LOGINโกดังคลังอาวุธ เหล่าอัลฟาเลือกที่จะใช้สถานที่ตรงนี้เป็นที่ประชุม จะเรียกว่าเป็นการกระชับมิตรก็คงไม่ใช่ทั้งหมด ใช้คำเร่งด่วนจะดีกว่า
สายรายงานมาว่า อีกไม่กี่วันคู่แข่งทางการค้าจะใช้พื้นที่สีแดง โดยมีผู้อำนาจไม่ใช่แค่คนกลุ่มเดียว ทว่ามากกว่าสิบ และมีเป็นตับ มาซุ่มค้าอาวุธ ซึ่งมันจะไม่มีปัญหาเลย หากลูกค้ากลุ่มนั้นไม่ใช่ลูกค้าเก่าแก่ของโคโรธี ทอน บุคคลในประวัติศาสตร์สมัยรุ่งเรืองกาลที่ลาโลกนี้ไปแล้ว เขาเป็นคนขึ้นชื่อในเรื่องความอำมหิต และมีความแกร่งพอที่จะหาเม็ดเงินเข้าเซฟตัวเองได้เร็วกว่าจรวดทั้งที่นั่งอยู่บนวีลแชร์
ใช่ ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มีใครแย่งมาก็บ้าแล้ว โครทิส เวเดโน่ ผู้นำใหม่ หนึ่งในอัลฟาที่มีอิทธิพลไม่น้อยในเรื่องสั่งการได้ เก่งที่สุดในด้านวางแผนยุทธศาสตร์ และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทุกเรื่อง ทว่าไม่นานมานี้กลับถูกลบฉายานี้ไป เพียงเพราะไม่สามารถกู้ระเบิดตรงหน้า ความผิดพลาดใหญ่หลวงครานั้น จึงหลอกหลอนเขาเป็นต้นมา เพียงแค่หลับตาภาพทุกภาพก็จะปรากฏขึ้น
' หนีไปครับนาย '
' กูไม่ใช่นายมึง '
' ไม่ว่าจะเป็นใคร หากแต่เป็นหนึ่งในอัลฟา ล้วนแต่เป็นนายของผมทั้งนั้น หนีไปครับ '
' มึงคิดว่ากู...เป็นคนขี้ขลาดขนาดนั้นเลยเหรอวะ!!! '
' ขาผมถูกคานทับ แค่นายคนเดียวไม่สามารถช่วยผมได้หรอก ไม่อยากให้ผมมองนายว่าขี้ขลาด ได้โปรด ช่วยนายท่านด้วย'
' ไอ้ครูซมันไม่ตายง่ายๆ หรอกโว้ย!!! '
เขาจำได้ติดตา ราวกับฝันร้าย ภาพซากปรักหักพังที่พากันหล่นลงทับร่างลูกน้องของเพื่อนเขา หลังจากกระโจนมาผลักเขา และรับไว้แทน จริงๆ แล้ว ที่ตรงนั้น ควรเป็นเขาต้องนอนอยู่ด้วยซ้ำ ทว่า....
' นายครับ...อึก... ไว้กลับมาช่วยผมก็ได้..'
เขานึกไม่ถึงว่าจะมีระเบิดอีกลูก ที่ลูกน้องเขากำไว้ และจงใจปิดบังเขา
' กู...'
' นะครับ ผมไหว ..บอกคุณเรกาโด ว่าท่านกำลังถูกพ่อบุญธรรมหักหลัง รวมถึงท่านประธานด้วย '
' มึงว่าไงนะ! '
' ตอนนี้ที่นั่น คงระเบิดก่อนเวลาไปแล้ว ...ได้โปรด '
' สัญญากับกู ว่ามึงจะแข็งใจ ระหว่างนี้กูจะตามคนมาช่วย '
' ผม...สัญญา '
' ตามนั้น '
'นายครับ! เดี๋ยว....'
' จะสั่งเสียหรือ? กูไม่ให้มึงสั่งหรอก เพราะมึงจะต้องไม่ตาย เข้าใจไหม! '
' ผม...มีครอบครัว ที่เอเชีย..ผมอยากให้นาย..'
' หุบปาก! แล้วนอนเฉยๆ กูจะตามคนมาช่วย ขืนมึงยังชวนกูคุย มึงได้ตายจริงๆ แน่ ...'
โครทิสไม่รอให้ลูกน้องพูดจบ แต่เลือกที่จะวิ่งออกมา เพื่อตามคนมาช่วย หวังให้เขานั้นรอด จึงไม่ได้ยินคำนี้จากปากเขา กลับเป็นบอดี้การ์ดที่ทำงานคู่กันกับเขาแทน
ในขณะนั้นพวกเขาถูกมอบหมายให้ทำงานร่วมกัน อีกคนนึงดูแลนายหญิง จึงไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่กดหูฟังให้ลึกที่สุด เพื่อฟังคำสั่งเสียของเพื่อน
' นายครับ....'
และนั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนระเบิดจะทำงาน ลูแคนข่มตาสั่นระริก พร้อมเสียงสะอื้นไห้ และอุ้งมือที่กำเข้าหากันแน่น ต่างกับเวเดน ที่ไปได้เพียงครึ่งทาง กลับต้องหันกลับมาใหม่
บึ้ม!
'โทมัส!!! '
ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน เพียงแค่หลับตาลงแล้วนึกถึง หรือนั่งนิ่งๆ ปล่อยจิตให้ว่าง หัวใจที่เคยแกร่งอย่างเวเดโน่ก็มักจะถูกบีบทุกทีไป
ยิ่งเวลาเข้าช่วงค่ำ ความเหงาก็ยิ่งคืบคลาน ถึงที่นี่จะกว้างใหญ่ไพศาล อยู่สุขสบายและหรูหรา เกินปัญญาที่ชาตินี้ใครอื่นจะหามาได้ แต่ใช่ว่าจะเป็นความต้องการของไศลา หญิงสาวชาวไทยที่ชอบไลฟ์สไตล์แบบบ้านๆ มากกว่า
ทว่ามีเหตุจำเป็นที่เคยกล่าวไว้ข้างต้น ต่อเหตตุผลที่มาอยู่ที่นี่ บัดนี้เมื่อถึงเวลาต้องอยู่จริงๆ และใช้ชีวิตจริงๆ จึงปราศจากความสุขไปโดยปริยาย
จะทำยังไงให้มันผ่านพ้น ในเมื่อสถานที่คือที่พึ่ง แต่ที่พึ่งที่ว่าไร้คนที่เธอรู้จักสนิทด้วย
" โทรหาแม่ดีกว่า ตอนนี้ที่นั่นน่าจะเป็นตอนกลางวัน "
เป็นครั้งที่สามที่เธอจับโทรศัพท์คิดจะโทรหาแม่ สายปลายทางดังเป็นช่วง ก่อนจะขาดหายไปเมื่อมีคนกดรับ
" แม่! ^^ "
แต่แล้ว ..
การทักทายของเธอราวกับจะฆ่าให้ตาย ยายแก้วตกใจหนักถึงกับปล่อยตะกร้าที่ถืออยู่ล่วงหลุดมือ
(ตาเถร..!)
" ตกใจเหรอแม่ ฮ่าๆๆ "
(ไศลา! เอาอีกแล้ว สอนไม่รู้จักจำ ทำไมนะ ทำไมถึงทำตัวไม่เหมือนกับคนอื่น)
" โธ่ แค่ทักทายเองแม่ ทำไมต้องบ่นด้วยเนี่ย ว่าแต่แม่เป็นยังไงบ้างอ่ะ "
เธอปั้นหน้ายับยู่ยี่ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย หวังกลบเกลื่อนความตกใจของแม่
(สบายดี แล้วลูกล่ะ?)
" ดีสิแม่ งานดีจะตาย "
เธอโกหกกลอกตามองบน เพื่อกลั้นน้ำตาแห่งความคิดถึงที่กำลังเอ่อล้นคลอเบ้าไม่ให้ไหล กลัวแม่จะจับได้ แค่ได้ยินเสียง ราวกับได้สูดบรรยากาศของที่โน่น ยิ่งทำให้เธออ่อนแอ
(ดีแล้วล่ะ แม่จะได้หมดห่วง)
" แม่พูดอะไรน่ะ หมดห่วงอะไร ต้องเป็นห่วงไศต่อไปสิ "
(ไศ อย่าเสียงดังสิลูก)
" ก็แม่พูดแบบนี้ ไศใจคอไม่ดีนี่ "
(เฮ้อ เด็กคนนี้นิ ว่าแต่..เจอพี่ศิลป์หรือยัง)
สุดท้ายบทสนทนาระหว่างเธอกับแม่ มักจะสะดุดกึกเสมอ เมื่อเจอคำถามนี้ นี่คือสาเหตุที่เธอไม่อยากจะติดต่อกลับไปบ่อยๆ หากคิดถึงมากก็แค่อดทนอดกลั้นเอาไว้ คำถามของแม่มันบั่นทอนจิตใจของเธอประตำ
" ยังเลย..จ้ะ"
เธอโกหก บอกเสียงแผ่ว อันที่จริงก็ไม่อยากเชื่อจะเชื่อเรื่องที่เขานั้นตาย แต่การมีชีวิตอยู่ก็เหมือนจะเลือนลาง คนติดต่อกันไม่ได้เป็นปีๆ ขนาดนี้ ความหวังที่จะมีชีวิตรอดคงยาก
(อะไรกัน?)
" เขาย้ายที่ทำงานน่ะแม่ ไศถามคนที่นี่แล้ว เขาบอกแบบนั้น แต่ย้ายไปไหนนี่ ไม่มีใครรู้จ๊ะ เอาไว้ไศจะหาเวลาตามหาเขานะจ้ะ ยังไง..ก็ไม่ยากเกินความสามารถหรอก "
เธอคงไม่บอกใคร และไม่ให้ใครรับรู้ ว่าการคุยกับแม่ บุคคลที่เธอไม่เคยปิดบัง บัดนี้นิ้วชี้กับนิ้วกลางกลับไขว้กันเสียแล้ว จะทำยังไงได้ล่ะไศลา แกคงไม่อยากให้แม่ตายหรอกใช่ไหม
(งั้นหรือ?)
" ว่าแต่แม่ ไศส่งเงินไป แม่ได้รับไหมจ้ะ "
(ได้สิ อ้อ ไอ้สรรค์มันเอาไปจ่ายค่าหนังสือมันด้วยนะ เห็นว่าเป็นวิชาอะไรสักอย่างที่มันโง่กว่าเขานี่ล่ะ เอามาอ่านก่อนสอบ)
" ฮ่าๆๆ ช่างมันเถอะแม่ ให้มันเต็มที่กับการเรียนไปเลย พอใช้ใช่ไหมจ้ะ "
(พอสิลูก เหนื่อยก็พักซะล่ะ อย่าหักโหมมาก เงินมันไม่สำคัญเท่ากับความสุขของลูกแม่หรอก อย่าเป็นเหมือนพี่แกล่ะ รายนั้นน่ะไม่เคยถามแม่เลยว่าแม่ต้องการอะไร เฮ้อ)
" อึก.."
(ถ้าเจอมันก็บอกให้มาหาแม่บ้างนะ แม่แก่แล้ว)
แต่ก็ช่างเถอะ สำหรับเธอ หากการโกหกมันทำให้แม่สบายใจและอารมณ์ดีได้ เธอก็ยินดีจะทำ ไศลาปาดน้ำตาตัวเองทิ้ง คุยต่ออีกไม่กี่คำ ก่อนหาโอกาสวางสาย เพราะกลัวแม่จะจับได้ว่าเธอนั้นกำลังร้องไห้อยู่ แล้วจึงมานั่งกอดเข่า มีคำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัว ที่คำถามนั้นกลับหาคำตอบไม่ได้
..จะเริ่มต้นยังไงดี? ยังมีความหวังอยู่อีกไหม ในเรื่องพี่ชายของเธอ
" ใช่! คุณโครทิส ต้องรู้เรื่องนี้สิ ...กลับมาหรือยังนะ "
พื้นที่ว่าง อันที่แคบเป็นพื้นของบริวาร ส่วนบริเวณกว้างของพื้นที่ทั้งหมดเป็นของเขา...เวเดโน่
ไศลาต้องการพบคนๆ นี้ ทว่ากว้างใหญ่ขนาดนี้จะไปหาเจอได้ที่ไหน
" มุมโปรดของเขาอยู่ตรงไหนน้า"
เธอหันซ้ายหันขวามองหาจนเมื่อยคอก็ยังไม่พบ อย่าว่าแต่พบ เงาหัวก็ยังไม่เห็น จึงหยุดตั้งหลักอยู่กลางห้องโถงที่เจอเขาเมื่อตอนกลางวันก่อน เพราะไม่กล้าเดินซี้ซั้วเข้าไปในห้องอื่น ช่างโชคดีที่หันไปเห็นสาวใช้คนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงได้ยืนมึนอยู่ตรงนี้ค่อนคืนแน่
" คุณผู้หญิง มีอะไรให้รับใช้คะ"
ในขณะหล่อนเดินมาหยุดตรงหน้า และเอ่ยถามเสมือนเดาใจเธอออก
" มี..นิดหน่อยน่ะ "
หญิงสาวยิ้มตาหยี แกว่งแขนไปมา เรียกได้ว่าไม่มีสมาธิอยู่กับเนื้อกับตัว ความเคอะเขินกำลังถามหา เกิดมาอายุยี่สิบกว่าปี ยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน พวกเขาทำกับเธอประดุจดั่งเจ้าหญิง หรือ ซินเดอเรลล่ารองเท้าแก้วยังไงยังงั้น
" ได้ค่ะ "
" ก่อนอื่น ถามก่อน คุณชื่ออะไร "
" ดิฉันชื่อ เดซี่ค่ะ "
" อืม..เดซี่ เธอน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับฉันนะ เรียกไศลาเฉยๆ เถอะ ฉันไม่ชอบ มันน่าอึดอัด "
แต่แล้ว...
เธอกลับเลือกที่จะปฏิเสธมันทิ้ง ไม่ยอมทำความคุ้นชินกับสิ่งที่ได้มา จะลืมตัวไม่ได้ นี่น่ะคือไศลา ไม่ใช่ซุปเปอร์โมเดล
" ไม่ได้หรอกค่ะ "
ทว่า สาวใช้กลับส่ายหน้า ส่วนเธอกลอกตามองบน
" ว่าล่ะเชียว เขาสั่งให้เรียกแบบนี้สินะ"
" ใช่แล้วค่ะ "
" แล้วเขาได้สั่งหรือเปล่า ว่าให้เธอดูแลฉันเป็นอย่างดี? " ไศลาเลิกคิ้ว ลองเชิงถาม
" สั่งค่ะ "
" ฉันอยากได้อะไร ก็ต้องได้? "
" ใช่ค่ะ "
" และห้ามขัดใจฉัน? "
" ค่ะ "
" งั้น ..ถ้าฉันขอออกคำสั่งให้เธอมาเป็นเพื่อนกับฉัน เธอจะว่ายังไง? "
" คะ คุณผู้หญิง "
จบประโยคนี้ สาวใช้ถึงกับหน้าสลด หล่อนก้มหน้างุน บ่งบอกถึงความลำบากใจ
" นี่คือคำสั่ง "
ทว่า ไศลากลับเน้นคำทำหน้าจริงจัง เบี่ยงไปทางข่มเหงทางสายตา เธอจ้องเข้าไปในตาลึก กระทั่งคนถูกสั่งปฏิเสธไม่ได้
" ค่ะ..."
" เยี่ยม งั้นคืนนี้เธอมานอนกับฉันนะ "
" คะ?!! "
" อย่าทำหน้าแบบนั้น ฉันไม่ชอบ "
" แต่ว่า คุณเวเดโน่ "
" เวเดโน่ทำไมเหรอ? "
เรียกได้ว่าไม่มีโอกาสได้ค้าน เธอจ้องตาหล่อนอีกระลอก พร้อมคำถามราวกับต้องการคำตอบที่เด็ดขาด
ทว่า เหมือนโชคเข้าข้างสาวใช้
เมื่อมีใครคนนึงเดินเข้ามา ในขณะที่หล่อนกำลังอ้ำอึ้ง เสมือนเป็นเทพบุตรมาช่วยชีวิต
" เขาไม่เต็มใจ จะไปบังคับกันทำไมเล่า"
เขาเดินเชื่องช้าหน้าเปื้อนยิ้มแต่ไกล ก่อนจะมาหยุดตรงหน้าเธอ สาวใช้จึงใช้จังหวะนั้นเอาตัวรอด โค้งหัวให้เธอทีนึง แล้วถอยออกไป
" คุณซันดรู ..."
" ดีใจนะ ที่เธอจำได้ "
" มาหาคุณโครทิสเหรอคะ "
" แค่ครึ่งนึงน่ะ อีกครึ่งนึงมาหาเธอด้วย"
" หะ มาหาไศ.."
เธอชี้มาที่ตัวเอง ทำหน้าเหวอ ก่อนจะเหวอหนักกว่าเก่ากับประโยคนี้ พร้อมหน้าคนพูดที่แสนจะทะเล้น
" ใช่ มาเอาคำตอบว่ายังอยากจะเป็นเมียฉันอยู่รึเปล่า? "
" หือ! O.O บะ บ้า! "
ซึ่งการโผล่มาครั้งนี้ของเขา ทำสีหน้าของไศลาเปลี่ยนไปเลยในทันที ย้อนกลับไปนึงถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนั้นยังอายไม่หาย ไศลาหน้าแดงก่ำ ทำอะไรไม่ถูก
" อายหรือ? " แดงระเรื่อ จนซันดรูยังรู้สึกได้
" คะ? "
" หน้าเธอแดงมากเลยนะ "
เขายื่นมือเตรียมจะจับแก้ม แต่แล้วกล้บมีเสียงใครอีกคนนึงเข้ามาแทรกเสียก่อน
" แฮ่ม! "
ไศลาถอยหลบ หันไปตามเสียงที่ว่า พร้อมกับซันดรูที่กำลังยิ้มกว้าง ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร แต่หารู้ไม่ เขากำลังทำหัวใจน้อยๆ ดวงหนึ่งหวั่นไหว
" มานานแล้วเหรอ? " เวเดโน่ถาม
" สักพัก.." ส่วนซันดรูตอบ
"กูรอมึงอยู่ "
" ได้ ไปกัน "
พวกเขาคุยกันด้วยน้ำเสียงที่ปกติ แต่สายตากลับจับจ้องมาที่ไศลาเป็นจุดเดียว ซึ่งกำลังยื่นหน้าซีดอยู่
... ทำไมนะ ทำไมถึงหมดความเป็นตัวของตัวเองทุกครั้งที่พวกเขาทั้งคู่มาเจอกันทุกที!
ลำพังสงครามนอกฐานวุ่นวายมากพออยู่แล้ว เขาต้องมาจัดการกับสงครามภายในอีกหรือ เรกาโดคิดชีวิตที่ผ่านมาเป็นเช่นไรเขาย่อมรู้ดี การเป็นมาเฟียไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องมีความแกร่งเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ควบคู่กับความอดทนก็จริง ทว่าไม่ได้หมายความว่าจะเพียงพอสำหรับพวกเขายังต้องรับมืออีกเยอะ กับศัตรูรอบด้าน นับร้อยนับพันเรียกได้ว่าเป็นโขยง ไหนจะความโลภ ทรยศหักหลัง และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายแต่แล้ววันนี้กลับต้องมายืนดูในขณะในใจสำเนียกรู้แน่ชัดเป็นอย่างดีว่านั่นคือสหายตนหนึ่ง เพื่อนร่วมสาบานที่ไม่ต่างกับคนอื่นๆเพียงแค่เขามีความผิด ซึ่งวัดระดับความรุนแรงไม่มีใครรู้ปริมาณเทียบเท่าด้วยซ้ำ ถ้าหากจะให้รู้เล่าก็ ที่รู้มันย่อมผ่านไปได้ทุกเมื่อหากมันไม่เหนือคำว่า..อภัยใช่แล้ว! อย่างเวเดโน่ไม่มีวันอ่อนข้อให้ใครหรอกเว้นแต่อีกฝ่ายจะยอมยกธงขาวก่อนเท่านั้นโดยเฉพาะซันดรู!ชายร่างสูงอกผายไหล่ผึ่ง ก้าวฉับๆ จากประตูทางเข้าไปยังบาร์ที่มีไว้สำหรับนักดื่มขวับ!ก่อนจะแย่งของในมือ ไปอย่างแรงจนมันปลิวเพล้ง!เสียงแตกหักจากการกระเด็นกระดอนดังตามหลังผู้คนพากันแตกตื่น บ้างก็นั่งนิ่ง บ้างก็ถอยห่าง ทว่าไม่มีใครเลยที่จะ
เตียงนอนสั่นคลอนถี่ปานแผ่นดินไหว นั่นคงเป็นเรื่องปกติของคู่อื่นทั่วไป ใช่สองคนนี้ คนเจ็บด้วยบาดแผลฉกรรจ์คนนึงซึ่งเพิ่งจะทุเลาลง กับอีกคนไม่ต่างจากหญิงชราเพราะหมดสภาพความแข็งแกร่งไปกว่าครึ่ง หล่อนไม่ใช่หญิงสาวมาดมั่น คิดจะกระโดดตามอำเภอใจอย่างเมื่อก่อนได้อีกแล้ว เพราะภายใต้เนื้อหนังตรงกลางกายมีอีกหนึ่งชีวิตซ่อนอยู่ท้องที่เคยแบนราบดูสวยและเนียนขาว ตอนนี้แปรเปลี่ยนไม่เหลือโครงเดิม ทั้งตึง ทั้งขยายใหญ่โตไศลาหลับตาพริ้ม ย้อนนึกถึงความหลังในครั้งที่เจ็บปวดที่สุด ยามร่างหนาดุนดันเข้ามาแนบชิด สิ่งที่เคยโหยหาถูกแทนที่ด้วยการทับทาบ เธอใช้ฝ่ามือบางลูบไล้ถูไปทั่วแผ่นหลังเบาๆ ราวกับล่องลอยอยู่ในความฝัน กับสีหน้าไม่ต้องบอกก็รู้ จวนจะถึงจุดสูงสุดพร้อมกันทั้งคู่ไม่ต่างกับคนบนตัวหล่อน แม้จะเจ็บหนัก ยามนี้ก็ยังคงเจ็บ ทว่าเพราะความคิดถึงและแรงปราถนากลับหลอมให้เขานั้นลืมความรู้สึกอื่น ดุจคนๆ เดียวกัน เมื่อไศลาเองก็ลืมความเคืองโกรธ และเขาก็ลืมว่าเธอกำลังโกรธเสียงหอบหืดผสมอารมณ์กระสันกระหาย บ่งบอกเป็นอย่างดีถึงความสุข ทั้งคู่ไม่ได้รับมานานมากแล้ว เวลานี้จึงเป็นเวลาที่ดีของพวกเขา"รักไหม? "กับน้ำเสียง
ล้อรถบางครั้งมันก็ตามคนเดินทัน หากคนนั้นคือคนท้องสาวเจ้าน้อยใจสูงสุด ต่อการกระทำของสามี เธอกลายเป็นตัวตลกในสายตาเขา ที่คิดจะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น เพียงแค่รับรู้ว่าหล่อนนั้นรัก ไม่มีวันหมดแม้จะหยดสุดท้ายช่างน่าเวทนา...ท้องแก่จวนใกล้คลอด ฝ่ามือสากกร้านหนึ่งในคู่ของสามี ก็ไม่เคยจรดลงบนหนังตึงๆนูนๆนี้สักครั้งจะไม่ให้คิดมากก็คงจะไม่ใช่ ก่อนหน้าตอนคนึงหา ใช้ความหวังต่อลมหายใจ บอกตัวเองมาโดยตลอด เขานั้นยังคงมีชีวิตอยู่ เพียงแต่เหตุผลบางอย่าง ทำเขาต้องหลอกลวงเธอ ก็ว่าเจ็บปวดมากพอแล้วรองลงมา ซ้ำความระทมหนักยกกำลังสองเข้าไปอีก เมื่อรู้ว่าเขานั้นความจำเสื่อม แม้ก่อนหน้าจะมีคิดนอกกรอบไปบ้าง ว่าคนอย่าง โครทิส เวเดโน่น่ะหรือ จะใจเสาะ อ่อนแอนอนติดเตียงนานหลายเดือนปะถิโถถัง.. แท้จริง คือแผนการทั้งเพ ซึ่งจะไม่เจ็บหนักเลย หากแผนนั้นไม่มีเจตนาเอาเธอเข้าไปเป็นตัวละคร ยัดเยียดบทบาทโง่เง่าเต่าตุ่นให้ด้วย!เวรกรรมอะไรของหล่อน?ไศลาคิด ใจจุก ปากสั่นระริก เอาแต่ร้องไห้ พร้อมอุ้งมือบีบเข้าหากันแน่น เจ็บระบมไปหมด แต่นั่นคงไม่ชาเท่ากับความจริงในใจจะเป็นยังไงเธอก็ยังรักเขา..." ไศลา..."ยิ่งมีเสียงทุ้มตามห
ล้อเลื่อนเคลื่อนไปข้างหน้าของกระเป๋าไร้อุปสรรคต่างจากใจเธอ ไศลาครุ่นคิดตลอดเส้นทางที่เดินนับตั้งแต่ที่นั่นกระทั่งถึงที่หมาย แล้วจึงหยุดปลายทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ ได้แค่พร่ำปลอบใจตัวเอง ภาวนาขออย่าให้ทุกอย่างเลวร้ายไปมากกว่านี้เลยเพราะ ที่ผ่านมาเป็นทุกข์เกินพอแล้วรู้ดีเต็มอก ไม่มีวันไหนจะไม่โทษตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้น คนตรงหน้าเป็นแบบนี้..เพราะความดื้อดึงของเธอเองหากไม่จุ้นรนหาที่ในวันนั้น วันนี้จะไม่เป็นบ่อเกิดของความทรมานเลย แม้นคนตรงหน้าจะไม่ตาย ก็ใช่ว่าเธอจะดีใจได้ถึงขีดสุด...การมีชีวิตอยู่ของเขา ที่เอาแต่นอนแน่นิ่ง ทำราวกับเธอเป็นเพียงธาตุอากาศ ความรู้สึกมันดุจมีดคมกริบกรีดอกให้เจ็บปวดเหลือเกิน!เธอจะทำยังไงดี จะทำยังไงดีมีแต่คำนี้ที่วนเวียนใกล้ทำสมองให้เป็นประสาท!" เพราะอะไร? "คำถามที่ออกมาเพียงแค่ลม ทว่าคนได้ยินอย่างเรกาโดรับรู้ดีถึงความเจ็บปวด ดังขึ้นพร้อมสีหน้าสลดไร้เครื่องปรุงแต่งปากเธอซีดเผือดพอๆกับคนบนเตียงที่เอาแต่นอนมองเพดานนิ่ง" เขาจำอะไรไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่พวกเราต้องพึ่งพาเธอ "" ทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่แรก "ก่อนก้อนน้ำตาที่อัดอั้นอยู่นานพอควร จะ
หลายเดือนต่อมาเสียงระบบช่วยหายใจ มองเห็นเพียงสายไฟแล้วจอคอมที่มีเลเซอร์วิ่ง กระนั้นสามารถช่วยต่อชีวิตคนได้ ดังเตือนเป็นจังหวะบีบหัวใจคนฟังมาหลายต่อหลายวันแล้ววันนี้...มันได้เวลาปลุกเจ้านายบนนั้นร่างใหญ่ค่อยๆขยับแค่ปลายนิ้วก่อน จากนั้นจึงจะตามมาด้วยเปลือกตาที่หนักอึ้ง เขากระพริบตาขึ้นลงช้าๆ กระทั่งถี่และเบิกกว้างได้จึงจะสั่งหยุด" อ่า..."เสียงบ่งบอกถึงความปวดหัว กับต้องปรับตัว ปลุกคนข้างๆให้สะดุ้งตื่น เรกาโดถึงกับสร่างงัวเงียเมื่อเห็นกันเลยทีเดียว" เว้ด! ฟื้นแล้วเรอะ "แต่แล้ว..เขาคนนั้นกลับขมวดคิ้วทำหน้างง ค่อยๆหันมาทางเจ้าของเสียง" ใคร..." เอ่ยเสียงแผ่วซึ่งนั่นทำให้คนได้ยินมันอย่างครูซัสถึงกับนิ่งเงียบไปเขาอึ้ง สร่างง่วงเป็นปลิดทิ้ง" ใคร..."" กูหรือ?? ก็เพื่อนมึงไงพวก เรกาโด "" เพื่อน .." เขาทวนก่อนชี้หน้าอกตัวเองพลางเลิกคิ้ว ทำคนฟังถึงกับดีดตัวขึ้นมานั่งแบบมีสติพลางลูบหน้า ลูบเครา ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆ทางด้านของไศลาช่วงเวลาเดียวกันแต่คนละขั้วโลกเพล้ง!เสียงแตกหักของจานกระเบื้องดังสะเทือนลั่นบ้าน มือสั่นเทาของหล่อนชะงัก หลังเสียงนั้นปลุกสติให้
ร่างสูงยืนตระหง่านอยู่ในห้องมืด คล้ายกับห้องลับที่เคยบรรจุบุคคลสำคัญในอดีต มือคู่แข็งแลเห็นแต่เส้นเลือด ปูดขึ้นบ่งบอกให้รู้ถึงความหนักของสงครามในแต่ละครั้งที่ผ่านมา พร้อมใจกันล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงในขณะใบหน้าเรียวได้รูปวางตรงเหม่อลอย สายตาพยายามเก็บกักอาการที่กำลังจะออกมาเอาไว้ พลางต่อต้านด้วยความอดทนขั้นสูงสุด ซึ่งสั่งหยุดเอาไว้ชั่วคราวไม่ให้มีโอกาสได้เปิดเผย หวังรอช่วงเวลานี้ให้ผ่านพ้นไป...ประมาณนั้น....มองตรงไปยังตำแหน่งหนึ่ง ที่ไม่ได้พิเศษอะไร หรือน่าสนใจเสียจนต้องให้ความสำคัญทว่า เพียงแค่จุดนั้นสามารถทำให้สมองเขาโลดแล่นต่อไปได้ นั่นคือความจำเป็นที่ต้องการเรกาโด ครูซัส ผู้ครองตำแหน่งคนคิดค้นหนทางการเอาตัวรอดในบางครั้งของแก็งค์รองลงมาจากใครคนหนึ่ง คนที่วิญญาณหายสาบสูญยากที่จะหวนกลับมาในตอนนี้บัดนี้...ไร้แล้วซึ่งศักยภาพตรงนั้นภาพจำวนเวียนมายังโซนสมองของเขา นั่นคือส่วนที่มีความอ่อนแอแฝงอยู่ สลับกับความแค้น และกฏเกณฑ์อีกจิปาถะ ที่รวมหัวกันสร้างขึ้นมาเองแต่แล้ววันนี้กลับต้องเอามาใช้เขาคิดไม่ถึง และถ้าหากเลือกได้...คงไม่ทำมัน!" ฟู่วว.."ในขณะเขากำลังคิด ถอนหายใจเป็นร้อยรอบ พ







