ความรู้สึกไม่สบายใจนี้ เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ได้รู้ว่าเวินเยวี่ยคือปรมาจารย์กู่ชาวต่างเผ่าดังนั้นเขาจึงไม่ได้รอข่าวจากหลานซื่อทางด้านนี้ วันนั้นหลังจากลาออกจากตำแหน่งก็รีบร้อนพาภรรยาและลูกจากไปทันที อีกทั้งยังพาองครักษ์ไปด้วยไม่น้อยเขาคิดว่า เพียงแค่กลับถึงเซียงโจว ก็ไม่มีใครทำอะไรพวกเขาได้อีกแล้วแม้ว่าสกุลชุยจะไม่ค่อยได้กลับเซียงโจวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เซียงโจวก็เป็นถิ่นกำเนิดของสกุลชุย อิทธิพลของวงศ์ตระกูลก็ไม่น้อยทีเดียวดังนั้นตอนที่ชุยเหลียงเฟิงลาออกจากตำแหน่งจึงทำได้โดยไม่ลังเลเลยเพราะถึงแม้จะลาออกจากตำแหน่งแล้ว ไม่ได้เป็นจงหย่งโหวผู้กุมอำนาจอีกต่อไป เขาก็ยังสามารถให้ภรรยาและลูกใช้ชีวิตได้อย่างผ่าเผยและอิสรเสรีแต่ก่อนจะถึงเวลานั้น พวกเขาต้องกลับให้ถึงเซียงโจวอย่างปลอดภัยเสียก่อนหลานซื่อเห็นชุยเหลียงเฟิงมีความตั้งใจแน่วแน่ จึงไม่ได้ขัดขวางเขาเช่นกันเพียงแต่บอกว่ารอให้นางสอบถามแล้ว หากมีหนทางแก้ไขก็จะส่งข่าวไปที่สกุลชุยในเซียงโจวแต่หลานซื่อคาดไม่ถึงว่า ชุยเหลียงเฟิงและคนอื่น ๆ ที่เพิ่งจะจากไปได้ไม่นาน ในคืนวันที่สาม พวกเขาก็กลับมาแล้วเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะท
ภูเขาหนานอารามสุยเยว่หลังจากจัดการเวินเยวี่ยที่จวนจงหย่งโหวเรียบร้อยแล้ว หลานซื่อก็กลับมาถึงอารามสุยเยว่อย่างรวดเร็วทำหน้าที่ประจำวันของนางต่อไปเช่นเคยคัดลอกพระสูตร สวดพระพุทธมนต์ อธิษฐานขอพรแน่นอนว่ายังมีการศึกษาวิชาแพทย์และยาพิษ รวมถึงปลูกสมุนไพรด้วยวันนี้ ในเรือนของม่อโฉวซือไท่ หลานซื่อที่กำลังศึกษาสมุนไพรพิษอีกชนิดหนึ่ง เอ่ยปากถามขึ้นในขณะที่กำลังติดตามอาจารย์ม่อโฉวไปศึกษาวิธีการถอนพิษของสมุนไพรพิษ“จริงสิอาจารย์ เมื่อสองวันก่อนศิษย์ได้ช่วยบุตรชายของจงหย่งโหวไว้ที่จวนจงหย่งโหว อ้อ ไม่ใช่สิ ตอนนี้ไม่ใช่จวนจงหย่งโหว แต่เป็นชุยเส้าเจ๋อ บุตรชายของสกุลชุย ร่างกายเขาถูกเวินเยวี่ยหลอมเป็นรังเลี้ยงกู่ ร่วมเป็นร่วมตายในร่างเดียวกับแมลงกู่เหล่านั้น ค่อนข้างยากที่จะจัดการอย่างแท้จริง ไม่ทราบว่าอาจารย์พอจะมีหนทางหรือไม่เจ้าคะ?”แม้ว่าม่อโฉ่วซือไท่จะไม่ใช่ปรมาจารย์กู่ แต่นางเชี่ยวชาญทั้งด้านวิชาแพทย์และยาพิษอีกทั้งยังรู้ว่าหลานซื่อใช้วิชาควบคุมแมลงด้วยพิษ จึงมักจะให้คำแนะนำแก่หลานซื่อจากมุมมองของนาง สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหลานซื่อได้มากทีเดียวดังนั้นเมื่อเผชิญกับป
“จริงสิ ในเมื่อนางไปที่จวนจงหย่งโหวแล้ว คิดว่าน่าจะได้พบธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้วกระมัง?”ในเวลานี้ อันปี่เค่อก็ถามขึ้นโดยพลันลวี่อู๋ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบว่า “พบแล้วเจ้าค่ะ กุ้ยเฟย...ยังได้สนทนารำลึกความหลังกับธิดาศักดิ์สิทธิ์ด้วย หลังจากพูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ อารมณ์ของทั้งสองก็เริ่มพลุ่งพล่าน บ่าวยืนห่างออกไปเล็กน้อย ได้ยินแว่ว ๆ เหมือนจะเป็นเพราะเรื่องตกทะเลสาบเมื่อตอนนั้นเจ้าค่ะ”อันปี่เค่อเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อยแน่นอนเขาย่อมรู้ว่า “เรื่องตกทะเลสาบเมื่อตอนนั้น” คือเรื่องอะไร และยังรู้ด้วยว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้น อันหลันซินกับเวินซื่อในตอนนั้น อันซินรุ่ยกับหลานซื่อในตอนนี้ ระหว่างทั้งสองจากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนแปลกหน้า มากจนกระทั่งเป็นศัตรูกันอันปี่เค่อเคยสงสัยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอันซินรุ่ยกับหลานซื่อ ไม่ได้แย่อย่างที่เขาเห็นหรือเปล่า? เพราะถึงอย่างไรอันซินรุ่ยยังเคยขอร้องผู้เป็นพ่ออย่างเขาครั้งหนึ่งเพราะหลานซื่อเพียงแต่ครั้งนั้น อันซินรุ่ยอธิบายว่าแค่ไม่อยากติดค้างหลานซื่อเท่านั้น แต่ความจริงแล้วมันแค่นี้จริงหรือ?อันปี่เค่อหรี่ตาทั้งสองล
“อะไรนะ? จวนจงหย่งโหวถูกชาวต่างเผ่าลอบสังหารหรือ?”ครึ่งชั่วยามต่อมา ข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็วตั้งแต่ในวังหลวงลงไปจนถึงตามท้องถนน ร่ำลือไปทั่วว่ามีชาวต่างเผ่าแฝงตัวอยู่ในจวนจงหย่งโหว เมื่อถูกพบเข้า ก็ถึงกับลงมือไม่ยั้ง ลอบสังหารคนในครอบครัวของจงหย่งโหวจนหมดสิ้น“มิน่าเล่า ข้าก็ว่าเมื่อวานภายในจวนจงหย่งโหวเหมือนจะมีไฟไหม้ที่ไหนสักแห่ง!”“อีกอย่างวันนี้ยังเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นหลายครั้ง ฟังดูน่ากลัว”“ข้ารู้แล้วว่าข้างในต้องมีเรื่องแน่ ฟังดูก็รู้ว่ามีคนกำลังต่อสู้กัน!”“อ้าว แล้วท่านจงหย่งโหวเล่า พวกเขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ใครว่าไม่เป็นอะไร เกิดเรื่องใหญ่เสียแล้ว!”“เรื่องใหญ่อะไร? หรือว่ามีใครตาย?!”“นอกจากฮูหยินจงหย่งโหวที่ยังปลอดภัยดีแล้ว จงหย่งโหวได้รับบาดเจ็บ ซื่อจื่ออาการร่อแร่ ส่วนคนรับใช้ทั้งหมดในจวนก็ตายไปจนเหลือเพียงไม่กี่คน!”“โธ่สวรรค์ จวนจงหย่งโหวช่างน่าเวทนาเหลือเกิน ไส้ศึกต่างเผ่าผู้นั้นช่างไร้มนุษยธรรมเสียจริง ฆ่าคนมากมายถึงเพียงนั้นอย่างคาดไม่ถึง!”“ไส้ศึกต่างเผ่าผู้นั้นตายแล้วหรือยัง? อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้เด็ดขาด”“ตายแล้ว ๆ ได้ยินว่าไส้ศึ
อันซินรุ่ยสะดุ้งเฮือกในใจ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยนางยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของตัวเองบริเวณที่ถูกเข็มบินกรีดผ่าน ปลายนิ้วปาดเลือดหยดหนึ่งออกไปจากนั้นก็เงยหน้ามองไปทางด้านข้าง เห็นหลานซื่อกำลังหนีบเข็มบินหลายเล่มไว้ในง่ามนิ้ว เตรียมพร้อมลงมือกับหลานซื่ออีกครั้งอันซินรุ่ยรีบบอกว่า “ช้าก่อน อาซื่อ เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?!”“เจ้าคิดว่าข้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือ?”หลานซื่อเลิกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย ปรายตามองนางพลางย้อนถาม“ไม่ว่าเจ้าจะเข้าใจอะไรผิดไป เจ้าก็เชื่อข้าเถิด ข้าไม่คิดเป็นศัตรูกับเจ้า”“ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วยเล่า?”หลานซื่อหัวเราะเบา ๆ รู้สึกว่าคำพูดของนางน่าขบขันยิ่งนัก“ข้าเกือบตายในมือของเจ้า หรือไม่ก็เกือบตายเพราะเจ้ามาแล้วไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออะไรเจ้าได้? แล้วทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย?”“แต่ที่ข้าทำไปทั้งหมดก็เพื่อเจ้าทั้งนั้น! ข้าไม่ได้...”อันซินรุ่ยอดพูดขึ้นมาไม่ได้“ตอนนั้นที่เจ้าคิดจะจมข้าลงในทะเลสาบ นั่นก็ทำเพื่อข้าด้วยหรือ?!”หลานซื่อตัดบทคำพูดของนางด้วยความโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ พลางหนีบเข็มบินในง่ามนิ้วไว้แน่นเมื่อได้ยินคำพูดนี้เสียงข
ภายในลานบ้าน ฟ่านจุ้ยและพวกทั้งสามที่ได้ยินเสียงนั้นโดยพลัน รวมถึงเวินหย่าลี่และจงหย่งโหว ต่างพร้อมใจกันหันไปมองด้วยความระแวดระวังส่วนหลานซื่อเมื่อได้ยินสุ้มเสียงที่คุ้นเคยนั้น นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยอันซินรุ่ย?ทำไมนางจึงมาที่นี่ได้?ถูกต้องแล้ว ผู้ที่ปรากฏกาย ณ ประตูเรือนในยามนี้ก็คืออันซินรุ่ยผู้เป็นกุ้ยเฟยคนปัจจุบันเบื้องหลังนางมิได้มีขบวนใหญ่โตใด ๆ มีเพียงนางกำนัลสาวติดตามอยู่เคียงข้าง นางหันไปมองผู้คนในลานบ้านด้วยรอยยิ้มอันใสซื่อนักพลางเอ่ยว่า “เดิมทีตั้งใจรีบมาช่วยคน แต่ไม่นึกว่าจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง เฮ้อ เห็นทีคงเป็นลิขิตสวรรค์อย่างแท้จริง”“ถวายพระพรกุ้ยเฟย ขอจงทรงพระเจริญ”แม้จงหย่งโหวบอกว่าต้องการลาออกจากราชการกลับบ้านเกิด แต่ในยามนี้ก็ยังคงเป็นขุนนางในราชสำนัก ดังนั้นเมื่อพบเจออันซินรุ่ยย่อมต้องแสดงความเคารพเป็นธรรมดาหลังจากเขานำเวินหย่าลี่ถวายความเคารพแล้ว ก็หันไปมองหลานซื่อเล็กน้อยทว่าหลานซื่อกลับไม่ได้สนใจอันซินรุ่ยที่ประตูแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองเพียงศพของเวินเยวี่ยที่อยู่บนพื้นเท่านั้นขณะที่จงหย่งโหวเริ่มรู้สึกเป็นห่วงหลานซื่อบ้างแล้ว นึกไม่ถึงว่าอันซินรุ่ยจะ