Share

บทที่ 5

Author: จิ้งซิง
“เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”

เวินเยวี่ยที่เดิมทียังนึกว่ามีโอกาสแย่งกลับมาก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว

อารมณ์หวั่นไหวรุนแรงราวกับว่าสิ่งที่เวินซื่อตัดคือชุดของนาง

เวินซื่อขยับมือไม่หยุด รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน “ตัดชุดอย่างไรเล่า พี่รองกับน้องหกเห็นแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนี้?”

ดวงตาสองข้างของเวินจื่อเฉินพ่นไฟแล้ว “เจ้ายังกล้าถามข้าอีกหรือว่าเหตุใดถึงมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้?! ชุดนี้เป็นชุดที่ข้ากับพวกพี่ใหญ่ตั้งใจสั่งทำขึ้นมาเพื่อพิธีปักปิ่นของเจ้า ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เหตุใดเจ้าต้องตัดมันจนเละด้วย?!”

“เพราะว่าไม่มีใครต้องการมันแล้ว”

เวินซื่อตัดลงไปดัง “ฉับ” อีกครั้ง “ข้าไม่ต้องการ น้องหกก็ไม่ต้องการ ของที่ไม่มีใครต้องการย่อมต้องจัดการทิ้ง”

สีหน้าของนางเย็นชาจนทำให้เวินจื่อเฉินแทบจะรู้สึกแปลกตา

ใครบอกว่าข้าไม่ต้องการ?!

เวินเยวี่ยโกรธจนแทบอยากจะกรีดร้อง

นางแค่จงใจบอกปัดเพื่อไม่ให้เวินจื่อเฉินสงสัยเท่านั้น

ใครจะคิดว่าเวินซื่อกลับเสียสติถึงเพียงนี้?!

ทั้ง ๆ ที่นางคิดไว้นานแล้วว่าวันนี้จะต้องสวมชุดพิธีการนี้ให้ได้ แต่ตอนนี้ถูกเวินซื่อทำลายหมดแล้ว!

นี่เป็นชุดพิธีการที่แพงที่สุดและดีที่สุดในเมืองหลวงนะ!

มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!

เวินเยวี่ยปวดใจจนแทบหลั่งเลือด

“เจ้าบอกตั้งแต่เมื่อไรว่าเจ้าไม่ต้องการแล้ว? เจ้าเคยบอกว่าเจ้าชอบมากไม่ใช่หรือ? เจ้าทะนุถนอมชุดนี้ที่สุดไม่ใช่หรือ...”

เวินจื่อเฉินเดือดดาลอย่างยิ่ง

เวินซื่อกลับตัดบทเขาทันทีว่า “ข้าไม่ชอบแล้ว”

นางเอ่ยทวนทีละคำว่า “เมื่อก่อนเคยชอบ แต่ตอนนี้ข้าไม่ชอบแล้ว”

สิ่งที่ไม่ได้เป็นของนาง นางไม่ต้องการทั้งนั้น

“ฉับ”

เมื่อเวินซื่อตัดลงไปเป็นครั้งสุดท้าย ชุดพิธีการนั้นก็ถูกนางตัดจนเละไม่เป็นชิ้นดี

เฉกเช่นความสัมพันธ์ของนางกับพวกเวินจื่อเฉิน

ชาติที่แล้วนางอยากกอบกู้สถานการณ์มากเกินไป หากตระหนักได้เร็วหน่อย ตัดขาดทุกอย่างนี้เร็วหน่อย สุดท้ายนางก็คงไม่ลงเลยถึงขั้นนั้น

และชาตินี้ นางจะไม่ทำอะไรโง่งมเหมือนชาติที่แล้วอีกเป็นอันขาด!

“เอาเถิด พิธีปักปิ่นใกล้จะเริ่มแล้ว ในเมื่อพี่รองไม่อยากให้ข้าออกไป เช่นนั้นก็ขออภัยที่น้องไม่อยู่เป็นเพื่อนแล้ว”

หลังจากที่นางวางกรรไกรลงก็หันหลังให้กับพวกเขา เริ่มไล่คนด้วยน้ำเสียงค่อนข้างหมดความอดทน

เวินจื่อเฉินยืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาสองข้างแดงก่ำจ้องมองเศษผ้าที่กระจัดกระจายเต็มพื้น

เขาเหมือนกับถูกคนทุบแรง ๆ สมองว่างเปล่าทันใด

ไม่...

ไม่ถูก

เหตุใดน้องห้าถึงกลายเป็นเช่นนี้?

เหตุใดนางต้องทำขนาดนี้?

หรือว่านางโกรธที่เขาให้นางมอบชุดพิธีการให้กับน้องหก?

หรือเป็นเพราะว่าเขาปรักปรำนาง?

แต่นี่เป็นเพราะนางทำผิดก่อนไม่ใช่หรือ?

นางมีสิทธิอะไรมาอารมณ์เสีย?!

เวินจื่อเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ

“ทั้งหมดต้องโทษพวกพี่ใหญ่ที่ตามใจเจ้าจนกลายเป็นเช่นไรแล้ว! ตอนนี้แม้แต่ความหวังดีของพวกพี่ชาย เจ้าก็ยังกล้าทำลาย ต่อไปเกรงว่าเจ้ายังคิดจะขบถด้วย!”

เวินจื่อเฉินนึกว่าเอ่ยเช่นนี้เวินซื่อจะมีปฏิกิริยา แต่เวินซื่อที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลับไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา

ท่าทีดูเหมือนขับไล่คนมาก ๆ

“ดี ๆๆ!”

เวินจื่อเฉินโกรธจนเอ่ยคำว่าดีติดต่อกันสามครั้ง เขาเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจ้ากล้าโกรธปั้นปึ่งใส่ข้า คอยดูนะ วันนี้ข้าจะต้องเรียกพวกพี่ใหญ่มาดูท่าทางดื้อดึงของเจ้า!”

เขากล่าวจบก็คว้าเครื่องประดับศีรษะที่เวินเยวี่ยเพิ่งหยิบขึ้นมาจากพื้น รวมทั้งรวบรวมเศษผ้าบนพื้นขึ้นมาทั้งหมด

“เอ๊ะ พี่รอง?!”

เวินเยวี่ยยังไม่ทันตั้งตัวก็เห็นเวินจื่อเฉินนำชุดพิธีการขาดรุ่งริ่งชุดนั้นหันตัวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

นางหันหน้ากลับไปถลึงตาใส่เวินซื่ออย่างไม่ยอมแพ้ หลังจากขบคิด สุดท้ายก็ยังไล่ตามออกไป

เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว ห้องของเวินซื่อก็เงียบสงบลงในพริบตา

เงียบจนแทบได้ยินเสียงสาวใช้บางคนที่คิดว่าเสียงตัวเองเบามากกำลังแอบนินทากันอยู่บนระเบียงทางเดินที่ไม่ไกลจากด้านนอกห้อง

“อุ๊ย เมื่อกี้คนที่วิ่งออกมาจากห้องของคุณหนูห้าคือคุณชายรองกับคุณหนูหกไม่ใช่หรือ?”

“ดูเหมือนจะเป็นพวกเขานะ!”

“คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นคุณชายรอง หากรู้แต่แรกข้าคงไปรอในห้องของคุณหนูห้าแล้ว”

“ช่างเถิด เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินคุณชายรองตำหนิคุณหนูห้าเสียงดังอีกแล้ว เกรงว่าคุณหนูห้าคงจะทำอะไรคุณหนูหกอีกแล้ว คนจิตใจชั่วช้าเช่นนั้น เจ้ายังกล้าไปใกล้นางอีกหรือ? เจ้าไม่กลัวว่าสักวันนางจะไม่พอใจจนลงมือกับเจ้าหรือไร?”

“สวรรค์ น่ากลัวเหลือเกิน! หากเป็นเช่นนี้ ใครยังจะกล้าไปรับใช้นางอีกเล่า?”

ภายในห้อง เวินซื่อฟังคำพูดเหล่านี้อย่างเย็นชา

ท่ามกลางเสียงของสาวใช้หลายคนนั้น คนที่พูดมากหนึ่งในนั้นก็คือชุนเซียง สาวใช้คนสนิทของนาง

และเป็นสาวใช้ที่เตะนางแรง ๆ เพื่อเอาใจเวินเยวี่ยตอนที่นางถูกขังไว้ในห้องลับ

ตอนแรกชุนเซียงหักหลังนางตามคำสั่งของเวินเยวี่ย ช่วยเวินเยวี่ยขับไล่นางออกจากจวนกั๋วกง ดังนั้นจึงกลายเป็นคนสนิทที่ทำงานเก่งข้างกายเวินเยวี่ย

เมื่อก่อนเวินซื่อไม่รู้เลย แต่ตอนนี้คิดดูแล้วเกรงว่าเวลานี้ชุนเซียงคงจะไปขอพึ่งพาอาศัยเวินเยวี่ยนานแล้ว

และลอบยุยงข้ารับใช้ในเรือนนาง ทำให้ทุกคนหวาดกลัวและตีตัวออกหากกับนาง

จิตสังหารฉายขึ้นมาในแววตาของเวินซื่อ

นางจะไม่ยอมปล่อยเวินเยวี่ยกับคนสกุลเวินไป

เช่นเดียวกัน นางก็จะไม่ยอมปล่อยคนที่ทรยศนาง

“พวกเจ้าทั้งหลาย”

เสียงของเวินซื่อพลันดังขึ้นจากด้านหลังพวกสาวใช้หลายคน

พวกซุนเซียงหันหน้าไปมองก็เห็นเวินซื่อยืนอยู่ริมหน้าต่าง กำลังจ้องมองพวกนางด้วยสายตาทะมึน

พวกสาวใช้ที่เพิ่งถูกชุนเซียงขู่ให้ตกใจพลันหวาดกลัวจนรีบลุกขึ้นมา

“นอกจากชุนเซียงแล้ว คนอื่น ๆ กลับไปเก็บข้าวของเสีย ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะเรียกคนมารับพวกเจ้า”

สาวใช้คนอื่น ๆ ยังไม่ทันตั้งสติ เอ่ยถามอย่างงุนงงเล็กน้อยว่า “เก็บข้าวของ? ไปที่ใดหรือเจ้าคะ? คุณหนูห้าจะเรียกใครมารับพวกเราหรือเจ้าคะ?”

เวินซื่อมองพวกนางอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ย่อมเรียกนายหน้าค้าทาสมารับ ไม่เช่นนั้นยังมีใครได้อีก?”

สาวใช้ทั้งหลายพากันหน้าถอดสี เบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“คุณหนูห้าเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าอันใด? พวกนางทำสิ่งใดผิด ท่านถึงปฏิบัติกับพวกนางเช่นนี้?!”

ซุนเซียงที่ถูกแยกออกมาคนเดียวยังตระหนักไม่ได้ถึงความร้ายแรง นางจดจำคำพูดที่เวินเยวี่ยกำชับนางได้ขึ้นใจ พูดแทนสาวใช้คนอื่น ๆ อย่างหนักแน่นมีเหตุผลชอบธรรม

“พวกนางไม่ได้ทำสิ่งใดผิด”

เวินซื่อยิ้มน้อย ๆ “แต่ว่าสมองไม่ค่อยกระจ่างนัก แยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นเจ้านายของพวกนาง”

“พวกคนที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเจ้านายของตนเองเป็นใคร เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอยู่เรือนของข้าต่อไป เก็บของไสหัวไปแต่เนิ่น ๆ เสีย เพื่อไม่ให้สักวันข้าไม่พอใจจนลงมือกับพวกเจ้า”

เมื่อคำพูดประโยคสุดท้ายออกมา บรรดาสาวใช้รวมถึงซุนเซียงก็พากันหน้าซีดเผือด

หลังจากนั้น เวินซื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ นางจึงกล่าวอีกว่า

“แน่นอนว่าพวกเจ้าสามารถไปอ้อนวอนขอร้องน้องสาวแสนดีที่มีเมตตาบริสุทธิ์ของข้าได้เหมือนกัน ไม่แน่ว่านางอาจจะยินดีจ่ายราคางามซื้อพวกเจ้าจากในมือของข้าก็ได้?”

พอดีเลย หากนางอยากออกไปจากสกุลเวิน ยังต้องเตรียมเงินในมือไว้ก่อน

เมื่อเวินซื่อปิดหน้าต่าง เพิ่งจะหันตัวมาก็สะดุ้งตกใจกับบุรุษผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน ความเคียดแค้นชิงชันอย่างรุนแรงก็พรั่งพรูขึ้นมาในใจของเวินซื่อ

นางเอ่ยปากอย่างช้า ๆ ว่า “พี่ใหญ่”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 938

    “บ้าเอ๊ย นางกลับกล้าทำแบบนี้กับจวนจงหย่งโหวของเราเช่นนี้!”หากเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าไม่เพียงแค่นางเท่านั้น แต่ท่านโหวและเส้าเจ๋อของนาง จะกลายเป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยหญิงชั่วเวินเยวี่ยคนนั้นด้วย!เวินหย่าลี่นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลานซื่อ รีบถามว่า “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ หากท่านล่าช้าไปอีกสิบวันถึงครึ่งเดือนไข่แมลงพวกนี้จะฟักออกมา ถึงตอนนั้นท่านโหวของเราจะหมดทางช่วยเหลือแล้วหรือเปล่า?”หลานซื่อลูบคางพูดว่า “ใช่ว่าจะหมดทางช่วยเหลือโดยสิ้นเชิง แต่ถึงแม้จะรอดมาได้ ก็จะกลายเป็นคนไม่สมประกอบ ไม่โง่เขลาก็พิการ”“อย่างนั้นก็ไม่ได้การ! จำเป็นต้องรีบช่วยท่านโหวและเส้าเจ๋อ!”เวินหย่าลี่ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ก้าวไปข้างหน้าพลางคุกเข่าลง คุกเข่าลงตรงหน้าหลานซื่อทันที เอ่ยขอร้องอย่างเป็นกังวล “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ หม่อมฉันรู้ว่าท่านต้องมีวิธี ได้โปรดช่วยท่านโหว ช่วยลูกชายของข้าด้วย!”“ใช่แล้ว!”นางพูดไปก็นึกถึงอะไรออกในทันใด รีบล้วงของสิ่งหนึ่งที่ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อของตัวเอง “ของสิ่งนี้ เป็นสมบัติของประมุขตระกูลหลานของพวกท่าน”นางเปิดผ้าเช็ดหน้าออก เผยให้เห็นสิ่งของข้างในเป็นตราหยก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 937

    เวินหย่าลี่มองไปที่ไข่แมลงกองนั้น ไม่อาจเชื่อได้เลยทำไมในร่างกายของนางถึงได้มีสิ่งที่น่ากลัวมากมายเช่นนี้อยู่?!ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?เป็นใคร...ไม่ใช่สิ นางรู้ว่าเป็นใคร!เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ นอกจากหญิงชั่วเวินเยวี่ยคนนั้นแล้วจะยังมีใครได้อีกเล่า!และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ สิ่งที่หลานซื่อพูดกับนางในเวลาต่อมา...“ไข่แมลงเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ ดูจากขนาดของมันแล้วน่าจะอาศัยอยู่ในร่างกายของท่านมาสักพักแล้ว อืม...ไม่น่าจะน้อยกว่าหนึ่งเดือนกระมัง”กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความจริงเวินเยวี่ยได้ลงมือกับผู้คนในจวนจงหย่งโหวไปตั้งนานแล้วเพียงแต่เมื่อไม่นานมานี้ ไข่แมลงในร่างกายของเวินหย่าลี่และคนอื่น ๆ ค่อย ๆ คงที่ ถึงได้เริ่มหยุดอำพรางโฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว“ยัง...ยังมีชีวิตอยู่หรือ? อย่าบอกนะว่าสิ่งเหล่านี้ยังฟักออกมาได้?!”เวินหย่าลี่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหลานซื่อพยักหน้า “ถูกต้อง หากท่านล่าช้าไปสิบกว่าวันถึงครึ่งเดือนแล้วล่ะก็ แมลงพวกนี้น่าจะสามารถฟักตัวภายในร่างกายของท่านได้ จากนั้นก็เจาะเข้าไปในอวัยวะภายในของท่าน แขนขาทั้งสี่และกระดูกทั้งหมด เจาะเข้าไปแม้กระทั่งสมองของ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 936

    “ถ้าเป็นเวินเยวี่ยล่ะก็ จริงที่ว่าจะไม่มีทางปล่อยท่านไปง่าย ๆ เพราะอย่างไรตอนแรกที่นางแต่งเข้าไปในจวนจงหย่งโหวของพวกท่าน ก็ได้รับความทนทุกข์มาก”หลานซื่อพูดด้วยแววตาที่แฝงความหยอกล้อเอาไว้ ดูแสร้งยิ้มเวินหย่าลี่เผยความกระดากอายออกมาทางสีหน้าทันที “แต่นางเป็นคนวางแผนคิดร้ายกับเส้าเจ๋อของเราก่อน...”“เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องอธิบายแล้ว”หลานซื่อบอกให้นางหุบปากทันที ขี้เกียจจะฟังคำพูดไร้สาระเหล่านั้นของนาง“ในร่างกายของท่านนอกจากพิษงูที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อย ก็ไม่มีพิษอื่นแล้ว แต่กลับมีอย่างอื่นอีกเล็กน้อย”“ข้ารู้อยู่แล้วเชียว!”เวินหย่าลี่เบิกตากว้างในทันใด ตื่นเต้นมากจนไม่สนใจชื่อเรียกของตัวเองด้วยซ้ำ มองหลานซื่อด้วยความร้อนใจ “มันคืออะไร? นางทำอะไรกับร่างกายของข้ากันแน่?!”“ในช่วงเวลานี้ ท่านได้กินหรือดื่มอะไรที่นางให้มาบ้างหรือเปล่า?”หลานซื่อไม่ตอบนางโดยตรง แต่กลับย้อนถามเวินหย่าลี่ยิ่งรู้สึกกระดากอาย “นางไม่เคยนำอาหารอะไรมาให้ข้า...หม่อมฉันกับมือเลย แต่ตอนนี้จวนจงหย่งโหวของเราอยู่ภายใต้การควบคุมของนางแล้ว ของกินดื่มอะไร นางก็ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง มีคนไปทำให้”ดังนั้นหากเวิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 935

    “ให้นางเข้ามาสิ”หลานซื่อกลับไปที่ข้างโต๊ะแล้วนั่งลงเมื่อเป่ยเฉินหยวนได้ยินว่ามีคนมา ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเขาจำฮูหยินจงหย่งโหวท่านนั้นได้ ดูเหมือนจะเป็นน้องสาวของเจิ้นกั๋วกง อดีตน้าหญิงของอู๋โยวกระมัง?ครั้งหนึ่งเคยใส่ความอู๋โยวว่าขโมยของจากครอบครัวของนาง ความสัมพันธ์กับอู๋โยวดูจะแย่ทีเดียวเหตุใดวันนี้ถึงมาหาอู๋โยวได้?ไม่ใช่ว่าเป่ยเฉินหยวนคิดมากเกินไปแต่ที่สำคัญคือวันนี้ หากเวินหย่าลี่มาร่วมงานเลี้ยงในฐานะฮูหยินจงหย่งโหว ก็ไม่เห็นจะต้องมาหาหลานซื่อตามลำพังเมื่อครู่ไม่เห็นนางที่งานเลี้ยง ตอนนี้กลับมาหานางแบบส่วนตัวเห็นได้ชัดว่าผิดปกติเป่ยเฉินหยวนมองไปทางหลานซื่อ “ต้องการให้ข้าช่วยเหลืออะไรไหม?”หลานซื่อส่ายศีรษะ “แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องให้ท่านอ๋องลงมือ”“แล้วต้องให้ข้าหลบไปหรือไม่”“ไม่ต้องเช่นกัน หากท่านอ๋องอยากรู้ก็สามารถอยู่ฟังได้ ถือว่าเป็นเรื่องสนุก ๆ ก็พอ”เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้กังวลและไม่หลบเลี่ยงของหลานซื่อเช่นนี้ เป่ยเฉินหยวนก็อดแย้มมุมปากไม่ได้วินาทีต่อมา เขาก็นั่งลงตรงข้ามกับหลานซื่อเช่นกันไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอกประตูเวินหย่าล

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 934

    “ประมูลตระกูลหลานไม่จำเป็นต้องทักทายพวกเรา แค่เอาเหล้าฮัวเตียวมาสักหน่อย พวกเราก็จัดการกันเองได้แล้ว”เสนาบดีฉีในฝูงชนก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเช่นกันล้วนเป็นคนเฉลียวฉลาดกันทั้งนั้น ย่อมรู้ดีว่าเหตุการณ์คั่นเวลาเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นดังนั้นนี่คือการให้หลานซื่อจัดการกับนางก่อน ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าบรรดาแขกเหรื่อจะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเพราะถึงอย่างไรก็ยังมีพ่อตาฮ่องเต้ที่คอยช่วยสนับสนุนนาง และแม้แต่เสนาบดีฉีเองก็เริ่มเอ่ยปากถาม โดยมีใต้เท้าสองคนนี้อยู่ด้วย ยังให้เกียรติกันไม่พออีกหรือ?หลานซื่อที่มองเห็นเจตนาดีของทั้งสองก็ไม่ปฏิเสธ ตอนนี้นางก็ยังมีเรื่องต้องจัดการด้วยจริง ๆ“ขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจ ทุกท่านกินดื่มให้เต็มที่ หากมีความต้องการอะไรก็สั่งคนรับใช้ในจวนได้เลย หากดูแลไม่ทั่วถึง ก็ต้องขออภัยด้วย”จนกระทั่งตอนนี้ หลานซื่อก็ยังเกรงใจและสุภาพมากแม้ว่าวันนี้จะมีแขกเหรื่อมามากมาย แต่ก็ไม่มีใครพูดได้ว่าประมูลตระกูลหลานคนใหม่นี้ดูแลไม่ทั่วถึงหรือผิดพลาด”เพราะถึงอย่างไรอีกหนึ่งสถานะของนาง ก็คือธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เทียบเท่าองค์หญิงเมื่อพบนาง ควรเป็นพวกเขามากกว่าที่ต้องคุกเข่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 933

    ขณะที่อันหมิงจูกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง อันปี่เค่อก็ชิงพูดก่อนนางหนึ่งก้าวด้วยน้ำเสียงจนปัญญา “เอาล่ะ ลูกสาวแสนดี เจ้าดูสภาพเจ้าในตอนนี้สิ อย่าเสียเวลาอยู่ที่เรือนของธิดาศักดิ์สิทธิ์ต่อไปเลย พ่อจะพาเจ้ากลับไปก่อน มีอะไรเอาไว้วันหลังค่อยคุยกัน เร็วเข้า บอกลาธิดาศักดิ์สิทธิ์สักคำ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อันหมิงจูจะทำอะไรได้อีกนางทำได้เพียงอดทนกับอารมณ์คับข้องใจ เอาเสื้อกันลมที่สาวใช้เอามาให้คลุมไหล่ ปกปิดร่างกายเอาไว้ พร้อมกับทำความเคารพหลานซื่ออย่างไม่เต็มใจนัก“ขออภัยด้วยธิดาศักดิ์สิทธิ์ ข้าน้อยขอลา”หลานซื่อเหลือบมองนางอย่างเฉยชาเดิมทียังไม่อยากปล่อยอันหมิงจูและคนอื่น ๆ ไปง่าย ๆ แบบนี้ แต่ไม่นึกว่าอันปี่เค่อผู้นี้จะตาไวเช่นนี้สังเกตเห็นภัยอันตรายในชั่วพริบตา จากนั้นก็ตัดสินใจถอนตัวโดยไม่ลังเลถ้าเป็นเฒ่าสารพัดพิษอย่างเวินเฉวียนเซิ่งนั่น ต้องกลับมาลองหยั่งเชิงอีกครั้งอย่างแน่นอนยากที่จะรับมือจริง ๆหลานซื่อหรี่ตาลง “คุณหนูใหญ่สกุลอันตกน้ำตื่นตกใจ ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกุลหลาน ดื่มน้ำแกงขิงสักหน่อยแล้วค่อยไปล่ะ? จะได้ไม่เป็นหวัด”“แค่ก ๆ ขอบคุณธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นห่วง แต่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status