ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา

ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา

By:  สายลมไร้กาลเวลาUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
10
1 rating. 1 review
100Chapters
33views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ฉู่หนิงทะลุมิติมาเป็นองค์ชายแห่งต้าฉู่ ทว่า องค์รัชทายาทต้องการให้เขาเป็นตัวตายตัวแทน! ท่านหญิงก็ไม่เต็มใจจะแต่งกับเขา! แม้กระทั่งฮ่องเต้ ยังต้องการส่งเขาไปตาย! ดังนั้น ฉู่หนิงจึงทำได้เพียงฝึกฝนกองกำลังอันไร้เทียมทานขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเอง! ฮ่องเต้ : ฉู่หนิง องค์รัชทายาทมีอำนาจมากนัก เจ้ามีกำลังพลสองแสนนายในมือ พ่อขอยืมได้หรือไม่? องค์รัชทายาท : น้องสิบแปด พวกเรามาจัดการเสด็จพ่อกันเถอะ แล้วมาแบ่งแผ่นดินกันคนละครึ่ง! ท่านหญิง : พวกเราควรจะเข้าหอกันได้แล้ว

View More

Chapter 1

บทที่ 1

“ฉู่หนิง นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือองค์ชายสิบแปดแห่งราชวงศ์ต้าฉู่ของเรา!”

“เราขอสั่งให้เจ้านำทัพหนึ่งแสนนาย มุ่งหน้าไปยังชายแดนโดยเร็ว เพื่อต้านทานกองทัพสามแสนนายของต้าจ้าว!”

ณ ท้องพระโรงแห่งต้าฉู่ ภายในตำหนักจินหลวน

เด็กหนุ่มร่างผอมบางในอาภรณ์ผ้าป่านเนื้อหยาบผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ตรงกลาง

สองฟากฝั่งรายล้อมไปด้วยเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊จนเต็มพื้นที่ ส่วนตำแหน่งด้านหน้าสุดนั้นคือเหล่าองค์ชายสิบกว่าพระองค์ที่สวมใส่อาภรณ์สำหรับเชื้อพระวงศ์

“น้องสิบแปดเอ๋ย ต่อจากนี้ไปพวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน หลายปีมานี้ เจ้าใช้ชีวิตอยู่นอกวัง ตอนนี้ ถึงเวลาที่เจ้าควรจะไปออกแรงแสดงฝีมือที่แนวหน้าเพื่อราชวงศ์บ้างแล้ว!”

“เสด็จพ่อทรงมีพระประสงค์ที่จะฝึกฝนเจ้า จึงได้ส่งเจ้าไปยังแนวหน้าเพื่อสร้างผลงาน เจ้าอย่าได้ทำให้ความหวังดีของเสด็จพ่อต้องสูญเปล่าเล่า!”

“ฉู่หนิง แม้จะเกิดอยู่ในหมู่สามัญชน แต่เจ้าก็มีสายเลือดของราชวงศ์ ย่อมต้องมีความรับผิดชอบ การเดินทางไปยังแนวหน้าครั้งนี้ หากเจ้ามัวแต่รักตัวกลัวตายจนทำให้ราชวงศ์ต้องเสียหน้า เสด็จพ่อจักต้องลงโทษอย่างหนักแน่นอน!”

“ฉู่หนิง ยังไม่รีบขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของเสด็จพ่ออีกหรือ?”

เหล่าองค์ชายต่างเผยรอยยิ้มเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

น้ำเสียงนั้นยิ่งฟังดูสูงส่งหยิ่งผยอง!

จากสามัญชนกลายเป็นองค์ชาย แม้จะต้องไปเป็นตัวตายตัวแทนที่แนวหน้า ฉู่หนิงก็สมควรจะซาบซึ้งในบุญคุณของราชวงศ์!

เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ทั่วทั้งราชสำนักมองเด็กหนุ่มที่คุกเข่าบนพื้น ในแววตานั้นมีทั้งความเวทนา ความเย็นชา และความสะใจในคราวเคราะห์ของผู้อื่น

ต้าฉู่และต้าจ้าวทำศึกที่แนวหน้าต่อเนื่องมาหลายปี แต่ครั้งนี้แคว้นต้าฉู่ประสบภัยแล้งครั้งใหญ่ เป็นเหตุให้เสบียงที่แนวหน้าขาดแคลน ขวัญกำลังใจทหารตกต่ำ กองทัพพ่ายแพ้ยับเยิน

ฮ่องเต้จึงตัดสินพระทัยเลือกองค์ชายองค์หนึ่งไปยังแนวหน้าเพื่อสร้างขวัญกำลังใจของกองทัพให้มั่นคง!

แต่เหล่าองค์ชายต่างรู้ดีว่าศึกครั้งนี้เก้าส่วนตายหนึ่งส่วนรอด จึงไม่มีผู้ใดกล้าไป!

โชคดีที่คนสนิทขององค์รัชทายาทสืบพบว่า ในปีนั้นครั้งที่ฝ่าบาทเสด็จประพาสต้น มีสตรีแพศยานางหนึ่งยั่วยวนฝ่าบาท และได้ให้กำเนิดบุตรชาย กลายเป็นองค์ชายที่ราชวงศ์ทอดทิ้งไว้ข้างนอก

หากเป็นยามปกติ คงไม่มีผู้ใดใส่ใจสายเลือดราชวงศ์ที่พลัดหลงอยู่ข้างนอก

แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน การส่งคนไปตายที่แนวหน้า จะมีใครเหมาะสมไปกว่าองค์ชายกำพร้าผู้นี้อีกหรือ?

ภายใต้การจัดการของเหล่าองค์ชาย ฉู่หนิงจึงถูกรับตัวกลับเข้าพระราชวังได้สำเร็จ ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายสิบแปด!

ฉู่หนิงก้มหน้าไม่กล่าววาจาใด ทว่าในใจกลับกำลังหัวเราะเยาะ

องค์ชายพวกนี้ล้วนแต่รักตัวกลัวตาย อยากจะผลักไสเขาไปยังแนวหน้ากันทั้งสิ้น

คิดว่าเขาเป็นเพียงสามัญชนที่ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ หรือ?

ในฐานะผู้ที่ทะลุมิติ เขาย่อมรู้ดีว่า เมื่อเทียบกับแนวหน้าแล้ว การต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์นั้นโหดร้ายยิ่งกว่า!

การแก่งแย่งในราชวงศ์ดุเดือดถึงเพียงนี้ ตัวเขาไร้ซึ่งอำนาจและอิทธิพล เดิมทีก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อ การไปยังแนวหน้าต่างหากคือหนทางรอดเพียงหนึ่งเดียว!

สำหรับองค์ชายองค์อื่น การไปแนวหน้าอาจมีแต่เก้าส่วนตายหนึ่งส่วนรอด

แต่สำหรับเขาแล้ว นั่นคือโอกาสที่สวรรค์ประทาน!

แต่ว่า คิดจะให้ข้าไปเป็นตัวตายตัวแทนทั้งที จะไม่ให้ผลประโยชน์อะไรบ้างได้อย่างไร?

ฉู่หนิงเงยหน้าขึ้นมองเหล่าองค์ชาย แสร้งทำสีหน้าตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง “ขอบคุณท่านพี่ทุกท่านที่เมตตา การได้แบ่งเบาภาระของราชวงศ์ถือเป็นเกียรติของข้า ต่อให้ต้องตายในสงครามที่ชายแดน ห่อศพด้วยหนังม้าก็ไม่เสียดาย!”

“ในฐานะสายเลือดของราชวงศ์ สิบแปดปีมานี้ ข้าไม่เคยทำสิ่งใดเพื่อราชวงศ์เลย การไปยังแนวหน้าครั้งนี้ ข้าจะทุ่มเทสุดกำลัง แม้ร่างกายต้องแหลกสลายเป็นผุยผง เพื่อตอบแทนบุญคุณเสด็จพ่อ!”

น้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวหนักแน่น ท่าทีที่ไม่หวั่นเกรงต่อความตาย ทำให้เหล่าองค์ชายและขุนนางต่างเงียบงัน

แม้แต่ฉู่หวยที่ประทับอยู่บนบัลลังก์ เมื่อได้เห็นหน้าบุตรชายเป็นครั้งแรก ในใจก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าบุตรชายคนอื่น ๆ ของตนไม่อยากไปแนวหน้า จึงได้จงใจตามหาฉู่หนิงมาเป็นตัวตายตัวแทน

แต่ฉู่หนิงก็เป็นองค์ชายเช่นกัน เหตุใดจึงไม่กล้าช่วงชิงกับคนพวกนี้เล่า?

แม้สิบแปดปีมานี้ฉู่หนิงจะไม่เคยทำสิ่งใดเพื่อราชวงศ์ แต่ราชวงศ์เองก็ไม่เคยทำสิ่งใดเพื่อฉู่หนิงเช่นกัน

บัดนี้เพิ่งตามหาตัวฉู่หนิงพบ ก็จะส่งเขาไปตายที่แนวหน้าเสียแล้ว!

ทว่าฉู่หนิงไม่เพียงแต่จะไม่ปฏิเสธ กลับแสดงท่าทีห้าวหาญมุ่งมั่นถึงเพียงนี้!

เมื่อมองใบหน้าที่หล่อเหลาและมีความคล้ายคลึงกับตนเองอยู่สามส่วน ในหัวของฉู่หวยก็อดปรากฏภาพใบหน้างดงามของสตรีผู้นั้นในอดีตขึ้นมาไม่ได้

มารดาของฉู่หนิง ในปีนั้นนางก็ติดตามเรามาโดยที่ไม่ลังเลเช่นนี้!

เราเป็นเพียงผู้ผ่านทางในชีวิตนาง แต่นางกลับเห็นเราเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิต

แม้จะไม่ได้พบหน้าเราอีก นางก็ยังคงให้กำเนิดบุตรชายของเรา!

แต่บัดนี้ เรายังไม่ได้ทำหน้าที่ของบิดาต่อฉู่หนิง แต่กลับต้องส่งเขาไปยังแนวหน้า

เป็นเราที่ติดค้างฉู่หนิง!

“ฉู่หนิง สมแล้วที่เป็นบุตรที่ดีของเรา!”

ฉู่หวยมองฉู่หนิงด้วยสายตาให้กำลังใจ “แต่การเดินทางไปแนวหน้าครั้งนี้อันตรายยิ่งนัก หากเจ้ามีความต้องการใด ก็จงเอ่ยมาได้เลย”

นี่คือการประทานรางวัลให้ฉู่หนิง!

สีหน้าขององค์รัชทายาทฉู่เวยเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบก้าวออกมา “เสด็จพ่อ ในฐานะองค์ชาย การที่ฉู่หนิงจะทุ่มเทกำลังเพื่อราชวงศ์ เป็นสิ่งที่พึงกระทำอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

องค์ชายสี่รีบกล่าวเสริม “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ฉู่หนิงเพิ่งเข้าวัง ยังไม่เข้าใจกฎระเบียบในวัง จะปล่อยให้เขาร้องขอตามใจชอบได้อย่างไร?”

องค์ชายหกยิ่งมองฉู่หนิงด้วยความรังเกียจ “เสด็จพ่อทรงรับเขากลับเข้าวัง คืนสถานะองค์ชายให้ก็นับเป็นพระกรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่แล้ว ยังจะมีความจำเป็นใดให้ต้องร้องขออีก?”

ขุนนางคนอื่น ๆ ก็พากันกล่าวเสริม

“จากสามัญชนกลายเป็นองค์ชาย ฉู่หนิงสมควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ การไปยังแนวหน้าครั้งนี้ คือโอกาสที่เขาจะได้สร้างผลงานให้ราชวงศ์!”

“ถูกต้อง เขาควรจะขอบพระทัยฝ่าบาทที่ประทานโอกาสให้เขาได้สร้างผลงานต่างหาก!”

“องค์ชายสิบแปด ท่านยังจะยืนเหม่ออะไรอยู่ รีบขอบพระทัยแล้วถอยออกไปได้แล้ว!”

คำพูดทุกคนทำให้ศีรษะที่ก้มต่ำอยู่แล้วของฉู่หนิงยิ่งก้มต่ำลงไปอีก

ขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ทั่วทั้งราชสำนัก เขาไม่รู้จักผู้ใดเลย และไม่มีใครสักคนที่จะยอมช่วยเขา

สิ่งที่เขาใช้ประโยชน์ได้มีเพียงความรู้สึกผิดที่ฮ่องเต้ชรามีต่อตัวเขาและมารดาของเขาเท่านั้น

ช่วงชิงไป ก็ช่วงชิงไม่ได้อย่างแน่นอน

การถอยเพื่อรุกคืบต่างหากคือยอดกลยุทธ์!

บนบัลลังก์มังกร ฉู่หวยมองเหล่าขุนนางทั่วทั้งท้องพระโรงที่ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจาแทนฉู่หนิงแม้แต่คนเดียว สายตาก็อดฉายแววผิดหวังขึ้นมาแวบหนึ่งไม่ได้

จากนั้นก็หันไปมองฉู่หนิงที่ถูกคนพูดจากดดันจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ฉู่เวยได้แต่ถอนหายใจยาวอยู่ในใจ

เด็กคนนี้มาจากสามัญชนจริง ๆ ไม่เคยได้พบเห็นโลกกว้าง ถูกคนมากมายรุมกลั่นแกล้งเพียงเท่านี้ ก็จนปัญญาเสียแล้ว

แต่ถึงอย่างไรนี่ก็คือสายเลือดของเขา จะปล่อยให้ถูกขุนนางพวกนี้รังแกได้อย่างไร?

พวกเจ้าผลักไสให้ฉู่หนิงไปตาย ยังไม่คิดจะพูดจาดี ๆ สักสองสามประโยคเลยหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่หนิงก็ยอมรับปากจะไปแนวหน้าแล้ว เราเพียงแค่อยากจะประทานรางวัลให้เขาเพิ่มเติม เพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจเท่านั้น

แต่คนเหล่านี้กลับพูดจาไม่หยุดหย่อน ตั้งใจจะขัดขวาง

ฉู่หนิงไม่กล้าตอบโต้ แต่พวกเจ้าคิดว่าเราผู้เป็นฮ่องเต้องค์นี้ตายไปแล้วหรือไร?

“พอได้แล้ว!”

ฉู่หวยตวาดลั่น ทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้น รัศมีแห่งองค์จักรพรรดิที่แผ่ออกจากร่างทำให้เหล่าขุนนางหวาดกลัว พากันคุกเข่าลงกับพื้น

“ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉู่หวยกวาดตามองทุกคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเย็น “หากฉู่หนิงไปแนวหน้าด้วยฐานะองค์ชายเพียงอย่างเดียว เกรงว่าคงยากที่จะทำให้คนยอมรับนับถือ”

“ใครก็ได้ ถ่ายทอดราชโองการลงไป แต่งตั้งฉู่หนิงเป็นเผิงไหลจวิ้นอ๋อง พระราชทานตำแหน่งแม่ทัพผิงตง พร้อมจวนหนึ่งหลัง!”

สีหน้าของเหล่าองค์ชายพลันย่ำแย่ขึ้นมาเล็กน้อย

แม้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเพียงจวิ้นอ๋อง แต่ก็ทำให้สถานะของฉู่หนิงแทบไม่ต่างจากพวกเขา และมีคุณสมบัติพอที่จะแย่งชิงบัลลังก์กับพวกเขาได้แล้ว!

ส่วนฉู่หนิงนั้นราวกับตกตะลึงจนโง่งมไปแล้วกับการพระราชทานนี้ ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่รู้จะทำอย่างไร

เด็กโง่คนนี้ คงไม่เคยเห็นโลกกว้างจริง ๆ !

ฉู่หวยมองฉู่หนิงแวบหนึ่ง “ยังไม่คุกเข่าขอบพระทัยอีก?”

ฉู่หนิงได้สติ รีบทำความเคารพทันที “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงประทานรางวัลพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉู่หวยจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เจ้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังไม่คุ้นเคยกับอะไรหลายอย่าง พักอยู่ที่เมืองหลวงสักระยะก่อน แล้วค่อยเดินทางไปแนวหน้า”

“หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว เจ้าก็ถอยออกไปเถิด!”

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปาก “เสด็จพ่อ ลูกเพิ่งมาที่พระราชวังเป็นครั้งแรก จึงได้เตรียมของขวัญแรกพบมามอบให้เสด็จพ่อและบรรดาท่านพี่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

จะไม่มีเรื่องอื่นได้อย่างไรเล่า!

วันนี้เหล่าองค์ชายรังแกตนไว้มากเพียงนี้ จะต้องเอาคืนให้ได้!

อีกอย่าง การทำศึกก็คือการผลาญเงิน หากไร้ซึ่งเงินทองย่อมมิอาจทำการใดได้!

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

user avatar
KIKz
ลองอ่านแล้วสนุกมาก พระเอกฉลาดแบบมีขั้นเชิงอะชอบมาก
2025-07-16 22:38:02
0
100 Chapters
บทที่ 1
“ฉู่หนิง นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือองค์ชายสิบแปดแห่งราชวงศ์ต้าฉู่ของเรา!”“เราขอสั่งให้เจ้านำทัพหนึ่งแสนนาย มุ่งหน้าไปยังชายแดนโดยเร็ว เพื่อต้านทานกองทัพสามแสนนายของต้าจ้าว!”ณ ท้องพระโรงแห่งต้าฉู่ ภายในตำหนักจินหลวนเด็กหนุ่มร่างผอมบางในอาภรณ์ผ้าป่านเนื้อหยาบผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ตรงกลางสองฟากฝั่งรายล้อมไปด้วยเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊จนเต็มพื้นที่ ส่วนตำแหน่งด้านหน้าสุดนั้นคือเหล่าองค์ชายสิบกว่าพระองค์ที่สวมใส่อาภรณ์สำหรับเชื้อพระวงศ์“น้องสิบแปดเอ๋ย ต่อจากนี้ไปพวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน หลายปีมานี้ เจ้าใช้ชีวิตอยู่นอกวัง ตอนนี้ ถึงเวลาที่เจ้าควรจะไปออกแรงแสดงฝีมือที่แนวหน้าเพื่อราชวงศ์บ้างแล้ว!”“เสด็จพ่อทรงมีพระประสงค์ที่จะฝึกฝนเจ้า จึงได้ส่งเจ้าไปยังแนวหน้าเพื่อสร้างผลงาน เจ้าอย่าได้ทำให้ความหวังดีของเสด็จพ่อต้องสูญเปล่าเล่า!”“ฉู่หนิง แม้จะเกิดอยู่ในหมู่สามัญชน แต่เจ้าก็มีสายเลือดของราชวงศ์ ย่อมต้องมีความรับผิดชอบ การเดินทางไปยังแนวหน้าครั้งนี้ หากเจ้ามัวแต่รักตัวกลัวตายจนทำให้ราชวงศ์ต้องเสียหน้า เสด็จพ่อจักต้องลงโทษอย่างหนักแน่นอน!”“ฉู่หนิง ยังไม่รีบขอบพระทั
Read more
บทที่ 2
ของขวัญแรกพบหรือ?องค์รัชทายาทและเหล่าองค์ชายต่างเผยรอยยิ้มเย็นชาที่มุมปากแค่สามัญชนคนหนึ่งยังจะนำของขวัญแรกพบมาด้วย?ด้วยฐานะของพวกเขา ของล้ำค่าหายากอันใดบ้างที่ไม่เคยเห็น จะมาอยากได้ของจากสามัญชนเช่นเจ้าหรือ?ทว่า ฉู่หวยที่ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรกลับเผยสีหน้ายินดีออกมา “ดูท่ามารดาของเจ้าจะสั่งสอนเจ้ามาเป็นอย่างดี นำของขวัญของเจ้าขึ้นมาสิ”อย่างไรเสีย เขาก็เป็นบุตรของเรา ทั้งยังจะถูกส่งไปยังแนวหน้าเพื่อเป็นตัวตายตัวแทนด้วยน้ำมือของเขาเอง จะไม่รับของขวัญของฉู่หนิงเลยก็คงจะไม่ได้กระมัง?ฉู่หนิงหยิบหยกแขวนขนาดครึ่งฝ่ามือออกมาจากอกเสื้อ “นี่คือของขวัญที่ลูกตั้งใจมอบให้เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของฉู่หวยเปลี่ยนไปเล็กน้อย “รีบนำมาให้เราดูเร็วเข้า!”หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงรีบรับหยกแขวนมาทันที จากนั้นยื่นให้ฉู่หวยเมื่อมองหยกแขวนที่ยังคงมีความอบอุ่นซึ่งอยู่ในมือ ฉู่หวยก็เผยสีหน้าหวนรำลึกถึงอดีตนี่คือของขวัญที่เรามอบให้แก่มารดาของฉู่หนิงคาดไม่ถึงว่านางจะเก็บรักษามันไว้ตลอด ทั้งยังส่งต่อให้ฉู่หนิงอีกนาง คงจะเกลียดชังเราที่ไม่เคยไปหานางเลยกระมัง“ของขวัญชิ้นนี้ เราชอบมาก!”เมื่อจ
Read more
บทที่ 3
“หึ แค่ใบชาธรรมดา ๆ แลกกับม้าดีของข้าไปตั้งสิบตัว!”ตำหนักบูรพาองค์รัชทายาทฉู่เวยโกรธจนหน้าเขียว เขาขว้างถ้วยชาในมือลงบนพื้นอย่างแรงแต่แค่นี้ยังไม่หายโกรธ เขากระทืบซ้ำลงไปบนใบชาที่อยู่บนพื้นสองครั้ง แล้วตะโกนออกไปข้างนอก “ใครก็ได้ เอาชาเขียวนี่ไปให้หมากิน!”ชาเขียวนี่ก็เหมือนกับฉู่หนิง แค่เห็นก็รู้สึกขัดหูขัดตา!องค์ชายเจ็ดผู้ซึ่งสนับสนุนองค์รัชทายาทมาตลอดหัวเราะเบา ๆ “ท่านพี่องค์รัชทายาท ไยต้องถือสาหาความกับคนที่กำลังจะตายด้วยเล่า?”“ถือสาหาความหรือ?”องค์รัชทายาทสีหน้ามืดมน “เสด็จพ่อประทานกระบี่คู่กายของเขาให้ฉู่หนิง กระบี่เล่มนั้นควรจะเป็นของข้า หากได้กระบี่คู่กายของเสด็จพ่อมา บารมีและชื่อเสียงของข้าจะเหนือกว่าองค์ชายคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง!”มุมปากขององค์ชายเจ็ดยกยิ้มเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ฉู่หนิงนั่นก็เป็นแค่สามัญชนที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมากนัก หากท่านพี่องค์รัชทายาทไปหาเขาด้วยตนเอง เขายังจะกล้าเก็บกระบี่คู่กายของเสด็จพ่อไว้อีกหรือ?”แค่สามัญชนคนหนึ่ง จะกล้ามาแย่งชิงกระบี่คู่กายของฮ่องเต้กับองค์รัชทายาทได้อย่างไร?ถึงแม้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง แต่ก็
Read more
บทที่ 4
“ฝ่าบาท องค์รัชทายาททรงนำกระบี่คู่กายที่ฝ่าบาทพระราชทานให้เผิงไหลจวิ้นอ๋องไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ภายในพระราชวัง องครักษ์เงาได้นำข่าวล่าสุดที่ได้รับมารายงานฮ่องเต้ที่กำลังจิบชาอยู่แทบจะสำลักน้ำชาพระเนตรเบิกกว้างราวกับระฆังทองแดง!กระบี่คู่กายที่เรามอบให้ฉู่หนิง องค์รัชทายาทกล้าดีอย่างไรถึงได้เอาไป?เจ้าลูกทรพีนี่ ช่างกล้าหาญยิ่งนัก!ความโกรธแล่นขึ้นสู่สมองในชั่วพริบตา น้ำชาที่ติดอยู่ในลำคอถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบาก“บังอาจ!”ฮ่องเต้ทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ตวาดเสียงดังลั่น “ไปเรียกเจ้าลูกทรพีนั่นมาพบเรา!”กระบี่เล่มนั้น เป็นเพียงของที่มอบให้ฉู่หนิงในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้นรอจนฉู่หนิงพลีชีพในสงครามที่แนวหน้า กระบี่เล่มนั้นก็ยังคงเป็นขององค์รัชทายาทอยู่ดี!แต่องค์รัชทายาทรีบร้อนเอากระบี่กลับไปเช่นนี้ หรือคิดว่าเราผู้เป็นฮ่องเต้ไม่มีตัวตนอยู่หรือไร?องครักษ์เงาเหลือบมองฮ่องเต้ที่ทรงพิโรธ มุมปากก็กระตุก ไม่รู้ว่าควรจะพูดความจริงออกไปดีหรือไม่“เจ้ายังจะยืนเหม่ออะไรอยู่ ยังไม่รีบไปถ่ายทอดคำสั่งอีก?”สายพระเนตรของฮ่องเต้เย็นเยียบ ถ้วยชาในมือก็ถูกขว้างลงบนโต๊ะอย่างแรงองครักษ์เงาอธิบายอย
Read more
บทที่ 5
“จวิ้นอ๋อง ท่าน...ท่านคงไม่ได้คิดจะขายหอกเล่มนี้ไปด้วยหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ?”“ทำเช่นนี้มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ หอกเล่มนี้เป็นของที่ฝ่าบาทเคยใช้เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ล้ำค่าหาใดเปรียบ ขายไม่ได้เด็ดขาด!”จ้าวอวี่และกวนอวิ๋นพอเห็นท่าทีของฉู่หนิงก็ร้อนรนขึ้นมาทันทีขายกระบี่คู่กายของฮ่องเต้ไปแล้ว ฮ่องเต้ไม่ทรงลงโทษ นั่นเป็นเพราะความโปรดปรานที่ทรงมีต่อท่านจวิ้นอ๋องแล้วแต่หากจะขายหอกเล่มนี้อีก ฝ่าบาทต้องทรงพิโรธเป็นแน่!ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปาก มองหอกยาวในมือแล้วเอ่ยชมอย่างประหลาดใจ “หอกเล่มนี้เป็นของที่เสด็จพ่อเคยใช้ คงจะมีค่ายิ่งกว่าสินะ!”“อีกไม่นานข้าก็จะต้องไปทัพหน้าแล้ว หากไม่มีเงินมากพอ ทหารเบื้องล่างที่ไหนจะยอมฟังคำสั่งข้า?”กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่พลันนิ่งเงียบไปการพ่ายศึกที่แนวหน้า ไม่ใช่เพียงเพราะขาดแคลนเสบียง แต่ยังมีสาเหตุมาจากเบี้ยหวัดทหารไม่เพียงพอด้วยหากเผิงไหลจวิ้นอ๋องไปมือเปล่า ทหารที่แนวหน้าคนไหนจะยอมฟังคำสั่งขององค์ชายที่ไม่มีทั้งอำนาจ บารมี และเงินทอง?ทุกสิ่งที่เผิงไหลจวิ้นอ๋องทำ ล้วนทำเพื่อเหล่าทหารที่แนวหน้าทั้งสิ้น!ในวินาทีนี้ ภาพลักษณ์ของฉู่หนิงในใจของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
Read more
บทที่ 6
“หากจวิ้นอ๋องต้องการหาคนรับใช้ พรุ่งนี้ข้าน้อยสามารถติดประกาศรับสมัครได้พ่ะย่ะค่ะ”กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่สบตากัน ก่อนจะเอ่ยเสนอขึ้นมาจวนใหญ่โตเช่นนี้ มีเพียงพวกเขาสองคนย่อมดูแลได้ไม่ทั่วถึง จวนจวิ้นอ๋องที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสาวใช้และบ่าวชายได้อย่างไรฉู่หนิงส่ายหน้า “ข้าต้องการผู้คุ้มกัน การเดินทางไปแนวหน้าครั้งนี้ อันตรายยิ่งนัก หากข้าไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้ แล้วจะเอาชนะกองทัพศัตรูได้อย่างไร?”กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่พลันนิ่งเงียบไปจวิ้นอ๋องอุทิศตนเพื่อบ้านเมือง เสี่ยงอันตรายด้วยตนเอง หากไม่มีคนคอยคุ้มกันข้างกาย ย่อมตายอย่างไม่ต้องสงสัย!แม้ศึกครั้งนี้โอกาสชนะจะมีไม่มาก แต่จวิ้นอ๋องในฐานะองค์ชายกลับยินดีเดินทางไปแนวหน้าเพื่อบ้านเมือง รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่ได้แต่ก็ยังจะทำ รู้ทั้งรู้ว่าศึกครั้งนี้ไปแล้วอาจไม่ได้กลับมา แต่ก็ยังมุ่งหน้าสู่สนามรบอย่างไม่ลังเล!ในเมื่อสายเลือดราชวงศ์ยังทำได้ถึงเพียงนี้ แล้วพวกเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?สีหน้าของกวนอวิ๋นพลันจริงจังขึ้น ประสานมือแล้วกล่าวเสียงทุ้ม “จวิ้นอ๋องเข้าใจในหลักการอันยิ่งใหญ่ กวนผู้นี้ยินดีติดตามท่านอ๋องเพื่อรับ
Read more
บทที่ 7
“ฝ่าบาท เผิงไหลจวิ้นอ๋องได้นำคนที่เขาเพิ่งรับเข้ามาใหม่มุ่งหน้าไปยังทิศใต้ของเมือง ข้าน้อยคาดว่าเขาน่าจะไปที่ร้านตีเหล็กพ่ะย่ะค่ะ”ภายในพระราชวัง องครักษ์เงาคุกเข่าข้างหนึ่งรายงานฮ่องเต้ที่ทรงฉลองพระองค์เรียบร้อยแล้ว พยักหน้าเล็กน้อย บนใบหน้าปรากฏความพึงพอใจ“ไปร้านตีเหล็ก ย่อมเป็นเพราะเรื่องอาวุธ ในที่สุดฉู่หนิงก็ทำเรื่องที่ทำให้เราพอใจเสียที”ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้อ พลางเสด็จไปยังนอกตำหนัก แย้มพระสรวลแล้วตรัสว่า “ไปว่าราชการ!”องครักษ์เงาอ้าปากค้าง คำพูดที่มาถึงริมฝีปากแล้วก็ถูกกลืนกลับลงไปอย่างยากลำบากยากนักที่ฮ่องเต้จะทรงเกษมสำราญเช่นนี้ จะไปขัดพระทัยฝ่าบาทไม่ได้!หวังว่าการเดินทางครั้งนี้ของเผิงไหลจวิ้นอ๋องจะสามารถตีอาวุธได้อย่างราบรื่นเถอะ!ในขณะนั้น ภายในตำหนักบูรพา องค์รัชทายาทที่กำลังคัดลอกพระคัมภีร์อยู่ก็ได้รับข่าวเช่นกัน“อะไรนะ ฉู่หนิงพาคนไปที่ร้านตีเหล็กที่น้องรองมอบให้เขาหรือ?”“จริงแท้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ คนของเราจับตาดูอยู่ตลอด” องครักษ์ส่วนตัวขององค์รัชทายาทที่สวมชุดเกราะตอบเสียงทุ้มองค์รัชทายาทหรี่ตาลง ดวงตาฉายแววเยือกเย็นแวบหนึ่งเจ้าฉู่หนิงสารเลว ก่อนตายยังทำ
Read more
บทที่ 8
“จวิ้นอ๋องจะตีอาวุธด้วยตนเองหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เซียวหมิงแสร้งทำท่าทางตื่นตระหนก “ทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด หากฝ่าบาททรงทราบเข้า จะต้องลงโทษพวกเราอย่างหนักเป็นแน่” หลุมพรางน่ะ ขุดรอฉู่หนิงไว้ก่อนแล้วรอจนเบื้องบนสืบสวนเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็จะสามารถปัดความรับผิดชอบได้อย่างสะอาดหมดจดฉู่หนิงขมวดคิ้ว บนใบหน้าเผยสีหน้าไม่พอใจ “ข้าตีอาวุธก็ไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อให้เหล่าผู้คุ้มกันมีอาวุธใช้ในสนามรบ!หากเสด็จพ่อจะทรงลงโทษ เช่นนั้นก็ให้ลงโทษข้าคนเดียวเถิด!หากกรมกลาโหมจะสืบสวน ก็ให้ข้ารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวเถ้าแก่เซียวออกไปเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าและช่างตีเหล็กทุกคน!”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนซาบซึ้งใจอย่างยิ่งพวกเขาเป็นเพียงทหารผ่านศึกที่ถอยกลับมาจากแนวหน้า หลายคนกล่าวว่าพวกเขาเป็นทหารหนีทัพ ด้วยเหตุนี้จึงดูถูกพวกเขาหลายปีมานี้ เพราะความพ่ายแพ้ในครั้งนั้น พวกเขาจึงถูกมองด้วยสายตาเย็นชาและถูกปฏิบัติอย่างหมางเมินมาโดยตลอด ไม่มีใครสนใจพวกเขาเลยแต่วันนี้ เพื่อให้พวกเขามีอาวุธที่ถนัดมือ ฉู่หนิงถึงกับยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียวในวินาทีนี้ ท่าทีที่พวกเขามีต่อฉ
Read more
บทที่ 9
“ฆ่าคนหรือ? ไม่จำเป็นหรอก”ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย กล่าวอย่างเย็นชา “ข้ากำลังจะไปแนวหน้า การต่อสู้แย่งชิงอำนาจในเมืองหลวงไม่เกี่ยวกับข้า การฆ่าคนไม่มีประโยชน์อันใดต่อข้า”กวนอวิ๋นชะงักไปเพื่อความปลอดภัยของแนวหน้า จวิ้นอ๋องยอมที่จะไม่รักษาหน้าตาของตนเอง กระทั่งไม่คิดจะต่อสู้แย่งชิงกับองค์ชายคนอื่น ๆ หากในราชสำนักมีคนสนับสนุน จวิ้นอ๋องต่างหากคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะสืบทอดบัลลังก์น่าเสียดายที่การไปแนวหน้าครั้งนี้ มีโอกาสตายมากกว่ารอดมากนัก เกรงว่าทั้งชีวิตนี้จวิ้นอ๋องคงไม่มีโอกาสเช่นนั้นแล้ว“เอาละ ไม่ต้องไปสนใจเซียวหมิงผู้นั้น ต่อไปนี้ข้าจะสอนวิธีการตีเหล็กแบบหนึ่งให้พวกเจ้า”ฉู่หนิงหยิบเหล็กดิบที่ถูกตีเป็นรูปทรงของดาบขึ้นมา กล่าวอย่างช้า ๆ “วิธีนี้เรียกว่าร้อยหลอมกลายเป็นเหล็กกล้า!”หลังจากที่ได้เห็นกระบี่คู่กายและหอกประจำตัวของฮ่องเต้แล้ว ฉู่หนิงก็มั่นใจว่ายุคสมัยนี้ยังคงหยุดอยู่ที่ยุคเหล็กอาวุธทั้งหมด ล้วนทำมาจากเหล็กและครั้งนี้ เขาจะหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้า เพื่อสร้างอาวุธถนัดมือให้ผู้คุ้มกันของตนเองภายใต้การสอนของฉู่หนิง เหล่าทหารผ่านศึกก็เริ่มลงมือตีเหล
Read more
บทที่ 10
ภายในร้านตีเหล็ก เปลวไฟในเตาลุกโชน อุณหภูมิที่ร้อนระอุทำให้เหล่าทหารผ่านศึกทั้งหมดต้องถอดเสื้อท่อนบนออกภายใต้การสอนของฉู่หนิง พวกเขานำเหล็กดิบในมือมาตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า!ที่เรียกว่าร้อยหลอมกลายเป็นเหล็กกล้า ไม่ใช่แค่การตีเหล็กหนึ่งร้อยครั้ง แต่คือการตีเหล็กให้มีความแข็งแกร่งจนถึงมาตรฐานของเหล็กกล้าหนึ่งร้อยครั้งเป็นเพียงแนวคิด การจะเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ทำให้เหล็กกลายเป็นเหล็กกล้าได้นั้น เป็นกระบวนการที่ยาวนานอย่างยิ่งโชคดีที่สภาพร่างกายของเหล่าทหารผ่านศึกนั้นแข็งแกร่ง คนกว่าสามสิบคนแบ่งงานกันอย่างเป็นระบบ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง สถานการณ์ในร้านตีเหล็กเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีความวุ่นวายเลยแม้แต่น้อยฉู่หนิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ด้วยความเร็วระดับนี้ อีกสามวันก็จะสามารถตีอาวุธออกมาได้หนึ่งชุด!”มีผู้คุ้มกันแล้ว จะไม่มีอาวุธได้อย่างไรการเดินทางไปแนวหน้าครั้งนี้ย่อมอันตรายอย่างยิ่ง การรักษาชีวิตน้อย ๆ ของตนเองไว้คือสิ่งสำคัญที่สุดความสามารถของฉู่หนิงมีจำกัด ไม่สามารถจัดหาอาวุธเช่นนี้ให้แก่ทหารที่แนวหน้าได้ทั้งหมด แต่การติดอาวุธให้แก่ผู้คุ้มกันขอ
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status