เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนพาลูกสองคนกลับมาถึงกระโจมใหญ่ ก็เห็นเซียวอวี้กำลังอุ้มลูกชายคนเล็ก ด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆอาลี่รีบฟ้องทันที “เสด็จแม่! เสด็จพ่อไม่อุ้มน้องดี ๆ ทำน้องตก โป้ง กระแทกแรงมาก!”เซียวอวี้:…ลูกคนนี้ ความเร็วในการฟ้องว่องไวจริง ๆ“อย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหล ไม่ได้ตก ข้ารับไว้ได้ ของที่ตกคือกาน้ำชา”อาลี่พยักหน้าหงึก ๆ “ใช่ กาน้ำชาตก”เฟิ่งจิ่วเหยียนถามอย่างล้อเล่น “อาลี่ น้องชายเป็นกาน้ำชาหรือ? ตกลงเป็นน้องชายตก หรือว่ากาน้ำชาตก?”อาลี่ชี้ไปที่เซียวอวี้“เสด็จพ่อตก!”เซียวอวี้ขมวดคิ้ว หันไปถามเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างจริงจัง“ลูกคนนี้ โง่หรือไม่?”ลูกหลานตระกูลเซียว ใช่ว่าทุกคนจะเฉลียวฉลาดไปหมดตอนนี้เขามองอาลี่ ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนเสี่ยวอู่ ทั้งไม่มีหัวใจ ไม่มีสมองจะว่าเด็กคนนี้โง่ เขาก็ยังฟังเข้าใจที่เสด็จพ่อพูด แถมยังโต้เถียงกลับมาทันที“เสด็จพ่อ ข้าไม่โง่! ข้าแค่ช้าไปหน่อย!” พูดพลางเอามือตบหัวตัวเองดังป๊อกเฟิ่งจิ่วเหยียนกลั้นหัวเราะไม่อยู่อีกแล้วเด็กคนนี้ ไม่ว่าจะคำพูดหรือกิริยา ล้วนแฝงไปด้วยความตลกขบขันบอกไม่ถูกว่าตลกที่ใด แต่พอเห็นก็อดหัวเราะไม่ได้ตอนค่ำส
หูย่วนเอ๋อร์ขึ้นครองบัลลังก์เป็นประมุขได้ไม่ถึงเดือน กลับกลายเป็นคนบาปที่สุดของแคว้นซีหนี่ว์ราษฎรด่าประณามว่านางขายชาติ ขุนนางทั้งหลายก็เห็นว่านางสมควรตายในพระราชวังมั่วซินหมัวมัวเดินเข้ามาที่ตำหนักบรรทมของรัชทายาทหญิง นำข่าวการสิ้นชีพของหูย่วนเอ๋อร์มาบอกเฉียวเอ๋อร์เฉียวเอ๋อร์น้ำตาไหลเงียบ ๆ แล้วสั่งมั่วซินหมัวมัว“พรุ่งนี้ เราจะขึ้นครองราชย์!”มั่วซินหมัวมัวค้อมศีรษะรับคำ “พ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะไปสั่งการให้เตรียมพิธีขึ้นครองราชย์ของประมุข”ทว่า ไม่ว่าในวังและนอกวัง ข่าวเรื่องหูย่วนเอ๋อร์ยอมจำนนนั้น ทำให้ผู้คนแตกตื่นหวาดหวั่นจึงไม่มีใครใส่ใจเรื่องประมุขพระองค์ใหม่ข้าราชบริพารจำนวนมากต่างพากันหนีออกนอกวังมั่วซินหมัวมัวมองเห็นความโกลาหลเช่นนี้ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกปั่นป่วนหากแคว้นซีหนี่ว์ได้ประมุขผู้ทรงปรีชา ก็คงไม่วุ่นวายเช่นนี้แม้นรัชทายาทหญิงมีวี่แววแห่งประมุขผู้ทรงปรีชา แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง จะรับมือกับกลียุคเช่นนี้ได้อย่างไร?วันรุ่งขึ้นเฉียวเอ๋อร์ขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการเพราะเรื่องราวฉุกละหุก จึงไม่มีฉลองพระองค์จักรพรรดิที่ตัดไว้ให้พอดีกั
ตรึกตรองอยู่นาน ก่อนหูย่วนเอ๋อร์จะเอ่ยขึ้นมา“เรา… เราจะเดินทางไปค่ายใหญ่ของกองทัพหนานฉีด้วยตนเอง”ทันใดนั้นก็มีขุนนางรีบคัดค้าน “ท่านประมุข! หามิได้เด็ดขาด!” พระวรกายประมุขสูงค่า จะไปกระทำเรื่องเสี่ยงเช่นนี้ไม่ได้แต่หูย่วนเอ๋อร์กลับพูดอย่างหนักแน่น“ในเมื่อพวกท่านรับเราว่าเป็นประมุข เราจะเอาแต่ห่วงความปลอดภัยของตน หลบอยู่ในวังได้อย่างไร?“แคว้นหนานฉี เราต้องไปด้วยตนเอง“ฮ่องเต้ฉีมิใช่ทรราช ผู้ฆ่าฟันอย่างไร้เหตุผล“ระหว่างแคว้นหนานฉีกับแคว้นซีหนี่ว์ จะต้องยังมีทางออกเหลืออยู่“ตอนนี้ทุกคนอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวใด ๆ รอจนเรากลับมาแล้วค่อยว่ากัน!”“ประมุข…” ขุนนางทั้งหลายยังไม่เห็นด้วยกับการที่นางจะไปเสี่ยง“เราตัดสินใจแล้ว ทุกคนถอยกลับไปเถอะ!”หูย่วนเอ๋อร์ยืนกรานตามนี้ ก่อนออกเดินทางไปแคว้นหนานฉี นางได้เขียนพระราชโองการสละบัลลังก์เตรียมไว้แล้วหากเกิดอันตรายใด ๆ กับตนเอง ก็ให้รัชทายาทหญิงขึ้นครองราชย์แทน ปกครองแคว้นซีหนี่ว์ และแต่งตั้งขุนนางหลายคนเป็นผู้ช่วยว่าราชการก่อนออกเดินทาง นางไปหาเฉียวเอ๋อร์ตอนนี้เฉียวเอ๋อร์ไม่รู้ว่าควรเรียกหูย่วนเอ๋อร์อย่างไร “ท่านประมุข”หูย่วนเ
เฉียวเอ๋อร์มองเฟิ่งเวยเฉียงด้วยความประหลาดใจนางไม่คาดคิด เสด็จแม่ต้องการจะสละบัลลังก์ให้แม่ทัพหูแต่ถึงอย่างไร นางก็เชื่อว่าต้องมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังหูย่วนเอ๋อร์พูดโน้มน้าว “ท่านประมุขโปรดพิจารณาให้รอบคอบ! ตำแหน่งประมุขนี้ ไม่ว่าอย่างไรกระหม่อมก็ไม่คู่ควร!”เฟิ่งเวยเฉียงตัดสินใจแล้วนางประคองหูย่วนเอ๋อร์ขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“แม่ทัพหู หากต้องการให้สถานการณ์ตอนนี้สงบลงได้ ไม่มีใครเหมาะสมเท่าเจ้าอีกแล้ว“กบฏพวกนั้น อ้างว่าข้าเกิดในแคว้นหนานฉี อยากกำจัดข้า แม้แต่เฉียวเอ๋อร์ก็จะไม่เว้น“ชาวบ้านในเมืองก็ต่างเดือดร้อนทุกข์ทรมาน“มีเพียงเจ้าขึ้นครองบัลลังก์ ควบคุมแคว้นซีหนี่ว์ ข้ากับเฉียวเอ๋อร์จึงจะมีทางรอด และราษฎรถึงจะมีชีวิตที่สงบสุข“ต่อไปกับแคว้นหนานฉีจะเป็นอย่างไร จะทำศึกหรือเจรจา ก็จะมีน้ำหนักมากขึ้น“เพราะเจ้า เป็นคนแคว้นซีหนี่ว์โดยกำเนิด และยังเป็นแม่ทัพที่กุมกำลังทหารไว้ในมือ ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อแคว้นซีหนี่ว์”แทนที่จะปล่อยให้พวกกบฏยึดครองพระราชวัง สู้ยกภาระใหญ่หลวงนี้ให้กับหูย่วนเอ๋อร์ย่อมดีกว่าเหตุผลนี้เห็นได้ชัดเจนหูย่วนเอ๋อร์จนคำโต้แย้งในทันใด นาง
เฟิ่งเวยเฉียงประคองเฉียวเอ๋อร์ลุกขึ้นมา “เด็กดี…อย่ากลัว หากเจ้าไม่เต็มใจ เราก็ไม่บังคับเจ้า”นางเหนื่อยมาก ต้องการจะพักผ่อนน้ำยาผ่อนคลายที่เฉียวเอ๋อร์เอามาให้ นางไม่ได้ดื่ม บอกให้เฉียวเอ๋อร์ถอยออกไปก่อนยามจื่อขณะเฟิ่งเวยเฉียงนอนพลิกตัวไปมา ไม่อาจข่มตาหลับลงนั้น ก็ได้ยินเสียงบางอย่างผิดปกตินางรีบลุกขึ้นมานั่ง “ไฉ่เยว่?”เรียกติดต่อกันสองครั้ง ก็ไร้เสียงตอบกลับนางรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่สู้ดี อยากลงจากเตียงไปดูแต่ทันทีที่เพิ่งเปิดม่านเตียง อาศัยแสงจันทร์ เห็นดาบเล่มหนึ่งขวางอยู่ตรงหน้า คมดาบสะท้อนประกายเย็นเยียบด้านนอกม่าน มีนักฆ่ามากมายยืนเรียงราย…สีหน้าเฟิ่งเวยเฉียงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน นางเอ่ยถามอย่างไม่ขยับเขยื้อน“พวกเจ้า…ใครส่งพวกเจ้ามา!”ทันใดนั้น ไฟภายในตำหนักถูกจุดขึ้นมา กลายเป็นแสงสว่างพรั่งพรูความสว่างจ้าอย่างฉับพลัน ทำให้ดวงตาของเฟิ่งเวยเฉียงระคาย นางหรี่ตาลง เหลือบมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เห็นเลือดสีแดงคล้ำไหลนองพื้น!เลือดนั้นราวกับสายน้ำ คืบคลานแผ่กระจายนางมองตามรอยสายเลือดไปจนถึงต้นตอ แล้วใบหน้าก็ซีดเผือดทันทีคือไฉ่เยว่!ไฉ่เยว่ถูกพวกเขาฆ่า
บุตรชายสามคนล้วนอยู่ข้างกาย เซียวอวี้จึงไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วสิ่งเดียวที่ยังทำให้เขาปวดหัว ก็คือชื่อของลูกชายคนเล็ก“หรือจะเอาชื่อที่เคยตั้งไว้สำหรับ ‘ลูกสาว’ มาใช้?” เขาหันไปถามความเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนอุ้มลูกชายคนเล็ก มองเขาแวบหนึ่งสายตานั้นสงบนิ่ง หากแฝงไปด้วยความจนใจเซียวอวี้รีบตอบตัวเองทันที “อืม…ไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว เราพูดล้อเล่น”เดือนสี่กองทัพหนานฉีจำนวนมาก ตั้งค่ายอยู่ในแคว้นตงซานแคว้นตงซานในตอนนี้ กลายเป็นดินแดนของแคว้นหนานฉีโดยสมบูรณ์ความทะเยอทะยานที่จะรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งของแคว้นหนานฉี เห็นได้ชัดจนปิดไม่มิดบรรดาแคว้นรอบด้านต่างหวาดหวั่น ส่งราชทูตมายังแคว้นหนานฉีอย่างต่อเนื่องมีบางกษัตริย์เดือดดาล“แคว้นต้าโจวได้ล่มสลายไป ก็มีแคว้นหนานฉีจะผงาดมาอีก! สถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ยังไม่ดีพอหรือ? เหตุใดต้องรวมเป็นหนึ่งให้ได้! พวกเราขอสู้ตายไม่ยอมจำนน! แคว้นหนานฉีบุกมาได้เลย! พวกเราก็มีขุนศึกกล้าหาญ พร้อมรบกับพวกเจ้า!”ก็มีบางกษัตริย์ยกตราแผ่นดินหยก มอบให้ในวันนั้นเลยถานไถเหยี่ยนผู้เก่งกาจขนาดนั้น มีทั้งพิษมนุษย์โอสถ นกไม้กลไก กระทั่ง “ปืนมังกรไฟ