เมื่อทุกอย่างจัดการเรียบร้อย อันไป๋เล่อก็หันหลังออกจากร้าน
แสงแดดยามสายส่องลงบนใบหน้าของนางอย่างพอดี ทำให้เงายิ้มบางที่มุมปากดูอบอุ่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
อันไป๋เล่อก็หันไปบอกอาเหมย
“ต่อไป...ไปซื้อข้าวสารกับไข่ไก่กัน”
ทั้งคู่เดินเลาะตามถนนหินไปทางทิศตะวันออกของตลาด ซึ่งเป็นย่านขายของสดและของแห้ง
กลิ่นหอมของข้าวสารใหม่ลอยอบอวลมาจากร้านที่ตั้งอยู่หัวมุม แม่ค้ากำลังตักข้าวจากโอ่งดินขนาดใหญ่ลงถุงผ้าด้วยท่วงท่าคล่องแคล่ว
อันไป๋เล่อเลือกข้าวสารคุณภาพดีสองถุงใหญ่ พร้อมถั่วเขียว ถั่วแดง งาขาว เกลือ น้ำผึ้ง น้ำส้มหมักและน้ำมันงาเพิ่มอย่างละถุง
จากนั้นก็เดินต่อไปยังแผงขายไข่ไก่
ไข่สีน้ำตาลอ่อนเรียงซ้อนกันในตะกร้าฟาง กลิ่นสดใหม่ของมันทำให้เธอเลือกหยิบอย่างตั้งใจ ก่อนสั่งให้แม่ค้าชั่งเต็มตะกร้า นางจ่ายเงินแล้วสั่งให้ไปส่งที่ตระกูลเผยเช่นเคย
ครู่หนึ่ง อาเหมยก็เอ่ยขึ้นเสียงเบา แต่แฝงความเกรงใจ
“คุณหนู...ข้าทำกับข้าวกินได้ไม่กี่อย่างนะเจ้าคะ”
อันไป๋เล่อเหลือบมองเล็กน้อย สีหน้าไม่แปลกใจ
“อืม...ข้ารู้แล้ว”
น้ำเสียงราบเรียบแต่ไม่ได้ตำหนิ
ริมฝีปากแต้มรอยยิ้มบางราวกับมีแผนอยู่แล้ว
เมื่อเสร็จจากของสด ทั้งสองก็ตรงไปยังย่านขายเมล็ดพันธุ์
แผงร้านเล็ก ๆ มีถุงผ้าขาวเล็กใหญ่แขวนเรียงเป็นแถว กลิ่นดินและกลิ่นแห้งของเมล็ดพืชแตะปลายจมูกอย่างชัดเจน
พ่อค้าชราเอ่ยแนะนำอย่างกระตือรือร้น “นี่เป็นเมล็ดผักกาดพันธุ์โตเร็ว นั่นเมล็ดฟักทองเนื้อหวาน อีกถุงนี่เป็นเมล็ดต้นหอมกับผักชี...ปลูกง่าย เก็บไว้นาน”
อันไป๋เล่อเลือกซื้อเมล็ดฟักทอง มันม่วง ต้นหอม ผักชี และผักกาด รวมทั้งถั่วลิสงสำหรับคั่วกิน และผักอีกหลายชนิดที่นางเองก็ไม่รู้จัก
แสงแดดยามสายปลายตลาดทำให้บรรยากาศอบอุ่น ไป๋เล่อเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วพูด “พวกเราไปหาที่นั่งพักสักหน่อยเถอะ”
อันไป๋เล่อเดินเลียบทางเดินหินกรวดมายังตรอกด้านในของตลาด
ที่นั่น มีร้านชาเก่าแก่ชื่อ “เรือนหอมลึก” ตั้งอยู่เงียบ ๆ ใต้ร่มไม้ใหญ่ แม้ไม่ใช่ร้านหรูหรา แต่มักมีผู้คนแวะเวียนมานั่งพัก ดื่มชา พูดคุย หรือรอขบวนสินค้าจากต่างเมือง
พอนางก้าวเข้าไปในร้านชา ประตูไม้บานเลื่อนเปิดออก กลิ่นชาจาง ๆ ก็โชยออกมาต้อนรับ
กลิ่นอบอุ่นของชาอบใบพีชและกลิ่นจาง ๆ ของอบเชยลอยแตะปลายจมูกอย่างนุ่มนวล
หญิงสาวคลี่ยิ้มอย่างรู้สึกอบอุ่น นางเลือกมุมนั่งติดหน้าต่าง
แสงแดดอ่อนลอดผ่านม่านโปร่งสีน้ำตาลทองสะท้อนเงาไม้ไหวพลิ้วลงบนโต๊ะไม้เก่า
บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงช้อนกระทบถ้วยชาและบทสนทนาเบา ๆ จากมุมห่าง
“ยกชาดอกเหมยอุ่น ๆ มาให้ข้าชุดหนึ่ง” อันไป๋เล่อเอ่ยเสียงเบา พลางวางตะกร้าผักลงข้างตัว
เด็กชารับคำแล้วหายไป
อาเหมยมองรอบ ๆ อย่างตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะไม่คุ้นกับการที่เจ้านายจะนั่งพักในที่แบบนี้
“คุณหนู...เอ่อ ท่านไม่ร้อนหรือเจ้าคะ?”
“อากาศกำลังดี”
อันไป๋เล่อตอบพลางทอดสายตามองผู้คนเดินผ่านไปมา
นางไม่ได้เร่งรีบ ตรงกันข้าม ทุกย่างก้าวของชีวิตตอนนี้
กลับเรียบง่ายกว่าที่เคยเป็น
ครู่หนึ่ง ชาก็ถูกนำมาวางตรงหน้า
ไอน้ำหอมกรุ่นลอยคลุ้ง นางยกถ้วยขึ้นจิบเบา ๆ รสชาติหอมอ่อนโยนของดอกเหมยแห้งไหลผ่านลำคออย่างนุ่มละมุม “หากมีขนมปังหรือขนมอบสักชิ้น...กินคู่กับชาร้อน ๆ แบบนี้ คงจะดีไม่น้อย”
ความคิดนั้นทำให้นางยกสายตาเรียกเด็กรับใช้
“เสี่ยวเอ๋อร์...ที่นี่มีขนมอะไรบ้าง?”
เด็กรับใช้หันมามองอย่างกระตือรือร้น “วันนี้มีขนมถั่วเขียว ขนมงาดำ ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดง และขนมแตงโมแห้งขอรับ”
“เอามาให้ข้าอย่างละชุด”
“ได้ ๆ ขอรับ”
ที่นี่ไม่เพียงขายน้ำชาและขนมว่าง หากยังมีใบชาและอุปกรณ์ชงชาหลากชนิดวางเรียงรายอยู่ในตู้ไม้เคลือบเงา บางชิ้นแกะสลักลวดลายวิจิตรจนอดมองนานไม่ได้
ในขณะที่รอขนม อันไป๋เล่อก็ลุกขึ้นเดินดูชั้นวางอุปกรณ์ด้วยแววตาสนอกสนใจ นิ้วเรียวลูบผ่านด้ามช้อนไม้ไผ่และตะกร้อตีชาที่ทำจากเส้นไม้ละเอียด ด้านข้างมีที่บดหินอยู่ด้วย
นางเผลอหลุดพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“นี่...คงไม่ใช่อุปกรณ์ชงมัทฉะหรอกนะ?” อาเหมยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทำหน้างงทันที ไม่เข้าใจว่ามัทฉะที่คุณหนูพูดถึงคืออะไร
อันไป๋เล่อหันกลับไปมองเด็กรับใช้ของร้านที่กำลังยืนประสานมือรอรับคำสั่ง นางเอ่ยถามอย่างสุภาพ “ของพวกนี้เจ้าขายอย่างไร”
เด็กรับใช้ยิ้มรับ พลางก้าวเข้ามาใกล้ “ชุดละห้าสิบตำลึงขอรับ”
อาเหมยถึงกับอุทานในใจ ของพวกนี้แพงถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
ไป๋เล่อมองอุปกรณ์ตรงหน้าอย่างพินิจ ก่อนเอ่ยต่อ “แล้วถ้าซื้อรวมกับใบชา ลดราคาได้หรือไม่”
เด็กรับใช้พยักหน้าเร็ว “ได้ ๆ ขอรับ ชาพวกนี้มาจากหนานจิน เป็นชารสเลิศหอมกลมกล่อม ขายราคาชั่งละสิบตำลึงและแถมชาเหมยให้หนึ่งชั่งขอรับ”
ไป๋เล่อยกมุมปากนิด ๆ “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอชุดชงชาพวกนี้หนึ่งชุด และชาอย่างที่เจ้าว่าหนึ่งชั่ง...แล้วขอที่ร่อนผ้าไหมด้วยหนึ่งชิ้น”
เด็กรับใช้รีบโค้งรับคำด้วยสีหน้ายินดี ก่อนเดินไปจัดของให้ อาเหมยจึงเอ่ยขึ้น
อาเหมยมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ “ข้าว่าร้านชาด้านในเมืองน่าจะมีชาอีกหลายแบบให้เลือกนะเจ้าคะ”
ไป๋เล่อหัวเราะเบา ๆ พลางวางถ้วยชาลง “ข้าว่าที่นี่ก็ดีไม่น้อยนะ…บรรยากาศสงบดี”
ไม่นาน เสี่ยวเอ๋อร์ก็ยกขนมอบหอมกรุ่นมาวางบนโต๊ะ
ไป๋เล่อพยักหน้าให้อาเหมย
“นั่งลงสิ มากินด้วยกัน”
อาเหมยยิ้มเก้อ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ นั่งลง ทั้งสองนั่งจิบชา กินขนมพลางพูดคุยอย่างสบายใจ
ไป๋เล่อค่อย ๆ ชิมพลางพยายามเข้าใจรสชาติของขนมในยุคนี้ ไม่นานขนมก็หมด เมื่อท้องเริ่มอิ่ม ไป๋เล่อก็เอ่ยขึ้น
“ก่อนฟ้ามืด เราแวะซื้อของกินมื้อเย็นกลับไปเถอะ”
อาเหมยรับคำ ทั้งคู่จึงพากันออกจากร้าน หอบหิ้ววัตถุดิบกลับเรือน ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็นที่เริ่มคลี่คลุมเมืองอี้โจวอย่างอ่อนโยน
ตอนที่ 35 ถูกจับได้ กู้เผยหยางเหลือบตามองคนตรงหน้าอีกครั้ง แววตาลึกล้ำคล้ายสืบค้นความจริงที่ซ่อนอยู่ภายใน ก่อนจะหัวเราะในลำคอแผ่วเบาเอ่ยต่อ“ทั้งที่ครั้งหนึ่งเคยสนิทแนบชิดกัน… บัดนี้กลับเหมือนคนแปลกหน้าที่ข้าอ่านไม่ออกเสียแล้ว”สุราที่ปลายนิ้วยกขึ้นสะท้อนเงาจากแสงตะวันยามเย็นวาววับ ทว่าดวงตาของเขากลับไม่ละจากไป๋เล่อแม้แต่วินาทีเดียว คล้ายจะรอคอยคำตอบบางอย่างจากริมฝีปากนางไป๋เล่อสะท้านในอก หัวใจราวกับถูกบีบรัดแน่น นางก้มหน้าหลบสายตาคมกริบที่ส่องทะลุเข้าไปในส่วนลึกของวิญญาณ ริมฝีปากเม้มแน่น ไม่รู้ควรอธิบาย หรือควรเงียบเพื่อรักษาความลับที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้ไป๋เล่อพยายามหาถ้อยคำมาแก้ต่าง เสียงแผ่วพลางยกจอกสุราขึ้น“ทุกคนที่ต้องหาหนทางของตนเอง…ย่อมต้องเปลี่ยนแปลง ผู้ใดเล่าจะคงความเป็นตัวเองได้ดั่งเดิม” นางกลบเกลื่อนความสั่นไหวในใจด้วยการรินสุราแล้วกระดกดื่มรวดเดียวกู้เผยหยางจ้องนางไม่กะพริบ มุมปากยกขึ้นอย่างยากจะหยั่งความหมาย น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้า ๆ“ฟังดูก็มีเหตุผล…แต่ข้ากลับเหมือนคำแก้ตัวเสียมากกว่า”เงียบงันชั่วอึดใจ บรรยากาศรอบศาลากลางสระบัวราวถูกแรงกดดันบางอย่างค
ตอนที่ 34 หลากหลายอารมณ์เผยกู้หยาง เหลือบตามองอันไป๋เล่อที่ยืนตะลึงงันอยู่ริมศาลา มุมปากของเขายกขึ้นเพียงเล็กน้อย รอยยิ้มบางนั้นแฝงความหมายเย้ยหยั่นไม่จริงจังท่าทางหลงใหลบุรุษเช่นนี้ นางก็ช่างกล้าแสดงออกมา รอยยิ้มเงียบ ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่มโดยไม่ต้องมีคำใดเอื้อนเอ่ย แต่เพียงเท่านั้นกลับแผ่แรงกดดันบางอย่างแทรกเข้ามาในอารมณ์ของผู้คนรอบกายไป๋เล่อพลันรู้สึกเหมือนคลื่นใต้น้ำโอบรัดหัวใจ นางประหม่าอย่างบอกไม่ถูก สายตาคมดุจดาบที่จับจ้องมาพร้อมรอยยิ้มมาดหมายไม่แน่ชัดของเขา แทบจะฉุดวิญญาณของนางออกจากร่างลาบอส… ลาบอส คำนี้พลันผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของนาง เป็นเสน่ห์ร้ายแรงที่นางไม่อาจละสายตาได้รอยยิ้มเดียวก็สามารถทำให้นางแทบหยุดหายใจไป๋เล่อ รีบก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามข่มใจมิให้เผยพิรุธออกมา นางสูดหายใจแผ่ว ๆ พยายามรักษาใบหน้าให้มากที่สุด หัวใจของนางก็ราวกับถูกบีบคั้นอยู่ในอกไปทุกจังหวะที่เขาดีดเล่น แทบเก็บอาการไม่อยู่กรี๊ดออกมาเมื่อเสียงสายพิณสุดท้ายดับลง ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วศาลากลางสระบัว เผยกู้หยาง ค่อย ๆ วางพิณลงด้วยท่วงท่าสง่างาม ก่อนเงยหน้าขึ้นมองไป๋เล่อที่ยังยืนประหม่
ตอนที่ 33 สายตาคับแคบ คล้อยหลังเผยกู้หยาง บ่าวหน้าเรือนตำราก็เดินเข้าไปรายงานเผยถังว่าก่อนหน้านี้ฮูหยินมา เผยถังได้ยินเช่นนั้นหลังจากจัดการหนังสือหลายอย่างจึงลุกขึ้นไปหาจางลั่วผิงที่เรือนใหญ่ เรือนใหญ่ เมื่อก้าวเข้าไป เห็นจางลั่วผิงนั่งตรวจบัญชีบางอย่างอยู่ นางเงยหน้าขึ้น พอเห็นสามีก็วางมือลง พลางเอ่ยเสียงนุ่ม“เสร็จธุระแล้วหรือเจ้าคะ”เผยถังพยักหน้ารับ ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนลงมองสมุดบัญชีกล่าว “ลำบากเจ้าแล้ว” หากไม่ใช่เพราะมีตัวเลขที่ไม่เหมาะสมงานบัญชีเหล่านี้ควรให้สะใภ้ใหญ่จัดการได้เลยจางลั่วผิงยกยิ้มบาง “ลำบากอันใดกันเล่า… อยู่ที่นี่มาหลายปี ข้ากลับรู้สึกว่าดีนัก มีเพียงเกรงว่า ข้าอาจทำหน้าที่ไม่ดีพอเท่านั้น”เผยถังสบตานาง เอ่ยหนักแน่น“ความทุ่มเทใส่ใจของเจ้า ผู้ใดย่อมรับรู้”ลัวมาม่ายกจานผักสลัด พร้อมน้ำชากาใหม่เข้ามา “คุณชายรองนี่ช่างกตัญญูนักเจ้าค่ะ ได้ยินว่าฮูหยินไม่ค่อยทานอาหาร พอเห็นของสดแปลกตาก็รีบสั่งให้คนซื้อกลับมาให้ฮูหยินทันที”จางลั่วผิงเพียงหัวเราะเบา ๆ แต่แววตาเปี่ยมด้วยความอ่อนโยนเผยถังยกถ้วยชาขึ้นจิบ มีสีหน้าพึงพอใจเขาวางถ้วยชาลง ก่อนจะเอ่ย “แล้
ตอนที่ 32 ช่างไม่รู้ความส่วนจางลั่วผิงเมื่อแยกจากสะใภ้ใหญ่แล้วก็ลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา บ่าวที่คอยประคองเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ฮูหยินจะเสด็จไปพักผ่อนในเรือนหรือไม่เจ้าคะ”นางเพียงส่ายหน้าเบา ๆ พลางเอ่ยว่า “ไปดูสิว่านายท่านอยู่ที่ใด”ลัวมาม่าจึงหันไปสั่งบ่าวด้านข้าง ไม่นานบ่าวผู้นั้นก็รีบกลับมากล่าวรายงาน “เรียนฮูหยิน...นายท่านอยู่ที่เรือนตำราเจ้าค่ะ”นางพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ“เช่นนั้นก็ไปยังเรือนตำราเถิด”จางลั่วผิงก้าวมาถึงหน้าเรือน บ่าวที่เฝ้าอยู่เห็นนางก็รีบวิ่งเข้ามาคารวะทันที “เรียนฮูหยิน...เวลานี้นายท่านกำลังสนทนาอยู่กับคุณชายรองขอรับ”นางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าไม่ต้องเข้าไปบอกพวกเขา... ข้ามิได้มีธุระอันใดสำคัญนัก...กลับเรือนเถิด”ลัวมาม่าไม่แสดงสีหน้า ประคองเผยฮูหยินกลับเรือนหลักส่วนข้างใน เรือนตำรา เผยกู้หยางคือคุณชายรองแห่งตระกูลเผย ทว่าท่าทีที่เขากับเผยถังผู้เป็นบิดาแสดงออกในยามนี้กลับแตกต่างไปจากสิ่งที่ควรเป็น“ข้าต้องขออภัย ที่มิได้บอกกล่าวท่านล่วงหน้า” เผยกู้หยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบขรึมเผยถังรีบตอบกลับด้วยท่าทีอ่อนน้อม
ตอนที่ 31 ตระหนักการรับจัดของวาง นับเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สร้างรายได้ให้ไป๋เล่อไม่น้อย ความสามารถพิเศษที่ลูกค้าชื่นชอบคือ นางมักใส่ใจความหมายของงานในแต่ละครั้ง จัดขนมให้สอดคล้องกับวาระมงคลไป๋เล่อนั่งเขียนบัญชีเสร็จพอเห็นตัวเลขก็เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้าง“รับทำขนมในงานเลี้ยงครั้งเดียว กำไรถึงสองร้อยตำลึงเชียว”อาเหมยนั่งพับผ้าอยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยแทรกเสียงสดใส“คุณหนู หากท่านอยู่ในเมืองหลวง ที่มีงานเลี้ยงน้ำชาวันเว้นวัน เช่นนั้นคงมีลูกค้ามากจนทำขนมแทบไม่ทันเจ้าค่ะ”ไป๋เล่อหัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้ารับเห็นด้วย “ก็จริง…ทว่าในเมืองใหญ่มิคงมีเพียงลูกค้า หากยังมีคู่แข่งนับไม่ถ้วนเช่นกัน อยู่ที่นี่ฝึกปรือฝีมือไปก่อนคงดีกว่า”นางวางพู่กันลง พลางคิดถึงเจียงจิง “พี่สาวเจียงจิงก็คงได้กำไรไม่น้อย…จากการทำน้ำอบดอกเหมย”ไป๋เล่อพูดเสร็จก็ได้ยินเสียงเคาะเบา ๆ ดังขึ้นที่ประตู “ไป๋เล่อ” เสียงเจียงจิงดังเรียกอยู่นอกเรือน“เข้ามาสิพี่สาว” ไป๋เล่อเอ่ยตอบประตูเลื่อนเปิดออก เจียงจิง ก้าวเข้ามาในชุดเรียบสะอาด ติดมือถือถุงผ้าเล็ก ๆ มาวางตรงหน้าของไป๋เล่อ นางยกยิ้มอ่อนโยนก่อนเอ่ยเสียงจริงใจ “นี่เป็นกำไรจากน้ำอบดอ
ตอนที่ 30 ว่าที่สะใภ้รองเมื่อได้ปลดความค้างคาในใจออกไป อาเหมยก็กลับมาร่าเริงเช่นเดิม พวกนางทั้งสี่คนยังคงตื่นแต่เช้าตรู่ จัดทำขนมและน้ำอบเพื่อนำไปวางแผงขายตามเคยเช้าวันนั้น ซูหลิงมาดักรออยู่ก่อนแล้ว ครั้นเห็นพวกนางก็รีบเอ่ยขึ้น“อีกไม่กี่วันคุณหนูของข้าจะมีพิธีปักปิ่น จึงอยากจ้างพวกเจ้าจัดทำอาหารว่าง เพียงแต่ไม่อยากได้ขนมที่ซ้ำกับที่เจ้าขายอยู่ตามแผง”ไป๋เล่อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “เช่นนั้น…พรุ่งนี้แม่นางซูช่วยมารับขนมตัวอย่างไปให้คุณหนูของท่านลิ้มลอง หากนางโปรดสิ่งใด ข้าจะจัดทำให้ เพียงแต่ราคาคงสูงกว่าที่ขายตามแผงอยู่บ้าง”ซูหลิงยังไม่ทันเอ่ยอะไร ซูหมิงที่ยืนเคียงข้างก็รีบพูดขึ้นทันที “เรื่องเงินมิใช่ปัญหา พรุ่งนี้ข้าจะมารับด้วยตนเอง… อ้อ วันนี้เจ้ามีบะหมี่ลุยสวนหรือไม่ เอาให้ข้าสามกล่อง แล้วก็ซางเกาสักห้าชิ้นด้วย”ไป๋เล่อรีบจัดของให้พวกนางทันที ภายในใจก็เริ่มวางแผนขนมที่จะทำให้คุณหนูรองผู้นี้ ในเมื่อเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเช่นนั้นก็ทำของแพงที่สุดขนมอบถั่วหอมหรือมาการองนั่นเองและก็ขนมพื้นเมืองที่ไม่ธรรมดา เจียงจิงหันไปยิ้มให้ไป๋เล่อ “ไม่ทันไ