เรือนเหนียงเฟยเสียงพูดคุยกันจากด้านใน ทำให้จ้าวไฉ่อี้ชะงักเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าเวลานี้จะเหมาะเข้าพบแม่สามีหรือไม่ ด้วยว่ามีแขกอยู่ด้านใน หากนางเข้าไปเกรงจะเป็นการเสียมารยาท“พระชายาเพคะ มิเข้าไปด้านในเล่าเพคะ”สาวใช้ข้างกายแม่สามีได้เอ่ยถาม ในตอนที่หญิงสาวกำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ ซึ่งเป็นจังหวะที่สาวใช้ด้านในเดินออกมาพอดี“รบกวนท่านป้าช่วยเรียนท่านแม่ให้ที”“เพคะ”สาวใช้สูงวัยได้หายเข้าไปด้านในครู่หนึ่ง ก่อนจะออกมาเชิญให้จ้าวไฉ่อี้เข้าไปด้านใน หญิงสาวหันไปสบตากับเพ่ยเพ่ย ก่อนจะพยักหน้าให้สาวใช้ติดตามเข้าไปด้านใน โดยในมือมีถาดน้ำชาสำหรับคารวะแม่สามีหลังคืนเข้าหอ“ไฉ่อี้ คารวะท่านแม่เพคะ”“มา ๆ เข้ามานั่งข้างแม่นี่ คนกันเองทั้งนั้นจะมากพิธีไปไย เจ้ามาก็ดีแล้วจะได้รู้จักกันเอาไว้ นี่คือหลี่ชูเหมยหลานสาวของแม่เอง”“ชูเหมยคารวะพระชายาเพคะ”“ข้าไฉ่อี้ ยินดีที่ได้รู้จักแม่นางหลี่”“เอ่อ...”หลี่ชูเหมยอึกอักเล็กน้อย เมื่อถูกอีกฝ่ายเรียกนางเช่นนั้น ตามจริงจะเรียกคุณหนู หรือน้องสาวก็ย่อมได้ แต่คนตรงหน้าเหมือนจงใจมิรู้ความ“ข้าพูดสิ่งใดมิถูกใจหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นข้าต้องขออภัยแม่นางด้วย
“อย่าได้กังวล พี่จะถนอมเจ้า”ไม่มีคำตอบใดออกจากปากของหญิงสาว จะมีก็ครางเบา ๆ ในลำคอ เพราะในตอนนี้เรียวปากอวบอิ่ม ถูปิดลงด้วยริมฝีปากหนาของชายหนุ่ม ถงเชี่ยหลางค่อย ๆ ละเลียดตวัดสลับขบเม้มริมฝีปากของหญิงสาว ปลายลิ้นสากดันให้ปากเล็กอ้าออกรับลิ้นของเขาจ้าวไฉ่อี้ที่ยังเก้ ๆ กัง ๆ กับสัมผัสที่นางไม่เคยได้รับ ได้ทำตามที่ชายหนุ่มต้องการอย่างว่าง่าย เพียงปลายลิ้นแทรกผ่านเข้าไปในปาก ถงเชี่ยหลางได้กวัดเกี่ยวลิ้นเล็กของภรรยา พร้อมกับดูดดึงอย่างมีชั้นเชิง ความหวานที่ซ่านอยู่ในปาก ทำให้จ้าวไฉ่อี้ตอบรับจูบของสามีมากขึ้นชายหนุ่มค่อย ๆ ดันร่างงามให้เอนราบลงบนเตียงกว้าง โดยที่ริมฝีปากยังคงประกบปิดอยู่เช่นเดิม ร่างหนาเอนลงทาบทับบนกายของหญิงสาว มือหนาค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำก่อนจะลูบไล้ยังต้นขาเรียว มือค่อย ๆ ดึงรั้งกางเกงนอนของภรรยาออกอย่างเบามือจ้าวไฉ่อี้ถึงกับใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความขัดเขิน เมื่อสิ่งปกปิดส่วนสำคัญกำลังจะหลุดออกจากาย ถงเชี่ยหลางถอนริมฝีปากออก ก่อนจะจูบซับตามแก้มเนียนจนถึงลำคอ ปลายลิ้นสากตวัดโลมเลียเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมายังเนินอกอิ่ม ที่กำลังกระเพื่อมไหวมือหนาเลื่อนมาบีบคลึงเต้างาม ผ่านเ
“ไม่จำเป็นเจ้าค่ะ ให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น เรื่องที่ยังไม่เกิดข้าก็ไม่นำมาคิดให้รกสมองหรอกเจ้าค่ะ ในเมื่อก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว ไยเราต้องถอยให้มันเสียเกียรติด้วยเล่า”“หากเจ้ามั่นใจ ว่ารับมือได้พี่ก็วางใจ”องค์รัชทายาทตบเบา ๆ ยังไหล่ของน้องสาว ก่อนจะเดินไปยังเรือนพักของตนเอง จ้าวไฉ่เฟิงโอบกอดน้องสาว แล้วจากไปอีกคน ส่วนคนที่ได้รับกำลังใจจากพี่ชายทั้งสอง ได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ นางรู้อยู่แล้วว่าต้องเจออะไรบ้างกับการแต่งงานครั้งนี้หญิงสาวแหงนมองท้องฟ้า คืนนี้ดวงดาวส่องสว่างเต็มท้องฟ้า หากเป็นยามพักจากสนามรบ ป่านนี้นางกับพี่ชายทั้งหลาย รวมถึงเหล่าทหารนายกอง คงพากันร่ำสุราอย่างออกรส แต่ในวันนี้นางต้องเตรียมตัวที่จะเป็นภรรยาของคนต่างแคว้น ทั้งยังต้องเปลี่ยนจากจับอาวุธ เป็นตะหลิวทำกับข้าวเสียด้วย‘โชคชะตาช่างเล่นตลกกับข้ายิ่งนัก’หญิงสาวก้าวตรงไปยังเรือนพักของตนเอง เพื่ออาบน้ำและกินอาหารก่อนนอน เรื่องอื่นใดสำหรับนางในตอนนี้ หาได้สำคัญเท่ากับการกินให้อิ่มท้อง และนอนให้เต็มตาสักคืน ก่อนที่จะตื่นมาสู้รบกับเรื่องแต่งงานในวันรุ่งขึ้นสิบห้าวันต่อมา ณ จวนจวิ๋นอ๋องถงเชี่ยหลางเกี้ยวจ้าวสาวไ
“ท่านหญิงไฉ่อี้ไม่ชอบงานเลี้ยงหรืออย่างไร”“หามิได้เพคะ ไฉ่อี้คิดว่าท่านอ๋องเอง ก็คงอยากจะสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก มิต่างกันจริงไหมเพคะ”“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น”“ไฉ่อี้ทำตัวมิงามเลยสินะเพคะ ที่ออกมาเดินเล่นด้านนอกเช่นนี้”“อย่าได้คิดเช่นนั้นเลย การเดินทางมายาวไกลย่อมทำให้เหนื่อยล้า เมื่อต้องมานั่งอยู่ในงานเลี้ยงจนดึกคงจะอ่อนเพลียบ้างเป็นธรรมดา”หญิงสาวยิ้มกว้าง นางไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะอ่อนโยนถึงขนาดนี้ นางมิแปลกใจเลยที่สตรีมากมายยังอยากที่จะแต่งงานกับเขา“ท่านอ๋องคงใส่ใจผู้อื่นเช่นนี้ตลอดเลย ใช่หรือไม่เพคะ”“มิใช่ทุกคน”ชายหนุ่มรีบปฏิเสธทันควัน อย่างไรเสียคนตรงหน้าคือว่าที่ภรรยา หากเขาตอบรับย่อมต้องเป็นที่ขัดเคืองของนางเป็นแน่“อิอิ หม่อมฉันมิได้คิดตำหนิท่านอ๋องเลยนะเพคะ หากจะทรงห่วงใยผู้อื่นบ้าง”“ท่านหญิงช่างใจกว้างยิ่งนัก แต่นับจากนี้จะไม่มีผู้ใดได้รับมันเหนือท่านหญิงอย่างแน่นอน”“ช่างเจรจาเหลือเกินนะเพคะ”สองหนุ่มสาวคุยกันอย่างออกรส เสียงหัวเราะร่าของท่านหญิงจ้าว ทำให้ชายหนุ่มลืมเลือนถึงอาการไม่สบายของตนเองไปชั่วขณะอีกด้านของอุทยาน มีหญิงสาวอีกคนยืนมองสองหนุ่มสาวด้วยความริษยา มือบาง
สามเดือนต่อมา ขบวนเจ้าสาวจากแคว้นชีอันได้มาถึง ชาวเมืองต่างให้ความสนใจท่านหญิงต่างแคว้นเป็นอย่างมาก ทุกคนอยากที่จะยลความงามที่ล่ำลือกัน นับตั้งแต่มีการประกาศถึงเรื่องการแต่งงาน เชื่อมสัมพันธ์สองแคว้นเกิดขึ้นจ้าวไฉ่เฟิงพร้อมด้วยองค์รัชทายาทชีอัน ได้เดินทางมาส่งท่านหญิงจ้าวไฉ่อี้ด้วยตนเอง มีหญิงสาวแคว้นฉู่หลายนาง ที่เพียรพยายามให้ตนเองโดดเด่นในสายตาของสองบุรุษ เมื่อรู้ว่าทั้งคู่มิใช่เพียงทหารคุ้มกัน แต่เป็นถึงองค์รัชทายาทและท่านชายสูงศักดิ์หากพวกนางได้รับความสนใจจากหนึ่งในสองคน โอกาสที่จะขยับเลื่อนฐานะย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย แตกต่างกับชายหนุ่มทั้งสอง ที่ดูจะนิ่งเฉยเสียจนคล้ายว่าไร้ซึ่งความรู้สึกก็มิปาน“ตกลงชาวเมืองมารอรับข้า หรือพี่ชายทั้งสองของข้ากันแน่”“ย่อมต้องเป็นท่านหญิงสิเจ้าคะ”เพ่ยเพ่ยรีบบอกผู้นาย โดยที่ใบหน้ากลม ๆ ของนางยังคอยโผล่ออกไปมองด้านนอกด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพี๊ยะ! มือบางตีเบา ๆ ยังต้นแขนของสาวใช้“โอ้ยย เจ็บนะเจ้าคะท่านหญิง ไยต้องรุนแรงกับบ่าวด้วยเล่า”เพ่ยเพ่ยแสร้งตัดพ้อผู้เป็นนาย ก่อนจะส่งยิ้มจนดวงตากลมโตรีเรียว จ้าวไฉ่อี้อดขำกับท่าทางเอาใจของสาวใช้
“พวกเจ้ามันนิสัยเสีย หากแม่เจ้ายังอยู่ นางคงอกแตกตายวันละหลายหน”“หากท่านแม่ยังอยู่ ข้าว่าคนที่จะอกแตกตายคือท่านพ่อมากกว่านะขอรับ”จ้าวไฉ่เฟิงยอกย้อนบิดา ด้วยสีหน้าขบขัน มีหรือเขาจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว บิดานั้นเฝ้าคิดถึงภรรยารักมาโดยตลอด ทุกครั้งที่เกิดเรื่องร้ายกับเขาสองพี่น้อง ชายชราผู้นี้มักเฝ้าโทษตัวเองอยู่เสมอ ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด ก็มิเคยปริปากให้ผู้เป็นพ่อต้องรับรู้จนเป็นกังวลอีก“ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้วไฉ่เฟิง ไฉ่อี้คนดีของพ่อ พ่ออยากให้ลูกทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง พ่อยินดีสละทั้งชีวิต แลกกับความสุขใจของเจ้า อย่าได้ยินยอมฝ่าบาทเพียงเพราะพ่อกับพี่เจ้าเลยนะลูกรัก”อ๋องจ้าวเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาในทันที เมื่อนึกถึงข่าวลือเรื่องของว่าที่บุตรเขย เขายอมตายดีกว่าเสี่ยงให้ลูกสาวสุดที่รัก ต้องไปเป็นเจ้าสาวที่มิได้เข้าหอ เช่นอดีตชายาทั้งสามของเชี่ยอ๋อง“ท่านพ่อ ข้าคือผู้ใด”“คือลูกรักของพ่ออย่างไรเล่า”“ท่านพ่อ เชื่อใจลูกหรือไม่เจ้าคะ”“ย่อมต้องเชื่อใจเจ้ากว่าผู้ใด”“เช่นนั้นเลิกกังวลเรื่องการแต่งงานของข้า เพราะหากคนจะตายมิต้องมีสามีชะตาอาภัพเช่นเชี่ยอ๋อง ตัวข้าก็ต้องตายอยู่ดี