เซียวหลินเทียนยิ้มออกมาอย่างเก้อเขินแล้วเอ่ยไปว่า “ถูกลูกดอกอาบยาพิษมาสองอัน ข้าใช้ยาที่เจ้าให้ไว้แก้พิษไปแล้ว มิเป็นกระไรแล้ว!”หลิงอวี๋ยังคงมีท่าทีมิสบายใจและตรวจสอบเซียวหลินเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้าสุดท้ายนางจึงได้เอ่ยออกมาอย่างมิพอใจว่า “เหมิงหลิงหลิงผู้นั้นก็โชคดีที่เหมิงซินให้นางกินโจ๊กที่นางวางกู่ใจเดียวกันไปแล้ว!”“มิฉะนั้น ข้าจะชิงไปให้หมูกิน ให้นางรักใคร่กลมเกลียวกับหมูไปตลอดชีวิตเสียเถิด!”เซียวหลินเทียนหัวเราะ แล้วยื่นมือไปโอบเอวหลิงอวี๋เอาไว้ พลางเอ่ยหยอกล้อ“หมูจะมีชีวิตยาวนานถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? มิกี่ปีมันก็ตายเสียแล้ว เช่นนั้นกู่ของนางจะมิเสียเปล่าหรือ!”หลิงอวี๋กลอกตา แล้วเอ่ยเจ้าเล่ห์ “เช่นนั้นก็ป้อนให้เต่า แต่เหมิงหลิงหลิงก็มิได้มีชีวิตยืนยาวเท่าเต่าเช่นกัน หากนางตายเร็วเล่า จะมิเป็นการทำร้ายเต่าตัวนั้นหรือ!”เซียวหลินเทียนอดมิได้ที่จะบีบจมูกหลิงอวี๋ และหัวเราะดังลั่น “เหตุใดเจ้าจึงน่ารักเช่นนี้นะ...ช่างเถิด อย่าไปคิดมากถึงเพียงนั้นเลย พวกเรารีบกลับกันเถิด!”ทั้งสองคนจูงมือกัน กระโดดอยู่สองสามครั้ง แล้วหายไปในแสงยามราตรีเหมิงซินมองแผ่นหลังของทั้งสองคนไกลออก
ภาพนี้มิเพียงแต่จะทำให้หลิงอวี๋เห็นแล้วหวาดกลัวจนใจสั่นเท่านั้น เซียวหลิงเทียนเองก็เป็นเช่นกันแต่ครั้งนี้ หลิงอวี๋มิได้คิดจะห้าม เซียวหลินเทียนเองก็นิ่งเงียบเช่นกันบางที นี่อาจจะเป็นบทสรุปที่ดีที่สุดของเหมิงหลิงหลิงก็ได้กระมัง!นางมองทุกสิ่งว่าไร้ค่า มิแยแสความรักลึกซึ้งของเหมิงซิน มิชอบเหมิงซิน ทั้งยังใส่ร้ายเหมิงซินกับสตรีผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นอีก เพื่อนางแล้ว คาดว่าเหมิงซินเองก็ลำบากใจจนมิอาจใช้ชีวิตอย่างปกติได้เช่นกันตอนนี้เหมิงหลิงหลิงยังจะมีเจตนาฆ่าต่อเหมิงซินอีก เหมิงซินมิได้สังหารนางในที่เกิดเหตุนี้ แล้วทำเพียงแค่ให้นางกินโจ๊กที่นางวางกู่ใจเดียวกันไว้เองเช่นนี้เหมิงซินก็หลงเหลือความเมตตาต่อนางไว้แล้วเมื่อเห็นว่าเหมิงหลิงหลิงกินโจ๊กเสร็จแล้ว เหมิงซินก็ยกมือขึ้นกดไปตรงขมับของนาง จากนั้นเหมิงหลิงหลิงก็สลบไปเหมิงซินอุ้มเหมิงหลิงหลิงไว้ แล้วนำตัวนางไปวางไว้บนเก้าอี้อีกด้านหนึ่งหลิงอวี๋ยังมิได้ลงมือ นางอยากดูว่าเหมิงซินจะปฏิบัติต่อเซียวหลินเทียนอย่างไรแล้วก็เห็นเพียงเหมิงซินเดินไปที่ข้างกายของเซียวหลินเทียนอย่างช้า ๆ แล้วมองเซียวหลินเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้าเซียวหลิน
เหมิงซินหัวเราะออกมา “ข้าดีกับเจ้ายิ่งนัก!”“จริง ๆ นะ หลิงหลิง นับตั้งแต่ที่ข้าถูกท่านพ่อบุญธรรมเก็บมาเลี้ยง ข้าก็รู้จักเจ้าแล้ว!”“ข้ามองเจ้าเป็นน้องสาว มีสิ่งใดที่อร่อย หรือสิ่งใดที่น่าสนุก ข้าล้วนหามาให้เจ้าทั้งสิ้น!”“แม้กระทั่งที่เจ้าอยากจับหมาป่ามาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง ข้าเองก็ไปช่วยเจ้าจับโดยมิสนอันตรายเช่นกัน!”เหมิงซินชี้ไปที่แผลเป็นของตนแล้วตะคอกขึ้นมา “เพื่อที่จะช่วยเจ้าจับหมาป่า ข้าจึงได้ถูกแม่หมาป่าตะครุบเสียจนบาดเจ็บ ใบหน้าจึงเสียโฉมเช่นนี้อย่างไรเล่า!”“แต่เจ้า นับจากนั้นเจ้ากลับรังเกียจข้า ทั้งยังดุด่าข้าทั้งในที่ลับที่แจ้งว่าข้าเป็นสัตว์ประหลาดน่ารังเกียจอีก!”หลิงอวี๋ฟังถึงตรงนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจขึ้นมา ที่แท้แผลเป็นนี้ของเหมิงซินก็เกิดขึ้นเพราะจะเอาใจเหมิงหลิงหลิงนี่เองฟังจากถ้อยคำของเหมิงซินแล้ว เขาชอบเหมิงหลิงหลิงจริง ๆ บนใบหน้างดงามของเหมิงหลิงหลิงปรากฏร่องรอยของความดูถูกขึ้นมา ซึ่งสิ่งนี้ทำให้หลิงอวี๋ที่อยู่ด้านบนเห็นได้อย่างชัดเจนหลิงอวี๋ยิ้มเยาะออกมา เหมิงหลิงหลิงยังจะว่าเหมิงซินหน้าเนื้อใจเสืออีก ดูจากท่าทีของนางเช่นนี้แล้ว นางก็มิใช่คนดีอะไรนักนี่
ช่างเป็นสาวน้อยที่งดงามยิ่งนัก!หากเมื่อครู่หลิงอวี๋มิได้ยินมาว่านางคิดจะลงพิษกู่กับเซียวหลินเทียน เมื่อได้เห็นใบหน้าที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนี้แล้ว นางเองก็คงจะรู้สึกชื่นชอบอยู่บ้างทว่าเมื่อล่วงรู้แล้วว่านางมีเจตนาร้ายต่อเซียวหลินเทียน หลิงอวี๋จะยังรู้สึกดีกับนางได้อย่างไร?นางจึงได้แต่เฝ้ามองอย่างเงียบ ๆก็เห็นเหมิงหลิงหลิงยกถาดใบหนึ่งเข้ามา ในถาดนั้นมีโจ๊กผักอยู่เต็มชาม“พี่ชาย ข้านำอาหารมาให้ท่านแล้ว! ท่านคงหิวแล้วกระมัง?”เหมิงหลิงหลิงเดินไปที่ข้างเตียง กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเซียวหลินเทียนยังมิทันได้ลืมตา ก็ได้กลิ่นหอมของโจ๊กผักโชยมาแตะจมูก เมื่อได้ยินคำพูดของเหมิงหลิงหลิง เขาจึงลืมตาขึ้น“พี่ชาย ข้าปลดโซ่ตรวนให้ท่านมิได้ ให้ข้าป้อนท่านเถิด!”เหมิงหลิงหลิงนั่งลงข้างเตียง พลางวางถาดลงแล้วยกถ้วยโจ๊กขึ้นเซียวหลินเทียนยังจำได้ว่า ตอนที่ตนกำลังหิ้วกระต่ายอยู่ ก็พลัดตกลงไปในกับดักโดยมิตั้งใจ เขาพยายามจะเหินกายขึ้นมา แต่กลับถูกเด็กสาวตรงหน้านี้ยิงลูกดอกอาบยาพิษใส่ถึงสองดอกท้ายที่สุดจึงทำให้เขาทั่วร่างอ่อนแรงและหมดสติไป“พวกเจ้าเป็นใครกัน?”เซียวหลินเทียนนึกว่าคนที่จับต
หลิงอวี๋มองมิเห็นว่าในห้องชั้นบนนั้น ป้าเหมิงกำลังร้องไห้อย่างสิ้นหวังนางกุมมือของเหมิงหลิงหลิงไว้แน่น พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า “หลิงหลิง เป็นแม่เองที่ถ่วงรั้งเจ้าไว้!”“หากมิใช่เพราะแม่ เจ้าก็คงจากที่นี่ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว!”เหมิงหลิงหลิงลูบมือของท่านแม่เบา ๆ พลางกระซิบว่า “ท่านแม่ ข้ามีวิธีแก้สถานการณ์นี้แล้วเจ้าค่ะ!”“จะบอกให้นะเจ้าคะ วันนี้ตอนที่ลูกออกไปล่าสัตว์ จับบุรุษผู้หนึ่งมาได้ เขามีวรยุทธ์สูงส่งมาก!”“ขอเพียงลูกเกลี้ยกล่อมให้เขาแต่งงานกับลูกได้ เหมิงซินก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย!”หลิงอวี๋ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับพูดมิออกแม่นางน้อยนี่โง่เง่าหรืออย่างไรกัน นางมิรู้จักเซียวหลินเทียนด้วยซ้ำ แต่กลับกล้าเอ่ยวาจาว่าจะเกลี้ยกล่อมให้เขายอมรับนางเป็นภรรยาให้ได้ยิ่งไปกว่านั้น นางรีบร้อนอยากจะหนีให้พ้นจากการต้องแต่งงานกับเหมิงซิน จึงคิดจะลากใครก็ได้เข้ามาช่วยแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าบุรุษผู้นี้จะดีไปกว่าเหมิงซิน?“ท่านแม่ แต่ลูกกังวลว่าจะควบคุมบุรุษผู้นี้มิได้! ลูกเห็นว่าเขารูปโฉมสง่างาม ท่าทางมิธรรมดา คนเช่นนี้ย่อมมิยอมก้มหัวเชื่อฟังคำสั่งของข้าแน่!”
หลิงอวี๋จ้องมองไปยังจุดที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกัน หลังจากเพ่งมองอย่างตั้งใจ ในที่สุดนางก็มองเห็นคนทั้งสองที่แท้เสื้อคลุมกันฝนบนกายของคนทั้งสองล้วนทำขึ้นจากการเย็บใบไม้เข้าด้วยกัน เมื่อมองดูจึงกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับพุ่มไม้ หากมิสังเกตให้ดีก็มิอาจพบเห็นได้เลย หลิงอวี๋สัมผัสมิได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณจากคนทั้งสองมากนัก ทว่านางก็มิได้ผลีผลามลงมือ ยังคงอดทนรอคอยอย่างใจเย็นเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มลงอีกครั้ง ชายคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่า “พี่รอง กลับกันเถอะ ฟ้าจะมืดแล้ว คงไม่มีใครมาอีกแล้ว!”“ฝนตกจนข้าเปียกไปทั้งตัว ข้ามิอยากล้มป่วยไป!”ชายที่ถูกเรียกว่าพี่รองจึงกล่าว “เช่นนั้นก็กลับกันเถอะ!”ทั้งสองเริ่มเคลื่อนไหวและเดินกลับไปหลิงอวี๋รอจนกระทั่งพวกเขาเดินไปไกลแล้วจึงค่อย ๆ ติดตามไปนางเห็นคนทั้งสองสวมเสื้อกันฝนใบไม้ที่หนาหนัก แต่กลับหลบหลีกกับดักได้อย่างคล่องแคล่วและมุ่งหน้าต่อไปหลังจากเดินมาได้ราวหนึ่งลี้ พวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่สร้างอยู่บนเนินกลางเขาหลิงอวี๋ที่อยู่ด้านหลังเห็นแล้วก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนหน้านี้ชาวบ้านจากหมู่บ้านตงหยางล้วนอาศัยอยู่ในถ้