ฮุ่ยหมิง หญิงสาวยุคปัจจุบันทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายที่ตนเองก่นด่าว่าโง่เง่า ไม่รักดีอยู่ทุกวี่วัน ทำอะไรก็เป็นรองนางเอกตลอด ไม่เคยชนะสักที โชคดีมีตัวร้ายฝ่ายชายมาคลั่งรัก ดันไม่เลือก เสือกเลือกพระเอกที่เขารังเกียจเดียดฉันท์ตนเองปานไส้เดือนกิ้งกือ ทุ่มเท พยายามทุกอย่าง แต่ผลตอบแทนที่ได้กลายเป็นความตายแสนอนาถ หล่อนมันโง่ จางฮุ่ยหมิง ฉันจะทำให้เห็นเองว่าถ้าทุ่มเท พยายาม ให้ถูกคนถูกที่ ก็เป็นที่หนึ่งเพียงคนเดียวได้ไม่ยาก เริ่มเลยย
View More“โอ๊ย เจ็บ เจ็บหลัง” ลี่ฮุ่ยหมิงร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำไมร่างกายถึงรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้ จำได้ว่าแค่โดนรถจักรยานเด็กชนกระแทกเซถลาหงายหลัง แล้วหัวดันไปฟาดกับเสาไฟฟ้าจนสลบแค่นั้นเอง มันต้องเจ็บที่หัวสิ ทำไมมันเจ็บที่หลัง หล่ะเนี่ย
“คุณหนู ฮือ คุณหนู ท่านฟื้นแล้ว ท่านฟื้นแล้ว เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ เจ็บมากหรือไม่”
ฮุ่ยหมิงลืมตาขึ้นมาก็เจอกับสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มวิ่งเข้ามาจับมือนางร้องห่มร้องไห้น้ำตาไหล ไหนจะชุดจีนโบราณที่ใส่อยู่อีก เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลเขาอนุญาตให้พยาบาลแต่งตัวหลากหลายสไตล์ได้ด้วยหรือ
“คุณพยายาม เอ้ย พยาบาลคะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้วแค่รู้สึกเจ็บที่หลังเท่านั้น ไม่ต้องร้องนะคะ” ฮุ่ยหมิงรู้สึกซาบซึ้งใจปนขำขัน พยาบาลคนนี้คงเพิ่งมาทำงานใหม่แน่เลยเพราะยังดูเด็กอยู่ สงสัยกลัวคนไข้ที่ตัวเองได้ดูแลเป็นเคสแรกจะตายไปซะก่อน
“อะไรกันเจ้าคะคุณหนู พยา พยาอะไร คงไม่ใช่พญายม ใช่ไหม คุณหนูอย่าพึ่งทิ้งบ่าวไปนะ บ่าวจะอยู่ได้อย่างไร แบบนี้ไม่ดีเลยเจ้าคะ”
“แหม คุณหนงคุณหนูอะไรกันคะคุณพยาบาล เลิกแสดงละครได้แล้ว ฉันไม่ได้เป็นอะไร แค่ตื่นขึ้นมาเห็นชุดที่คุณพยาบาลใส่ก็อารมณ์ดีไม่ห่อเหี่ยวแล้ว” ฮุ่ยหมิงยังคิดว่าเป็นการแสดงเพื่อให้คนไข้ผ่อนคลายจากความเครียดที่ต้องเข้ารับการรักษา
“แสดงอะไรกันเจ้าคะคุณหนู ข้าเฟยเฟิ่งเอง บ่าวรับใช้ของคุณหนูไงเจ้าคะ” สาวน้อยเริ่มเบะปากจะร้องไห้อีกครั้ง นี่คุณหนูของนางถึงกับพูดจาไม่รู้เรื่องเลยหรือ การโดนโทษโบยตีครั้งนี้เห็นทีจะหนักหนาเกินไปแล้ว โถ่วคุณหนู
“เฟยเฟิ่ง?” ฮุ่ยหมิงทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง นี่เป็นห้องแบบจีนโบราณที่นางเคยเห็นในละคร นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร จำได้ว่าเกิดอุบัติเหตุจนสลบไป ไม่ใช่ว่ามีคนพามาส่งโรงพยาบาลหรอกหรือ
“เจ้าค่ะ ข้าเองเฟยเฟิ่งบ่าวรับใช้ของท่าน คุณหนูใหญ่จางฮุ่ยหมิงแห่งจวนเสนาบดีจางไงเจ้าคะ”
“หา เจ้าว่าอย่างไรนะ อย่าบอกนะว่าข้าคือจางฮุ่ยหมิง มีพ่อเป็นเสนาบดีชื่อจางลู่ฉี แม่เลี้ยงชื่อจางเลี่ยงลี่ มีน้องสาวที่แสนเกลียดชังชื่อจางลี่เซียน”
“ใช่เจ้าค่ะคุณหนู ที่แท้ท่านก็ยังจำได้ ข้านึกว่าท่านเป็นอะไรร้ายแรงจนจำเรื่องราวต่างๆ ไม่ได้เสียแล้ว” เฟยเฟิ่งพ่นลมหายใจออกมายืดยาวอย่างโล่งอก นางคิดว่าคุณหนูของนางจะแย่ซะแล้ว
"เจ้าล้อข้าเล่นใช่หรือไม่ เรื่องนี้มีแค่ในนิยายหรือพวกเจ้ากำลังแสดงละครกันอยู่ ทำไมข้าได้บทเป็นตัวร้ายหล่ะ ข้าอยากเป็นนางเอกนะถึงข้าจะไม่สวยเท่าไหร่ก็เถอะ"ฮุ่ยหมิงยังคงไม่เชื่อคำพูดของสาวน้อยตรงหน้า ได้แสดงละครกับเขาทั้งทีดันได้บทตัวร้ายที่ตัวเองไม่ชอบแถมยังชื่อเหมือนกันอีกเนี่ยนะ บอกเลยว่าฮุ่ยหมิงไม่ปลื้ม
"แสดงละครอะไรกันเจ้าคะ ก็คุณหนูเป็นคุณหนูจางฮุ่ยหมิงจริงๆ ไม่เชื่อท่านก็ลองส่องกระจกข้างเตียงดูเจ้าค่ะ คุณหนูไม่ใช่ตัวเองตรงไหน"เฟยเฟิ่งได้แต่ทำหน้างุนงง คุณหนูของนางคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใดกัน หน้าตารูปร่างก็เหมือนเดิมทุกอย่างจะเป็นผู้อื่นไปได้อย่างไร
ฮุ่ยหมิงได้แต่ขยับตัวไปส่องกระจกข้างเตียงตามที่สาวใช้บอก แต่แล้วก็ต้องตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นใบหน้างดงามของตนเอง นางมีดวงตาหงส์เฉี่ยวคม จมูกโด่งเชิดรั้นอย่างคนเอาแต่ใจ ใบหน้ารูปไข่ขาวสะอาดรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสด ไล่ลงมาก็เจอกับหน้าอกอวบใหญ่ เอวคอดกิ่ว สะโพกกลมกลึง โอ้โหแม่เจ้า คนอะไรเย้ายวนขนาดนี้ อื้อหือ โดยเฉพาะหน้าอกแม่คงรักมากสินะถึงให้มาเยอะแยะขนาดนี้
“ใช่จริงหรอ เหลือเชื่อ เป็นไปได้ยังไง เรื่องพวกนี้มีแต่ในนิยายจะเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างไร” โอ้วไม่นะ ฮุ่ยหมิงได้แต่คร่ำครวญในใจ นางทะลุมิติมาเป็นใครไม่เป็นดันมาเป็นนางร้ายผู้โง่เง่าไม่รักดีที่พึ่งก่นด่าไป ฮือออ เวรกรรมมันติดจรวดจริงๆ แค่ด่าเองนะ ทำไมฉันต้องมาเป็นยัยโง่เง่าไม่รักดีที่ตายตอนจบด้วยเนี่ย
“ข้าหิวน้ำอยากเช็ดตัวด้วย เจ้าไปเตรียมให้ข้าหน่อย” ฮุ่ยหมิงอยากใช้เวลาคิดทบทวน นางจึงสั่งให้เฟยเฟิ่งออกไปตระเตรียมของข้างนอก
“แต่คุณหนู ท่านโดนโบยจนบาดเจ็บขนาดนี้ แผลไม่ควรโดนน้ำนะเจ้าคะ ถ้าแผลแตกขึ้นมาจะเป็นแผลเป็นได้ ข้าว่ารอให้แผลตกสะเก็ดแล้วท่านค่อยเช็ดตัวดีหรือไม่” สาวใช้ตัวน้อยกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร ข้าเหม็นตัวเองจะตายอยู่แล้ว ถ้าไม่เช็ดตัวข้าคงเหม็นตัวเองตายก่อนแผลจะแห้งแน่ๆ” ฮุ่ยหมิงบอกกับนางเสียงแข็งออกไป
“เจ้าค่ะ” เมื่อเห็นว่าไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งได้ เฟยเฟิ่งก็รีบออกไปเตรียมของทันที
จากคำพูดของเฟยเฟิ่ง หากนางทะลุมิติเข้ามาในนิยายจริง ตอนนี้น่าจะเป็นตอนที่ยัยฮุ่ยหมิงตัวร้ายไปหาเรื่องน้องสาวใน งานวันเกิด หลังจากเห็นองค์รัชทายาทมอบดอกไม้ให้จางลี่เซียน ยัยฮุ่ยหมิงตัวร้ายที่ทนเห็นภาพบาดตาบาดใจไม่ไหว จึงวางแผนผลักน้องสาวตกน้ำ แต่โชคร้ายองค์รัชทายาทหวงเฟยเทียนดันผ่านมาเห็น (ความซวยของนางร้ายอ่ะนะ) เขาโกรธมากและกำชับกับท่านพ่อของนางดูแลบุตรสาวให้ดี วันนี้นางทำร้ายคนวันหน้าไม่ฆ่าคนเลยหรือ
ด้วยเหตุนี้ฮุ่ยหมิงจึงโดนโทษโบยตีสิบห้าไม้ ยัยฮุ่ยหมิงตัวร้ายทนพิษบาดแผลไม่ไหวตายไปแล้ว ตอนนี้กลับกลายเป็นนาง ฮุ่ยหมิงสาวยุค 2022 ที่ต้องมานอนร้องโอดโอยเจ็บปวดแทน ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
“คุณหนูดื่มน้ำเจ้าค่ะ ข้าช่วยท่านเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง” เฟยเฟิ่งบอกกับนางเมื่อของทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว
“อืม ได้” ฮุ่ยหมิงให้เฟยเฟิ่งช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างว่าง่าย นางไม่อยากขยับตัวมากเกินไปเพราะแผลอาจฉีกได้ เช็ดตัวได้สักพักก็เริ่มรู้สึกปวดแผลขึ้นมา จึงสั่งให้เฟยเฟิ่งรีบทำรีบเสร็จ นางจะได้นอนพัก
“คุณหนู ท่านกินข้าวก่อนแล้วค่อยกินยานอนนะเจ้าคะ จะได้หายไวๆ” หลังจากช่วยเจ้านายเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เฟยเฟิ่งก็รีบไปต้มโจ๊กกับต้มยาให้คุณหนูทันที นางกลัวพิษบาดแผลจะกำเริบขึ้นมาอีก
“เฟยเฟิ่ง เจ้าแน่ใจนะว่านี่คือยารักษาแผลของข้า ข้ากินลงไปจะตายไหมเนี่ยทำไมมันสีดำปี๋หน้าตาสยดสยองเช่นนี้” ฮุ่ยหมิง มองยาในถ้วยแล้วรู้สึกอยากอาเจียน สีก็ดำปี๋ ส่วนกลิ่นก็เกินจะบรรยาย ไม่แน่ใจว่าเป็นยารักษาหรือยาพิษกันแน่
“คุณหนูท่านอดทนกินหน่อยนะเจ้าคะ ถ้าท่านไม่กินก็จะไม่หาย หากไม่หายก็ต้องกินยาต่อไปเรื่อยๆ” เฟยเฟิ่งพูดเสริมขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าอิดออดไม่ยอมกินยาของฮุ่ยหมิง
“ก็ได้ ข้าจะกิน แค่ก แค่ก แค่ก ขม ขมมาก ขมไม่ไหว ขมจนขึ้นตาข้าแล้ว” ฮุ่ยหมิงสำลักยาที่กินเข้าไปจนตาแดง ดวงตาสองข้างของนางมีน้ำตาคลอ จวนเจียนจะไหลอยู่รอมร่อ นี่มันยาสมุนไพรหรืออะไรกัน นอกจากสีไม่น่ากินแล้ว กลิ่นก็ชวนอาเจียน ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึงสามารถฆ่าคนได้เลย ฮือออ
“คุณหนูท่านอดทนกลืนลงไปหน่อยนะเจ้าคะจะได้หาย ข้าจะไปเอาน้ำผึ้งใส่ถ้วยมาให้ ท่านกินยาเสร็จก็กินน้ำผึ้งตามนะเจ้าคะ” เฟยเฟิ่งเมื่อเห็นอาการของเจ้านายก็รีบลนลานออกไปหาน้ำผึ้งมาให้
ฮุ่ยหมิงกลั้นใจกระดกยาในถ้วยรวดเดียวจนหมด ก่อนจะรีบกินน้ำผึ้งตาม หากให้นางกินยาพวกนี้ไปเรื่อยๆ สักวันคงได้ตายของจริงแน่
“เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ ข้าจะนอนแล้ว” ฮุ่ยหมิงรู้สึกง่วงนอนเต็มที นางไม่ชินกับการมีคนอยู่ด้วยเวลานอน ถ้าพรุ่งนี้ดีขึ้น คงต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง หากไม่อยากตายยังพอมีหนทางแก้ไข แต่ตอนนี้ขอตัวนอนพักผ่อนก่อนแล้วกัน บาดแผลจากการโดนโบยตีมันช่างเจ็บปวดเกินไปแล้ว
ฮุ่ยหมิงใช้เวลาในการพักรักษาตัวอยู่สี่ห้าวันอาการถึงดีขึ้น ตอนนี้บาดแผลที่หลังของนางเริ่มตกสะเก็ดแล้ว สามารถช่วยเหลือตัวเองในการทำกิจวัตรประจำวันได้หมด นางจึงสั่งเฟยเฟิ่งไม่ให้เข้าไปช่วยอาบน้ำแต่งตัวอีก เนื่องจากปกติก็อาบน้ำแต่งตัวเองตลอด พอมีคนมาช่วยทำให้ฮุ่ยหมิงเขินอายไม่น้อย คำสั่งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับเฟยเฟิ่งเป็นอย่างมาก แต่นางก็ไม่สามารถขัดใจคุณหนูใหญ่ได้จึงได้แต่ก้มหน้าทำตามคำสั่ง
“เฟยเฟิ่ง เจ้าทำอย่างอื่นกินไม่เป็นหรือไง เหตุใดถึงทำแต่ข้าวต้ม ผักดอง กับผัดผักน้ำมันเยิ้มให้ข้ากินทุกวัน” ฮุ่ยหมิงเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด ตั้งแต่มาที่นี่นางได้กินอาหารเมนูเดิมทุกวัน
“คุณหนูข้าขอโทษเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่มีคำสั่งให้ทำแค่ข้าวต้มกับผัดผักให้ท่าน นางบอกว่าท่านป่วยควรกินอาหารอ่อนๆ จึงจะดีกับกระเพาะ ไม่ควรกินอาหารพวกเนื้อมากจะทำให้ย่อยยาก ไม่ดีต่อคนป่วยเจ้าค่ะ”
“แต่ตอนนี้ข้าดีขึ้นแล้วกินเนื้อได้ปกติ ข้าเบื่อข้าวต้มจะแย่ ไปเอาอย่างอื่นมาให้ข้าเถอะ” ฮุ่ยหมิงพูดด้วยใบหน้างอง้ำ อาหารมีแต่รสจืดกับมันไม่มีความอร่อยหลงเหลืออยู่เลยสักนิด
“คุณหนูท่านลืมไปแล้วหรือ ปกติที่ครัวจะทำอาหารแค่พอสำหรับคนในเรือนเท่านั้น ตอนนี้ในครัวไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว ถ้าจะทำอาหารต้องไปเบิกวัตถุดิบจากฮูหยินนะเจ้าคะ” เฟยเฟิ่งพูดกับฮุ่ยหมิงด้วยสีหน้าลำบากใจและกังวลอย่างเห็นได้ชัด คุณหนูของนางลืมไปได้อย่างไร ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาคุณหนูก็เริ่มเปลี่ยนไป หรือคุณหนูของนางจะเจ็บป่วยร้ายแรงจนไม่กล้าบอกผู้ใดกัน
“ช่างเถอะข้ากินที่มีอยู่ก็ได้ พรุ่งนี้เจ้าบอกพวกเขาไปว่าข้าหายดีแล้ว สามารถกินอาหารเช่นคนปกติทั่วไปได้ ไม่ต้องกังวล” ฮุ่ยหมิงถอนหายใจออกมา นางคิดว่าพรุ่งนี้คงได้กินอาหารอย่างเช่นเนื้อหรือปลาบ้าง จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร ก่อนจะกลืนข้าวมื้อนี้ลงไปอย่างฝืดคอ
“เจ้าค่ะคุณหนู” เฟยเฟิ่งรับคำ ปกติถ้าเป็นเช่นนี้คุณหนูของนางต้องโกรธ โมโห และออกไปฟาดฟันกับฮูหยินที่เรือนใหญ่ แต่ทำไมวันนี้ถึงยังนิ่งดูดายได้คุณหนูของนางแปลกไปจริงๆ
เวลาสิบปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตของ ฮุ่ยหมิงจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ตอนนี้นางมีสามีแสนที่ดีและครอบครัวที่อบอุ่น (จริงหรือ) อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน“หมิงเออร์เจ้าคิดสิ่งใดอยู่ พี่เห็นเจ้าเหม่อลอยนานแล้ว” หวงเฟยหลงพึ่งพาลูกชายทั้งสามคนกลับมาจากในเมืองเอ่ยถามขึ้น เขาเห็นนางนั่งใจลอยตั้งแต่อยู่หน้าบ้าน“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ แล้วลูกชายทั้งสามของท่านหล่ะ คงไม่ได้ไปก่อเรื่องให้ข้าปวดหัวอีกใช่หรือไม่” ฮุ่ยหมิงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายหลังจากคลอดลูกชายคนแรกได้เพียงหนึ่งปีนางก็ตั้งครรภ์เจ้าก้อนแป้งคนที่สองและสามตามมา ท้องนี้เล่นเอานางเกือบแย่เหมือนกัน นางแพ้ท้องหนักมากและตอนคลอดก็ลำบากเช่นกันเพราะเป็นลูกชายฝาแฝด หลังจากท้องครั้งนั้นฮุ่ยหมิงก็เข็ดขยาดไม่ยอมมีเจ้าก้อนแป้งอีกเลย แม้ว่าคุณพ่อลูกสามอย่างหวงเฟยหลงจะอ้อนวอนขอลูกสาวจากนางทุกเมื่อเชื่อวันก็ตามที“หือ ลูกไม่ได้ก่อเรื่องอะไรนี่” หวงเฟยหลงตอบเสียงสูงออกมาอย่างมีพิรุธ“อย่าให้ข้ารู้แล้วกันว่าลูกของท่านไปก่อเรื่องอะไรมา” ฮุ่ยหมิงมองหน้าเขาอย่างคาดโทษ เหตุผลที่นางชอบพูดว่าลูก ของเขา ก็เพราะลูกชายทั้งสามคนที่นางอุ้มท้องและคลอ
หลังจากหมอชราได้ตรวจสอบดูอาการของฮุ่ยหมิงอย่าง ถี่ถ้วนแล้ว เขาก็หันมาแสดงความยินดีกับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่อย่างรวดเร็ว“ยินดีด้วยนายท่าน ฮูหยินตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้ว” หมอชราเอ่ยบอกกับหวงเฟยหลงด้วยรอยยิ้มยินดี“จริงหรือท่านหมอ ขะ ข้าจะได้เป็นพ่อคนแล้วจริงหรือ” หวงเฟยหลงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขารอคอยวันนี้มานานในที่สุดก็กลายเป็นจริง“จริงนายท่าน ข้าเอาหัวเป็นประกัน เดี๋ยวข้าจัดยาบำรุงครรภ์ไว้ให้ฮูหยินด้วยเลย” หมอชรายืนยันให้หวงเฟยหลงฟังอีกครั้ง ก่อนลงมือจัดเทียบยาจนเรียบร้อยเสร็จสรรพ“ท่านหมอ แล้วข้าต้องดูแลนางยังไงบ้าง” หวงเฟยหลงสอบถามเรื่องการดูแลฮุ่ยหมิงระหว่างตั้งครรภ์ออกมา เขากังวลว่าตนเองจะทำอะไรผิดพลาดจนกระทบไปถึงเจ้าก้อนแป้งในครรภ์ เขาต้องการให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี“ในช่วงสองถึงสามเดือนอาการเบื้องต้นของฮูหยินมีเพียงแพ้ท้อง เบื่ออาหาร อ่อนเพลียง่าย อารมณ์แปรปรวน ท่านต้องดูแลเอาใจใส่ให้ดี อย่าให้ฮูหยินเดินเหินมากเกินไปและหลีกเลี่ยงการ ยกของหนักเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว” หมอชราอธิบายรายละเอียดให้ หวงเฟยหลงฟังอย่างครบถ้วน“ข้าจะดูแลนางให้ดี หากมีอันใดคงต้องรบกวนท่านอีก
ข่าวการตายของหวงเฟยหลงหรือที่รู้จักกันในนามฮ่องเต้ทรราชแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดิน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้ทรราชแต่ขณะที่เขาครองราชย์ประชาชนทั้งหลายกลับมิได้อดอยากอย่างเช่นที่ผ่านมา ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้นไม่น้อยเนื่องจากขุนนางทั้งหลายถูกส่งออกมายังหัวเมือง ปัญหาเรื้อรังที่มีอยู่จึงได้รับการแก้ไข การจากไปของหวงเฟยหลงได้รับความอาลัยจากราษฎรกว่าครึ่งแผ่นดินหลังจากสังหารพี่ชายหวงเฟยเทียนก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ของแผ่นดิน ส่วนฮองเฮาคู่บัลลังก์ก็ยังคงเป็นเฉินอ้ายเหม่ย อย่างในอดีตที่ผ่านมา เหตุการณ์บ้านเมืองกลับมาสงบสุขอีกครั้ง วิถีชีวิตของผู้คนก็เป็นไปอย่างปกติวิสัย เช่นเดียวกันกับครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านเชิงเขาอันเงียบสงบ“ฮ่าๆๆๆ ท่านอย่าแกล้งข้า หยุดเดี๋ยวนี้ ฮ่าๆๆ” ฮุ่ยหมิงหัวเราะออกมาไม่หยุดเมื่อโดนสามีอย่างหวงเฟยหลงปลุกด้วยการจั๊กจี้“ก็เจ้าไม่ยอมตื่นเสียที สายจนตะวันโด่งขนาดนี้แล้ว เจ้าไม่สบายหรือเปล่า” หวงเฟยหลงหยุดมือที่กำลังจั๊กจี้บนเอวนางไว้ แล้วเลื่อนขึ้นมาแตะบนหน้าผากแทน“ข้าสบายดีเจ้าค่ะ มิได้ตัวร้อนหรือเจ็บปวดอันใดแค่อ่อนเพลียนิดหน่อย สงสัยใกล้เข้าหน
การปกครองของหวงเฟยหลงดำเนินไปด้วยความไม่พอใจของขุนนางหลายฝ่าย และนับวันความไม่พอใจก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากหวงเฟยหลงไม่ยอมฟังผู้ใด เขาไม่ยอมพัฒนากองทัพ แต่เลือกส่งทหารประจำการเข้าไปในพื้นที่ประสบภัยทางธรรมชาติแทน หมอหลวงถูกส่งไปยังพื้นที่โรคระบาด ขุนนางทั้งหลายถูกไล่ให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเมืองเพื่อดูแลช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยหนาว ภัยความแห้งแล้ง ขุนนางหลายคนต้องลำบากลำบนไปยังหัวเมืองห่างไกล พวกเขาจึงเกิดความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด ไม่เคยมีฮ่องเต้องค์ใดกระทำการเช่นนี้มาก่อน มีเพียงหวงเฟยหลงเท่านั้นการต่อต้านในราชสำนักเกิดขึ้นอย่างลับๆ แต่ถึงแม้จะลับเพียงใดก็ยังไม่รอดพ้นสายตาของหวงเฟยหลง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคลื่อนไหวต่างตกอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด หวงเฟยหลงเลือกเงียบเอาไว้ ในยามนี้เขาไม่ต้องการตอบโต้อันใด เพียงรอคอยให้ถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะสะสางเรื่องทั้งหมดให้จบลงในคราเดียวเมื่อฮ่องเต้ผู้นั่งบัลลังก์คนปัจจุบันไม่เป็นที่พึงพอใจ ขุนนางทั้งหลายจึงคิดหาทางนำตัวฮ่องเต้องค์ก่อนอย่างหวงเฟยเทียนกลับมา พวกเขาวางแผนสืบเสาะหาและติดต่อกับหวงเฟยเทียนอย่างลับๆ การไปมาหาสู่กันในช่วงเวลายาก
หวงเฟยหลงขึ้นครองราชย์มาได้เกือบสองปีแล้วแต่ยังไร้วี่แววของฮองเฮาคู่บัลลังก์ เหล่าขุนนางทั้งหลายในราชสำนักจึงพยายามเสนอบุตรหลานของตนเองให้เขาเต็มที่ แต่หวงเฟยหลงหาได้สนใจใครเขายังคงดื้อด้านไม่ยอมแต่งงานใหม่ พร้อมกันนั้นก็ดำเนินการสร้างตำหนักแสนสวยงามขึ้นมาเพื่อระลึกถึงพระชายาที่จากไป ขุนนางและเหล่าราษฎรทั้งหลายต่างรับรู้กันถ้วนหน้าว่า หวงเฟยหลงรักปักใจต่อพระชายาเอกอย่างจางฮุ่ยหมิงมากเพียงใด“ฮ่องเต้พะยะค่ะ เรื่อง เอ่อ เรื่อง” ขุนนางในราชสำนักคนหนึ่งมีท่าทีกระอักกระอ่วนเมื่อต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมา“มีอันใด เจ้าพูดออกมาเถอะ วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์สั่งประหารใคร” หวงเฟยหลงพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ การประชุมในท้องพระโรงวันนี้เลยกำหนดเวลามากว่าครึ่งค่อนวันแล้ว เขาอยากกลับไปพักผ่อนเต็มที“ระ เรื่องฮองเฮาพะยะค่ะ อะเอ่อ พระองค์ทรงครองราชย์มาได้เกือบสองปีแล้ว หากว่ายังไม่มีฮองเฮาเคียงบัลลังก์คงไม่เป็นการเหมาะสมเท่าไหร่ ตามโบราณราชประเพณีแล้ว”ยังไม่ทันที่ขุนนางคนนั้นจะพูดจบ หวงเฟยหลงก็ยกมือขึ้นปรามเป็นเชิงบอกให้เขาหยุดพูดทันที“เจ้าช่างใจกล้าดีจริง สงสัยอยากถูกประหารเหมือนเสนาบดีกลาโหมคนก่อนกระมัง” หวง
หวงเฟยหลงเมื่อเห็นร่างของฮุ่ยหมิงร่วงหล่นลงไปต่อหน้าต่อตาก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้ เขารู้สึกเหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงตรงหน้า ไม่มีนางเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไร หวงเฟยหลงเคียดแค้นไทเฮาอย่างถึงที่สุด เขาไม่เคยคิดทำร้ายหวงเฟยเทียน เลยสักครั้ง หลีกเลี่ยงการแย่งชิงอำนาจมาตลอด แต่สิ่งที่เขาได้รับวันนี้มันคืออะไรในเมื่อคนพวกนี้ทำร้ายเขาให้เจ็บปวดอย่างสุดแสนเขาก็จะทำให้คนพวกนี้ได้รับรู้ถึงความทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นเดียวกัน เมื่อตั้งสติได้หวงเฟยหลงก็ประกาศตัดขาดกับหวงเฟยเทียนอย่างไม่ไยดีทันที เขาสาบานว่าชีวิตนี้จะไม่มีวันให้อภัยหวงเฟยเทียนกับไทเฮาเป็นอันเด็ดขาด จะตามล่าพวกเขาให้ได้รับรู้ถึงรสชาติของการอยู่ไม่สู้ตายเมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างจบลงเช่นนี้หวงเฟยเทียนจึงรีบเร่งพาไทเฮาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลบหนีไป เขาได้รับการช่วยเหลือจากฮองเฮาจึงหลบหนีออกมาได้ ท่านพ่อของนางเป็นแม่ทัพใหญ่แม้ในตอนนี้ถูกยึดอำนาจไปแต่ก็ยังมีเหล่าทหารผู้จงรักภักดีพร้อมรับใช้อยู่หลังจากทหารของหวงเฟยหลงบุกเข้ายึดอำนาจภายใน วังหลวงได้ ท่านพ่อก็ให้ทหารบางส่วนพานางหนีออกมา พร้อมทั้งกำชับว่าต้องช่วยเหลือฮ่องเต้ให้ได้ โชค
Comments