“สามารถงอกเงยเป็นเงินได้!” ทุกคนต่างมีสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด ที่ดินที่สามารถงอกเงยเป็นเงินได้นั้น ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ดูจากท่าทีของหลี่หลงหลินแล้ว ก็ไม่เหมือนกำลังเอ่ยวาจาโอ้อวด หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ: “ข้าตั้งใจจะสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่แถบชายฝั่งทะเล มิเพียงสามารถจัดการให้ผู้อพยพพักพิงอาศัยได้ ยังจะขยายขนาดของสามกิจการใหญ่นั้น ให้ก้าวไปสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน! ที่ดินเช่นนี้ ไม่ว่าจะแห้งแล้งหรืออุดมสมบูรณ์ ย่อมสามารถนำมาซึ่งผลกำไรหลั่งไหลมามิขาดสายได้อย่างแน่นอน!” บนใบหน้าของหลี่หลงหลินเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น มั่นใจในแผนการ ท่าทีเปี่ยมด้วยอำนาจบัญชาการ เมื่อได้ฟัง ลั่วอวี้จู๋พลันมีสีหน้าปรากฏแววลังเล: “องค์รัชทายาท ปัจจุบันกิจการนำผลกำไรมาสู่ตระกูลซูในแต่ละปีอย่างมั่นคงและเป็นกอบเป็นกำแล้ว หากผลีผลามโยกย้ายและขยายขนาดกิจการ มิเพียงต้องนำผลกำไรที่ได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไปลงทุนทั้งหมด กระทั่งอาจต้องเผชิญกับสภาวะที่รายได้ไม่แน่นอนอีกด้วย...” ลั่วอวี้จู๋ดูแลบัญชีของตระกูลซูทั้งหมดตลอดจนกิจการทั้งหมด ในฐานะผู้ดูแลการคลัง นางย่อมต้องพิจารณาจากมุมมองด้านผลกำไร ไม่ว่าจากด
ทุกคนมองไปยังจุดที่หลี่หลงหลินชี้บนแผนที่ สีหน้าล้วนแสดงความลำบากใจ ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยเสียงเคร่งขรึม: “องค์รัชทายาท ณ สถานที่แห่งนี้จะสามารถสร้างเมืองใหม่ขึ้นได้จริงหรือเจ้าคะ?” แม้ซูเฟิ่งหลิงจะไม่เข้าใจวิชาการก่อสร้าง แต่นางมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง บ้านเรือนทั้งหมดในต้าเซี่ยล้วนต้องสร้างห่างจากทะเลและทะเลสาบ มิเช่นนั้นอากาศชื้นที่มาพร้อมกับลมทะเลจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของอิฐดินดิบที่ใช้สร้างบ้าน นานวันเข้าบ้านเรือนก็จะพังทลาย กระทั่งไม่มีหนทางซ่อมแซม ทำได้เพียงรื้อทิ้งสร้างใหม่เท่านั้น ดังนั้นแม้เมืองตงไห่จะอยู่ติดทะเล แต่จากประตูเมืองไปจนถึงริมทะเลที่แท้จริงยังต้องเดินทางอีกกว่าสิบลี้ หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ: “ที่นี่คือทำเลที่มีค่าที่สุดในตงไห่ ตลอดจนทั่วทั้งต้าเซี่ย เพียงหนึ่งเดียว ณ ที่แห่งนี้จะต้องสร้างเมืองขึ้นได้อย่างแน่นอน” ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยเสียงเคร่งขรึม: “องค์รัชทายาท ที่นี่อยู่ใกล้ชายทะเลมากเกินไป หากสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่นี่ เกรงว่าอีกไม่กี่ปีก็จะถูกลมทะเลกัดเซาะจนกลายเป็นกองซากปรักหักพัง เรื่องนี้มิใช่เรื่องล้อเล่น องค์รัชทายาทโปรดทรงไตร่ตรองให้รอบคอบด้วยเถิด!”
กงซูหว่านส่ายหน้า พูดเสียงเคร่งขรึม “น้องเล็ก ข้าเองก็ไม่รู้ ถ้อยคำที่องค์ชายพูดอยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของข้า ไม่กล้าสรุปให้ชัดเจนในทันทีเลยได้ ข้าอยากได้ยินองค์ชายอธิบายสักหน่อยว่าตกลงปูนคอนกรีตนี้คือสิ่งใด จากนั้นค่อยตัดสินใจ”หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ปูนคอนกรีตนี้แท้จริงแล้วธรรมดามาก ก็คือผลผลิตที่ได้จากการนำปูนขาว ดินเหนียวและกรวดทรายในสัดส่วนที่แน่นอนมาผสมกับน้ำ ดังนั้นจึงเรียกชื่อตามความหมายว่าปูนคอนกรีต”ดวงตากงซูหว่านทอประกายระยับ “องค์ชาย เช่นนั้นคำว่าแข็งตัวหมายความว่าอันใด?”ซูเฟิ่งหลิงพูดว่า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งเหล่านี้ที่ท่านพูดล้วนผสมกับน้ำแล้วจะไม่เละเป็นโจ๊กอีกหรือ ยังจะนำมาสร้างบ้านได้เยี่ยงไร?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “แข็งตัวก็คือส่วนสำคัญยิ่งกว่าสำคัญ”ทุกคนล้วนเผยสีหน้าแปลกใจหลี่หลงหลินพูดเสียงเคร่งขรึม “เริ่มแรกนำปูนขาว ดินเหนียวและกรวดทรายในสัดส่วนที่แน่นอนมาผสมกันให้ดี เพราะคุณสมบัติของน้ำ ตอนนี้ปูนมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก ทั้งเหลวทั้งไม่จับตัวกัน ไม่มีคุณสมบัติอันใด ก็เพราะสาเหตุนี้ มันถึงมีคุณสมบัติในการขึ้นรูป สามารถเปลี่ยนรูปแบบไปตามความคิด
หลี่หลงหลินพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดของกงซูหว่านแม้ว่าสิ่งที่กงซูหว่านพูดทั้งหมดนั้นคือถนนคอนกรีตที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในยุคหลัง แต่อยู่ที่ต้าเซี่ย ถนนหลวงสำคัญที่สุดก็เป็นแค่ถนนดินพื้นฐานที่สุดเท่านั้น เผชิญหน้ากับสภาพอากาศลมพัดฝนฟ้าคะนอง ถนนดินย่อมกลายเป็นโคลนเละเทะ เดินทางได้อย่างยากลำบากกงซูหว่านพูดว่า “องค์ชาย หากมีถนนใหม่นี้ ต่อให้ลมพัดฝนฟ้าคะนองก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป มีประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาสู่ความเจริญรุ่งเรืองของต้าเซี่ยในภายภาคหน้า”ถ้อยคำของกงซูหว่านแฝงภูมิปัญญาของยุคหลังต้องการมั่งคั่งร่ำรวย จะต้องปรับปรุงถนนก่อน“ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้คุณสมบัติหลักของถนนหลวงเหล่านี้คือการขนส่ง หากสามารถเปลี่ยนถนนหลวงทั้งหมดของต้าเซี่ยเป็นถนนคอนกรีตได้ ถึงตอนนั้นจะเพิ่มอัตราการขนส่งได้ไม่น้อย หนำซ้ำถนนหลวงใหม่ไม่เพียงต้นทุนก่อสร้างต่ำ ชนิดที่ว่าความแข็งแรงทนทานยังมีกว่ามาก!”กงซูหว่านเพียงแต่จินตนาการ ก็ยากจะปกปิดความดีใจเอาไว้ได้ ถนนหลวงใหม่แต่ละสายปกคลุมทั่วทั้งต้าเซี่ย เชื่อมต่อเขตและเมืองที่เดิมทีแยกออกจากกันทั้งหมดเข้าด้วยกัน ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทำให้การแลกเปลี่ยนสิน
ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “พี่สะใภ้รอง มีเรื่องใดให้เสียดายหรือ?”กงซูหว่านทอดสายตามองหลี่หลงหลินและพูดเสียงเคร่งขรึม “น่าเสียดายปูนคอนกรีตนี้เป็นรัชทายาทคิดค้นขึ้น สิ่งที่ล้ำสมัยเช่นนี้หากเป็นสามัญชนคิดค้นขึ้น เพียงแต่อาศัยปูนคอนกรีตก็สามารถได้รับเลื่อนตำแหน่งเข้าเป็นขุนนางได้แล้ว”“ผลงานคุณูปการเช่นนี้อยู่เหนือผลงานคุณูปการต่อต้าเซี่ยของบัณฑิตที่ตรากตรำอ่านตำรานับสิบปีเสียอีก ชนิดที่ว่าเพราะการปรากฏตัวของปูนคอนกรีตสามารถพลิกโฉมหน้าของต้าเซี่ยในภายภาคหน้าได้ เป็นสิ่งล้ำสมัยอย่างแท้จริง ฝ่าบาทจะต้องตกรางวัลอย่างงามแน่!”กงซูหว่านเผยสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยเสียงเครียด “หากอิงตามการตกรางวัลทั่วไปแล้วล่ะก็ ผลงานคุณูปการเช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมโยธา!”ทุกคนล้วนตกตะลึง!แม้ว่าสกุลซูมีความสัมพันธ์แต่งงานกับรัชทายาท ภายภาคหน้าก็คือเชื้อพระวงศ์ แต่อิทธิพลของเจ้ากรมโยธาในราชสำนัก ทุกคนยังรู้ดี!บัณฑิตมากมายตรากตรำอ่านตำราหลายสิบปีก็ได้รับแต่งตั้งเป็นขุนนางระดับต่ำเท่านั้น ต้องการเลื่อนระดับยังต้องอาศัยความพยายามและโอกาสของตนหลิ่วหรูเยียนพูดด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด “พี่สะใภ้ร
หลี่หลงหลินยิ้มจางๆ และพูดว่า “พี่สะใภ้รอง ต่อให้เสด็จพ่อถามออกมา นั่นแล้วอย่างไรเล่า? ยิ่งไปกว่านั้นข้าเพียงแต่เสนอแนวความคิดอย่างหนึ่งเท่านั้น ยามลงมือปฏิบัติยังต้องทำการทดลองและผ่านการทดสอบจำนวนมาก ถึงจะสามารถคิดค้นปูนคอนกรีตที่แท้จริงออกมาได้”“ภายในนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาและความยากลำบากหลากหลายอย่าง เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่พี่สะใภ้รองต้องรับมือด้วยตนเอง ต่อให้ฝ่าบาทเอ่ยถามขึ้นมา ท่านก็ไม่ต้องหวาดหวั่น”กงซูหว่านได้ยินถ้อยคำของหลี่หลงหลิน ทันใดนั้นตกอยู่ในห้วงแห่งความลังเล “แต่องค์ชาย...เดิมทีผลงานนี้ก็สมควรเป็นของท่าน หม่อมฉันเพียงทำตามคำสั่งขององค์ชายเท่านั้น ไม่สมควรรับผลงานเพียงลำพังคนเดียว”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “พี่สะใภ้รอง ท่านเป็นสตรีมีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของใต้หล้า คิดค้นปูนคอนกรีตเป็นความดีความชอบยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถมองข้ามได้ อย่าได้ดูแคลนตนเองเป็นอันขาด ต่อให้ข้าเป็นผู้เสนอความคิด แต่คิดค้นและสร้างขึ้นมาต่างหากสำคัญที่สุด หากเพียงแต่พูดปากเปล่าก็ไร้ความหมาย”ลั่วอวี้จู๋ทางด้านข้างพูดเสริมขึ้นว่า “ใช่แล้วน้องรอง ปัญหาและความยากลำบากที่ต้องฝ่าฟันระหว่างนี
“ลูกรัก”“ดื่มเหล้าพิษจอกนี้!”“แม่ร่วมเดินสู่ยมโลกพร้อมกับเจ้า!”หลี่หลงหลินลืมตาขึ้น พบว่าตนอยู่ในชุดนักโทษ ถูกขังอยู่ในคุกที่มืดมิดหญิงงามในชุดชาววังแสนสง่า ร่ำไห้ดั่งสาลี่ต้องหยาดพิรุณ น้ำตานองหน้า มือถือจอกทอง ดวงหน้างามสะพรั่งเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังชั่วพริบตา ความทรงจำมากมายพรั่งพรูเข้ามาในความคิด!ราชวงศ์ต้าเซี่ย ราชวงศ์หนึ่งที่ไม่มีในหน้าประวัติศาสตร์!ข้าทะลุมิติกลายมาเป็นองค์ชายเก้า!หญิงงามในชุดชาววังตรงหน้า คือมารดาของข้า พระชายาโหรวสตรีที่ฮ่องเต้หวู่ทรงโปรดปรานมากที่สุด!ผู้สืบเชื้อสายแห่งราชวงศ์ สมาชิกราชสกุล ร่ำรวยสมบัติวิบูลย์ทรัพย์ สระสุราเมรัยพงไพรเนื้อ หญิงงามละลานตา ช่างเป็นสิ่งที่ผู้คนเสาะแสวงเสียเนี่ยกระไร!ทว่าหลี่หลงหลินกลับไม่ดีใจแม้แต่น้อยชื่อเสียงเรียงนามขององค์ชายเก้าแย่มาก เป็นเศษสวะที่ทุกคนทราบกัน!ไม่เพียงแค่นี้เขายังทำความผิดร้ายแรง ทำให้ฮ่องเต้หวู่พิโรธ สังหารสายเลือดเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม!เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง!ต้องเป็นความผิดบาปใดกัน ทำให้ฮ่องเต้หวู่ไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อเป็นลูก จำต้องสังหารตนให้ได้?ความทรงจำของหลี่
หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเป็นปมคิดไม่ถึงว่า ตนเกิดเป็นมนุษย์มาถึงสองชาติภพ ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สิ้นหวังเช่นนี้!ความคิดความอ่านของฮ่องเต้หวู่ยากจะหยั่งถึง จิตใจลึกลับซับซ้อนดั่งเหวเสมือนทะเลราชวงศ์ต้าเซี่ย เต็มไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่ ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ฉลาดปราดเปรื่องดูไม่ออกหรือว่า ตนถูกปรักปรำ?พวกเขาต่างรู้ดีแก่ใจ!ถึงขึ้นที่ว่า แม้แต่แม่ทัพผู้เฒ่าซูก็ตระหนักรู้ว่า เป็นฝีมือของขุนนางชั้นสูงในราชสำนักที่ปล่อยข่าวรั่วไหล ทำให้ทหารตระกูลซูตกอยู่ในวงล้อม นำมาซึ่งความพ่ายแพ้!ดังนั้น แม่ทัพผู้เฒ่าซูจึงสู้สุดชีวิต ปกป้องและพาตนเองตีฝ่าวงล้อมออกมา!เพียงแต่น่าเสียดาย แม่ทัพผู้เฒ่าซูสู้รบเพียงลำพัง จนหมดแรงแล้วสิ้นใจในที่สุดก่อนตาย เขาทิ้งจดหมายเขียนด้วยเลือดไว้หนึ่งฉบับ ให้ตนนำไปให้ฮ่องเต้หวู่ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์!หลี่หลงหลินรีบกุมแผ่นอก พบว่าจดหมายเขียนด้วยเลือดยังอยู่ เขาจึงค่อยโล่งอก!จดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ เป็นความหวังเดียวในการพลิกชะตาชีวิตของตน!ทว่าหลี่หลงหลินคิดทบทวนหลายครั้ง เขาไม่คิดจะเอาจดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ออกมา แล้วให้ฮ่องเต้หวู่โดยตรงเหตุผลนั
หลี่หลงหลินยิ้มจางๆ และพูดว่า “พี่สะใภ้รอง ต่อให้เสด็จพ่อถามออกมา นั่นแล้วอย่างไรเล่า? ยิ่งไปกว่านั้นข้าเพียงแต่เสนอแนวความคิดอย่างหนึ่งเท่านั้น ยามลงมือปฏิบัติยังต้องทำการทดลองและผ่านการทดสอบจำนวนมาก ถึงจะสามารถคิดค้นปูนคอนกรีตที่แท้จริงออกมาได้”“ภายในนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาและความยากลำบากหลากหลายอย่าง เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่พี่สะใภ้รองต้องรับมือด้วยตนเอง ต่อให้ฝ่าบาทเอ่ยถามขึ้นมา ท่านก็ไม่ต้องหวาดหวั่น”กงซูหว่านได้ยินถ้อยคำของหลี่หลงหลิน ทันใดนั้นตกอยู่ในห้วงแห่งความลังเล “แต่องค์ชาย...เดิมทีผลงานนี้ก็สมควรเป็นของท่าน หม่อมฉันเพียงทำตามคำสั่งขององค์ชายเท่านั้น ไม่สมควรรับผลงานเพียงลำพังคนเดียว”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “พี่สะใภ้รอง ท่านเป็นสตรีมีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของใต้หล้า คิดค้นปูนคอนกรีตเป็นความดีความชอบยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถมองข้ามได้ อย่าได้ดูแคลนตนเองเป็นอันขาด ต่อให้ข้าเป็นผู้เสนอความคิด แต่คิดค้นและสร้างขึ้นมาต่างหากสำคัญที่สุด หากเพียงแต่พูดปากเปล่าก็ไร้ความหมาย”ลั่วอวี้จู๋ทางด้านข้างพูดเสริมขึ้นว่า “ใช่แล้วน้องรอง ปัญหาและความยากลำบากที่ต้องฝ่าฟันระหว่างนี
ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “พี่สะใภ้รอง มีเรื่องใดให้เสียดายหรือ?”กงซูหว่านทอดสายตามองหลี่หลงหลินและพูดเสียงเคร่งขรึม “น่าเสียดายปูนคอนกรีตนี้เป็นรัชทายาทคิดค้นขึ้น สิ่งที่ล้ำสมัยเช่นนี้หากเป็นสามัญชนคิดค้นขึ้น เพียงแต่อาศัยปูนคอนกรีตก็สามารถได้รับเลื่อนตำแหน่งเข้าเป็นขุนนางได้แล้ว”“ผลงานคุณูปการเช่นนี้อยู่เหนือผลงานคุณูปการต่อต้าเซี่ยของบัณฑิตที่ตรากตรำอ่านตำรานับสิบปีเสียอีก ชนิดที่ว่าเพราะการปรากฏตัวของปูนคอนกรีตสามารถพลิกโฉมหน้าของต้าเซี่ยในภายภาคหน้าได้ เป็นสิ่งล้ำสมัยอย่างแท้จริง ฝ่าบาทจะต้องตกรางวัลอย่างงามแน่!”กงซูหว่านเผยสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยเสียงเครียด “หากอิงตามการตกรางวัลทั่วไปแล้วล่ะก็ ผลงานคุณูปการเช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมโยธา!”ทุกคนล้วนตกตะลึง!แม้ว่าสกุลซูมีความสัมพันธ์แต่งงานกับรัชทายาท ภายภาคหน้าก็คือเชื้อพระวงศ์ แต่อิทธิพลของเจ้ากรมโยธาในราชสำนัก ทุกคนยังรู้ดี!บัณฑิตมากมายตรากตรำอ่านตำราหลายสิบปีก็ได้รับแต่งตั้งเป็นขุนนางระดับต่ำเท่านั้น ต้องการเลื่อนระดับยังต้องอาศัยความพยายามและโอกาสของตนหลิ่วหรูเยียนพูดด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด “พี่สะใภ้ร
หลี่หลงหลินพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดของกงซูหว่านแม้ว่าสิ่งที่กงซูหว่านพูดทั้งหมดนั้นคือถนนคอนกรีตที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในยุคหลัง แต่อยู่ที่ต้าเซี่ย ถนนหลวงสำคัญที่สุดก็เป็นแค่ถนนดินพื้นฐานที่สุดเท่านั้น เผชิญหน้ากับสภาพอากาศลมพัดฝนฟ้าคะนอง ถนนดินย่อมกลายเป็นโคลนเละเทะ เดินทางได้อย่างยากลำบากกงซูหว่านพูดว่า “องค์ชาย หากมีถนนใหม่นี้ ต่อให้ลมพัดฝนฟ้าคะนองก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป มีประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาสู่ความเจริญรุ่งเรืองของต้าเซี่ยในภายภาคหน้า”ถ้อยคำของกงซูหว่านแฝงภูมิปัญญาของยุคหลังต้องการมั่งคั่งร่ำรวย จะต้องปรับปรุงถนนก่อน“ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้คุณสมบัติหลักของถนนหลวงเหล่านี้คือการขนส่ง หากสามารถเปลี่ยนถนนหลวงทั้งหมดของต้าเซี่ยเป็นถนนคอนกรีตได้ ถึงตอนนั้นจะเพิ่มอัตราการขนส่งได้ไม่น้อย หนำซ้ำถนนหลวงใหม่ไม่เพียงต้นทุนก่อสร้างต่ำ ชนิดที่ว่าความแข็งแรงทนทานยังมีกว่ามาก!”กงซูหว่านเพียงแต่จินตนาการ ก็ยากจะปกปิดความดีใจเอาไว้ได้ ถนนหลวงใหม่แต่ละสายปกคลุมทั่วทั้งต้าเซี่ย เชื่อมต่อเขตและเมืองที่เดิมทีแยกออกจากกันทั้งหมดเข้าด้วยกัน ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทำให้การแลกเปลี่ยนสิน
กงซูหว่านส่ายหน้า พูดเสียงเคร่งขรึม “น้องเล็ก ข้าเองก็ไม่รู้ ถ้อยคำที่องค์ชายพูดอยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของข้า ไม่กล้าสรุปให้ชัดเจนในทันทีเลยได้ ข้าอยากได้ยินองค์ชายอธิบายสักหน่อยว่าตกลงปูนคอนกรีตนี้คือสิ่งใด จากนั้นค่อยตัดสินใจ”หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ปูนคอนกรีตนี้แท้จริงแล้วธรรมดามาก ก็คือผลผลิตที่ได้จากการนำปูนขาว ดินเหนียวและกรวดทรายในสัดส่วนที่แน่นอนมาผสมกับน้ำ ดังนั้นจึงเรียกชื่อตามความหมายว่าปูนคอนกรีต”ดวงตากงซูหว่านทอประกายระยับ “องค์ชาย เช่นนั้นคำว่าแข็งตัวหมายความว่าอันใด?”ซูเฟิ่งหลิงพูดว่า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งเหล่านี้ที่ท่านพูดล้วนผสมกับน้ำแล้วจะไม่เละเป็นโจ๊กอีกหรือ ยังจะนำมาสร้างบ้านได้เยี่ยงไร?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “แข็งตัวก็คือส่วนสำคัญยิ่งกว่าสำคัญ”ทุกคนล้วนเผยสีหน้าแปลกใจหลี่หลงหลินพูดเสียงเคร่งขรึม “เริ่มแรกนำปูนขาว ดินเหนียวและกรวดทรายในสัดส่วนที่แน่นอนมาผสมกันให้ดี เพราะคุณสมบัติของน้ำ ตอนนี้ปูนมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก ทั้งเหลวทั้งไม่จับตัวกัน ไม่มีคุณสมบัติอันใด ก็เพราะสาเหตุนี้ มันถึงมีคุณสมบัติในการขึ้นรูป สามารถเปลี่ยนรูปแบบไปตามความคิด
ทุกคนมองไปยังจุดที่หลี่หลงหลินชี้บนแผนที่ สีหน้าล้วนแสดงความลำบากใจ ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยเสียงเคร่งขรึม: “องค์รัชทายาท ณ สถานที่แห่งนี้จะสามารถสร้างเมืองใหม่ขึ้นได้จริงหรือเจ้าคะ?” แม้ซูเฟิ่งหลิงจะไม่เข้าใจวิชาการก่อสร้าง แต่นางมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง บ้านเรือนทั้งหมดในต้าเซี่ยล้วนต้องสร้างห่างจากทะเลและทะเลสาบ มิเช่นนั้นอากาศชื้นที่มาพร้อมกับลมทะเลจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของอิฐดินดิบที่ใช้สร้างบ้าน นานวันเข้าบ้านเรือนก็จะพังทลาย กระทั่งไม่มีหนทางซ่อมแซม ทำได้เพียงรื้อทิ้งสร้างใหม่เท่านั้น ดังนั้นแม้เมืองตงไห่จะอยู่ติดทะเล แต่จากประตูเมืองไปจนถึงริมทะเลที่แท้จริงยังต้องเดินทางอีกกว่าสิบลี้ หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ: “ที่นี่คือทำเลที่มีค่าที่สุดในตงไห่ ตลอดจนทั่วทั้งต้าเซี่ย เพียงหนึ่งเดียว ณ ที่แห่งนี้จะต้องสร้างเมืองขึ้นได้อย่างแน่นอน” ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยเสียงเคร่งขรึม: “องค์รัชทายาท ที่นี่อยู่ใกล้ชายทะเลมากเกินไป หากสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่นี่ เกรงว่าอีกไม่กี่ปีก็จะถูกลมทะเลกัดเซาะจนกลายเป็นกองซากปรักหักพัง เรื่องนี้มิใช่เรื่องล้อเล่น องค์รัชทายาทโปรดทรงไตร่ตรองให้รอบคอบด้วยเถิด!”
“สามารถงอกเงยเป็นเงินได้!” ทุกคนต่างมีสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด ที่ดินที่สามารถงอกเงยเป็นเงินได้นั้น ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ดูจากท่าทีของหลี่หลงหลินแล้ว ก็ไม่เหมือนกำลังเอ่ยวาจาโอ้อวด หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ: “ข้าตั้งใจจะสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่แถบชายฝั่งทะเล มิเพียงสามารถจัดการให้ผู้อพยพพักพิงอาศัยได้ ยังจะขยายขนาดของสามกิจการใหญ่นั้น ให้ก้าวไปสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน! ที่ดินเช่นนี้ ไม่ว่าจะแห้งแล้งหรืออุดมสมบูรณ์ ย่อมสามารถนำมาซึ่งผลกำไรหลั่งไหลมามิขาดสายได้อย่างแน่นอน!” บนใบหน้าของหลี่หลงหลินเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น มั่นใจในแผนการ ท่าทีเปี่ยมด้วยอำนาจบัญชาการ เมื่อได้ฟัง ลั่วอวี้จู๋พลันมีสีหน้าปรากฏแววลังเล: “องค์รัชทายาท ปัจจุบันกิจการนำผลกำไรมาสู่ตระกูลซูในแต่ละปีอย่างมั่นคงและเป็นกอบเป็นกำแล้ว หากผลีผลามโยกย้ายและขยายขนาดกิจการ มิเพียงต้องนำผลกำไรที่ได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไปลงทุนทั้งหมด กระทั่งอาจต้องเผชิญกับสภาวะที่รายได้ไม่แน่นอนอีกด้วย...” ลั่วอวี้จู๋ดูแลบัญชีของตระกูลซูทั้งหมดตลอดจนกิจการทั้งหมด ในฐานะผู้ดูแลการคลัง นางย่อมต้องพิจารณาจากมุมมองด้านผลกำไร ไม่ว่าจากด
หลี่หลงหลินมองซูเฟิ่งหลิงอย่างระอาใจอยู่บ้าง เอ่ยเสียงเคร่งขรึม: “อ้ายเฟย เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใดกัน? เราคือองค์รัชทายาทแห่งต้าเซี่ยผู้สง่างาม หรือจะก่อกบฏต่อตนเองได้อย่างไร?” ซูเฟิ่งหลิงถามอย่างประหลาดใจ: “เช่นนั้นเหตุใดองค์รัชทายาทจึงตรัสว่าเขาทิศประจิมอยู่ใกล้เมืองหลวงเกินไป ทำให้การจัดการบางเรื่องไม่สะดวกเล่าเจ้าคะ?” หลี่หลงหลินส่ายหน้า เอ่ยเสียงเคร่งขรึม: “บัดนี้ไม่ว่าจะเป็นการถลุงโลหะหรือการหล่อโลหะล้วนก่อให้เกิดไอพิษ ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงยิ่ง หากตั้งอยู่ที่เขาทิศประจิม ก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อพระวรกายของเสด็จพ่อและเสด็จแม่ อีกทั้งในภายภาคหน้าเมื่อกิจการขยายใหญ่ขึ้น ไอพิษที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งมากขึ้น ถึงเวลานั้นเกรงว่าแม้แต่ราษฎรทั่วทั้งเมืองหลวงก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย” ซุนชิงไต้พยักหน้า เอ่ยว่า: “ที่องค์รัชทายาทตรัสนั้นมีเหตุผลยิ่งเจ้าค่ะ บัดนี้สภาพแวดล้อมที่เขาทิศประจิมไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วจริง ๆ อากาศโดยรอบก็เริ่มมีกลิ่นผิดปกติ กระทั่งมีราษฎรที่เขาทิศประจิมเริ่มมีอาการไอที่ข้าหาสาเหตุมิได้ และจำนวนผู้ป่วยก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ” หลิ่ว
ลั่วอวี้จู๋เอ่ยเสียงเคร่งขรึม: “องค์รัชทายาท พระองค์โปรดไตร่ตรองให้รอบคอบด้วยเถิด บัดนี้ยังกลับคำได้ทัน คำนวณเวลาเดินทางแล้ว ผู้อพยพนับแสนคนนี้เกรงว่ายังมิได้เดินทางออกจากเขตเมืองหลวง ยังสามารถให้พวกเขากลับไปยังค่ายผู้ลี้ภัยได้ หากมาถึงตงไห่แล้ว ย่อมสิ้นหนทางแก้ไข! หากที่ตงไห่มิอาจจัดการผู้อพยพนับแสนคนนี้ได้อย่างเหมาะสม เกรงว่าผลลัพธ์ร้ายแรงที่ตามมาจะยากเกินกว่าจะคาดคะเนได้!” หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ: “มิต้อง เพียงผู้อพยพแสนคน ข้ายังเห็นว่าน้อยไปด้วยซ้ำ” “เห็นว่าน้อยไปรึ?” เหล่าพี่สะใภ้ยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่ อ้าปากค้าง ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ซูเฟิ่งหลิงเอ่ย: “องค์รัชทายาท ผู้อพยพนับแสนคนนี้เกือบจะเท่ากับจำนวนประชากรของเมืองตงไห่แล้ว เมืองตงไห่เล็กแค่นี้ จะรองรับผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?” ลั่วอวี้จู๋พยักหน้า แล้วเอ่ยเสริม: “ใช่แล้วเจ้าคะ องค์รัชทายาท ยังมิต้องเอ่ยถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของผู้อพยพนับแสนคน เพียงแค่เรื่องที่พักอาศัยก็เพียงพอให้ปวดหัวแล้ว คงมิอาจให้พวกเขาไปอาศัยอยู่ตามท้องถนนได้หรอกกระมัง? ถึงเวลานั้นเกรงว่าเมืองตงไห่คงจะวุ่นวายเหมือนจับปูใส่กระด้ง ไม
ณ จวนอ๋องตงไห่ นกพิราบสื่อสารตัวหนึ่งกางปีกบินมา เกาะลงบนบ่าของซูเฟิ่งหลิงซูเฟิ่งหลิงชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าสงสัยเคลือบแคลง: “ยามนี้มิมีการศึก เหตุใดจึงมีนกพิราบส่งสาส์นมา?” นางปลดกระบอกสาส์นจากขานกพิราบด้วยความสงสัย ทันใดนั้นก็พลันตกใจจนหน้าซีดเผือด “อะไรนะ!” ลั่วอวี้จู๋ที่อยู่ข้างกายนางเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ: “น้องหญิง เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” ซูเฟิ่งหลิงยื่นสาส์นให้ลั่วอวี้จู๋ เอ่ยว่า: “พี่สะใภ้ เป็นสาส์นจากหนิงชิงโหวที่เมืองหลวง ในสาส์นเอ่ยว่า บัดนี้ฝ่าบาททรงอนุญาตตามคำขอขององค์รัชทายาทแล้ว มีพระบัญชาให้ผู้อพยพนับแสนคนเดินทางมายังตงไห่ทันที” ลั่วอวี้จู๋อ่านสาส์นจบก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย: “องค์รัชทายาทเหตุใดจึงทรงทำตามอำเภอใจเช่นนี้? บัดนี้ราษฎรตงไห่เพิ่งจะพอมีพอกินประทังชีวิต องค์รัชทายาทกลับทูลขอผู้อพยพจากฝ่าบาทอีกนับแสนคน? ยังมิต้องพูดถึงว่าผู้อพยพเหล่านี้ต้องบุกป่าฝ่าดงข้ามน้ำข้ามเขามายังตงไห่ หนทางยาวไกล เมื่อมาถึงตงไห่แล้ว พวกเขาจะกินอะไร ดื่มอะไร?” ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยเสียงเคร่งขรึม: “พี่สะใภ้ ตอนนี้พวกเราไปหาองค์รัชทายาทที่ห้องหนังสือกันเถิด ดูว่าพระองค์ทรงมีแผนการเช่นไ