Share

บทที่ 561

Penulis: จิ้งซิง
“รอข้า อาซื่อ ข้าจะกลับไปหาเจ้าอย่างแน่นอน”

“พวกสารเลวสมควรตายพวกนั้น อย่าหวังว่าจะมาขวางข้าได้!”

ก่อนหน้านี้ อันหลันซินพอนึกถึงหลินเนี่ยนฉือทีไร ก็แทบอยากจะถลกหนังนาง ดื่มเลือดนางเสียให้รู้แล้วรู้รอด

ตอนนี้ นางก็มีคนที่เกลียดชังในระดับเดียวกันเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว

นั่นก็คือเป่ยเฉินหยวน!

บุรุษสารเลวสมควรตายผู้นั้น!

กล้ามาหลอกลวงนาง แถมยังกล้าโยนนางมาทิ้งที่ลู่โจวอีก

กระทั่งสั่งให้หนิงหย่วนโหวผู้นั้นส่งคนมาคอยจับตาดูนางตลอดเวลาอีก!

หากไม่ใช่เพราะการจัดการเหล่านี้ของเขา ป่านนี้นางกลับไปหาอาซื่อได้ตั้งนานแล้ว

แต่เป็นเพราะเขา อันหลันซินหนีไปได้ครั้งหนึ่งก็ถูกจับกลับมาครั้งหนึ่ง หนีไปสิบครั้งก็ถูกจับกลับมาสิบครั้ง!

ทุกครั้งยังไม่ทันหนีพ้นเขตลู่โจว ก็ถูกหนิงหย่วนโหวผู้นั้นส่งคนมาตามจับตัวกลับไปอีก!

ไม่ว่าจะเป็นไอ้สารเลวที่ชอบยุ่งไม่เข้าเรื่องคนนี้ หรือไอ้บุรุษชั่วช้าที่กล้าหลอกลวงนางก็ตาม ล้วนสมควรตาย สมควรตาย สมควรตาย!

แต่แน่นอนว่าคนที่นางเกลียดที่สุดก็ยังคงเป็นหลินเนี่ยนฉือ

กล้าฉวยโอกาสตอนที่นางไม่อยู่ข้างกายอาซื่อ กลับเมืองหลวงไปอย่างกะทันหัน!

ตอนนี้ อันหลันซินพอนึกขึ้นได้ว่า
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 562

    “อ๊า!”ในยามวิกาล ไม่ว่าใครก็ตามที่จู่ๆ ได้มาเห็นภาพเช่นนี้ ย่อมตกใจจนขวัญหนีดีฝ่ออันหลันซินก็เป็นเช่นนั้น ตกใจเสียจนกรีดร้องออกมา ทั้งคนหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น ศีรษะยังกระแทกเข้ากับโต๊ะอีกด้วยเสียงดังโครมครามทำให้คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเข้ามาทันที“ปัง!”“เกิดอะไรขึ้น?!”สาวใช้และองครักษ์หลายคนพังประตูเข้ามา เมื่อเห็นอันหลันซินล้มลงไปกองอยู่กับพื้น พวกเขาก็รีบกวาดตามองไปรอบๆ ทันที แต่น่าเสียดายที่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ“ผะ...ผี! มีผีอยู่บนหลังคา!”อันหลันซินในเวลานี้ยังคงคิดว่านั่นเป็นผีจริงๆ ตกใจเสียจนไม่กล้ามองอีก ได้แต่ยกมือขึ้นชี้ไปยังหลังคาอย่างสั่นเทาแต่เมื่อเหล่าสาวใช้และองครักษ์เงยหน้ามองขึ้นไป กลับไม่เห็นสิ่งใดเลยเหล่าองครักษ์ถึงกับออกไปข้างนอก แล้วปีนขึ้นไปตรวจดูบนหลังคาโดยตรงแต่กลับไม่พบอะไรเลยเหล่าสาวใช้และองครักษ์ที่คอยจับตาดูอันหลันซินต่างพากันคิดไปว่า นี่คงเป็นกลอุบายอะไรสักอย่างที่อันหลันซินคิดขึ้นมาเพื่อหลอกตาการเฝ้าระวังของพวกเขา ดังนั้น แต่ละคนจึงแสดงสีหน้าเย็นชา“คุณหนูอัน ทางที่ดีท่านควรจะสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าเล่นลูกไม้อะไรอีก มิฉะนั้นพวกเราจะทำต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 563

    อันหลันซินที่ได้ยินคำพูดนี้ รูม่านตาก็หดลงในทันทีนางถอยหลังไปยังปากตรอกด้านหลังทีละก้าว พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าไม่ได้บอกหรอกหรือว่า ท่านพ่อของข้าเป็นคนที่จ่ายเงินสองพันตำลึงเพื่อว่าจ้างพวกเจ้าให้คุ้มครองข้ากลับเมืองหลวง?!”“ใช่แล้ว ถูกต้อง ใต้เท้าอันจ่ายเงินจ้างพวกเราจริง แต่ใต้เท้าอันยังได้สั่งการไว้อีกประโยคหนึ่งด้วย”คนชุดดำนั่นมองการกระทำของอันหลันซินออก ก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปหานาง“ประโยคอะไร?”อันหลันซินจ้องเขาตาเขม็ง“ใต้เท้าอันกล่าวว่า บุตรสาวของเขารู้เรื่องราวต่างๆ มากเกินไปแล้ว ดังนั้น ทางที่ดีคุณหนูอันควรจะปิดปากเงียบไปตลอดกาล”พอสิ้นคำพูดนี้ อันหลันซินก็แทบจะหันหลังวิ่งหนีไปทันที ไม่ลังเลแม้แต่น้อยแต่นางเพิ่งจะวิ่งออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ด้านนอกตรอกก็พลันปรากฏคนหลายคนขึ้นมาสวมชุดแบบเดียวกับคนชุดดำผู้นั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกเดียวกันตกอยู่ในสถานการณ์หนีเสือปะจระเข้ อันหลันซินที่ไม่มีทางหนีออกจากตรอกนี้ไปได้อย่างแน่นอนจึงจำต้องหยุดฝีเท้าลง“เอาละ นี่ก็จวนจะได้เวลาแล้ว หากชักช้าไปกว่านี้ เกรงว่าคนของจวนหนิงหย่วนโหวจะต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 564

    หรือว่ายังคิดจะขายนางอีกครั้ง?อันหลันซินกำหมัดแน่น ในแววตาฉายประกายอันตรายแวบผ่าน ก้นบึ้งของดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังช่างเถอะอย่างไรเสียนางก็ได้อาศัยคนผู้นี้หนีออกมาแล้วไม่ว่าอันปี่เค่อเขาจะยังต้องการใช้นางเป็นหมากอีกหรือไม่ นางก็จะกลับเมืองหลวงให้ได้เมื่อคิดได้ดังนี้ อันหลันซินก็ใช้มืออีกข้างที่ยังดีอยู่หยิบกริชที่ตกบนพื้นขึ้นมา จากนั้นก็เดินออกจากตรอกไปทีละก้าว เงาร่างอันผอมบางก็หายลับไปในความมืดมิดยามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว......เมืองหลวงจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนเป่ยเฉินหยวนที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง หลังจากที่หลับไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ก็ลืมตาขึ้นฉับพลันเวลาผ่านไปสามสี่วันแล้ว แต่สีแดงฉานในดวงตาคู่นั้นยังคงไม่จางหายไปยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงสองสามวันนี้ นับวันเขาก็ยิ่งไม่อาจข่มตาหลับลงได้เป็นเวลานานนานที่สุดคือสองชั่วยาม สั้นที่สุดคือครึ่งชั่วยาม ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันเหมือนเช่นในตอนนี้ไม่ใช่ว่าเป่ยเฉินหยวนไม่อยากนอนหลับ แต่เป็นเพราะทุกครั้งที่เขาหลับตา ในความฝันก็จะปรากฏภาพอันน่าสยดสยองของจวนเป่ยเฉินอ๋องที่เลือดไหลนองเป็นแม่น้ำนับตั้งแต่ที่ได

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 565

    เป่ยเฉินหยวนยังไม่รู้ถึงความคิดของลูกน้องที่ทั้งดีใจและกลัดกลุ้มใจแทนเขาไปในเวลาเดียวกันแต่อย่างไรก็ตามระหว่างการเดินทางไปยังภูเขาหนาน อารมณ์ของเขาค่อนข้างดีเลยทีเดียวแม้กระทั่งตอนที่ได้รับข่าวซึ่งส่งมาจากลู่โจว ใครบางคนได้หลบหนีไปแล้ว อารมณ์ของเขาก็ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจากนั้นพอได้เห็นเวินซื่อ ความขุ่นเคืองเพียงเล็กน้อยนั้นก็พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย“อู๋โยว”น้ำเสียงของเป่ยเฉินหยวนก็พลันดังขึ้นที่หน้าประตูเรือนเล็กเมื่อเวินซื่อที่กำลังดูแลจัดการแปลงสมุนไพรทั้งสองแปลงในลานบ้านได้ยินเข้า ก็หันขวับกลับไปทันที ทันทีที่เห็นเป่ยเฉินหยวน เวินซื่อก็พลันดีใจขึ้นมา“ท่านจัดการธุระเสร็จเร็วเพียงนี้เชียว?”ก่อนหน้านี้ เมื่อรู้ว่าเป่ยเฉินหยวนต้องออกจากเมืองหลวงไปเพราะสืบพบบางอย่าง นางคิดว่าเขาคงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะกลับมาได้ ไม่คิดว่าเพิ่งจะผ่านไปเพียงสี่ห้าวันเท่านั้น เขาก็กลับมาแล้วพอเห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง เป่ยเฉินหยวนก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก “ใช่ จัดการเสร็จไปชั่วคราวแล้ว”หลังจากที่หัวหน้าสายลับต่างเผ่าผู้นั้นหนีไปแล้ว เขาก็นำคนไป “เยี่ยมเยียน” ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

Bab terbaru

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 582

    ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เวินจื่อเยวี่ยต้องเดินออกไปอย่างไม่ลังเลโดยตรงแน่นอน แต่ตอนนี้เขากลับไปไม่ได้เขาไม่เพียงไม่ไป และยังต้องอยู่ต่ออย่างหน้าด้านพร้อมกับน้องหกไม่เช่นนั้นถ้าหากครั้งนี้ล้มเหลว เกรงว่าท่านพ่อจะไม่ให้โอกาสพวกเขาอีกแน่นอนดังนั้นไม่ว่าเพื่อเขาหรือน้องหก เขาก็ต้องอดกลั้นท้ายที่สุดเวินจื่อเยวี่ยกัดฟันอดกลั้นเอาไว้ หลังจากสงบสติอารมณ์ จึงจะเอ่ยปากอีกครั้ง “ขอโทษนะพี่รอง เมื่อครู่ท่าทีของข้าไม่ดี ท่าน…ท่านอย่าโกรธข้าเลย”เวินเยวี่ยเห็นเขาทำเช่นนี้ ก็เข้าใจแล้วเช่นกัน นางเม้มปาก ก้มหน้ากล่าวตามเวินจื่อเยวี่ย “พี่รอง ไม่ใช่ความผิดของพี่สาม เยวี่ยเอ๋อร์เอาแต่ใจเกินไป เยวี่ยเอ๋อร์กินได้เจ้าค่ะ!”เพื่อพิสูจน์คำพูดของตัวเอง นางถึงกับยอมอดกลั้นความรังเกียจในใจ หลับตาแล้วกัดไปที่ขนมแป้งแรงๆ ทีหนึ่งปรากฏว่ากัดคำนี้เกือบทำให้นางฟันร่วงแข็งมากจริงๆ!เวินเยวี่ยเจ็บฟันจนเกือบจะร้องไห้แล้ว แต่สุดท้ายก็ยังกัดลงไปแรงๆ หลังจากนั้นกลืนเข้าไปทั้งน้ำตาแต่เวินเยวี่ยกลับไม่รู้ เพราะการกระทำนี้ของนางทำให้เวินจื่อเยวี่ยเริ่มสงสัยเกิดอะไรขึ้น เมื่อก่อนเวินเยวี่ยไม่เคยแตะต้องของพวกนี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 581

    “เสียงนี่…?”เมื่อเวินจื่อเฉินได้ยินเสียงสนทนาที่ข้างนอก เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆพวกเขามาได้อย่างไร?“ก๊อกๆๆ!”“พี่รอง? พี่รอง!”“พี่รอง รีบเปิดประตูสิ!”“พอได้แล้วพี่รอง ข้ารู้ว่าท่านยังไม่นอน ไฟในห้องของท่านยังสว่างอยู่เลย ประตูให้ข้ากับน้องหกหน่อย”เวินจื่อเฉินไม่อยากเปิดประตู แต่ช่วยไม่ได้เสียงของพวกเขาสองคนดังมากโดยปกติเวลานี้ บริเวณโดยรอบจะเงียบสงบคืนที่เงียบสงบของคืนนี้นับว่าถูกพวกเขาทำลายอย่างสมบูรณ์แล้วท้ายที่สุดเวินจื่อเฉินก็ไปเปิดประตูให้พวกเขา“เอี๊ยด”ทันทีที่เปิดประตู เวินจื่อเฉินยืนอยู่ที่หน้าประตู ขมวดคิ้วมองคนทั้งสองยังไม่สบอารมณ์“ดึกเช่นนี้แล้วพวกเจ้าไม่อยู่ในจวน มาหาข้าทำไม?”“เดี๋ยวก่อนพี่รอง ให้พวกเราเข้าไปก่อนแล้วค่อยคุย เหนื่อยมากเลย ถ้ายังไม่ได้นั่ง ขาข้าจะหักแล้ว”เวินเยวี่ยกับเวินจื่อเยวี่ยทำเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง เบียดเวินจื่อเฉินออกก็เดินเข้าไปแล้ว“นี่พวกเจ้า…”เวินจื่อเฉินไม่ทันได้ห้าม ก็โดนพวกเขาผลักออกไปแล้วรอเขาปิดประตูเสร็จและหันกลับมา พวกเขาสองคนดื่มน้ำชาในกาของเขาจนหมดแล้ว“พี่รอง ยังมีน้ำหรือไม่? ให้พวกเราอีกหน่อย กระหายมากจริงๆ!”

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 580

    แล้วยังสามารถจัดการกับเวินซื่อได้อย่างเปิดเผยอีกด้วยเมื่อสมุนไพรในแปลงสมุนไพรสุกงอมแล้ว ก็จะถึงเวลาที่นางและเวินซื่อนังสารเลวนั่นจะต้องคิดบัญชีแค้นทั้งเก่าและใหม่รวมกัน!เวินเยวี่ยคิดเช่นนี้ภายในใจ ไม่ได้ปฏิเสธการลงโทษด้วยการขับไล่ให้ไปหาเวินจื่อเฉินตามคาด บิดายังไม่อาจโหดร้ายกับนางได้ลงคอเวินเยวี่ยรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องเป็นอย่างมากภายในใจแต่เห็นได้ชัดว่านางดีใจเร็วเกินไปวินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยปากขึ้น “เอาล่ะ ในเมื่อพี่รองของพวกเจ้าตอนที่ออกจากบ้านไม่ได้นำอะไรไปด้วยเลย ดังนั้นพวกเจ้าก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้นำสิ่งของใด ๆ ไปด้วย และไม่ต้องกลับไปเก็บข้าวของ ออกเดินทางเลยเถิด”“อะไรนะ?!”เวินเยวี่ยตกตะลึงในทันที“ไม่กลับไปเก็บข้าวของ แล้วต่อไปพวกเราจะใส่เสื้อผ้าอะไร? แม้แต่เสื้อผ้าก็เอาไปด้วยไม่ได้เหมือนกันหรือท่านพ่อ?”เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยอย่างไม่ปรานี “ถูกต้อง ห้ามเอาไปด้วย มีปัญหาอะไรพวกเจ้าก็หาวิธีแก้ไขเอง หลังจากฟังเข้าใจแล้วก็อย่าเสียเวลาอีกต่อไป ออกไป”เวินเยวี่ยโกรธจนทนไม่ไหว แต่กลับไม่กล้าตั้งคำถามกับคำพูดของบิดาทำได้เพียงติดตามเวินจื่อเยวี่ยออกไปด้วย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 579

    เวินเฉวียนเซิ่งออกแรงแย่งกล่องไม้นั้นมาจากมือของเวินจื่อเยวี่ย จากนั้นก็กระแทกลงบนโต๊ะหนังสือดัง “ปัง” ชี้ไปที่ยาเม็ดข้างในพลางเอ่ยอย่างโกรธจัด “เจ้าโง่ เจ้ารู้ไหมว่าถ้าของสิ่งนี้ติดไฟ พวกเราทั้งสามคนจะติดไปด้วย! ถึงตอนนั้นใครก็ได้อย่าคิดหนี!”เวินจื่อเยวี่ยไม่นึกเลยว่าจะยังมีระดับที่ชั่วร้ายเช่นนี้ รีบถอยหลังออกไปหลายก้าวภายในชั่วขณะเดียวเมื่อมองไปที่ยาเม็ดนั้นอีกครั้ง ก็ยังรู้สึกผวาอยู่ในใจหากบิดาไม่ห้ามไว้ได้ทัน เมื่อครู่เขาคงก่อปัญหาใหญ่แล้ว!เมื่อนึกถึงตรงนี้ แม้ว่าเวินจื่อเยวี่ยจะเหงื่อแตกพลั่กในตอนนี้ แต่ก็อดกัดฟันด้วยความโกรธไม่ได้ “ใครเป็นคนทำของสิ่งนี้ขึ้นมากันแน่ ทำไมถึงได้น่าสะอิดสะเอียนและชั่วร้ายถึงเพียงนี้?!”“ใครทำออกมาพวกเราก็ไม่ต้องไปสนใจ นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราควรยุ่ง แค่จำคำพูดของพ่อไว้ให้ดี อยู่ให้ห่างจากของสกปรกเหล่านี้ รวมถึงคนที่แปดเปื้อนของสิ่งนี้ไปแล้วด้วย รู้แล้วใช่ไหม?”ตอนนี้ทั้งเวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยมีหรือจะกล้าไม่ฟังคำพูดเขา ต่างพากันพยักหน้า “พวกเรารู้แล้ว ท่านพ่อ”เพียงแค่เสียดายเงินของเขาเท่านั้นแค่ยาเม็ดเดียวเขาก็จ่ายไปในราคาห้าสิบตำล

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 578

    เวินเฉวียนเซิ่งแทบจะอดด่าทอนางอีกครั้งไม่ได้ว่า “นังโง่”จนป่านนี้เพิ่งจะรู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแค่ไหน ไม่ใช่นังโง่แล้วจะเป็นอะไรได้?เจอแบบนี้ทีไรก็ต้องเป็นลูกสาวของตัวเองไม่รู้จริง ๆ ว่าเหมือนใครกันแน่!“ดีที่สุดของเจ้าก็คือภาวนาให้พวกเขาไม่ถูกจับ หรือไม่ก็ภาวนาให้พวกเขารีบตายเร็ว ๆ มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลาหากพวกเขามีใครคนหนึ่งถูกจับ เจ้าลองทายดูสิว่าพวกเขาจะอดทนต่อการลงโทษของกรมอาญาได้หรือไม่?”เวินเฉวียนเซิ่งมองเวินเยวี่ยด้วยสายตาที่ไม่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่งเวินเยวี่ยอดกลืนน้ำลายไม่ได้ในทันที “น่าจะ…น่าจะไม่ถูกจับได้กระมัง?”คนเหล่านั้นดูชั่วร้ายมาก คิดว่าต้องเป็นคนโหดเหี้ยมแน่นอนต่อให้ถูกจับก็ต้องฆ่าตัวตายทันทีเป็นแน่ดังนั้นไม่มีทาง ไม่มีทางเด็ดขาดเวินเยวี่ยกำลังคิดเช่นนี้ แต่กลับไม่รู้ว่าขณะนี้ภายในเรือนจำของกรมอาญากำลังคุมขังใครสักคนอยู่เวินเฉวียนเซิ่งขมวดคิ้วอย่างเย็นชา คร้านจะมองดูสภาพอันโง่เขลาของบุตรสาวคนนี้อีกต่อไป “พ่อให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้าก็ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์เลย ในเมื่อหาอะไรก็ไม่พบ เช่นนั้นก็ไสหัวไปเป็นชาวบ้านในชนบทกับพี่รองของพวกเจ้าเถอะ”เขาพูดพลา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 577

    ดวงตาของเวินซื่อขรึมลงแต่ก็ไม่เป็นไรต่อให้ไม่สามารถทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงทั้งหมดได้โดยตรง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะบีบบังคับพวกเขาทีละก้าวให้เดินไปสู่ทางตันเวินซื่อคิดเช่นนี้ จิตใจที่เคยหุนหันพลันแล่นก็สงบลงอย่างรวดเร็วแม้ว่าจะยังไม่แน่นอน แต่ในเมื่อได้รู้ข่าวนี้แล้ว จะไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้ทำไมไม่..ลองดูสักหน่อยเล่า?เวินซื่อคิดเช่นนี้ สายตากวาดผ่านแมลงพิษหลายชนิดของนางทีละตัว สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่มดหลายตัวที่อยู่บนขอบถูกต้อง ก็แค่มดไม่กี่ตัวชื่อของมันควรจะเรียกว่ามดคันไฟนี่คือมดที่มีนิสัยก้าวร้าวมากชนิดหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับแมลงพิษร้ายแรงชนิดอื่นแล้ว น้ำพิษของมันไม่ได้มีความเป็นพิษมากนักดังนั้นเวินซื่อจึงพุ่งเป้าศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับยาพิษที่เพาะเลี้ยงพวกมันเป็นพิเศษ ไม่ได้ใช้พิษร้ายแรง แต่ใช้ยาพิษชนิดที่มีฤทธิ์คล้ายกับการเผาไหม้กัดกร่อนมาเพาะเลี้ยงพวกมันแต่มดคันไฟชนิดนี้แข็งแกร่งจริง ๆ ในตอนแรกพวกมันปฏิเสธยาพิษของเวินซื่อกว่านี้ด้วยซ้ำ ต่อให้ใช้น้ำทิพย์ก็ยังตายเป็นเบือ โชคดีที่เวินซื่อเพิ่งได้รับราชินีมดคันไฟเหล่านี้มาจากจินซือถู ก็เลยปล่อยให้พวกมันขยายพันธ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 576

    “โอ้สวรรค์ ทำไมพวกเจ้าถึงได้ออกลูกกันมากมายขนาดนี้?”หลังจากที่เวินซื่อก้มหัวหลบ ก็เงยหน้าขึ้นมองใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่กระจายตัวอย่างหนาแน่นทั่วชั้นสอง แล้วอดแสยะมุมปากไม่ได้นางไม่ได้เข้ามาหลายวันแล้ว ทำไมที่นี่กำลังจะกลายเป็นรังแมงมุมไปแล้วไม่ใช่ว่านางไม่อยากให้แมงมุมเหล่านี้ออกลูก เพียงแต่มันมากเกินไป ต่อให้นางไม่กลัวแมงมุม แต่ก็ต้องมีอาการกลัวรูแล้ว“ไม่ได้ ไม่ได้ ต้องย้ายรังให้พวกเจ้าแล้ว”ถ้าแมงมุมเหล่านี้ยังอยู่ที่นี่ต่อไป เกรงว่าวันหลังนางก็อย่าได้คิดที่จะเข้ามาเหยียบชั้นสองนี้อีกเลยเวินซื่อพูดจริงทำจริง ทันทีที่เกิดความคิด แมงมุมทั้งหมดก็พากันย้ายบ้าน ไปยังด้านนอกของห้องใต้หลังคาทั้งหมดเวินซื่อมองออกไปด้านนอก นอกจากแปลงสมุนไพรและลำธารเล็ก ๆ ไม่กี่แห่งแล้ว ที่เหลือส่วนใหญ่นั้นเป็นทุ่งหญ้า ราบเรียบไม่มีที่สิ้นสุดเหล่าแมงมุมไม่ชอบสถานที่แบบนี้หลังจากครุ่นคิดสักครู่ เวินซื่อก็ออกไปจากมิติก่อนย้ายต้นไม้ใหญ่หลายต้นเข้าไปในมิติที่อยู่หลังเขา รวมถึงพุ่มไม้ หินก้อนใหญ่ ตลอดจนตะไคร่น้ำเป็นต้นหลังจากเอาเข้ามาในมิติแล้ว ก็ได้ออกแบบป่าไม้ขนาดเล็กให้บรรดาแมงมุมอาศัยอยู่ได้ไว้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 575

    แต่ไม่คาดคิดเลยว่า เวินฉางอวิ้นได้พยายามอ้าปาก โต้แย้งด้วยเสียงอันแหบพร่าของตัวเอง “น้อง...น้องห้า...ไม่ใช่...เพราะจวน...จวนเจิ้นกั๋วกง นาง...นาง...ต่อสู้ด้วยตัวเอง...ต่อสู้มาด้วยตัวเอง”ไม่ใช่ง่าย ๆ กว่าจะพูดจบประโยคนี้ได้เพียงประโยคเดียวก็แทบจะใช้พลังทั้งหมดในร่างกายของเวินฉางอวิ้นในเวลานี้แล้วแต่เขากลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เพียงแต่ไอไปด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะไอด้วยความตื่นเต้นเกินไป จึงมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากเล็กน้อยหลังจากฟังคำพูดของเขาจบเวินเฉวียนเซิ่งก็หัวเราะไม่ออก เขายืนตัวตรงด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกไม่นึกว่าตัวเองพูดไปมากขนาดนี้แล้ว สุดท้ายลูกชายที่โง่เขลาคนนี้แค่ต้องการโต้แย้งเพียงประโยคนั้น?ในสายตาของเวินเฉวียนเซิ่ง หากเวินฉางอวิ้นคิดแบบนี้ ก็ช่างไร้เดียงสาเกินไปจริง ๆ เวินซื่อเดินมาถึงก้าวนี้แล้ว จะปฏิเสธความสัมพันธ์กับจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเขาได้อย่างไร?ลูก ๆ โตแล้ว ปีกกล้าขาแข็งแล้วคิดว่าทุกอย่างที่ตัวเองมีนั้นได้ต่อสู้มาด้วยตัวเอง แต่หากไม่มีพวกเขาจวนเจิ้นกั๋วกง แล้วจะมีเวินซื่ออย่างในวันนี้ได้อย่างไร?ช่างน่าขบขันเสียจริงขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกเหม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status