แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: จิ้งซิง
“เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”

เวินเยวี่ยที่เดิมทียังนึกว่ามีโอกาสแย่งกลับมาก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว

อารมณ์หวั่นไหวรุนแรงราวกับว่าสิ่งที่เวินซื่อตัดคือชุดของนาง

เวินซื่อขยับมือไม่หยุด รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน “ตัดชุดอย่างไรเล่า พี่รองกับน้องหกเห็นแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนี้?”

ดวงตาสองข้างของเวินจื่อเฉินพ่นไฟแล้ว “เจ้ายังกล้าถามข้าอีกหรือว่าเหตุใดถึงมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้?! ชุดนี้เป็นชุดที่ข้ากับพวกพี่ใหญ่ตั้งใจสั่งทำขึ้นมาเพื่อพิธีปักปิ่นของเจ้า ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เหตุใดเจ้าต้องตัดมันจนเละด้วย?!”

“เพราะว่าไม่มีใครต้องการมันแล้ว”

เวินซื่อตัดลงไปดัง “ฉับ” อีกครั้ง “ข้าไม่ต้องการ น้องหกก็ไม่ต้องการ ของที่ไม่มีใครต้องการย่อมต้องจัดการทิ้ง”

สีหน้าของนางเย็นชาจนทำให้เวินจื่อเฉินแทบจะรู้สึกแปลกตา

ใครบอกว่าข้าไม่ต้องการ?!

เวินเยวี่ยโกรธจนแทบอยากจะกรีดร้อง

นางแค่จงใจบอกปัดเพื่อไม่ให้เวินจื่อเฉินสงสัยเท่านั้น

ใครจะคิดว่าเวินซื่อกลับเสียสติถึงเพียงนี้?!

ทั้ง ๆ ที่นางคิดไว้นานแล้วว่าวันนี้จะต้องสวมชุดพิธีการนี้ให้ได้ แต่ตอนนี้ถูกเวินซื่อทำลายหมดแล้ว!

นี่เป็นชุดพิธีการที่แพงที่สุดและดีที่สุดในเมืองหลวงนะ!

มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!

เวินเยวี่ยปวดใจจนแทบหลั่งเลือด

“เจ้าบอกตั้งแต่เมื่อไรว่าเจ้าไม่ต้องการแล้ว? เจ้าเคยบอกว่าเจ้าชอบมากไม่ใช่หรือ? เจ้าทะนุถนอมชุดนี้ที่สุดไม่ใช่หรือ...”

เวินจื่อเฉินเดือดดาลอย่างยิ่ง

เวินซื่อกลับตัดบทเขาทันทีว่า “ข้าไม่ชอบแล้ว”

นางเอ่ยทวนทีละคำว่า “เมื่อก่อนเคยชอบ แต่ตอนนี้ข้าไม่ชอบแล้ว”

สิ่งที่ไม่ได้เป็นของนาง นางไม่ต้องการทั้งนั้น

“ฉับ”

เมื่อเวินซื่อตัดลงไปเป็นครั้งสุดท้าย ชุดพิธีการนั้นก็ถูกนางตัดจนเละไม่เป็นชิ้นดี

เฉกเช่นความสัมพันธ์ของนางกับพวกเวินจื่อเฉิน

ชาติที่แล้วนางอยากกอบกู้สถานการณ์มากเกินไป หากตระหนักได้เร็วหน่อย ตัดขาดทุกอย่างนี้เร็วหน่อย สุดท้ายนางก็คงไม่ลงเลยถึงขั้นนั้น

และชาตินี้ นางจะไม่ทำอะไรโง่งมเหมือนชาติที่แล้วอีกเป็นอันขาด!

“เอาเถิด พิธีปักปิ่นใกล้จะเริ่มแล้ว ในเมื่อพี่รองไม่อยากให้ข้าออกไป เช่นนั้นก็ขออภัยที่น้องไม่อยู่เป็นเพื่อนแล้ว”

หลังจากที่นางวางกรรไกรลงก็หันหลังให้กับพวกเขา เริ่มไล่คนด้วยน้ำเสียงค่อนข้างหมดความอดทน

เวินจื่อเฉินยืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาสองข้างแดงก่ำจ้องมองเศษผ้าที่กระจัดกระจายเต็มพื้น

เขาเหมือนกับถูกคนทุบแรง ๆ สมองว่างเปล่าทันใด

ไม่...

ไม่ถูก

เหตุใดน้องห้าถึงกลายเป็นเช่นนี้?

เหตุใดนางต้องทำขนาดนี้?

หรือว่านางโกรธที่เขาให้นางมอบชุดพิธีการให้กับน้องหก?

หรือเป็นเพราะว่าเขาปรักปรำนาง?

แต่นี่เป็นเพราะนางทำผิดก่อนไม่ใช่หรือ?

นางมีสิทธิอะไรมาอารมณ์เสีย?!

เวินจื่อเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ

“ทั้งหมดต้องโทษพวกพี่ใหญ่ที่ตามใจเจ้าจนกลายเป็นเช่นไรแล้ว! ตอนนี้แม้แต่ความหวังดีของพวกพี่ชาย เจ้าก็ยังกล้าทำลาย ต่อไปเกรงว่าเจ้ายังคิดจะขบถด้วย!”

เวินจื่อเฉินนึกว่าเอ่ยเช่นนี้เวินซื่อจะมีปฏิกิริยา แต่เวินซื่อที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลับไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา

ท่าทีดูเหมือนขับไล่คนมาก ๆ

“ดี ๆๆ!”

เวินจื่อเฉินโกรธจนเอ่ยคำว่าดีติดต่อกันสามครั้ง เขาเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจ้ากล้าโกรธปั้นปึ่งใส่ข้า คอยดูนะ วันนี้ข้าจะต้องเรียกพวกพี่ใหญ่มาดูท่าทางดื้อดึงของเจ้า!”

เขากล่าวจบก็คว้าเครื่องประดับศีรษะที่เวินเยวี่ยเพิ่งหยิบขึ้นมาจากพื้น รวมทั้งรวบรวมเศษผ้าบนพื้นขึ้นมาทั้งหมด

“เอ๊ะ พี่รอง?!”

เวินเยวี่ยยังไม่ทันตั้งตัวก็เห็นเวินจื่อเฉินนำชุดพิธีการขาดรุ่งริ่งชุดนั้นหันตัวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

นางหันหน้ากลับไปถลึงตาใส่เวินซื่ออย่างไม่ยอมแพ้ หลังจากขบคิด สุดท้ายก็ยังไล่ตามออกไป

เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว ห้องของเวินซื่อก็เงียบสงบลงในพริบตา

เงียบจนแทบได้ยินเสียงสาวใช้บางคนที่คิดว่าเสียงตัวเองเบามากกำลังแอบนินทากันอยู่บนระเบียงทางเดินที่ไม่ไกลจากด้านนอกห้อง

“อุ๊ย เมื่อกี้คนที่วิ่งออกมาจากห้องของคุณหนูห้าคือคุณชายรองกับคุณหนูหกไม่ใช่หรือ?”

“ดูเหมือนจะเป็นพวกเขานะ!”

“คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นคุณชายรอง หากรู้แต่แรกข้าคงไปรอในห้องของคุณหนูห้าแล้ว”

“ช่างเถิด เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินคุณชายรองตำหนิคุณหนูห้าเสียงดังอีกแล้ว เกรงว่าคุณหนูห้าคงจะทำอะไรคุณหนูหกอีกแล้ว คนจิตใจชั่วช้าเช่นนั้น เจ้ายังกล้าไปใกล้นางอีกหรือ? เจ้าไม่กลัวว่าสักวันนางจะไม่พอใจจนลงมือกับเจ้าหรือไร?”

“สวรรค์ น่ากลัวเหลือเกิน! หากเป็นเช่นนี้ ใครยังจะกล้าไปรับใช้นางอีกเล่า?”

ภายในห้อง เวินซื่อฟังคำพูดเหล่านี้อย่างเย็นชา

ท่ามกลางเสียงของสาวใช้หลายคนนั้น คนที่พูดมากหนึ่งในนั้นก็คือชุนเซียง สาวใช้คนสนิทของนาง

และเป็นสาวใช้ที่เตะนางแรง ๆ เพื่อเอาใจเวินเยวี่ยตอนที่นางถูกขังไว้ในห้องลับ

ตอนแรกชุนเซียงหักหลังนางตามคำสั่งของเวินเยวี่ย ช่วยเวินเยวี่ยขับไล่นางออกจากจวนกั๋วกง ดังนั้นจึงกลายเป็นคนสนิทที่ทำงานเก่งข้างกายเวินเยวี่ย

เมื่อก่อนเวินซื่อไม่รู้เลย แต่ตอนนี้คิดดูแล้วเกรงว่าเวลานี้ชุนเซียงคงจะไปขอพึ่งพาอาศัยเวินเยวี่ยนานแล้ว

และลอบยุยงข้ารับใช้ในเรือนนาง ทำให้ทุกคนหวาดกลัวและตีตัวออกหากกับนาง

จิตสังหารฉายขึ้นมาในแววตาของเวินซื่อ

นางจะไม่ยอมปล่อยเวินเยวี่ยกับคนสกุลเวินไป

เช่นเดียวกัน นางก็จะไม่ยอมปล่อยคนที่ทรยศนาง

“พวกเจ้าทั้งหลาย”

เสียงของเวินซื่อพลันดังขึ้นจากด้านหลังพวกสาวใช้หลายคน

พวกซุนเซียงหันหน้าไปมองก็เห็นเวินซื่อยืนอยู่ริมหน้าต่าง กำลังจ้องมองพวกนางด้วยสายตาทะมึน

พวกสาวใช้ที่เพิ่งถูกชุนเซียงขู่ให้ตกใจพลันหวาดกลัวจนรีบลุกขึ้นมา

“นอกจากชุนเซียงแล้ว คนอื่น ๆ กลับไปเก็บข้าวของเสีย ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะเรียกคนมารับพวกเจ้า”

สาวใช้คนอื่น ๆ ยังไม่ทันตั้งสติ เอ่ยถามอย่างงุนงงเล็กน้อยว่า “เก็บข้าวของ? ไปที่ใดหรือเจ้าคะ? คุณหนูห้าจะเรียกใครมารับพวกเราหรือเจ้าคะ?”

เวินซื่อมองพวกนางอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ย่อมเรียกนายหน้าค้าทาสมารับ ไม่เช่นนั้นยังมีใครได้อีก?”

สาวใช้ทั้งหลายพากันหน้าถอดสี เบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“คุณหนูห้าเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าอันใด? พวกนางทำสิ่งใดผิด ท่านถึงปฏิบัติกับพวกนางเช่นนี้?!”

ซุนเซียงที่ถูกแยกออกมาคนเดียวยังตระหนักไม่ได้ถึงความร้ายแรง นางจดจำคำพูดที่เวินเยวี่ยกำชับนางได้ขึ้นใจ พูดแทนสาวใช้คนอื่น ๆ อย่างหนักแน่นมีเหตุผลชอบธรรม

“พวกนางไม่ได้ทำสิ่งใดผิด”

เวินซื่อยิ้มน้อย ๆ “แต่ว่าสมองไม่ค่อยกระจ่างนัก แยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นเจ้านายของพวกนาง”

“พวกคนที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเจ้านายของตนเองเป็นใคร เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอยู่เรือนของข้าต่อไป เก็บของไสหัวไปแต่เนิ่น ๆ เสีย เพื่อไม่ให้สักวันข้าไม่พอใจจนลงมือกับพวกเจ้า”

เมื่อคำพูดประโยคสุดท้ายออกมา บรรดาสาวใช้รวมถึงซุนเซียงก็พากันหน้าซีดเผือด

หลังจากนั้น เวินซื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ นางจึงกล่าวอีกว่า

“แน่นอนว่าพวกเจ้าสามารถไปอ้อนวอนขอร้องน้องสาวแสนดีที่มีเมตตาบริสุทธิ์ของข้าได้เหมือนกัน ไม่แน่ว่านางอาจจะยินดีจ่ายราคางามซื้อพวกเจ้าจากในมือของข้าก็ได้?”

พอดีเลย หากนางอยากออกไปจากสกุลเวิน ยังต้องเตรียมเงินในมือไว้ก่อน

เมื่อเวินซื่อปิดหน้าต่าง เพิ่งจะหันตัวมาก็สะดุ้งตกใจกับบุรุษผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน ความเคียดแค้นชิงชันอย่างรุนแรงก็พรั่งพรูขึ้นมาในใจของเวินซื่อ

นางเอ่ยปากอย่างช้า ๆ ว่า “พี่ใหญ่”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 754

    เวินซื่อ “?”เมื่อเห็นภาพนี้เวินซื่อก็ถึงกับตะลึงไปชั่วขณะไม่ใช่ อ๋องชางชาวต่างถิ่นผู้สง่างาม เมื่อครู่ยังตะโกนให้จับตัวนาง ต้องการจะฆ่านางอยู่เลย ตอนนี้หนีไปแบบนี้อย่างนั้นหรือ?เวินซื่อมีหรือจะปล่อยเขาไปแบบนี้ นางตะโกนเรียกเสียงดัง “จู๋เยวี่ย!”หลังจากจู๋เยวี่ยดึงแส้ออกจากเอวก็สะบัดลงข้างล่างทีหนึ่ง หลังจากพันรอบเอวของเวิ่นซื่อแล้ว ก็ดึงเวินซื่อขึ้นมานางกระโดดพรวดพราดออกมา ยกเวินซื่อขึ้นบนหลังเรียบร้อย จากนั้นก็กระโดดออกไปอีกครั้งในขณะเดียวกันเวินซื่อก็สั่งการหัวหน้ากองทัพธงดำและพวกที่อยู่ด้านล่าง “พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ คุ้มครองลุงหลินให้ดี”เมื่อนางพูดจบ ก็ออกไปจากหุบเขาพร้อมกับจู๋เยวี่ยกลางหุบเขา หัวหน้ากองทัพธงดำและพวกรีบกลับไปที่ข้างรถม้าเพื่อเฝ้ายาม ในขณะที่แมลงพิษที่รอดชีวิตบนพื้นดินเหล่านั้นก็เฝ้าดูพวกเขาไว้เช่นกัน ป้องกันศัตรูจากภายนอก......ทางด้านนี้หลังจากเวินซื่อกับจู๋เยวี่ยไล่ล่าออกมาจากหุบเขาแล้ว เวินซื่อก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ดวงตาทั้งสองของนางสว่างไสวขึ้นเล็กน้อยในขณะเดียวกัน ชางชิงหลานและเยี่ยนจือที่วิ่งหนีอยู่ด้านหน้าได้เปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 753

    ยังไม่ทันเริ่มต่อสู้ ก็รู้สึกว่าตัวเองชนะแน่นอนแล้ว“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”ชางชิงหลานยอมรับอย่างไม่ถ่อมตัวสักนิด“วิชากู่ของข้าไม่มีใครเทียบได้ ไม่ว่าแม่นางจะใช้วิธีการใดปิดบังราชากู่ของข้าก็ตาม ถึงวันนี้ก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้แล้ว”“ถ้าเจ้ายอมแพ้ตอนนี้ ข้าจะไม่มีทางแตะต้องเจ้าเด็ดขาด ว่าอย่างไรเล่า?”เมื่อเผชิญกับคำพูดหลอกล่อของชางชิงหลาน เวินซื่อก็ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเผยสายตาดูถูกออกมา...“ยังไม่รู้ว่าใครจะชนะหรือแพ้ แทนที่จะพูดมากไร้สาระ สู้ลงมือเสียเลยดีกว่า”เมื่อชางชิงหลานได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจทันที “เอาล่ะ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยมทำร้ายผู้หญิงก็แล้วกัน”ในขณะเดียวกัน แมลงทั้งสองฝั่งในหุบเขาก็เกิดอาการหงุดหงิดกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที เข้ามารวมตัวกันภายในพริบตาบนพื้นดินและกลางอากาศ ทั้งหมดกำลังเข่นฆ่ากันมันน่าทึ่งยิ่งกว่าการต่อสู้ระหว่างผู้คนเมื่อครู่เสียอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพที่แน่นขนัดนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกขนหัวลุกอย่างช่วยไม่ได้ เห็นแล้วไม่สบายใจเป็นอย่างมากกระนั้นกองทัพธงดำและคนอื่น ๆ ยังคงเฝ้าอยู่ข้างกายเวินซื่อ ยังมีที่อยู่นอกรถม้าของหลินหงเหวินด้วย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 752

    “คนตายไม่จำเป็นต้องรู้อะไรมากเกินไป”เวินซื่อพูดเพียงประโยคเดียวนี้กับเขาจากนั้นนางก็โบกมือหนึ่งครั้ง แมงมุมและมดทั้งหมดในหุบเขาก็พุ่งเข้าไปหาชางชิงหลานชางชิงหลานหัวเราะขึ้นมาทันใด “ข้ายอมรับว่าเจ้าน่าสนใจมากจริง ๆ แต่หากต้องการฆ่าข้าเช่นนี้ มันก็เป็นไปไม่ได้”เขาพูดพลาง พลิกมือล้วงแมลงสีเขียวเข้มตัวหนึ่งออกมาเขาประคองแมลงสีเขียวเข้มตัวนั้นไว้ในฝ่ามือ พลางเชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการควบคุมกู่ก็ดี หรือการควบคุมแมลงก็ดี ข้าไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับผู้ใด”ทันทีที่สิ้นเสียง แมลงในมือของเขา และเป็นราชากู่ชีวิตของชางชิงหลานด้วย ก็ระเบิดเสียงแหลมเล็กออกมาทันทีเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วหุบเขาเวินซื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง สายตาจับจ้องไปที่ฝูงแมลงพิษของนาง ไม่นึกว่าแมลงในมือของชางชิงหลานตัวนั้นจะทรงพลังขนาดนี้ เหล่าแมลงพิษของนางทั้งหมดนางเลี้ยงดูด้วยเลือดและน้ำทิพย์ของตัวเอง ในทางทฤษฎีแล้วไม่สามารถรับผลกระทบใด ๆ จากผู้อื่นได้แต่แมลงกู่ของชางชิงหลานกลับสามารถส่งผลกระทบต่อเหล่าแมลงพิษของนางได้เช่นเดียวกับพลังที่น่าเกรงกลัวของราชาแมลงที่มี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 751

    แต่ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว จู๋เยวี่ยที่อยู่บนรถม้าด้านหลังเวินซื่อย่อมไม่อาจดูอยู่เฉย ๆ ได้“เจ้าอีกแล้ว!”เยี่ยนจือจ้องมองจู๋เยวี่ยที่ขวางดาบคมของเขาไว้อีกครั้งอย่างโกรธเกรี้ยว“ครั้งที่แล้วที่ข้าแพ้ให้กับเจ้าก็เพราะไม่ทันตั้งตัว แต่ครั้งนี้เจ้าแพ้แน่อย่างไม่ต้องสงสัย”จู๋เยวี่ยตอบเขาเพียงสี่คำ “พ่ายแพ้ราบคาบ”เยี่ยนจือโมโหขึ้นมาทันใด “รนหาที่ตายแล้ว!”ทั้งสองเริ่มเข่นฆ่ากันทันทีที่เคลื่อนไหวพร้อมกับเยี่ยนจือ ยังมีนักฆ่าที่ชางชิงหลานพามาอีกหลายสิบคนพวกเขาเห็นเวินซื่อไม่มีใครอยู่รอบตัวนางในเวลานี้ ก็เข้ามาล้อมอย่างไม่ลังเลหน้าหลังมีคนทั้งนั้น ซ้ำยังตกเป็นรองด้านจำนวนคนมาก ดูเหมือนจะเข้าตาจนจริง ๆ ต่อให้มีปีกยากจะหนีพ้นแต่วินาทีต่อมา...“โอ๊ย!”“ตัวอะไรมากัดข้า?!”“นี่คืออะไร? มดมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน?!”“เจ็บมาก! มดพวกนี้กัดคนเจ็บมาก!”“รีบเหยียบพวกมันให้ตาย! เร็วเข้า!”“ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่แล้ว! บ้าเอ๊ย ทำไมถึงมีมากขึ้นเรื่อยๆ!”“โอ๊ย ๆ ๆ!”ในขณะที่ทุกคนกำลังเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด มดฝูงแล้วฝูงเล่าก็คลานออกมาจากทั้งสองฝั่งของหุบเขาอย่างรวดเร็วมดเหล่านั้นมีสีแดงปลอด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 750

    เวินซื่อและคนอื่นๆ หันกลับไปมอง ผู้ที่ล้อมมาจากทางด้านหลังคือเจ้าหน้าที่ทางการของอำเภอหลินเจียงส่วนหัวหน้ากลุ่มนั้น ถึงแม้เวินซื่อจะไม่เคยพบมาก่อน แต่ด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างคุ้นตา เวินซื่อมองปราดเดียวก็คาดเดาได้ในทันทีว่า อีกฝ่ายต้องเป็นบิดาของหลี่อันซึ่งเป็นนายอำเภอผู้นั้นอย่างแน่นอน“ทางการได้รับแจ้งความ มาจับกุมผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม หากรู้ความก็ยอมจำนนแต่โดยดี ผู้ใดกล้าขัดขืน ฆ่าทิ้งได้ทันที!”นายอำเภอหลี่ขี่อยู่บนหลังม้า มองลงมายังเวินซื่อและคนอื่นๆ อย่างโอหังแล้วตะโกนขึ้นทหารเกือบหนึ่งร้อยนายปิดล้อมอยู่ด้านหลัง ขวางเวินซื่อและคนอื่นๆ เอาไว้อย่างแน่นหนา เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะเปิดทางหนีให้พวกเขาแม้แต่น้อยเวินซื่อหรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย ส่งสายตาให้คนที่อยู่บนหลังคารถม้าข้างๆ ก่อน หัวหน้าหน่วยเล็กกองทัพธงดำก็เข้าใจในทันที“กองทัพธงดำปฏิบัติภารกิจ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องรีบไสหัวไป!”หัวหน้าหน่วยเล็กกองทัพธงดำตะโกนเสียงดังลั่น เสียงก้องกังวานไปทั่วทั้งหุบเขาเมื่อได้ยินคำว่า “กองทัพธงดำ” สี่คำ เจ้าหน้าที่ทางการเหล่านั้นต่างกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที“อะไรนะ? กองทัพธงดำหรือ?”“เ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 749

    การใช้รถม้าสองคันเพื่อสร้างความสับสนเช่นนี้ อาจทำให้คนเหล่านั้นไม่สามารถระบุตัวหลินหงเหวินได้ในทันที“แน่นอนว่านางก็รู้เช่นกันว่า ตนเองก็อาจเป็นหนึ่งในเป้าหมายของคนเหล่านั้นด้วยก็เป็นได้แต่ตอนนี้คนสองกลุ่มนี้ อย่างน้อยทางฝั่งชางชิงหลานก็ยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนางนางกลับค่อนข้างอยากรู้ว่า หลังจากที่ฝ่ายทางการรู้ฐานะที่แท้จริงของนางแล้ว จะยังกล้าลงมือต่อไปอีกหรือไม่หากลังเลไม่กล้าลงมือ เช่นนั้นก็เป็นเพียงเรื่องความแค้นระหว่างนางกับคุณชายบุตรนายอำเภอผู้นั้นเท่านั้นหากรู้แล้วยังกล้าลงมือ เช่นนั้นเบื้องหลังของคนเหล่านี้ก็พอจะคาดเดาได้แล้วเวินซื่อนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในรถม้า ท่องบทสวดมนต์เพื่อสงบจิตใจไปพลาง ครุ่นคิดเรื่องราวเหล่านี้อย่างเงียบๆ ไปพลางขณะที่รถม้าเดินทางอย่างราบรื่นมาได้ครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็เข้าสู่หุบเขาแห่งหนึ่ง เวินซื่อก็พลันลืมตาขึ้นวินาทีต่อมา ฝนธนูนับไม่ถ้วนก็ตกลงมาจากฟากฟ้า“ซู่ๆ ซู่ๆ ...”หัวหน้าหน่วยเล็กกองทัพธงดำและจู๋เยวี่ยปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันแทบจะในทันที คนหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนหลังคารถม้าของเวินซื่อ อีกคนกระโดดขึ้นไปบนรถม้าอีกคัน ต่างคนต่างลงมือ ปั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status