มาอยู่ในร่างมารดาที่เดิมต้องตายไปแล้วของนางร้ายตัวฉกาจในนิยายเรื่องหนึ่ง สตรีที่งามล่มเมืองหากแต่มีสามีผู้ชั่วร้าย แล้วหญิงสาวที่ไม่เคยมีลูกเช่นนางต้องเลี้ยงดูเด็กคนนี้อย่างไร? ให้ตายเถอะ!
ดูเพิ่มเติมหลังจากที่พูดคุยกันแล้วซิ่วจื่อหลิงก็ลงมือรักษาชายหนุ่มในทันที ฝีมือการรักษาพิษแม้ว่านางจะไม่เก่งกาจเท่ากับมารดาหากแต่เมื่อเทียบกับหมอหลวงโดยทั่วไปย่อมเหนือชั้นกว่า อีกอย่างนางมีของวิเศษและการมาในครั้งนี้ก็พาเจ้าจิ้งจอกน้อยมาด้วย ซิ่วจื่อหลิงนำเจ้าจิ้งจอกน้อยออกมาจากช่องว่างในมิติของวิเศษก่อนจะให้มันดูดซับพลังไม่ดีจากร่างกายเขา ก่อนที่นางจะลงมือฝังเข็มนับร้อยเล่มบนร่างกายของชายหนุ่มพิษที่ชายหนุ่มได้รับนั้นเป็นพิษของทางชนเผ่าหน้าด่านที่ไม่ค่อยพบเห็นมากนัก ทำให้หมอทั่วไปมิอาจรักษาได้ หากแต่ไม่ใช่กับวิชาเข็มพิฆาตพิษที่เป็นวิชาตกทอดมาจากท่านตาทวดของนางอย่างแน่นอนในยามที่ฝีเข็มถูกทิ่มแทงลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนังเพียงไม่กี่อึดใจก็มีเลือดสีดำซึมออกมาในทุกรูขุมขนที
ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน"อาเป่า ช่วงนี้ไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับคุณชายเสิ่นส่งกลับมาบ้างเลยหรือ ?" ซิ่วจื่อหลิงเอ่ยกับนางกำนัลคนสนิท"ไม่มีเลยเพคะ จะว่าไปก็แปลกยิ่งนักเหตุใดจึงได้เงียบไปเช่นนี้""นั่นสิ แล้วข่าวเกี่ยวกับวังหลวงแคว้นหนานเฉินเล่า ?""ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะคุกรุ่นอยู่ไม่น้อยเลยเพคะ"
วังหลวงแคว้นหนานเฉินกำลังจะลุกเป็นไฟหลังจากที่คนของตระกูลหวังของหวังฮองเฮาถูกคนเล่นงานอยู่หลายครั้งจนกระทั่งอำนาจเริ่มเสื่อมถอย เสวียนอู่ฮ่องเต้เองก็ป่วยกระเสาะกระแสะมานานหลายเดือน ในยามที่หรูเจิ้งหยวนส่งคนของเขาไปตรวจร่างกายพระองค์ก็ดูเหมือนจะปกติ เพียงแต่อาการนั้นไม่ปกติยิ่งนัก หากเป็นเช่นนี้ต้องไม่เป็นการดีแน่ในขณะที่ในช่วงค่ำคืนหนึ่งที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเงียบสงบอย่างผิดปกติ อยู่ ๆ ตำหนักบรรทมของเสวียนอู่ฮ่องเต้ก็ถูกล้อมด้วยคนของไท่จื่อหรูโจว แน่นอนว่าการก่อกบฏในครั้งนี้มีคนที่ร่วมมือกับเขาอยู่ไม่มาก ขุนนางเหล่านั้นอยู่ฝั่งเดียวกับตระกูลหวังทั้งยังสนับสนุนให้ไท่จื่อหรูโจวกระทำการช่วงชิงราชบัลลังก์จากเสวียนอู่ฮ่องเต้ โดยให้เหตุผลว่าฝ่าบาทมิอาจออกว่าราชกิจได้เนื่องจากทรงพระชวรหนัก จึงจำเป็นจะต้องให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเช่นองค์รัชทายาทสืบทอดราชบัลลังก์แทนหลังจากที่พวกเขาบุกยึดวังหลวงได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวังฮองเฮาที่สวมอาภรณ์สีแดงงดงามก็เดินเข้ามาในห้องบรรทมของผู้เป็นสามี นางมองเสวียนอู่ฮ่องเต้ด้วยแววตาสมเพช เดิมทีนางนั้นหลงรักเขาหมดหัวใจ เพียงแต่อีกฝ่า
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นด้วยความดุเดือด ก่อนที่ซิ่วจื่อหลิงจะหันไปเห็นหลิวอี้หลันที่กำลังเดินเข้ามาในบริเวณสนามฝึกแห่งนี้ ได้ข่าวว่านางเพิ่งผ่านพิธีปักปิ่นไปได้ไม่นานก็รีบออกมาแสดงตัวเสียแล้วหลิวอี้หลันเดินมาพร้อมกับท่านหญิงซูฉี ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากกว่าที่เคย อาจเพราะพระชายาเจิ้งอ๋องผู้เป็นมารดาของหลิวอี้หลันได้แต่งเข้าตำหนักเจิ้งอ๋องทำให้หลิวอี้หลันเองก็เปรียบเป็นคนในราชวงศ์กึ่งหนึ่ง เพราะเจิ้งอ๋องนั้นรับนางและน้องชายเป็นบุตรบุญธรรม แต่จะชูคอได้นานอีกสักเท่าใดก็ต้องคอยดูกันต่อไป ทั้งคู่เดินเข้ามาในกระโจมที่นางและน้องชายนั่งอยู่ก่อนทั้งสองจะยอบกายคารวะนางและน้องชายแล้วหันไปมองจินเยว่ที่นั่งข้าง ๆ"เหตุใดคุณหนูจินจึงมานั่งในกระโจมนี้ได้เล่า" เป็นท่า
หลังจากเหตุการณ์ก่อกบฏขององค์หญิงม่านสวี หรงเซ่อฮ่องเต้ทรงเห็นแก่บิดามิได้เอ่ยถึงความผิดของนาง หากแต่สำหรับขุนนางที่ร่วมก่อกบฏทั้งหมดกลับถูกจัดการจนสิ้นภายในค่ำคืนเดียว เรื่องราวแม้จะอึกทึกครึกโครมเป็นอย่างมากหากแต่หลังจากนั้นก็มิได้ถูกกล่าวถึงอีก ก่อนที่จะมีประกาศการสอบคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมเข้ารับตำแหน่ง โดยเปิดโอกาสให้บัณฑิตผู้มีความรู้ความสามารถทั่วแคว้นต้าซ่งได้เข้าร่วมการสอบคัดเลือกในครั้งนี้โดยไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น ข้อสอบทั้งหมดจะถูกตรวจสอบด้วยความละเอียดและพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งก่อนหน้านี้หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ธารน้ำแข็งถล่ม เจิ้งอ๋องและพระชายาต่างรีบเข้าวังมาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษแก่บุตรสาวของพวกเขาทั้งสอง หากแต่กลับไร้เงาของผู้ที่สร้างปัญหาเช่นหลิวอี้หลัน เมิ่งฮองเฮาเพียงรับคำขอโทษอย่างผ่าน ๆ ก่อนที่ต่อมาจะมีราชโองการลงโทษหลิวอี้หลันให้สำนึกตนอยู่แต่ภายในจวนห้ามออกไ
ก่อนหน้านั้นหลายชั่วยามณ ตำหนักหนิงอันซิ่วจื่อหลิงได้รับรายงานจากขันทีตำหนักของพระมารดาว่าเมิ่งฮองเฮามีอาการไม่ค่อยดีนักจึงได้รีบมาที่ตำหนักหนิงอันด้วยความรีบร้อนและเมื่อไปถึงก็พบว่าน้องชายของนางก็กำลังตรงมาที่ตำหนักหนิงอันเช่นเดียวกัน"ท่านพี่ เสด็จแม่ทรงประชวรหรือขอรับ""พี่ก็ไม่รู้เช่นกัน พี่ว่าเรารีบเข้าไปด้านในกันเถิด"
ความคิดเห็น