ในท้องพระโรงฝ่าบาทกําลังมีประชุมฉุกเฉินเหล่าขุนนางทั้งบุ๋นบู๊ต่างยืนสีหน้าเคร่งเครียด บรรยากาศภายในจริงจังเป็นอย่างมากเส้นเลือดบนหน้าผากฝ่าบาทปูดขึ้น พักตรมังกรโกรธจัด: “มีกองทหารหลายแสนนายทางตอนเหนือ กลับไม่สามารถหยุดการย่ำยีประชาชนอย่างทารุณของเผ่าหมานนับหมื่นได้! ตอนนี้กองทัพเผ่าหมานได้เข้าใกล้เมืองหลวงแล้ว! ”“ต้าเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ กลับไม่มีแม่ทัพและทหารที่สามารถสู้รบได้เลย!”“หรือต้องให้ข้านำทัพไปทำสงครามเอง?”เหล่าขุนนางทุกคนต่างก้มหน้าและไม่มีใครกล้าพูดฝ่าบาทเอ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของผู้ที่ตนหวังไว้: “ไร้ประโยชน์! ล้วนเป็นพวกไร้ประโยชน์ ขุนนางเข้าใจข้าผิด! ศัตรูอยู่ตรงหน้า คุณธรรมอยู่ที่ใด? ”ในเวลานี้หลี่เซวียนองค์ชายหกยืนขึ้น: “เสด็จพ่อ กระหม่อมมีวิธีแก้ไขวิกฤตในเมืองหลวงพะยะค่ะ!”ดวงตาของฝ่าบาทเป็นประกายขึ้น: “เจ้าหก เจ้าฉลาดและมีไหวพริบมาตั้งแต่เด็ก! วิธีที่ว่าคืออะไร ไหนลองพูดมาสิ! ”หลี่เซวียนเอ่ยขึ้น: “ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน!การต่อต้านทหารม้าเผ่าหมาน จำเป็นต้องมีผู้นำทัพชั้นยอด! ภายใต้การบัญชาทัพของเสด็จพ่อ แล้วยังมีราชองครักษ์อ
ฝ่าบาทตกตะลึงเขาคิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าซูจะขอพระราชทานสมรสจริงๆอีกทั้งยังขอพระราชทานสมรสกับองค์ชาย!การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะทำเหมือนเป็นเรื่องเล่นขายของของเด็กๆได้ยังไง?ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือการพระราชทานสมรส ต้องให้ความสำคัญกับคู่ที่เหมาะสมพูดตรงๆ ก็คือการแต่งงานทางการเมืองสนมขององค์ชาย ถ้าไม่เป็นองค์หญิงของต่างแคว้น ก็เป็นบุตรสาวของขุนนางที่มีอํานาจหากผู้ชายในตระกูลซูยังอยู่ ในฐานะหัวเรือใหญ่ที่เฝ้าชายแดนทางเหนือ ตระกูลซูก็มีคุณสมบัติที่จะแต่งงานกับราชวงศ์แต่ตอนนี้ตระกูลซูเหลือเพียงเด็กกำพร้าและแม่ม่าย ไร้ค่าที่จะกล่าวถึงแม้ว่าตนเองตกลงที่จะพระราชทานสมรส แต่องค์ชายก็อาจไม่เห็นด้วย!เมื่อเห็นความลังเลของฝ่าบาท เว่ยซวินจึงเอ่ยด้วยเสียงต่ำ:" ฝ่าบาทสิ่งสําคัญที่สุดในตอนนี้คือระงับความโกรธของประชาชน หากพระองค์พระราชทานสมรสให้กับตระกูลซู และประหารองค์ชายเก้าได้ ความโกรธของประชาชนก็จะหายไป! ”ฝ่าบาทพยักหน้าใช่!ตอนนี้ต้าเซี่ยคลอนแคลน สถานการณ์ของราชวงค์ไม่แน่ชัดตนเองจะคิดไกลขนาดนั้นไปทำไม?สำหรับประชาชนตระกูลซูมีบารมีสูงมาก หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทํ
ฝ่าบาทส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า: “ไร้เหตุผล! ไร้เหตุผลสิ้นดี! ฮูหยินผู้เฒ่าซู เว้นแต่เจ้าจะมีเหตุผล สามารถโน้มน้าวใจข้าได้! ไม่อย่างนั้น ข้าจะไม่มีวันประทานสมรสที่ไร้เหตุผลเช่นนี้! ”ฮูหยินผู้เฒ่าซูกัดฟันเอ่ย: “ฝ่าบาท! หม่อมฉันเกลียดหลี่หลงหลินจริงๆ และเขาต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง! แต่แค่ฆ่าเขาด้วยมีดมันจะง่ายเกินไป! ”“หม่อมฉันต้องการให้หลี่หลงหลินเป็นลูกเขยของตระกูลซู เป็นวัวและม้าให้กับตระกูลซู และทรมานเขาอย่างสาสม!”“ทำให้เขาขอมีชีวิตรอดก็ไม่ได้ ขอตายก็ไม่ได้!”“ฝ่าบาท เมื่อครู่พระองค์เพิ่งตรัสว่า ให้หม่อมฉันจัดการกับหลี่หลงหลิงได้ตามใจชอบ! คำพูดพระองค์หนักแน่นดั่งภูผา จะกลับคำไม่ได้เพคะ! ”ทั้งราชสำนักตกอยู่ในความเงียบพูดตามตรง เหตุผลของฮูหยินผู้เฒ่าซู แม้จะดูขัดๆไม่สมเหตุสมผลไปหน่อย แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ตอนนี้ตระกูลซูไม่มีผู้ชาย มีเพียงกลุ่มแม่ม่าย ซึ่งทุกคนอยู่ในวัยที่อารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรงบวกกับซูเฟิ่งหลิงที่มุทะลุดุดันหลี่หลงหลินเข้าสู่ตระกูลซู และกลายเป็นผู้ชายคนเดียว เขาจะต้องถูกกินทั้งเป็นอย่างแน่นอน!แค่คิดก็ทําให้คนขนลุกซู่แล้ว!ดวงตาของฝ่าบาทเป็นประกาย สีหน้าเผยค
หลี่หลงหลินกลับไปที่เรือน เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำขณะที่แช่น้ำร้อน เขานึกย้อนความทรงจำอย่างละเอียด องค์ชายเก้าจะถูกหลอกให้ไปเป็นกุนซือของกองทัพที่ดินแดนทางเหนือ โดยมีหลี่เซวียนเป็นผู้ยุแยงบวกกับปฏิกิริยาของหลี่เซวียนในวันนี้ผู้บงการเบื้องหลังฉากนี้ มีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นเจ้าหกหลี่เซวียน!ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนๆ!ต้องรีบหาหลักฐานการก่อกบฏของหลี่เซวียนให้พบเมื่อหลี่เซวียนไหวตัวได้และทําให้ตําแหน่งของเขามั่นคง มันจะยิ่งลําบาก!หลี่หลงหลินอาบน้ำเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าขององค์ชาย จากนั้นก็รีบไปที่บ้านตระกูลซูทันทีในการจัดการกับหลี่เซวียน หลี่หลงหลินทําคนเดียวไม่ได้ เขาต้องใช้พลังของตระกูลซู!ทันทีที่หลี่หลงหลินมาถึงหน้าบ้านตระกูลซู เขาก็ได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากข้างในซูเฟิ่งหลิงที่ถือทวนเงินใส่ชุดเกราะเงิน สวมเสื้อคลุมสีแดงด้านหลัง มีไอสังหาร คํารามด้วยความโกรธ: “ท่านต้องการให้ข้าแต่งงานกับหลี่หลงหลินคนทรยศ!" ฝันไปเถอะ! ข้าจะฆ่าหลี่หลงหลินตอนนี้! เพื่อล้างแค้นให้ความภักดีของตระกูลซู! ”ซูเฟิ่งหลิงเมื่อรู้ว่าหลี่หลงหลินไม่เพียงแต่ยังไม่ตาย แต่ฝ่าบาทยังพระราชทานสมรสให้เขาแต
ฮูหยินผู้เฒ่าซูพยักหน้า “มีเหตุผล! แต่ว่า จะตามหาผู้อยู่เบื้องหลังอย่างไร?”หลี่หลงหลินยิ้ม “ง่ายมาก! เจ้าหกร่วมมือกับโม่เป่ยเผ่าหมาน ต้องมีการส่งจดหมายหากันอย่างแน่นอน! จดหมายเหล่านี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะซ่อนในห้องหนังสือ! ขอเพียงลอบเข้าไปในห้องหนังสือ ขโมยจดหมายออกมา ก็จะได้หลักฐาน!”ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเป็นปม “ง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ?”หลี่หลงหลินยักไหล่ “มิเช่นนั้นเล่า? เมียจ๋า หรือเจ้ามีความคิดอื่นที่ดีกว่านี้?”ดวงหน้างดงามของซูเฟิ่งหลิงฉายความโมโห “ขืนท่านเรียกข้าว่าเมียจ๋าอีก ข้าจะฆ่าท่านทิ้ง!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูเป็นคนกลางคอยไกล่เกลี่ย “พอแล้วๆ! พวกเจ้าสองสามีภรรยาหยุดทะเลาะกันได้แล้ว! ข้าคิดว่า ความคิดเห็นหลงหลิน ก็ใช้ได้! แต่ว่า ต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด!”“เฟิ่งหลิง ด้วยความสามารถของเจ้า ลอบเข้าไปในห้องหนังสือขององค์ชายหก ขโมยจดหมาย ไม่ใช่เรื่องยากกระมัง?”ซูเฟิ่งหลิงลังเลเล็กน้อย “ไม่ใช่เรื่องยากเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่รู้ว่าผังจวนขององค์ชายหกเป็นเช่นไร ไม่รู้แม้กระทั่งว่าห้องหนังสืออยู่ที่ใด”หลี่หลงหลินตบแผงอกแล้วพูด “เรื่องนี้ง่าย! เมื่อก่อนข
พรึ่บ!ม่านฉีกขาดโบกพลิ้วตามสายลมยามค่ำคืน ทว่าหลังม่านกลับว่างเปล่าไม่มีผู้ใด!หลี่เซวียนขมวดคิ้วเป็นปม!หรือตนคิดผิดแล้ว?เมื่อครู่รู้สึกได้อย่างชัดเจน มีคนซ่อนตัวอยู่หลังม่าน!หรือว่า อาศัยจังหวะตอนที่ตนส่งหลี่หลงหลินเพียงครู่หนึ่ง คนๆ นั้นหนีไปแล้ว?หลี่เซวียนหัวใจหล่นวูบ เดินไปที่โต๊ะหนังสือทันที พบว่าจดหมายมีร่องรอยถูกรื้อค้น“แย่แล้ว!”“ตกหลุมพรางแล้ว!”หลี่เซวียนรู้สึกคล้ายโลกหมุน รีบคว้าโต๊ะ ไม่ได้ล้มลงหลังจากผ่านไปนานในที่สุดหลี่เซวียนก็ตั้งสติได้ รีบเรียกพบซุนกวางเสี้ยวคนสนิทของตนซุนกวางเสี้ยวคุกเข่าทำความเคารพ “องค์ชาย องค์ชายมีอะไรให้รับใช้พ่ะย่ะค่ะ?”หลี่เซวียนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ทหารหน่วยกล้าตายเตรียมไปถึงไหนแล้ว?”ซุนกวางเสี้ยวตอบ “ทหารหน่วยกล้าตายแปดร้อยนายเตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ! เคลื่อนกำลังพลได้ทุกเมื่อ!”หลี่เซวียนพยักหน้า “เยี่ยม! จางไป่เจิงนำทหารรักษาพระองค์หนึ่งแสนนาย เดินทางข้ามคืนออกนอกเมืองหลวงไปแล้ว เพื่อรบกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ! รุ่งสางวันพรุ่งนี้ เราเคลื่อนกำลังพลก่อกบฏ เปลี่ยนราชวงศ์!”ซุนกวางเสี้ยวได้ยินเช่นนั้น ตะลึงงัน
องค์ชายหกวางแผนมานานหลายปี ในการก่อกบฏ คล้ายทุกอย่างแยบยลทว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น!กุญแจสำคัญในการพลิกสถานการณ์ คือทหารพันนายของตระกูลซู!หลี่เซวียนอยากจะเป็นเขยของตระกูลซู อยากใช้ทหารตระกูลซูในการก่อกบฏทว่าหลี่หลงหลินชิงลงมือก่อน ใช้ทหารตระกูลซูรักษาความสงบ!ความสำเร็จของจักรพรรดิ คือการขยายอณาเขต ความสำเร็จของข้าราชบริพาร คือการรักษาความสงบและฟังคำสั่งของจักรพรรดิ!หากตระกูลซูพลิกวิกฤตได้ สยบความโกลาหล สร้างคุณงามความดีครั้งใหญ่ เช่นนั้นก็พลิกชะตาของตระกูลได้!เมื่อฮ่องเต้หวู่โสมนัส ต้องตกรางวัลอย่างงามแน่นอน!เวลานี้ตระกูลซูไร้บุรุษ เหลือเพียงหญิงหม้าย ภายใต้การสนับสนุนของจักรพรรดิ ใช่ว่าจะไม่อาจกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!เพียงแต่องค์ชายหกก็ไม่ได้โง่เขลา ในเมื่อเขารู้แล้วว่าจดหมายหายไป ต้องเตรียมความพร้อมอย่างแน่นอน วางกำลังทหารซุ่มโจมตีระหว่างทางออกจากเมืองหลวง!สีหน้าของหลี่หลงหลินเคร่งขรึม ถอนหายใจ “ทางออกเดียวของตระกูลซู คือใช้ตราพยัคฆ์มาช่วย นำทหารที่เหลืออยู่มาสยบความโกลาหลในเมืองหลวง! แต่ว่า องค์ชายหกต้องขัดขวางอย่างแน่นอน การเดินทางครั้งนี้เปี่ยมไปด้วยอันตร
ฟ้าสลัวเพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ...เสียงแส้แทรกผ่านอากาศ ดังก้องไปทั่วพระราชวังต้องห้ามขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊แบ่งเป็นสองแถว เดินเข้าไปในท้องพระโรงฮ่องเต้หวู่ในชุดเสื้อคลุมมังกร สวมมงกุฎ นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรเหนือศีรษะมีแผ่นป้ายสลักคำว่า ‘เที่ยงตรงโปร่งใส’ ทอประกายเจิดจ้า“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”บรรดาข้าราชบริพารคุกเข่าทำความเคารพ กล่าวคำสรรเสริญท่ามกลางขุนนาง หลี่หลงหลินคุกเข่าทำความเคารพเช่นเดียวกัน เก็บอาการวางตัวปกติ ทว่าสายตากลับกลอกไปมา พิจารณารอบๆเขาไม่ได้ตกใจในความน่าเกรงขามของฮ่องเต้ทว่ากำลังสังเกตสีหน้าขององค์ชายทุกคนโดยเฉพาะองค์ชายหก คือคนที่หลี่หลงหลินสังเกตเป็นพิเศษองค์ชายหกสัมผัสได้ถึงสายตาของหลี่หลงหลิน แต่กลับแกล้งทำหน้านิ่ง สายตามองตรง ไม่มองมาที่เขาสิ่งนี้ทำให้หลี่หลงหลินหัวเราะในใจดูเหมือนกำลังร้อนตัว!“ทุกคนยืนขึ้นได้!”เสียงน่าเกรงขามของฮ่องเต้หวู่ ดังขึ้นจากด้านบนหลังจากบรรดาขุนนางลุกขึ้น ขันทีเว่ยซวินที่ยืนอยู่ข้างฮ่องเต้หวู่พูด “ผู้ใดต้องการถวายฎีกา นำขึ้นมาได้เลย!”บรรดาขุนนางนิ่งเงียบ ไม่มีใครเดินออกมาแ
ยามเช้าตรู่นอกศาลาพักทางสิบห้าลี้ เมืองตงไห่สายลมวสันต์พัดโชยเบาๆ แสงแดดอ่อนละมุนหลิวเกินเซิงพาบรรดาผู้ลี้ภัยหนุ่มแน่นมาถึงใกล้เขตเมืองตงไห่ก่อนผู้ใด ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ เขาโบกมือพลางตะโกนเสียงดังว่า “ทุกคน อดทนอีกหน่อย อีกไม่ไกลก็ถึงศาลาสิบลี้แล้ว! พอพ้นศาลานั้นก็เข้าเมืองตงไห่ได้เลย! ก่อนตะวันตกดินเราจะได้พบองค์รัชทายาทแน่นอน!”“แค่ได้พบหน้าองค์รัชทายาท พวกเราก็จะมีข้าวกินแล้ว!”ทว่าเมื่อได้ฟังคำของหลิวเกินเซิง เหล่าผู้ลี้ภัยกลับมิได้แสดงความยินดีแม้แต่น้อย แต่ละใบหน้าที่ซูบตอบกลับฉายแววคลางแคลงใจ“เกินเซิง เจ้าบอกว่าองค์รัชทายาทผู้นี้จะเชื่อถือได้จริงหรือ? ตลอดทางที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนเขตตงไห่จะรกร้างกันดาร พืชพันธุ์ธัญญาหารในนาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเก็บเกี่ยวได้ ท่านแน่ใจหรือว่าพวกเราไปถึงเมืองตงไห่แล้วจะมีข้าวกินจริงๆ?”“ใช่แล้ว เกินเซิง แม้ว่าหนทางนี้จะยากลำบากเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่อย่างน้อยระหว่างทางก็ยังพอมีเปลือกไม้ให้แทะ มีรากหญ้าให้เคี้ยว แต่พอเข้ามาในเขตเมืองตงไห่ ต้นไม้ทุกหนแห่งกลับมีแต่ลำต้นเกลี้ยงเกลา แม้แต่เปลือกไม้ก็ไม่มีให้แทะ ไม่ต้องพูดถึงรากหญ้า
เมื่อหลี่หลงหลินเห็นว่าท่าทีของกงชูหว่านแน่วแน่เด็ดเดี่ยว จึงไม่ได้ขัดขวางอีกต่อไป เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าวว่า “พี่สะใภ้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องการรับคนเข้าทำงานก็ไม่จำเป็นต้องเร่งร้อนนักหรอก ขนาดเมืองตงไห่ใหญ่โตปานนั้น ประชากรกว่าหลายแสน จะให้เชื่อคำของพระเชษฐภาดาฝ่ายเดียวได้อย่างไร? ท่ามกลางราษฎรย่อมมีผู้ตาสว่างรู้ผิดชอบอยู่บ้าง เจ้าจึงไม่จำเป็นต้องแบกรับความกดดันจนหนักอึ้ง รับสมัครได้เท่าใด ก็เอาเท่านั้น! มีมาเท่าใด ก็รับไว้ทั้งหมด ไม่ต้องปฏิเสธผู้ใด!”กงซูหว่านชะงักไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “ไม่ปฏิเสธผู้ใดหรือเพคะ? รัชทายาท ยามนี้ค่าจ้างที่เราเสนอให้นั้นสูงกว่าราคาตลาดเท่าตัว ทั้งสวัสดิการก็ดีเยี่ยม หากมิใช่เพราะพระเชษฐภาดาออกมาสร้างความวุ่นวาย เกรงว่าเพียงแค่วันนี้วันเดียวก็คงสามารถรับสมัครช่างฝีมือดีได้ครบตามจำนวนแล้ว”“ทว่ายามนี้ข่าวลือแพร่สะพัด คนที่มาก็ล้วนเป็นพวกไร้ฝีมือ ถ้าไม่คัดกรองให้ดี เกรงว่างานก่อสร้างจะต้องพังเอาแน่ๆ”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พลางกล่าว “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล แม้แต่พวกอันธพาลข้างถนน ก็ยังต้องเชื่องเมื่อเจอกับเฟิ่งหลิง ตราบใดที่คนเหล่านั้นมีฝีมือ ไม่ว่าจ
ภายในห้องหนังสือหลี่หลงหลินกำลังวาดผังอย่างขะมักเขม้น เห็นว่ากงซูหว่านมา จึงเงยหน้าพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้รอง ท่านด่าพระเชษฐภาดาได้เจ็บแสบยิ่งนัก สาแก่ใจจริงๆ!”ใบหน้ากงซูหว่านแดงเรื่อ เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ท่านรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ไม่ใช่เพียงข้า เรื่องนี้เล่าลือไปทั่วทั้งตงไห่แล้ว อีกไม่นานก็จะส่งต่อไปยังเมืองหลวง ผ่านไปนานกว่านี้อีกระยะหนึ่ง ผู้คนทั้งเหนือใต้ก็จะได้รับรู้กันอย่างถ้วนทั่ว!”“พี่สะใภ้รอง ท่านจะมีชื่อเสียงแล้ว!”สีหน้ากงซูหว่านแดงยิ่งขึ้น ขบเม้มริมฝีปากเบาๆ “องค์ชาย ท่านอย่าล้อหม่อมฉันเล่นเลย! ชื่อเสียงเรื่องด่าคนมีอะไรดี! หม่อมฉันหญิงร้ายเช่นนี้ น่ากลัวว่าไม่มีชายใดต้องการ แต่งไม่ออกแล้ว!”หลี่หลงหลินแสยะยิ้ม “หากไม่มีใครกล้าแต่งกับท่าน ข้าจะแต่งเอง! อย่างไรเสียข้าก็แต่งงานกับเสือโคร่งอย่างซูเฟิ่งหลิงไปแล้ว เพิ่มหญิงปากคอเราะร้ายมาอีกหนึ่งคนก็ชินชาไม่รู้สึกรู้สาอันใดแล้ว!”กงซูหว่านสะเทิ้นอายใบหน้าแดงเรื่อ พูดเสียงนุ่มนวล “ห้ามพูดถึงหม่อมฉันและน้องเล็กเช่นนี้! ยิ่งไปกว่านั้น ใครรับปากว่าจะแต่งกับท่าน...”ผิวพรรณที่เดิมทีขาวดุจหิมะของกงซูหว่า
กงซูหว่านหัวเราะขึ้นมา “อะไรกัน? พระเชษฐภาดาท่านกลัวแล้วหรือ? คนซื่อตรงย่อมไม่หวั่นเกรงต่อคำว่าร้าย ท่านยิ่งไม่ให้พูด ข้าก็ยิ่งจะพูด! ข้ายังจะตะโกนเสียงดังอีกด้วย! พวกเจ้าสกุลหลู่ล้วนกบฏฝังลึกอยู่ภายในกระดูก อิงตามที่ข้าได้เห็น น่ากลัวว่าพระเชษฐภาดาก็ใกล้จะเจริญตามรอยพวกเขาในอีกไม่ช้าแล้ว!”หลู่จงหมิงกุมอกแน่นๆ คล้ายถูกคนชกอย่างแรงหนึ่งหมัด เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “สาม...สามหาว!”“ผู้หญิงฝีปากคมกริบตัวดี!”“กล้าหยามเกียรติพระเชษฐภาดาต่อหน้าธารกำนัล!”“เด็กๆ ตบปาก!”“ตบปากคมกริบของนางให้ข้า!”เพียงสิ้นเสียงลง บ่าวท่าทางดุดันหนึ่งกลุ่มทางด้านหลังหลู่จงหมิงก็ถลันเข้ามาล้อมกงซูหว่านเอาไว้สีหน้าเหล่าราษฎร์เผือดซีด ต่างพากันแยกย้ายพระเชษฐภาดาหยิ่งยโสโอหังภายในตงไห่จนคุ้นชินแล้ว พวกเขาล่วงเกินไม่ไหว!กงซูหว่านกลับไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าเยียบเย็นผ่อนคลาย สบมองหลู่จงหมิงสีหน้าหมิ่นแคลน “ท่านกล้าแตะต้องข้า?”หลู่จงหมิงหัวเราะ “ข้าเป็นพระเชษฐภาดาของฮ่องเต้พระองค์ปัจจุบัน เจ้านับเป็นตัวอะไร? ก็แค่พี่สะใภ้ของรัชทายาทไม่ใช่หรือ? กลับกล้าอ้างบารมีเย่อหยิ่งจองหอง? ข้าพระเชษฐภาดาผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให
เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมาราษฎร์ตงไห่ต่างพากันฮือฮา!องค์ชายเก้าคนของต้าเซี่ย แต่ละคนล้วนเกิดความคิดก่อกบฏเริ่มแรกคือองค์ชายใหญ่ องค์ชายสาม องค์ชายสี่และองค์ชายหก วางแผนร้าย คิดก่อกบฏบัดนี้ถึงตาองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินแล้ว!บัดนี้เขาเป็นรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานอย่างลึกซึ้งจากฮ่องเต้หวู่ ต่อให้ก่อกบฏ โทษก็ไม่ถึงตายเลวร้ายที่สุดก็เหมือนองค์ชายสี่หลี่จือ ถูกกักบริเวณ ใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมายไปชั่วชีวิตหากตนเองโง่งม ไปสร้างเมืองใหม่อะไรนั่นกับรัชทายาท วางแผนก่อกบฏ นั่นคือโทษประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร!ราษฎร์ไม่น้อยเดิมทีก็ลังเลอยู่ ครั้นถูกหลู่จงหมิงพูดคำนี้ออกมา ทำลายความคิดไปแล้วหลู่จงหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น ใบหน้าลำพองใจ “กงซูหว่าน เจ้ากลับไปบอกรัชทายาท เรื่องเขาวางแผนก่อกบฏถูกข้าจับได้แล้ว! อีกเดี๋ยวข้าจะถวายฎีกาหนึ่งฉบับกราบทูลฝ่าบาท เล่นงานเขาจนอับจนหนทาง!”รัชทายาทรับมือยากจริง!แต่กงซูหว่านผู้หญิงคนหนึ่ง หลู่จงหมิงสามารถจัดการได้อย่างผ่อนคลาย“ฮึๆ...”คิดไม่ถึงเลยว่ากงซูหว่านไม่มีความตกใจเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามกันแสยะยิ้มเย็นชาออกมาสีหน้าหลู่จงหมิงเคร่งขรึม “เจ้ายิ้ม
หลู่จงหมิงพูดเสียงเคร่งขรึม “คุณหนูกงซู ไม่ได้พบกันนานเลย!”กงซูหว่านหยุดงานในมือลง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ได้เห็นใบหน้าประดับยิ้มเจ้าเล่ห์ของหลู่จงหมิงกำลังมองตนเอง สายตาเช่นนี้ทำให้กงซูหว่านรู้สึกไม่สบายตัวกงซูหว่านพูดเสียงเย็นชา “พวกเราที่นี่รับสมัครเพียงช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ ไม่ต้องการคนคดโกงขูดรีดเลือดเนื้อจากราษฎร์ ท่านหลีกไป อย่ามาขัดขวาง”เหล่าราษฎร์ต่างแตกตื่น!กงซูหว่านถึงขั้นไม่ไว้หน้าพระเชษฐภาดา!จะต้องรู้ว่านี่คือตงไห่ มังกรแข็งแกร่งไม่อาจสู้งูดิน พระเชษฐภาดาเป็นงูดินที่ตงไห่ แต่เหล่าขุนนางที่มาถึงตงไห่ล้วนต้องให้ความเคารพพระเชษฐภาดา แต่กงซูหว่านไม่วางตัวต่ำต้อย ยืดอกด้วยความมั่นใจ ภายในสายตาเปี่ยมความดูแคลนภายในจวนอ๋องในวันนั้น ความฟุ่มเฟือยของพระเชษฐภาดายังอยู่ในสมองของนางไม่อาจลบเลือนออกไปได้ ภายในสายตากงซูหว่าน พระเชษฐภาดาก็แค่ตัวไร้ประโยชน์ ใช้ตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งมาแสวงหาความเพลิดเพลินก็เท่านั้น เป็นสิ่งที่นางดูแคลนที่สุด!พระเชษฐภาดาถูกกงซูหว่านทำให้อับอายถึงเพียงนี้บนถนน ทันใดนั้นโทสะพลุ่งพล่านมากขึ้นสามจั้ง พูดเสียงเย็นชา “ขัดขวาง? ข้าพระเชษฐภาดาผู้ยิ่งให
ตลาดเมืองตงไห่ครึกครื้นตั้งแต่เช้า ราษฎรรับชมความครึกครื้นจนแน่นขนัดกงซูหว่านกวนปูนคอนกรีตสีดำภายในถังไม้ด้วยความตั้งใจท่ามกลางสายตาของกลุ่มคน ขมวดคิ้วแน่นราษฎร์ไม่น้อยเพียงแต่ว่างงานไม่งานทำ มาเชยชมรูปโฉมที่แท้จริงของสตรีมีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของใต้หล้า จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อยทำให้การสัญจรทั้งตลาดติดขัดต่อให้เป็นเช่นนี้ ช่วงเช้ากงซูหว่านก็รับสมัครช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญได้ไม่น้อย อย่างไรเสียตอนนี้ตงไห่ก็กำลังเกิดหายนะ เหล่าราษฎร์เดือดร้อนแทบจะไม่สามารถกินข้าวประทังชีวิตได้อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดว่าไปซ่อมแซมสร้างบ้าน ช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญโดยส่วนมากอยู่ในสถานะว่างงานเหล่าช่างฝีมือได้ยินว่ารัชทายาทต้องการช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ต่างพากันเดินทางมา ทำให้กงซูหว่านประหยัดแรงไปไม่น้อยเพียงแต่กงซูหว่านยังไม่สามารถหาสัดส่วนที่เหมาะสมในการผสมปูนคอนกรีตได้ ปูนคอนกรีตที่เคยผสมก่อนหน้านี้บ้างก็แข็งตัวไม่เพียงพอ บ้างก็หลังแข็งตัวแล้วกลับมีความแข็งแรงไม่เพียงพอ จนทำให้แตกร้าวกงซูหว่านราวกับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีสายตาแหลมคมดุจเหยี่ยวหนึ่งคู่กำลังจับจ้องตนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนสีหน้
มุมปากหลู่จงหมิงยกขึ้นแสยะยิ้มเย็นชา “ชีวิตที่ไม่มีเจ้าหลี่หลงหลินช่างสุขสบายโดยแท้ จิบสุราโอบหญิงงาม เพลิดเพลินมีความสุข!”แม้ว่าเรื่องธัญพืชทำให้หลู่จงหมิงต้องขาดทุนอย่างหนักในเงื้อมมือของหลี่หลงหลิน แต่โชคดีหลู่จงหมิงยับยั้งการขาดทุนได้ทันเวลา เปิดยุ้งฉางขายธัญพืชทั้งหมดให้แก่พวกตระกูลขุนนางในตงไห่ ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ดังนั้นจึงมีเวลาเพลิดเพลินอยู่ภายในจวนหญิงสาวงดงามมีเสน่ห์ทั้งสองคนภายในอ้อมกอดของหลู่จงหมิงมีเรือนร่างอรชรแบบบาง สวมใส่ผ้าโปร่งบาง ผิวขาวนวลดุจหิมะเปิดเผยออกมา มีเสน่ห์มากเป็นพิเศษใบหน้าหลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะคิดจะฉวยโอกาสหาความสำราญตามใจปรารถนา“นายท่าน! แย่แล้วขอรับ!”เสียงร้องตะโกนขัดแผนการของหลู่จงหมิงพ่อบ้านพาบ่าวหนึ่งกลุ่มวิ่งลนลานเข้ามา บนหน้าผากล้วนคือเหงื่อเม็ดใหญ่สีหน้าหลู่จงหมิงโกรธจัด พูดเสียงเย็นชา “เกิดเรื่องใดขึ้น ลนลานถึงเพียงนี้? ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าตอนข้าดื่มสุราห้ามรบกวน!”พ่อบ้านคุกเข่าบนพื้น หมอบตัวแนบพื้นและพูดเสียงเคร่งขรึม “นายท่าน รัชทายาท...รัชทายาทมีความเคลื่อนไหวแล้ว!”“เจ้าเด็กนั่นทำอันใด!”หลู่จงหมิงขมวดคิ้ว
หลี่หลงหลินยิ้มจางๆ และพูดว่า “พี่สะใภ้รอง ต่อให้เสด็จพ่อถามออกมา นั่นแล้วอย่างไรเล่า? ยิ่งไปกว่านั้นข้าเพียงแต่เสนอแนวความคิดอย่างหนึ่งเท่านั้น ยามลงมือปฏิบัติยังต้องทำการทดลองและผ่านการทดสอบจำนวนมาก ถึงจะสามารถคิดค้นปูนคอนกรีตที่แท้จริงออกมาได้”“ภายในนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาและความยากลำบากหลากหลายอย่าง เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่พี่สะใภ้รองต้องรับมือด้วยตนเอง ต่อให้ฝ่าบาทเอ่ยถามขึ้นมา ท่านก็ไม่ต้องหวาดหวั่น”กงซูหว่านได้ยินถ้อยคำของหลี่หลงหลิน ทันใดนั้นตกอยู่ในห้วงแห่งความลังเล “แต่องค์ชาย...เดิมทีผลงานนี้ก็สมควรเป็นของท่าน หม่อมฉันเพียงทำตามคำสั่งขององค์ชายเท่านั้น ไม่สมควรรับผลงานเพียงลำพังคนเดียว”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “พี่สะใภ้รอง ท่านเป็นสตรีมีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของใต้หล้า คิดค้นปูนคอนกรีตเป็นความดีความชอบยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถมองข้ามได้ อย่าได้ดูแคลนตนเองเป็นอันขาด ต่อให้ข้าเป็นผู้เสนอความคิด แต่คิดค้นและสร้างขึ้นมาต่างหากสำคัญที่สุด หากเพียงแต่พูดปากเปล่าก็ไร้ความหมาย”ลั่วอวี้จู๋ทางด้านข้างพูดเสริมขึ้นว่า “ใช่แล้วน้องรอง ปัญหาและความยากลำบากที่ต้องฝ่าฟันระหว่างนี