LOGINฉู่หนิงทะลุมิติมาเป็นองค์ชายแห่งต้าฉู่ ทว่า องค์รัชทายาทต้องการให้เขาเป็นตัวตายตัวแทน! ท่านหญิงก็ไม่เต็มใจจะแต่งกับเขา! แม้กระทั่งฮ่องเต้ ยังต้องการส่งเขาไปตาย! ดังนั้น ฉู่หนิงจึงทำได้เพียงฝึกฝนกองกำลังอันไร้เทียมทานขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเอง! ฮ่องเต้ : ฉู่หนิง องค์รัชทายาทมีอำนาจมากนัก เจ้ามีกำลังพลสองแสนนายในมือ พ่อขอยืมได้หรือไม่? องค์รัชทายาท : น้องสิบแปด พวกเรามาจัดการเสด็จพ่อกันเถอะ แล้วมาแบ่งแผ่นดินกันคนละครึ่ง! ท่านหญิง : พวกเราควรจะเข้าหอกันได้แล้ว
View Moreแต่ก็มีคนก้าวออกมาคัดค้านทันที “ฮึ่ม ใต้เท้าเหอดูแลกรมโยธาธิการ หากย้ายไปกรมการคลัง ใครจะรับผิดชอบงานของกรมโยธาธิการ?”“ถูกต้อง ใต้เท้าเหอไม่เหมาะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง ให้ใต้เท้าจางดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังเหมาะสมกว่า”“ใต้เท้าจางไม่เหมาะ ให้ใต้เท้าเผิงดำรงตำแหน่งเหมาะสมที่สุด”“ฝ่าบาท ในความเห็นของกระหม่อม ใต้เท้าโม่เหมาะกับตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังที่สุด”ทุกคนพากันก้าวออกมา ปกป้องผู้ที่ตนเองจงรักภักดีตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังมีความสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาต้องแย่งตำแหน่งนี้มาให้เจ้านายของตนเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปอยู่ในราชสำนัก จะตกอยู่ใต้อำนาจผู้อื่นแต่พวกเขายิ่งทะเลาะกัน รอยยิ้มบนใบหน้าฉู่หนิงก็ยิ่งกว้างทะเลาะเลย ทะเลาะเยอะๆ ทะเลาะจนทำให้เสด็จพ่อรำคาญพวกเจ้า ถึงเวลานั้น ตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังก็จะเป็นของหลิวโส่วเริ่นเจ้าพวกนี้ยังคิดจะฉวยโอกาส แต่หารู้ไม่ว่าเสด็จพ่อ ถนัดเรื่องการถ่วงดุลอำนาจมากที่สุดตอนนี้พวกเจ้าแต่ละคนให้ขุนนางที่สนับสนุนตนเองออกมาร่วมวงด้วย นี่ไม่เท่ากับกำลังบอกฮ่องเต้ว่า : คนพวกนี้เป็นคนของพวกเจ้า!ด้วยนิสัยของฮ่องเต้ ไม่มีทางปล่อยให้ฝ่ายใด
“เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าใต้เท้าหลิวเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง!”ฉู่หนิงก้าวออกมาพูดแทนหลิวโส่วเริ่น “ในช่วงนี้ ขุนนางกรมการคลังขาดแคลน ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถจัดการได้ทันท่วงที ใต้เท้าหลิวเป็นคนประคับประคองกรมการคลังมาโดยตลอดดูจากใต้เท้าหลิวจัดการงานของกรมการคลังในช่วงที่ผ่านมา เขาสามารถดำรงตำแหน่งนี้ได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”การมีคนในราชสำนักย่อมทำให้ทำงานง่ายขึ้น หากสามารถควบคุมกรมการคลังที่เป็นหนึ่งในหกกรม ก็เท่ากับมีหูตาอยู่ในราชสำนักนี่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาปิงโจวในอนาคตอย่างมากยิ่งไปกว่านั้น หลิวโส่วเริ่นมีพื้นเพมาจากปิงโจว และยังเคยเป็นเจ้าเมืองเมืองติ้งเซียง มีความผูกพันกับปิงโจว หลังจากกลายเป็นเสนาบดีกรมการคลัง จะต้องหาวิธีดูแลปิงโจวแน่นอนราชสำนักในอดีต ท้องพระคลังขาดแคลน กรมการคลังมีแต่ชื่อ ไม่มีอำนาจมากนักแต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว ท้องพระคลังได้รับเงินมากมายเช่นนั้น กรมการคลังในอนาคต เป็นเนื้อก้อนโตเลยทีเดียว!แต่ก็เพราะเป็นเนื้อก้อนโต องค์รัชทายาทกับองค์ชายคนอื่นๆ ก็อยากชิงดูสักตั้ง!ทันทีที่สิ้นเสียงฉู่หนิง องค์รัชทายาทก้าวออกมาคัดค้านเป็นคนแรก“น้องส
เพราะอย่างไรเสีย ฉู่หนิงก็เป็นคนทวงเงินกลับคืนมาทันทีที่สิ้นเสียง ขุนนางที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์รัชทายาทก้าวออกมาสนับสนุนทันที เมื่อองค์ชายรองและคนอื่นๆ เห็นดังนี้ก็หันไปสบตากัน จากนั้นก็พากันเห็นด้วย เวลานี้ ขุนนางคนอื่นๆ จึงจะเข้าใจเหล่าองค์ชายเห็นพ้องต้องกัน!แต่มาลองคิดดูมันก็ถูก ครั้งนี้ฉู่หนิงได้สร้างความดีความชอบอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ทำให้เขาเด่นเกินหน้าเกินตา ในฐานะองค์ชาย ใครก็ต้องหวั่นเกรงในเรื่องของการพระราชทานรางวัล เหล่าองค์ชายย่อมไม่อยากให้ฉู่หนิงได้เปรียบเหล่าขุนนางที่เข้าใจแล้ว ก็พากันก้าวออกมาสนับสนุน“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทพูดถูก!”“ชีวิตของฉู่อ๋องในปิงโจวลำบากมาก เมื่อก่อนราชสำนักไม่มีเงิน ได้แต่ปล่อยให้ฉู่อ๋องพึ่งพาตนเอง ตอนนี้ราชสำนักมีเงินแล้ว ก็ควรดูแลฉู่อ๋องเป็นพิเศษ!”“กระหม่อมก็รู้สึกว่าควรพระราชทานเงิน”“ขอฝ่าบาทโปรดทรงมีพระราชโองการ!”คำพูดของขุนนางบุ๋นบู๊ ทำให้หลิวโส่วเริ่นที่เป็นผู้รักษาการณ์กรมการคลังทนดูต่อไปไม่ได้แล้วเขาก้าวออกมากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ฝ่าบาท ฉู่อ๋องช่วยราชสำนักทวงเงินกลับคืนมานับร้อยล้าน ช่วยแก้ปัญหาท้องพระคลังขาดแ
วันต่อมา ยามเหมายามเช้าในเดือนห้า ท้องฟ้าสว่างจนมองเห็นชัดฉู่หนิงสวมชุดอ๋องสีม่วง ควบม้ามาถึงหน้าประตูพระราชวัง“คำนับท่านอ๋อง!”หน้าประตูพระราชวัง ขุนนางหลายคนพากันประสานมือคารวะฉู่หนิงสามารถทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ยอมอ่อนข้อเพียงลำพัง ทั่วราชวงศ์ต้าฉู่มีเพียงฉู่หนิงที่ทำได้ไม่ว่าเหล่าขุนนางจะอยู่ฝ่ายใด ล้วนชื่นชมฉู่หนิงมากฉู่หนิงกวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง พยักหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี”ขณะที่กำลังพูด มีเสียงกีบเท้าม้า องค์ชายรองฉู่หมิงควบม้ามาถึงแล้ว“น้องสิบแปด ช่างหน้าใหญ่จริงๆ!” องค์ชายรองมองฉู่หนิงที่ถูกทุกยกยอจนแทบตัวลอย แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“พี่รองล้อเล่นแล้ว ข้าเพิ่งมาถึงเอง เป็นเพราะขุนนางทุกท่านเกรงใจเกินไปต่างหาก”“พอแล้ว รีบเข้าไปเถิด การประชุมเช้ากำลังจะเริ่มแล้ว”เมื่อกล่าวจบ องค์ชายรองพลิกกายลงจากม้า แล้วเดินตรงไปที่ประตูของพระราชวังฉู่หนิงพลันยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรมากที่หน้าประตูตำหนักจินหลวน มีองค์ชายและขุนนางมารออยู่แล้ว เมื่อเห็นองค์ชายรองกับฉู่หนิงเดินมา ก็พากันคารวะองค์รัชทายาทเพียงกวาดมองฉู่หนิงด้วยสีหน้าไร้อารม
Ratings
reviewsMore