีตราบาปไปชั่วชีวิต! “นางมิใช่สตรีบริสุทธิ์ อีกทั้งยามที่ข้า ใช้กัวซาไล้วนที่กลีบฉ่ำแฉะนั้น คุณชายเจี่ยง ก็เห็นและได้ยินนางครางเสียงหวานเช่นไร” ซ่งหลันพยายามเหลือเกินที่จะทำให้อวี้เพ่ยเอ๋อร์กหลุดครางเสียงกระเส่าอย่างสตรีไร้ยางอาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวก็ทำให้เจียงเซียนแถบจะโผเข้าไปย่ำยีอวี้เพ่ยเอ๋อร์ เจี่ยงเซียนมองร่างที่นอนบนเตียง และไล้เลียริมฝีปากตน ส่วนมือเขาก็จับเป้า และลูบไปมา เพราะส่วนที่แข็งขันกำลังสู้มือ อยากออกมาสูดอากาศนอกกางเกงเหลือเกิน “ให้ข้าส่ง
ยามเช้าวันนี้อวี้เพ่ยเอ๋อร์แปลกใจอยู่สักหน่อย นั่นเป็นเพราะตั้งแต่เมื่อคืน นางรีบปิดประตูห้องก่อนผล็อยหลับไป รู้สึกตัวก็ฟ้าสว่างแล้ว หญิงสาวสำรวจเนื้อตัว และโล่งใจที่ไม่ถูกข่มเหง กระนั้นก็อดครั่นคร้ามใจมิได้ ด้วยนางคาดว่าตนถูกวางยา! หญิงสาวออกจากห้องนอน ไม่เห็นทั้งซ่งหลัน หรือเจี่ยงเซียน จึงเดินตรวจสอบข้าวของคนทั้งคู่ พบว่าห่อผ้า ทั้งของใช้จุกจิกยังอยู่ครบ นั่นอาจหมายความว่าพวกเขา อาจออกไปข้างนอก จากนั้น อวี้เพ่ยเอ๋อร์ก็แอบไปดูเหวินมู่ถัง ซึ่งเป็นรอบที่สามแล้วแม้ไม่พบเขา อีกฝ่ายหายตัวไปและทำให้นางน้อยใจมาก ด้วยเหวินมู่ถัง ไม่บอกกล่าวสิ่งใด แม้จะเขียนจดหมายแจ้งข่าวคราวก็ยังไม่มี เมื่อมั่นใจว่า เหวินมู่ถึงไม่ได้อยู่ในห้องเก็บฟืน ใจก็เคว้งเหลือเกิน กระนั้นกลิ่นกายของเขาจางๆ ยังลอยอ้อยอิ่งอยู่ในโรงเก็บฟืนนี้ อวี้เพ่ยเอ๋อร์กำซาบถึงความรู้สึก ระหว่างเขากับนาง มือเรียวสวยเผลอลูบไล้ตัวตน ทั้งภายในร่มผ้าร้อนเร่าขึ้น นางยอมรับว่าเมื่อใกล้ชิดเหวินมู่ถัง ความปรารถนาอยากตกเป็นของอีกฝ่ายรุนแรงเหลือเกิน ยามเขาซุกไซ้เรือนกาย ขบเม้มไปจุดที่ไวต่อความรู้สึก ก็ประหนึ่งว่านางได้ขึ้
“เสี่ยวเอ๋อร์... พี่ถง จะทำให้เจ้า ลืมผู้ชายทุกคน เชื่อเถิด น้ำของพี่จะอาบทั้งกลีบเนื้อนี้ และเรือนกายเจ้าจนเปียกชุ่ม” แม้ประหลาดใจที่อีกฝ่ายเรียกตนว่า ‘พี่ถง’ แต่ซ่งหลันก็มิอาจหยุดความต้องการได้แล้ว นางต้องปล่อยให้ศึกรักดุเดือดนี้เดินหน้าต่อไป “บีบรัดกว่าสิ เจ้าเคยทำได้ดีกว่านี้ ข้าเห็นชัดด้วยสองตาของตน!” ซ่งหลันได้ยินอย่างนั้น นางก็อยากเอาใจชิงถง ด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ยามร่วมรักกับเจี่ยงเซียน คนใจทราม และหยาบคาย เขาหาได้เล้าโลมนางไม่ ก็เพียงแค่กระแทกกระทั้น ถ้อยคำหวานใดๆ ก็ไม่เคยปริปากบอก มิหนำซ้ำยังเสร็จคนเดียว ปล่อยให้นางจมอยู่กับความรู้สึกน้อยใจเพียงลำพัง “ข้าทำได้ เชื่อข้าหรือไม่ ข้าทำให้ท่านได้” หญิงสาวว่าแล้ว ก็ร้องเสียงครางหวานจัด และบีบรัดแกนกายของชิงถง ยามนั้นเขาส่งแรงจากสะโพกเข้าไปลึก ทั้งคู่จึงแทบจะปล่อยความสุขออกมาพร้อมกัน “เสี่ยวเอ๋อร์... เจ้าช่างเอาใจเก่ง” ชิงถงเอ่ยจบก็สับสะโพกรัวแรงกว่าเดิม และยามนั้น ร่างหนึ่งที่ไร้อาภรณ์สืบเท้าเข้ามา “ฮ่าๆ ๆ พี่สะใภ้ ออกมากลางค่ำ กลางคืนให้ ผู้อื่นเย่อ ราวกับหมาตัวเมียเช่นนี้
หลังอาหารมื้อค่ำที่ดึกอยู่สักหน่อย เจี่ยงเซียนขอดื่มสุราในห้องโถง อันที่จริงอวี้เพ่ยเอ๋อร์ปฏิเสธแล้ว และบอกว่านางหาได้มีสุราในเรือนหลังนี้แม้แต่ป้านเดียว ทว่าอีกฝ่ายยิ้มร่า บอกว่าเตรียมมาด้วย นอกจากนั้นยังมีกัญชา และฝิ่นใช้สำหรับสูบ ได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวรใจคอไม่สู้ดี นางอยากออกปากไล่เขาไปให้พ้นๆ หน้า ซึ่งยามนี้ฝนหยุดตกแล้ว ทว่าเจี่ยงเซียนหาเหตุผลยกมาอ้างว่าเดินทางเข้าเมืองฮุ่ยลำบากมิน้อย ส่วนซ่งหลันก็เข้านอนไปแล้ว กระทั่งปลายยามห้าย (21.00-22.59น.) ร่างหนึ่งในชุดเสื้อผ้าสตรีทำงานครัวก็ก้าวออกจากเรือนหลังเล็ก ลัดเลาะไปตามกำแพง ก่อนสืบเท้าพ้นประตูด้านหลัง จุดหมายคือบริเวณลำธารสายเล็กๆ ที่ทอดตัวมาจากภูเขาสูง เมื่อนั่งที่หินก้อนใหญ่อย่างผ่อนคลาย สตรีนางนั้นก็แกะชุดด้านในออก มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบหินจากลำธาร ก่อนนำมาถูไถร่างกาย คืนนี้แสงจันทร์มืดอยู่มาก อีกทั้งบริเวณนั้นมีต้นไม้หนาทึบแผ่กิ่งก้านบดบังแสงจันทร์เอาไว้ ผู้ที่แอบซุ่มดูอยู่จึงได้แต่จินตนาการว่า หญิงสาวกำลังทำสิ่งใดกันแน่! อีกทั้งเสียงครวญครางนาง ก็ช่างหวานล้ำ ชวนให้บุรุษเกิดความกระสัน! ชิงถ
เอาเข้าจริงๆ อวี้เพ่ยเอ๋อร์ไม่อยากต้อนรับเจี่ยงเซียน และสตรีอีกคนที่ชื่อซ่งหลัน ฝ่ายนั้นประกาศตัวชัดเจนว่าตนคือ อนุของเจี่ยงซาน โดยเรื่องนี้หญิงสาวไม่ล่วงรู้มาก่อน ที่สำคัญคนทั้งคู่มากับรถม้าคันหนึ่ง เห็นว่ามีสาวใช้รุ่นใหญ่ติดตามมาด้วย แต่แยกตัวออกไป อ้างว่าจะไปพบญาติที่อยู่ใกล้ๆ เมืองนี้ ถึงอย่างนั้นอวี้เพ่ยเอ๋อร์ก็คลางแคลงใจ หนึ่งคือน้องชายสามี อีกหนึ่งเป็นอนุผู้ที่ตายไปแล้ว พิจารณาอย่างละเอียด อย่างไรพวกเขาก็ไม่ควรเดินทางมาด้วยกัน ภายในเรือนหลังเล็ก เมื่อต้องต้อนรับคนแปลกหน้า ยิ่งทำให้อวี้เพ่ยเอ๋อร์เกิดความเครียด ทั้งยังกังวลใจว่า ทั้งคู่อาจเดินทางมาด้วยความประสงค์ร้ายแอบแฝง เจี่ยงเซียนมองสำรวจทุกอย่างในเรือน แม้ไม่ได้กว้างขวาง แต่สะอาดสะอ้าน และเห็นได้ชัดว่า อวี้เพ่ยเอ๋อร์ ไม่ใช่แค่หญิงสาวทั่วไป นางมีฝีมือด้านการปักผ้า ซ้ำยังอ่านหนังสือ และเขียนตัวอักษรได้ดี สตรีเช่นนี้สมแล้วที่พี่ใหญ่ให้แม่สื่อสู่ขอมาเป็นภรรยา ทว่าผิดแต่ครอบครัวนางละโมบ โดยเฉพาะพี่ชายของอวี้เพ่ยเอ๋อร์ที่ ถูกจำคุกในข้อหาหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี ซ้ำยังทำร้ายเจ้าขุนนางของศาล จนเป็นเหตุให้อีกฝ่ายเสียชีวิต
ย้อนกลับมาช่วงต้นของเรื่อง รถม้าที่จางเจี้ยนช่วยหามาให้ใหม่ ใช้เวลานานกว่าปกติ พอส่งอวี้เพ่ยเอ๋อร์ถึงเรือน หญิงสาวก็จ่ายเงิน และมองซ้ายแลขวา เพื่อดูว่ามีผู้ใดเห็นตนหรือไม่ กระทั่งกลับเข้าเรือน สิ่งแรกที่หญิงสาวกระทำคือสำรวจใบหน้างามในกระจกทองเหลือง! นางยอมรับว่า อยากเป็นคนงาม และดูดีที่สุดเมื่อไปพบหน้า คนที่อยู่ในโรงเก็บฟื้น ซึ่งซ่อนตัวเขาไว้หลายวันแล้ว และอวี้เพ่ยเอ๋อร์ ทั้งตื่นเต้น มีความสุขอย่างประหลาด ราวกับยิ่งปิดบังผู้อื่น ทั้งลอบมีความสัมพันธ์กับเหวินมู่ถัง ยิ่งทำให้ร่างกายนี้หวานฉ่ำ ทั้งหัวใจเหมือนพองโตคับแน่นในอก ยามที่เขาเรียกนางว่า ‘เพ่ยเอ๋อร์...’ ก็ชวนให้นางอยากพลีร่างให้เขา ขบ กัดเบาๆ และทำรักอย่างถึงใจ แม้หลายวันที่ผ่านมา ลำคอระหงจะถูกเขาดูดเม้ม และขบเบาๆ หลายหนจนช้ำ หัวไหลกลมข้างหนึ่งมีแผลกัด ทว่านางกับซ่านสยิวกับการกระทำของเหวินมู่ถัง นางปรารถนาเขา อยากพบความสุขที่ชายหญิงพึงปฏิบัติต่อกันไปชั่วชีวิต หญิงสาวเข้ามาในห้องเก็บฟืน และเห็นว่าอีกฝ่ายนอนนิ่งๆ อยู่บนกองฟาง แผลของเขาได้นางช่วยทำความสะอาด หนวดเคราก็เป็นนางโกนให้ เสื้อผ้านางหามาเปลี่ย
댓글