“ขะ...ขอบคุณในความหวังดีของท่านพี่องค์รัชทายาท แต่ข้า…ข้าจะกลับ”ฉู่หนิงที่ดื่มจนเมาลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปทางประตูตำหนักอย่างโซซัดโซเซ รัชทายาทยิ้มหยันดื่มจนเมาก็จะกลับทั้งเช่นนี้เลย?ฝันไปเถอะ!คืนนี้ เจ้าสารเลวฉู่หนิงต้องชดใช้รัชทายาทรีบลุกขึ้นประคองฉู่หนิง “น้องสิบแปดดื่มจนเป็นสภาพเช่นนี้ เกรงว่าขี่ม้าไม่ไหวด้วยซ้ำ ยังจะกลับอย่างไร?ที่ข้ามีตำหนักเยอะแยะ เดี๋ยวข้าจัดห้องให้เจ้าพัก!”เมื่อกล่าวจบ ก็หันไปสั่งหลิงเฟยเยียนที่อยู่ข้างๆ “เรื่องนี้ให้ชายาที่รักจัดการก็แล้วกัน”หลิงเฟยเยียนยิ้มหยันในใจให้ข้าจัดการ ฮึ่ม เจ้าอยากรู้ว่าข้ากับฉู่หนิงมีอะไรกันจริงหรือไม่มากกว่ากระมังในเมื่อเจ้าไม่เชื่อใจข้า เช่นนั้นข้าก็ทำให้เจ้าดู!หลิงเฟยเยี่ยนที่ไม่พอใจเดินเข้าไปประคองแขนของฉู่หนิงด้วยรอยยิ้ม นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อองค์รัชทายาทมีรับสั่ง คืนนี้น้องสิบแปดก็ค้างคืนที่นี่เถิด ข้าจะให้คนไปแจ้งองครักษ์ของเจ้า”ทันทีที่รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลจากแขน ร่างกายฉู่หนิงก็พลันสั่นสะท้าน เขาแสร้งทำท่าจะดึงมือขวาออก แต่ในความเป็นจริงกลับใช้โอกาสนี้ถูร่างกายหลิงเฟยเยียนแถมเขายัง
ขณะเดียวกันก็ทำให้ฉู่หนิงที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารตาไม่กล้ามองต่อล้อเล่นหรือเปล่า มองต่อไปมีหวังได้เรื่องแน่!รัชทายาทกำลังจ้องเขาอยู่ที่ข้างๆ นะหากทนไม่ไหวจนเลือดกำเดาไหล เช่นนั้นก็อธิบายยากแล้วรัชทายาทย่อมสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยระหว่างฉู่หนิงกับหลิงเฟยเยียน แม้รู้สึกเจ็บใจ แต่ก็ยังกล่าวด้วยรอยยิ้ม“น้องสิบแปดไม่ต้องมากพิธี วันนี้ข้าใจร้อนเกินไป ล่วงเกินฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่น คืนนี้จึงตั้งใจจัดงานเลี้ยง หวังว่าน้องสิบแปดจะช่วยพูดอะไรดีๆ ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นหน่อย”รัชทายาทกล่าวพลางลากฉู่หนิงไปนั่งที่ฝั่งขวาของตนเองเมื่อหลิงเฟยเยียนเห็นทั้งสองนั่งลง นางก็ไปนั่งลงตรงฝั่งซ้ายของรัชทายาท หรือก็คือตรงข้ามกับฉู่หนิงนั้นเองนางยกกาเหล้ารินให้ฉู่หนิงหนึ่งจอกโดยไม่รอให้รัชทายาทเอ่ยปาก หลังจากนั้นจึงจะรินให้รัชทายาทกับตนเองตามลำดับภาพนี้ทำให้ฉู่หนิงอึ้งเล็กน้อยเหตุใดจึงรินเหล้าให้ตนก่อน?ควรรินให้รัชทายาทก่อนไม่ใช่หรือ?รัชทายาทในเวลานี้กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาคิดไม่ถึงว่าต่อหน้าเขาเช่นนี้ หลิงเฟยเยียนไม่คิดจะปกปิดเลยนางแพศยาผู้นี้ต้องมีอะไรกับฉู่หนิงแน่!รัชทายา
“องค์รัชทายาทเชิญข้าไปร่วมงานเลี้ยงที่ตำหนักบูรพาคืนนี้?”ภายในจวนอ๋อง หลังจากฉู่หนิงได้รับข่าว บนใบหน้ากลับฉายแววพินิจฉู่หนิงมองบัตรเชิญในมือ เผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อย “เจ้ากลับไปบอกองค์รัชทายาทว่า คืนนี้ข้าจะไปตรงตามเวลาแน่นอน”องครักษ์ตำหนักบูรพาขานรับ ประสานมือคารวะถอยออกไปสีหน้าจ้าวอวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พระองค์ เกรงว่างานเลี้ยงคืนนี้ ไม่ใช่งานเลี้ยงที่ดีอะไรพ่ะย่ะค่ะ!”พระองค์เพิ่งให้องค์ชายทั้งหลายไปหาเรื่ององค์รัชทายาทที่ตำหนักบูรพา องค์รัชทายาทไม่เพียงไม่โกรธ กลับกันยังจะเชิญไปร่วมงานเลี้ยง ต้องมีเจตนาที่ไม่ดีแอบแฝงแน่นอนงานเลี้ยงครั้งนี้ ไปไม่ได้!แต่ฉู่หนิงกลับหัวเราะเบาๆ “วางใจเถิด องค์รัชทายาทยังรอให้ข้าไปแนวหน้า เขาไม่มีทางลงมือกับข้าในเวลานี้แน่นอนใช่แล้ว ทางหร่านหมิงเป็นอย่างไรบ้าง?”วันนี้ฉู่หนิงมอบหมายเรื่องรับนักโทษให้หร่านหมิงรับผิดชอบทั้งหมด จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางนั้นเป็นอย่างไรแม้ช่วงแรกรับนักโทษสองพันกว่าคนมาได้อย่างราบรื่น แต่ยังเหลืออีกแปดพันคน ส่วนหร่านหมิงก็มีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เกิด สามารถควบคุมสถานก
จ้าวเฟยเยี่ยนกลอกตาหนึ่งรอบ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “องค์ชายรอง ข้อหาที่ร้ายแรงเช่นนี้ ข้าแบกรับไม่ไหวหรอกนะ!”เมื่อกล่าวจบ นางก็เดินไปแทรกตรงกลางระหว่างรัชทายาทกับองค์ชายทั้งหลาย ทำให้ทั้งสองฝ่ายใจเย็นลงชั่วคราวรัชทายาทย่อมไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่มในเวลานี้ จึงได้แต่แค่นเสียงเย็น ‘ฮึ่ม’ โดยไม่พูดอะไรต่อส่วนองค์ชายรองเผยอมุมปากหัวเราะเบาๆ “เมื่อครู่ข้ากับน้องๆ ทุกคนล้วนได้ยินเจ้าพูดว่าแตะต้องฉู่หนิงไม่ได้แล้ว ทำไม เจ้ายังจะแก้ตัวอีกหรือ?” จ้าวเฟยเยี่ยนหัวเราะเบาๆ “ข้าแค่กำลังเกลี้ยกล่อมองค์รัชทายาท อย่าไปทวงถามเงินหนึ่งล้านตำลึงกับฉู่หนิงก็เท่านั้น อย่างไรข้าก็ยังเป็นหนี้ฉู่หนิงอยู่หนึ่งแสนตำลึงเงินหากองค์รัชทายาทกดดันฉู่หนิงมากเกินไป เขาก็จะมาทวงเงินกับข้า ดังนั้นข้าจึงเกลี้ยกล่อมองค์รัชทายาท อย่าแตะต้องฉู่หนิง” สมกับที่เป็นหญิงแกร่งของต้าจ้าว เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็หาคำแก้ตัวที่เหมาะสมได้แล้ว“นี่…”องค์ชายรองขมวดคิ้ว ชั่วขณะไม่รู้ควรตอบอย่างไรทั้งที่รู้ว่าจ้าวเฟยเยี่ยนสมคบคิดกับรัชทายาท แต่ไม่มีหลักฐานเอาผิดต่อให้เอาเรื่องนี้ไปฟ้องฮ่องเต้ ฮ่องเต้ก็คงมองว่าพวกเขากำลังทะเลาะกันเ
ฉู่หนิงไปเยี่ยมองค์ชายหลายพระองค์ติดต่อกัน พอไปถึงก็พูดถึงจุดประสงค์ที่มาโดยตรง…ขอยืมเงิน!เมื่อองค์ชายเหล่านั้นได้ยินว่าฉู่หนิงขอยืมเงินเพราะรัชทายาท ก็พากันเดือดดาลทันทีอุตส่าห์หาตัวตายตัวแทนมาได้แล้ว อีกทั้งกำลังจะไปแนวหน้าแล้วด้วย รัชทายาทกลับหาเรื่องเดือดร้อนให้พวกเขาในเวลานี้โดยเฉพาะองค์ชายรองฉู่หมิงโมโหจนลุกขึ้นตบโต๊ะ เขาพลางปลอบใจฉู่หนิง พลางเรียกองค์ชายท่านอื่นมารวมตัว เตรียมบุกไปถามรัชทายาทที่ตำหนักบูรพาให้รู้เรื่องแม้ฉู่หนิงจะ ‘ห้ามปราม’ แล้ว แต่พวกเขามีคนเยอะกว่า สุดท้ายก็จำต้องปล่อยให้เหล่าองค์ชายมุ่งหน้าไปยังตำหนักบูรพาขณะเดียวกัน ภายในตำหนักบูรพา เมื่อรัชทายาทได้ยินคำพูดของจ้าวเฟยเยี่ยน สีหน้าเคร่งขรึม เอาแต่นิ่งเงียบจ้าวเฟยเยี่ยนที่อยู่ในตำหนักยิ้มหยัน “ดูท่าว่าฉู่หนิงอยากยืมเงินให้ท่านจริงๆ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มาหาข้าหรอกเจ้าฉู่หนิงช่างเพ้อฝันเก่งจริงๆ คิดว่าข้าจะยอมจ่ายหนึ่งแสนตำลึงเงินที่เหลือให้เขา น่าขำสิ้นดีแต่พูดก็พูดเถอะ องค์รัชทายาทวางหมากตานี้ได้เฉียบจริงๆ ตอนนี้ฉู่หนิงคงจะทำอะไรไม่ถูกแล้วกระมัง!” จ้าวเฟยเยี่ยนยังไม่รู้ว่ารัชทายาทโดนฮ่องเต้สั่งส
จ้าวเฟยเยี่ยนแววตาสั่นไหว รู้สึกแปลกประหลาดในใจไม่หยุด ฉู่หนิงเจ้าหมอนี่จะมาหาข้าเพื่ออะไร? ได้ยินว่าเจ้าหมอนี่ไปขอตัวนักโทษจำนวนมากมาจากเสนาบดีกรมอาญา เขาไม่ไปฝึกยุทธ์ให้คนเหล่านี้ แต่กลับมาหาข้า สงสัยจะว่างมากกระมัง แน่นอนว่า คำพูดนี้นางไม่กล้าเอ่ยออกมา ระหว่างที่แผนการยังไม่ลุล่วงตามประสงค์ นางจำเป็นต้องประคับประคองฉู่หนิงไว้ก่อน จ้าวเฟยเยี่ยนหัวเราะออกมาเบา ๆ “เผิงไหลจวิ้นอ๋องไม่เคยมาหาใครโดยไร้เหตุผล แต่วันนี้อุตส่าห์มาถึงที่นี่ ไม่ทราบมีเรื่องอันใดหรือ?” ใบหน้าของฉู่หนิงเผยแววลำบากใจออกมา “เฮ้อ ความจริงเรื่องนี้ข้าเองก็พูดยากนัก หากมิใช่เพราะถึงทางตัน ข้าก็คงไม่ถ่อมาหาท่านหรอกองค์หญิงเฟยเยี่ยน” คิ้วเรียวกระตุกเบา ๆ จ้าวเฟยเยี่ยนพลันใจเต้นหวิว ๆ ขึ้นมาทันใด ไม่รู้เหตุผลใด นางพลันรู้สึกขึ้นมาว่าฉู่หนิงดูคล้ายจะมาเอาประโยชน์จากตนเองอย่างบอกไม่ถูก ปรับสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา จ้าวเฟยเยี่ยนก็หรี่ตาพลางเอ่ยถามว่า “เรื่องใดกันทำให้เผิงไหลจวิ้นอ๋องถึงขั้นเสด็จมาพบข้าด้วยตนเองเช่นนี้?” ฉู่หนิงแสร้งทำท่าทีหมดสิ้นหนทาง “เฮ้อ ความจริงก็มิใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอก เพียง