Share

บทที่ 6

Penulis: จิ้งซิง
ผู้ที่มามีรูปร่างสูงสง่าราวกับไผ่สน สวมอาภรณ์เสื้อคลุมสีกรมท่า รูปลักษณ์สง่างาม โฉมหน้าหล่อเหลา

ชื่อของเขาคือเวินฉางอวิ้น เป็นพี่ใหญ่ของนาง และก็เป็นคุณชายใหญ่ของจวนกั๋วกง

“น้องห้า เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”

เวินฉางอวิ้นมองเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชา

ความรู้สึกกดดันที่แผ่ลงมาจากด้านบนทำให้เวินซื่อแทบหายใจไม่ออกนิดหน่อย

เมื่อก่อนนางโง่งม คิดเพียงว่าเวินฉางอวิ้นรูปร่างสูงใหญ่ ถึงมอบความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ให้นาง

ทว่าต่อมาจนกระทั่งเมื่อนางเห็นกับตาว่าเวินฉางอวิ้นก้มตัว ก้มหน้าให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเวินเยวี่ยเพียงเพื่อรับฟังความคับข้องใจจากปากของนาง เวินซื่อถึงได้เข้าใจว่าที่แท้ตนเองเป็นเพียงคนชั้นล่างที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่ใหญ่

“ข้าไม่เข้าใจคำพูดของพี่ใหญ่ ไม่ทราบว่าข้ามีความผิดอันใด ขอพี่ใหญ่โปรดชี้แจงด้วย”

ไม่ใช่ว่าเวินซื่อไม่เห็นชุดพิธีการที่เขาถืออยู่ในมือ

ดังนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขามาเพราะเหตุใด

แต่แล้วอย่างไรเล่า?

ไม่ถามสักคำ มาถึงก็อยากให้นางยอมรับความผิด?

มีสิทธิอันใด?

เวินฉางอวิ้นทำสายตาเย็นชา แต่สายตาของเวินซื่อกลับเย็นชายิ่งกว่าเขา

เวินฉางอวิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเผยความไม่พอใจ “เจ้ามีนิสัยเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? โอหังทำตัวอำเภอใจถึงเพียงนี้ ไม่รู้หรือว่ากำลังพูดไร”

“ข้าแค่ไม่รู้ว่าข้าทำผิดตรงไหนเท่านั้น นี่ก็ทำให้พี่ใหญ่โมโหแล้วหรือ? คำว่า ‘โอหังทำตัวอำเภอใจถึงเพียงนี้ ไม่รู้หรือว่ากำลังพูดไร’ ช่างทำให้น้องรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมยิ่งกว่าคนที่ถูกปรักปรำที่สุดในโลกอีก”

“เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่รู้ตนเองทำผิดตรงไหนหรือ? แล้วนี่คืออะไร?”

เวินฉางอวิ้นโกรธจัด โยนชุดพิธีการมาอยู่ข้างเท้าของเวินซื่อ “พี่รองของเจ้าบอกว่าเจ้าตัดมันกับมือ เดิมทีข้าไม่เชื่อ ถึงอย่างไรชุดนี้ก็เป็นชุดพิธีการที่เจ้ารักทะนุถนอมมากที่สุด แต่ตอนนี้ดูอารมณ์ของเจ้าแล้ว ข้าก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อ”

“ถูกต้อง ข้าตัดเองกับมือ ก็แค่ตัดชุดที่ไม่มีผู้ใดต้องการเท่านั้น หากพี่ใหญ่คิดว่านี่เป็นความผิดของข้า เช่นนั้นก็แล้วแต่พี่ใหญ่จะคิดอย่างไรเถิด”

ถึงอย่างไรในสายตาของเวินฉางอวิ้น ไม่ว่านางจะทำอย่างไรล้วนเป็นความผิดทั้งหมด

แตกต่างจากที่คาดเดาไว้ เวินฉางอวิ้นนึกว่านางจะเถียง เวินซื่อไม่เพียงไม่เถียง แต่ยอมรับโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

“ชุดที่ไม่มีผู้ใดต้องการ?”

เวินฉางอวิ้นยิ่งโกรธขึ้นเรื่อย ๆ “ชุดพิธีการนี้เป็นชุดที่ข้ากับพี่ชายอีกสามคนของเจ้าตั้งใจสั่งทำให้เจ้าร่วมกัน ตอนแรกเจ้าเอาแต่พูดว่าตนเองหวงแหนมันอย่างยิ่ง ตอนนี้กลับบอกว่าเป็นชุดที่ไม่มีผู้ใดต้องการหรือ?”

“ใช่!”

เวินซื่อหันหน้ากลับมาฉับพลัน นัยน์ตาสองข้างของนางมองตรงไปที่นัยน์ตาของเวินฉางอวิ้น ก่อนจะเอ่ยทีละคำ

“ก็แค่ไม่มี ผู้ใด ต้องการ”

นางกล่อมตัวเองอยู่ในใจไม่หยุดว่าให้ใจเย็น ๆ การต่อต้านคนอย่างเวินฉางอวิ้นไม่มีผลดีอะไรกับนางเลย

นางแค่ต้องอดทน อดทนอีก อดทนจนกระทั่งออกจากบ้านหลังนี้...

“อะไรกัน? พี่ใหญ่โกรธมากหรือ? อยากลงโทษข้า? อยากใช้กฎตระกูลกับข้า หรืออยากบังคับให้ข้าคุกเข่าเล่า?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

นางเหมือนแบ่งออกเป็นสองคนก็ไม่ปาน

คนหนึ่งเกลี้ยกล่อมตัวเองอยู่ในใจว่าให้ใจเย็น ๆ อีกคนกลับคลุ้มคลั่งเหมือนสมองสูญเสียการควบคุม

สุดท้ายนางเลือกปลดปล่อยตนเอง ระบายออกมาก็ระบายออกมาเถิด

อยากลงโทษก็ลงโทษ

ก็แค่คุกเข่าในพิธีปักปิ่นอีกครั้งเท่านั้น

ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกเวินฉางอวิ้นบังคับให้คุกเข่ามาก่อน

“พี่ใหญ่ชอบน้องสาวที่เชื่อฟังมากที่สุดไม่ใช่หรือ? ดีเลย ขอเพียงพี่ใหญ่เอ่ย ข้าจะคุกเข่าให้ท่านทันที จะให้คุกเข่าที่นี่? หรือว่าคุกเข่าข้างนอก? ไม่เช่นนั้นจะให้ไปที่พิธีปักปิ่นหรือไม่? ขอเพียงพี่ใหญ่เอ่ยคำเดียว ข้าคุกเข่าให้พี่ใหญ่ต่อหน้าผู้คนก็ได้? หรือพี่ใหญ่คิดว่าเช่นนี้ยังไม่เพียงพอ...”

เวินซื่อยั่วยุเวินฉางอวิ้นประโยคแล้วประโยคเล่า จนกระทั่งเวินฉางอวิ้นอดทนไม่ไหวอีกต่อไป...

“พอได้แล้ว!”

เวินฉางอวิ้นมองนางอย่างตกใจระคนสงสัย เอ่ยถามว่า “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”

ท่าทางของเวินซื่อในตอนนี้แทบจะล้มล้างความเข้าใจเดิมที่เวินฉางอวิ้นมีต่อน้องสาวผู้นี้

ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนางเคารพพี่ชายถึงเพียงนั้น เชื่อฟังถึงเพียงนั้น แม้ว่าต่อมานางจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นคิดมาก ชอบแย่งความรัก ชอบอิจฉา แต่ก็ไม่เคยไม่เห็นพี่ชายอยู่ในสายตาอย่างเช่นวันนี้เลย

ราวกับว่าบ้าไปแล้วจริง ๆ

เวินซื่อถูกขัดบท รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อย ๆ เลือนหายไป

เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาไม่เข้าใจของเวินฉางอวิ้น นางก็เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ใช่ ข้าแค่บ้าไปแล้ว”

ถูกพวกท่านบีบให้เป็นบ้า

เวินฉางอวิ้นอ้าปาก อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่มองแววตาเย็นชาเป็นพิเศษของเวินซื่อ เขาก็ขมวดคิ้วช้า ๆ ไม่เอ่ยวาจาอยู่เนิ่นนาน

จนกระทั่งเวินซื่อหมดความอดทนเล็กน้อย เขาถึงค่อยเอ่ยปากกล่าวว่า “พิธีปักปิ่นใกล้จะเริ่มแล้ว ไปกันเถิด”

แต่เขาเหมือนกลัวว่าอีกเดี๋ยวเวินซื่อจะเป็นบ้าเช่นนี้ในพิธีปักปิ่น เขาจึงเอ่ยเสริมเหมือนกับเตือนว่า

“มีแขกเหรื่อมากมายอยู่ที่เรือนด้านหน้า เจ้า...ระวังกิริยาวาจาของตนเองบ้าง อย่าให้สกุลเวินของเราอับอายขายหน้า”

เมื่อเวินฉางอวิ้นเดินออกไปหลายเมตร แต่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง เขาจึงหันหน้ากลับไปดู ก่อนจะพบว่าเวินซื่อไม่ขยับเขยื้อนเลย

“เหตุใดถึงไม่ไป?”

“พี่รองไม่อนุญาต”

“เหลวไหล”

เวินฉางอวิ้นคิดเพียงว่าเวินซื่อกำลังงอน “วันนี้เป็นวันสำคัญของเจ้ากับน้องหก จะขาดไปไม่ได้”

เวินซื่อมองเขาอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าบอกแล้วว่าพี่รองไม่อนุญาต นี่พี่ใหญ่จะบังคับข้าให้ได้หรือ? หากเป็นเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวข้าไปแล้ว หากพี่รองจะตบตีข้า พี่ใหญ่จะขวางแทนข้าหรือไม่? หากไม่ขวาง เช่นนั้นข้าไม่ไปจะดีกว่า จะได้ไม่ถูกตบตีอีก”

เวินฉางอวิ้นหมดความอดทนแล้ว “พี่รองของเจ้าโมโหร้าย แค่ไม่เคยตบตีคนโดยไร้เหตุผล...”

“พี่ใหญ่ตาบอดไปแล้วหรือ?”

เวินซื่อใช้คำพูดเฉียบคมฝืนตัดบทเขา แล้วเอียงใบหน้า “ใบหน้าของข้ายังบวมอยู่เลยนะ? พี่ใหญ่มองไม่เห็น หรือว่าพี่ใหญ่รังเกียจที่จะมอง?”

เวินฉางอวิ้นเพ่งมอง ใบหน้าของเวินซื่อบวมแดงนิดหน่อยจริง ๆ ด้วย หากเดินออกไปเช่นนี้เลย เกรงว่าใครมองเห็นเข้า วันหน้าอาจจะลือคำพูดอะไรที่ไม่น่าฟังก็เป็นได้

เมื่อครู่นี้เขาเอาแต่โกรธเรื่องเวินซื่อตัดชุดพิธีการจนเละ ไม่ได้สังเกตเรื่องพวกนี้เลย

ตอนนี้เห็นแล้ว เขาก็อดขมวดคิ้วอีกครั้งไม่ได้

หรือว่าจื่อเฉินจะลงมือกับน้องห้าจริง ๆ?

เขารู้ว่าน้องรองเป็นคนเจ้าอารมณ์ชอบลงไม้ลงมือนิดหน่อย น้องห้าไม่เชื่อฟังเท่าน้องหกจริง ๆ แต่ว่าต่อให้น้องห้ากระทำความผิดก็ไม่ควรตบตีนางในวันงานสำคัญเช่นนี้ มีเรื่องอะไรรอให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยตีไม่ได้หรือ?

ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย

เวินฉางอวิ้นที่มีปฏิกิริยาแรกก็คือปกป้องชื่อเสียงของจวนกั๋วกงคิดเช่นนี้

เดิมทีเวินฉางอวิ้นอยากให้เวินซื่อไปแต่งหน้าสักเล็กน้อย ปกปิดรอยแดงบนใบหน้า แต่ว่ามีคนมาเร่งข้างนอกอีกแล้ว

เขาจึงได้แต่พูดกับเวินซื่อว่า “อีกประเดี๋ยวเจ้าระวังปกปิดเสียหน่อย หากใครถามก็บอกว่าหกล้ม เข้าใจหรือไม่?”

หกล้ม?

หกล้มอย่างไรถึงโดนแค่ใบหน้าข้างเดียว แถมยังทิ้งรอยฝ่ามืออีก?

เวินซื่อไม่รู้สึกผิดหวังต่อปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ของเวินฉางอวิ้นเลยสักนิดเดียว นางถึงขนาดคุ้นชินนานแล้ว

“ได้เจ้าค่ะ ขอเพียงพี่ใหญ่ขวางพี่รองแทนข้า เช่นนั้น ข้า จะ ทำ ตามที่พี่ใหญ่บอก”

นางอยากดูว่าทุกคนจะตาบอดเหมือนคนสกุลเวินหรือไม่

ผ่านไปไม่นาน เวินซื่อเดินตามเวินฉางอวิ้นมาถึงเรือนด้านหน้า

เวลานี้เรือนด้านหน้าของจวนกั๋วกงมีผู้คนคับคั่ง คึกคักอย่างยิ่ง

ทันทีที่เวินซื่อเพิ่งปรากฏตัว สายตารอบด้านก็ทอดมองมาที่นาง

ในนั้นมีทั้งเหยียดหยาม เยาะหยันและชมเรื่องสนุก

เวินซื่อจับสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหนึ่งในนั้นได้อย่างเฉียบคม นางมองตามไปก็เห็นเวินเยวี่ยกำลังยืนอยู่กับบุรุษที่หล่อเหลาสดใสมีความเด็ดเดี่ยวเยือกเย็น

และเจ้าของสายตามุ่งร้ายนั้นก็คือบุรุษผู้นั้นเอง

ชื่อของเขาคือชุยเส้าเจ๋อ ซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหว

และเป็นคู่หมั้นที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กของนาง
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
น.ส.นันทพร กิจสนาโยธิน
ยิ่งอ่านยิ่งสนุก
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1090

    ทันทีที่คำพูดอันเดือดดาลของเวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยออกมาเวินจื่อเยวี่ยถึงเพิ่งรู้ตัวว่าครั้งนี้บิดาของเขาโกรธจริง ๆเพียงแต่เวินจื่อเยวี่ยก็กลัวว่าเวินเฉวียนเซิ่งจะเชื่อคำพูดของเอ้อถานหลัวเข้าจริง ๆ อยากจะพูดแทนน้องหกสักสองประโยค แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งแล้วก็ไม่กล้าที่จะพูดต่ออีกทำได้เพียงข่มสีหน้าคับแค้นใจ ถลึงตาใส่หลานซื่ออย่างเกรี้ยวกราด“ต้องโทษเจ้า!”เพียงสามคำนี้ ก็โยนความผิดทั้งหมดใส่ตัวหลานซื่อเวลานี้หลานซื่อที่นั่งลงบนเก้าอี้ที่เกาหยางยกมาแล้ว ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเขาด้วยซ้ำ เพียงยกถ้วยชาขึ้นจิบอึกหนึ่งอย่างเฉยเมยนางรู้ว่าคืนนี้ความลับของเวินเยวี่ยจะปกปิดไว้ไม่ได้อีกแล้วนางก็ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องราวที่รู้มานานแล้วนางเพียงกำลังคิดว่า ยามนี้เอ้อถานหลัวผู้นั้นคงสนใจเวินเยวี่ยขึ้นมาจริง ๆ แต่ไม่ว่าเพื่อการวิจัยหรืออย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับนางเลยแต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับจงใจเอาตัวเสี่ยวหานมาใช้กดดันดูคล้ายว่าเขาต้องการข่มขู่เวินเฉวียนเซิ่ง แต่ที่จริงแล้วกลับเป็นการข่มขู่นางหลังจากที่หลานซื่อใจเย็นลงแล้วขบคิดอย่างถี่ถ้วน ก็มองทะลุอุบายของเอ้อถานหลัวห

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1089

    เวินเฉวียนเซิ่งจ้องมองหลานซื่ออยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ยอมประนีประนอม“ไต้ซือ ปล่อยคนออกมาเถิด”เพื่อที่จะฟื้นฟูร่างกายที่พิการนี้ อย่างน้อยเขาต้องได้ดอกบัวกระดูกมังกรมาไว้ในมือ!แต่ใครจะรู้ว่าเขายอมประนีประนอมแล้ว ทว่าเอ้อถานหลัวกลับไม่ยอม“อมิตตาพุทธ ไม่ได้”เวินเฉวียนเซิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง เขาขมวดคิ้ว “ไต้ซือหมายความว่าอย่างไร?”เอ้อถานหลัวกล่าวอย่างใจเย็น “เพราะอาตมาก็สนใจบุตรสาวคนเมื่อครู่ของท่านค่อนข้างมาก หากท่านสามารถพานางกลับมาได้ อาตมาก็จะคืนนังหนูที่จับมาแก่ท่าน”เวินเฉวียนเซิ่งที่ได้ยินคำพูดนี้กำหมัดแน่น“เอ้อถานหลัวไต้ซือ ท่านไม่ได้กำลังเล่นตลกกับข้าใช่ไหม?”เวินเฉวียนเซิ่งโกรธจนกัดฟันกรอดเอ้อถานหลัวกลับกล่าวอย่างจริงจัง “ที่ไหนกันเล่า? อาตมาไม่เคยเล่นตลกกับผู้อื่น”“เช่นนั้นเมื่อครู่นางก็อยู่ที่นี่ เหตุใดท่านไม่ลงมือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดนี้เช่นกันที่อยู่ด้านข้างซักถามอย่างเดือดดาล“เพราะอาตมาไม่อยากล่วงเกินอ๋องชาง”เหตุผลง่ายดายเพียงข้อเดียวกลับทำให้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยสองพ่อลูกโกรธจนแทบจะระเบิดโดยเฉพาะเวินเฉวียนเซิ่ง ในตอนนี้เขาห่าง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1088

    “ไม่นะ…อ๊า! ท่านพ่อช่วยข้าด้วย!”เวินเยวี่ยยังคิดจะดิ้นรนอยู่ แต่น่าเสียดายว่าตอนนี้ยักษ์ต่างเผ่าได้ยืนยันอย่างสมบูรณ์แล้วว่าเป็นนางฝ่ามือใหญ่ยกขึ้น พุ่งตรงไปที่นาง“ถอยไป! ถอยไปเร็ว!”“น้องหกหนีไปเร็ว!”เวินจื่อเยวี่ยยังพยายามขัดขวางยักษ์ต่างเผ่าผู้นั้น แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่คู่ต่อกรของยักษ์ต่างเผ่าโดยสิ้นเชิงเขาพุ่งเข้าไปพร้อมดาบเล่มหนึ่ง ยังไม่ทันฟันถูกร่างกายของยักษ์ต่างเผ่า ก็ถูกอีกฝ่ายใช้ฝ่ามือตบกระเด็นออกไปทันที จนกระแทกต้นไม้ต้นหนึ่งหักโค่น“ไต้ซือ ลูกสาวของข้านางสามารถ…”“ไม่ได้”เอ้อถานหลัวตัดบทคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งโดยตรง ปฏิเสธคำขอที่เขากำลังจะเอ่ยออกมาเวินเฉวียนเซิ่งตามติดข้างหลังเอ้อถานหลัวอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเขาทำข้อตกลงอะไรกับเอ้อถานหลัวไว้บ้าง ในตอนนี้แม้เอ้อถานหลัวจะกำลังนั่งดูเรื่องสนุกอยู่เฉย ๆ แต่ก็ไม่ได้ไม่สนใจเขาเสียทีเดียวเพียงแต่กับคนอื่นแล้ว เอ้อถานหลัวไม่คิดจะลงมือ“คำพูดของบุรุษทรงพลังผู้นี้เมื่อครู่พวกเจ้าก็ได้ยินแล้ว เขามาตามคำสั่งของอ๋องชาง เป็นผู้ใต้บัญชาของอ๋องชางแห่งราชสำนัก ในเมื่ออ๋องชางส่งคนมาจับตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์ ก็จะไม่ฆ่านา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1087

    “ใคร...คือ...ธิดา...ศักดิ์สิทธิ์...”ยักษ์ต่างเผ่าหมุนกาย ตะโกนถามทุกคนรอบข้างด้วยเสียงดังลั่นและเพราะคำไม่กี่คำที่เขาพูดออกมาล้วนเป็นภาษาจงหยวนดังนั้นทุกคนที่อยู่ในที่นั้นจึงเข้าใจในทันทีตามหาธิดาศักดิ์สิทธิ์หรือ?!สีหน้าของหลานซื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเวินเยวี่ยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสีหน้าดีใจขึ้นมาทันใด กำลังจะยกมือชี้มาที่นาง หลานซื่อก็รีบชิงตัดหน้านางในทันที...“นาง…”“นางคือธิดาศักดิ์สิทธิ์!”ยักษ์ต่างเผ่าถูกดึงดูดด้วยเสียงของนางดังคาด ไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเวินเยวี่ย “ใคร! ใคร...คือ...ธิดาศักดิ์สิทธิ์!”หลานซื่อชี้ไปที่เวินเยวี่ย “นาง! หญิงชาวจงหยวนผู้นั้น ก็คือธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้ากำลังตามหา!”ที่นี่เกือบทุกคนเปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าและแต่งกายแบบชาวต่างเผ่าแล้วมีเพียงเวินเยวี่ยเท่านั้นที่ไม่ชอบสภาพที่ดูน่าเกลียดแบบที่ต้องเอาผ้ามาคลุมศีรษะ และไม่ชอบวาดลวดลายสีเขียว ๆ บนใบหน้า ดังนั้นถึงแม้นางจะเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าของสตรีชาวต่างเผ่าแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผูกผ้าบนศีรษะเหมือนกับสตรีชาวต่างเผ่าด้วยเหตุนี้ยักษ์ต่างเผ่าผู้นั้นจึงมองตามนิ้วมือของหลานซื่อไป ก็เห็นใบหน้าที

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1086

    “ผู้อาวุโส! ไต้ซือ! หากท่านยังไม่ลงมือ สิ่งที่เคยรับปากกับท่านไว้ก่อนหน้านี้จะไม่มีใครมอบให้ท่านได้อีก!”ครั้งนี้ คำขอความช่วยเหลือของเวินเฉวียนเซิ่งในที่สุดก็เรียกการตอบสนองจากคนที่อยู่ในเงามืดได้อีกครั้ง“ติ๊ง!”เสียงกระดิ่งดังขึ้นในป่าโดยพลันเสียงกระดิ่งนั้นไม่เพียงทำให้ฝูงแมลงพิษทั้งหมดชะงักงัน แต่ยังสั่นสะเทือนจิตใจของผู้คนอีกด้วยตรงหน้าหลานซื่อพลันมืดลง รู้สึกได้เพียงว่าสายตาพร่ามัวไปชั่วขณะ ร่างกายของนางโอนเอนเล็กน้อย เกือบจะล้มลงกับพื้นเมื่อนางกัดฟันเพื่อตั้งสติได้ แล้วมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ในใจก็พลันตื่นตระหนก“นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนสามารถทนต่อเสียงกระดิ่งมารได้”เอ้อถานหลัวค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืด มองหลานซื่อที่ยังยืนอยู่ได้ในสถานที่นั้นเพียงผู้เดียว สายตานั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจดวงตาชราภาพคู่นั้นพลันฉายแววเฉียบคมเพ่งพินิจหลานซื่ออย่างละเอียด ราวกับต้องการค้นหาสาเหตุจากตัวนางว่าเพราะเหตุใดนางถึงสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้แต่น่าเสียดาย เขาไม่อาจมองเห็นอะไรได้เลยและด้วยเหตุนี้เอง สายตาที่เอ้อถานหลัวมองหลานซื่อจึงยิ่งเต็มไปด้วยความใคร่รู้และตื่นเต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1085

    “ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย รีบส่งของที่ข้าต้องการออกมาเดี๋ยวนี้”เมื่อทั้งสองพูดจบ บรรยากาศทั่วทั้งป่าก็กลับมาตึงเครียดอีกครั้งทันทีหลานซื่อจ้องมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยสายตาเย็นชา“ดูเหมือนจะไม่มีพื้นที่ให้เจรจาแล้ว”ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ “ลงมือ”หลานซื่อแสร้งทำเป็นออกคำสั่งกับผู้อื่น เอ่ยออกมาคำหนึ่ง และในวินาทีถัดมา...“ตูม!”ในชั่วพริบตา แมลงพิษนับไม่ถ้วนก็พลุ่งพล่านอยู่ใต้พื้นดินเวินเฉวียนเซิ่งกับพวกยังไม่ทันรู้ตัว ก็เห็นแมลงสีดำสนิทหลากหลายชนิดผุดขึ้นมาจากพื้นดินรอบ ๆ ตัวพวกเขา ก่อนจะพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างเนืองแน่นเวินเฉวียนเซิ่งสะดุ้งตกใจในทันทีฝูงแมลงพวกนี้คือแมลงชนิดเดียวกับที่โจมตีเขาคราวก่อนที่บริเวณใกล้ภูเขาหนาน!เป็นไปตามคาดลูกสาวเนรคุณผู้นี้มีปรมาจารย์กู่คอยหนุนหลังอยู่จริง ๆ!เวินเฉวียนเซิ่งตะโกนเสียงดังทันที “ท่านผู้อาวุโสช่วยข้าด้วย!”ในขณะที่แมลงพิษเหล่านั้นกำลังจะพุ่งเข้าถึงตัวเวินเฉวียนเซิ่งกับพวก เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดก็ดังมาจากที่ไกล ๆ อย่างกะทันหัน...“ถอย!”ฝูงแมลงพิษกว่าครึ่งของหลานซื่อชะงักงันในทันทีแต่ในเสี้ยววินาทีถัดมา พวกมันก็หลุ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status