LOGINหยางอี้หรู นักธุรกิจสาว ที่เป็นอัจฉริยะผู้ประสบผลสำเร็จ ตั้งแต่อายุยังน้อย ทว่าในงานเลี้ยงฉลองผลกำไรของบริษัท เธอกลับได้พบความลับของสามีกับน้องชาย ซึ่งนำมาสู่ความตายของเธอ ทว่าเมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบว่าตัวเอง ได้อยู่ในอีกมิติที่แตกต่าง ทั้งยุคสมัยและการใช้ชีวิต ที่มันน่าตกใจไปมากกว่านั้น เธอมีลูกแฝดสามในวัยสิบขวบ และเจ้าของร่างยังเป็นขอทานอีกด้วย
View Moreพี่ม่อเหลียว เราควรกลับบ้านกันได้แล้วนะขอรับ รถม้าและทุกอย่างสำหรับเดินทาง พร้อมแล้ว” ต้วนอี้หลาง เอ่ยกับว่าที่น้องเขย ด้วยรอยยิ้มกว้าง เขาได้คุยกับพ่อแม่ของชายหนุ่มแล้ว ว่าจะพากลับไปยังแคว้นจ้าว และทั้งสองคนก็ยินดี ที่จะตามเขากลับไป ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่วุ่นวายกับอำนาจเหล่านี้อีก “ขอรับ” ม่อเหลียวตอบรับอย่างยินดี โดยไม่คิดที่จะถามอะไรให้มาก เพราะถ้าคุณชายใหญ่พูดแบบนี้ นั่นหมายความว่าได้ตกลง กับพ่อแม่ของเขาดีแล้ว ส่วนเรื่องที่คุณชายใหญ่ ไปพบพ่อแม่ของเขาได้อย่างไร เขาไม่คิดถามเช่นกัน เพราะอย่างไรคุณชายก็ต้องเล่าสู่เขาฟังอยู่ดี “ทำความสะอาดซะ เราจะออกเดินทางกันแล้ว” ต้วนอี้หลางสั่งการกับคนของเขา ก่อนจะประคองน้องสาวละน้องชาย เพื่อที่จะออกจากที่นี่ “นายท่าน พวกข้าไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ” ตู้ฮั่น เอ่ยถามผู้เป็นนาย หนานเผิงหันไปมองหน้าบุตรชาย ก่อนจะมองไปที่ตู้ฮั่นอีกครั้ง “หากท่านอาตู้ไม่คิดเรื่องอำนาจ ข้าย่อมไม่ขัดข้องขอรับ” เป็นม่อเหลียวที่เอ่ยขึ้น ก่อนจะคลี่ยิ้มละมุนให้กับตู้ฮั่น ชายผู้ภักดีของครอบครัวบิดา
“ตกลง ท่านปู่ทั้งสอง พี่ม่อเหลียว ท่านลุงอู๋ เรากลับบ้านกันเถอะ” “ไม่ได้! ชู่เจากับม่อเหลียว คือคนของบ้านข้า” หนานเผิงปฏิเสธเสียงกร้าว “ไหนหลักฐาน หากไม่มี ก็อย่าได้พูดไปเรื่อย” แม้จะเป็นคำพูดที่ไม่ได้ดังเหมือนตะโกน ทว่ามันกลับทำให้คนฟังเริ่มหวาดหวั่นอยู่ภายในใจ “ข้าคือบิดา นี่คือหลักฐานชั้นดี” “หึๆ ข้านึกว่าน้องเขยของข้า คือบุตรชายท่านเสียอีก ท่านอาหนานเผิง” ต้วนอี้หลาง ชำเลืองมองไปด้านข้าง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ ของชายผู้หนึ่งก้าวเข้ามายืนเคียงข้าง แม้ว่าใบหน้าของเขาจะซูบตอบไปบ้าง จากการถูกจองจำ แต่ก็ยังคงดูสง่าเยี่ยงชาติกำเนิด “นายท่าน!” ตู้ฮั่น เรียกนายแท้จริงด้วยเสียงอันดัง เขาดวงตามืดบอดขนาดไหนกัน จึงจดจำนายของตนเองผิดไป “ขอบใจเจ้ามาตู้ฮั่น ที่ปกป้องบุตรชายข้ามาตลอด” หนานเผิงตัวจริง เอ่ยกับคนสนิท ที่ถูกล่อลวงจากคนชั่ว เขาเอ๊ะใจตั้งแต่วันที่ถูกกรีดเอาเลือดไปแล้ว เป็นอย่างนี้เอง บุตรชายของเขากลับมาแล้ว “พี่ใหญ่” ชู่เจาหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะดวงตาเป็นประกาย นั่นต่างหากน้องสาวขอ
ยี่สิบวันต่อมา ณ เมืองหลวงแคว้นหนาน ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ ม่อเหลียวยืนประจันหน้า กับคนที่อ้างตนเอง ว่าเป็นพ่อแม่ของเขา ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด เมื่อเวลานี้...สตรีที่เขาเรียกมารดามาร่วมเดือน กำลังเอามีสั้นจ่อที่ลำคอท่านลุงของเขาอยู่ “ข้าคือมารดาของเจ้า แต่ทุกอย่างเจ้ากลับฟังเขา เช่นนั้นเขาก็ไม่ควรที่จะอยู่ ขัดขวางเราแม่ลูกจริงไหม ม่อเหลียว” ชู่จิ่นเอ่ยกับบุตรชาย ด้วยรอยยิ้มอย่างคนจิตวิปลาส ทว่าสองลุงหลานที่สบตากัน กลับยังคงนิ่งเฉยไม่แสดงท่าทีตื่นกลัว แม้ว่าจะยืนอยู่ภายใต้คนอาวุธ “เจ้ามิใช่น้องสาวของข้า อย่าได้มาเรียกหลานชายข้าว่าลูก” ชู่เจาเอ่ยกับคนที่จ่อมีดสั้น ที่ลำคอของเขา ด้วยน้ำเสียงอันกร้าวกระด้าง สตรีผู้นี้เป็นตัวปลอม ต่อให้เขามิได้พบหน้าน้องสาวมานาน เขาก็รู้ได้ว่านี่มิใช่ชู่จิ่น “ท่านมิได้อยู่กับข้ามานาน รู้ได้อย่างไรว่าข้ามิใช่ชู่จิ่น” คนถามแม้จะใช้น้ำเสียงเป็นปกติ แต่ภายในใจนั้นกำลังตื่นกลัวอย่างที่สุด นางไม่เชื่อว่าตาแก่นี่ จะรู้ถึงตัวตนของคนที่ไม่พบหน้ากันมาหลายสิบปี “ข้าเลี้ยงนางมากับมือ เ
“ไยหน้าแดงเล่า ไม่สบายตรงไหนหรือไม่” “ไม่เจ้าค่ะ ข้าอยากอาบน้ำ” “รอข้ากลับมาเจ้าค่อยอาบ เจ้าหน้ามืดบ่อย ไม่ควรที่จะเดินไปไหนเลย” “เจ้าค่ะ” หญิงสาวเอนกายลงนอน ตามการประคองของสามี ก่อนจะใบหน้าแดงก่ำประหนึ่งท้อสุก เมื่อสามีประทับจูบนางอย่างอ่อนโยน ต้วนอี้หลางดึงผ้าห่มคลุมกายให้ภรรยา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เพื่อต้มโจ๊กให้ภรรยา “นายท่าน ท่านแม่ทัพเหนือมาขอพบขอรับ” “เขามาแล้วหรือ ให้ไปพบข้าที่ห้องครัว” ชายหนุ่มสั่งการก่อนจะก้าวตรงไปที่ห้องครัว โดยไม่สนมารยาทการเชื้อเชิญแขก “นายท่าน” ผู้ติดตามและบ่าวไพร่ที่กำลังง่วนอยู่ในห้องครัว ต่างเอ่ยเรียกขานผู้เป็นนาย ก่อนจะหลีกทางให้แก่ชายหนุ่ม ต้วนอี้หลาง เดินไปหยิบหาสิ่งของทั้งหมด มาวางอยู่ข้างๆ เตา เพื่อลงมือทำทุกขั้นตอนให้ลูกเมียด้วยตนเอง เช่นที่บิดาทำให้มารดา ในตอนที่นางตั้งครรภ์น้องชายคนเล็ก “ช่างเป็นพ่อบ้านที่รักลูกเมียยิ่งนัก” เป็นคำพูดของคนที่โผล่หน้าผ่านหน้าต่างเข้ามา ชะโงกมองว่าเจ้าบ้านกำลังทำสิ่งใดอยู่ “เหอะ! ข้ามาถึงตั้งนาน เจ้าเพิ่ง












Ratings
reviewsMore