Beranda / รักโบราณ / โศลกเพลิงผลาญใจ / ตอนที่15 เลิกพูดเรื่องตายเสียทีเถิด

Share

ตอนที่15 เลิกพูดเรื่องตายเสียทีเถิด

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-19 23:09:02

            “ท่านน้า กินแป้งย่างก่อนยังร้อนๆอยู่” 

            หลินอวี่เหยาเปลี่ยนเรื่องแล้วหยิบแป้งย่างออกมาจากตะกร้า นางหันซ้ายหันขวาเห็นกาน้ำชาจึงเดินไปรินใส่ถ้วย ทว่ามันเป็นเพียงน้ำเปล่า

            “ข้าไม่รู้ว่าที่นี่ไม่มีน้ำชา ท่านน้าดื่มน้ำเย็นเช่นนี้หรือ?”  นางรินน้ำแล้วประคองถ้วยน้ำกลับมาให้จื่อหนิง

            “ข้าจำไม่ได้แล้วว่าดื่มน้ำชาครั้งสุดท้ายเมื่อใดกัน”  จื่อหนิงยิ้มบางเบา กลิ่นอาหารเย้ายวนทำให้นางยื่นมือไปหยิบแป้งย่างขึ้นมาบิเป็นคำเล็กๆ แล้วส่งเข้าปาก ค่อยๆ เคี้ยวและซึมซับรสชาติของอาหารแสนเรียบง่ายตรงหน้า แต่อยู่ในสถานที่นี้กลับกลายเป็นอาหารเลิศรส

            “พอกินได้ไหมเจ้าคะ”  หลินอวี่เหยารู้ว่ารสมือของตนไม่ได้แย่นัก แต่ในโลกที่มีวัตถุดิบจำกัดนี้ ความมั่นใจจึงหดหายไปกว่าครึ่ง

            “ก็พอกินได้”

 จื่อหนิงพยักหน้ารับ แม้ตอนนี้ตกอับอยู่ตำหนักเย็นมานาน   ตั้งแต่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจนมาถึงตอนนี้ แต่เมื่อรื้อฟื้นกิริยามารยาทขึ้นมาอีกครั้ง นางก็นั่งหลังเหยียดตรงและกินอาหารคำน้อยๆ แลดูเป็นหญิงสาวตระกูลสูงส่ง  หลินอวี่เหยาเห็นแล้วก็อดจินตนาการไม่ได้ว่า จื่อหนิงในวัยสาวต้องเป็นสาวงามอย่างแน่นอน นางไม่กล้าถามถึงสาเหตุที่จื่อหนิงมาอยู่ที่นี่ เกรงว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจของคนตรงหน้า

            “ครั้งหน้าข้าจะทำมาของกินมาให้ท่านน้าชิมอีกนะเจ้าค่ะ”

            “อยู่ที่นี่มานานได้กินข้าววันล่ะมื้อสองมื้อก็ยังไม่ตาย เจ้าไม่ขนอะไรมาให้ข้ากินหรอก” แม้พูดเช่นนั้นแต่ก็ยังกัดกินแป้งย่างคำต่อไป

            “ข้าอยู่ที่นี้ไม่รู้จักผู้ใดก็หวังจะพึ่งพาท่านน้า”  หญิงสาวกล่าวไปตามที่ใจคิด หากจื่อหนิงคิดร้ายกับนางคงไม่ช่วยนางในค่ำคืนนั้นเป็นแน่ “พระคุณที่ท่านน้าช่วยชีวิต ข้าหลินอวี่เหยาจะไม่มีวันลืม”

            “เลิกพูดเรื่องตายเสียทีเถิด” จื่อหนิงยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ข้าเองก็ไม่ได้มีอำนาจบารมีใดจะช่วยเจ้าได้”

            “ขอแค่อนุญาตให้ข้ามาสนทนากับท่านน้าบ้าง และท่านให้คำปรึกษาข้าบ้างก็พอแล้ว”

            “อย่างข้าจะไปให้คำปรึกษาอะไรผู้ใดได้”  นางหัวเราะขมขื่นก่อนยกถ้วยน้ำเปล่าขึ้นดื่ม

            “เยอะแยะเลยเจ้าค่ะ” หลินอวี่เหยาพูดดวงตาเป็นประกายวาววับ “ได้ยินว่าท่านน้าเชี่ยวชาญเรื่องโคลงกลอน ข้าใคร่ขอคำแนะนำจากท่าน”

            “นั้นเป็นเรื่องในอดีตที่แสนนาน”  จื่อหนิงพูดพลางถอนหายใจ หวนนึกถึงกาลก่อน นางเคยได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อย่างยิ่ง  แต่การโดดเด่นเกินไปกลายเป็นคมมีดทำลายชีวิตตนเอง สุดท้ายต้องมาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเช่นนี้

            “หากท่านน้าไม่รังเกียจ ช่วยสอนข้าเขียนตัวอักษรได้หรือไม่”

หลินอวี่เหยาไม่เชี่ยวชาญอักษรโบราณ หากวันข้างหน้าก้าวเท้าออกไปจากตำหนักเย็น นางต้องมีความรู้ ต้องเรียนเขียนอ่านแตกฉานเพื่อมิให้ผู้อื่นเอาเปรียบได้ และเพื่อการค้าของตนเอง        ถูกแล้ว นางจะใช้ความรู้ด้านพืชสมุนสร้างรายได้ให้ตนเอง

“เจ้าอยากได้ความโปรดปรานจากฝ่าบาทรึ”  จื่อหนิงถามเพราะสตรีจะมีค่าก็เมื่อสามีให้การยกย่อง และหากนางต้องการฐานะเดิมคืน   ก็ต้องหาวิธีที่จะได้อยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้  สตรีที่ถูกส่งมาตำหนักเย็นล้วนคาดหวังว่าจะได้พบฮ่องเต้อีกครั้งทั้งนั้น

“ไม่ใช่เช่นนั้น”  หญิงสาวโบกมือไปมา “ข้าหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตนอกตำหนักเย็น ขันทีน้อยบอกว่าจะออกจากที่นี่ได้ก็ต้องเป็นศพออกไป แต่ข้ายังไม่อยากตาย”

“เจ้าอยากออกจากที่นี่? ออกจากตำหนักเย็นเจ้าจะไปอยู่ที่ใด บิดาของเจ้าก็ทอดทิ้งไม่ไยดี หากเจ้ากลับบ้านไปก็เกรงว่าพวกเขาไม่ต้อนรับเจ้าเป็นแน่”

“ข้าอยากทำการค้า ข้าสามารถเพาะปลูกพืชสมุนไพรได้ผลผลิตยอดเยี่ยมมีคุณภาพอย่างแน่นอน”

“เจ้ามั่นใจรึ”

“อื้ม!”

หลินอวี่เหยาพยักหน้า อาจเพราะอยู่ในร่างเด็กสาววัยสิบเจ็ดจึงทำให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู  จื่อหนิงเห็นแล้วก็ยิ้มบางๆ

“อยู่ว่างเปล่าไปวันๆ หากเจ้าอยากเรียนก็มาเถิด”

“เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านน้ามาก” 

รอยยิ้มสดใส ดวงตาเป็นประกายวาววับ จื่อหนิงมองแล้วก็รู้สึกแปลกพิกล ที่ผ่านมา ‘หลินอวี่เหยา’ มักเงียบนิ่งไร้วาจา ดวงตาแดงก่ำจากการร่ำไห้ ชีวิตจมอยู่กับความทุกข์โศก  หรือเพราะผ่านความเป็นความตายมาจึงคิดได้ ยามนี้จึงดูเหมือนดอกไม้ผลิบานงดงามในฤดูใบไม้ผลิ

            ราวกับมีดอกไม้ผลิบานในตำหนักเย็น

            “ท่านน้าเจ้าค่ะ ข้าได้ท่านขับร้องบทกลอน ท่านเชี่ยวชาญเรื่องโคลงกลอน ข้ามีเรื่องอยากรบกวนถาม”

            “ว่ามา”

            หลินอวี้เหยานิ่งไปครู่หนึ่ง นางอยากจะถามถึงบทกวีที่นางเคยได้ยิน ทว่าตนเองก็จำประโยคเหล่านั้นไม่ได้ ทุกครั้งที่ตื่นมาก็หลงเหลือเพียงความเศร้าโศก

                “ข้าไม่รู้จะถามอย่างไร”  นางหัวเราะแห้งๆ ออกมา “ข้ามักได้ยินเสียงขับกล่อมบทกลอนอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อลืมตาตื่นก็จำไม่ได้ เหลือเพียงความรู้สึกเศร้าโศกในใจ บางคราวข้าก็ตื่นมาพร้อมน้ำตาที่นองหน้า

                “เศร้าโศกถึงเพียงนั้นเชียวรึ”

                “เจ้าค่ะ แต่ข้าจำไม่ได้ว่าบทกลอนที่ได้ยินนั้นพูดถึงเรื่องใด แต่มีเสียงขลุ่ยซุนประสานในบทกลอนนั้น”

                “ขลุ่ยซุนรึ  ขลุ่ยซุนเป็นเสียงที่นุ่มนวลและลึกซึ้งอาจทำให้เจ้ารู้สึกเช่นนั้นได้ เอาไว้เจ้าพอนึกอะไรได้ค่อยมาถามข้าอีกทีก็แล้วกัน”

                “เจ้าค่ะ”  หญิงสาวค่อยโล่งใจไปเรื่องหนึ่ง นางเคยคิดทบทวนหลายครั้ง ไม่แน่ว่าการย้อนอดีตมาครั้งนี้ เสียงขลุ่ยและบทกลอนที่ขับขานนั้นอาจเชื่อมโยงกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นางอาจจได้กลับบ้าน ไม่รู้ว่าคุณปู่หลินเป็นอย่างไรบ้าง จะกินข้าวตรงเวลาหรือไม่ ทำงานจนลืมเวลาไปหรือเปล่า หรือเศร้าเสียใจที่นางจากไป

                “ข้าสอนเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องยกน้ำชาเรียกข้าว่าอาจารย์” จื่อหนิงนึกสนุกขึ้นมา นางอยู่อย่างเงียบเหงามานาน มีอะไรให้ทำบ้างก็ดีไม่น้อย

                “ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้น...ข้ากลับไปเตรียมตัวก่อน ข้าพร้อมแล้วจะยกน้ำชาพร้อมของว่างมาคารวะท่านเจ้าค่ะ”

                ม่านหมอกแห่งความโศกเศร้าเริ่มละลายไปเช่นเดียวกับหิมะในฤดูหนาว ยามนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว มิใช่เพียงแค่ต้นไม้ดอกไม้ที่ผลิดอกอวดความงาม แต่ยังเป็นชีวิตคนที่ผลิบานด้วยความหวัง หลินอวี่เหยาได้แต่ยิ้มให้ตนเอง นางมีเป้าหมายให้ชีวิตใหม่ในโลกใบนี้แล้ว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่56 ขอคน

    ใครๆ ต่างก็รู้ว่าองค์หญิงเซวียนจิ้งหว่าน เป็นคนโปรดของไทเฮา องค์หญิงเซวียนจิ้งหว่านเป็นสตรีที่รูปโฉมงดงาม กิริยามารยาทล้วนสูงส่งสมกับที่ไทเฮาอบรมด้วยพระองค์เอง องค์หญิงผู้งดงามสวมชุดกระโปรงสีชมพูกลีบบัวเสริมความอ่อนหวาน กำลังเดินเข้าไปในตำหนักของไทเฮา แต่ดวงตาคู่งามสะดุดกับหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางสาวเท้าเร็วๆ เดินไปทางอุทยาน“นั้นใคร” เซวียนจิ้งหว่านเอ่ยถามนางกำนัล“สนมหลินเพคะ”“สนมหลิน? ฮ่องเต้รับสนมใหม่เมื่อใดกัน” “สนมหลินอวี่เหยาเข้าวังมาเกือบสามปีแล้วเพคะ แต่เข้ามาแค่ครึ่งปีก็ทำความผิดจึงถูกส่งไปตำหนักเย็น อยู่ที่นั้นมาสองปี ด้วยความเมตตาของฮองเฮาให้ทำคุณไถ่โทษ โดยให้นางมาดูแลสวนดอกไม้ของไทเฮาเพคะ”“ฮองเฮาช่างมีเมตตาจริงๆ ให้อภัยคนที่ทำผิดได้” เซวียนจิ้งหว่านกล่าวชื่นชมจากใจ นางมีเว่ยซูอิ๋นเป็นแบบอย่าง งดงามและงามสง่าปกครองตำหนักในด้วยใจเมตตา ไทเฮานั่งอ่านพระคัมภีร์อยู่ โดยมีฮองเฮาชงน้ำชาให้ ภาพนี้เห็นจนชินตา ดูงดงามราวภาพวาดของจิตกรเอก เมื่อเห็นเซวียนจิ้งหว่านเข้ามาก็ไทเฮาก็วางคัมภีร์ลง เซวียนจิ้งหว่านส่งยิ้มก่อนแล้วถวายพระพรไทเฮาจากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้แล้วบีบนวด

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่55 ท่าน! จริงจังหน่อยได้ไหม! 

    “ท่าน! จริงจังหน่อยได้ไหม!” “ได้ๆ ข้าเชื่อฟังเจ้าแล้ว” เขาพยายามเก็บรอยยิ้ม และยื่นมือไปรับตลับยาจากหญิงสาว แต่นางกลับชักมือกลับเขาคว้าได้เพียงความว่างเปล่า “ข้าลืมไป ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ย่อมต้องมีหมอทหารดูแลอย่างดี และยังมียาดีๆ ที่สรรพคุณดีกว่าของข้า” “ไม่มียาของผู้ใดดีไปกว่าของเจ้า” เขาไม่อยากแย่งชิงจากมือนาง แม้รู้ดีว่าหากเขาต้องการจริงๆ ก็ทำได้ไม่ยากเลย สีหน้าเหมือน...เอ่อ...ลูกหมาน้อย ทำให้หลินอวี่เหยาทำตัวไม่ถูก ยามอยู่กับนางเขาดู ‘เชื่อง’ ไร้พิษส่ง แต่เมื่อครั้งที่อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ เขาดูเหมือนหมาป่าที่พร้อมขยำทุกคนที่กล้าขวาง นี่...เขาเป็นคนอย่างไรกันแน่ เห็นนางเอาแต่จ้องหน้าเขา ชายหนุ่มก็วางท่าทีเคร่งขรึมมีเพียงแววตาที่เป็นประกายหวานหยาดเยิ้ม “ข้าชอบที่เหยาเหยามองข้าเช่นนี้ แต่ข้าไม่มีเวลามากนัก ภารกิจเร่งด่วนหวังว่าจะเข้าใจ” “เอ่อ...อืม..อะ...เจ้าค่ะ” นางได้สติพูดจาตะกุกตะกักไปหมด “เอ่อ...ทำไมท่านเรียกข้าว่าเหยาเหยา” “หรือเ

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่54 ‘เรื่องของเรา’

    หญิงสาวรวบผมด้วยเชือกเส้นเล็ก นางสระผมและมีเฉิงฮัวช่วยเช็ดและแปรงผมให้ ทว่าหลินอวี่เหยาไม่คุ้นชินกับการมีคนปรนนิบัติรับใช้จึงไม่ได้ให้ทำอะไรมาก นางก็ให้เฉิงฮัวไปพักที่ห้องเล็กด้านข้าง หลินอวี่เหยามองรอบกาย ผ่านมาสี่เดือนสำหรับชีวิตใหม่ เวลาไม่ช้าไม่เร็วแต่ทำให้นางค่อยๆ ลืมความคิดที่จะได้กลับไปโลกปัจจุบัน แต่ไม่เคยลืมคนสำคัญอย่างคุณปู่หลินเลย หลังจากฝึกฝนมาระยะหนึ่งการเขียนอักษรของนางก็ดีขึ้น อาจยังไม่ดีนัก แต่ก็ไม่น่าอับอายเช่นที่ผ่านมา นางไม่รู้สถานการณ์ที่ฝู่หม่าเป็นเช่นไร นอกจากพืชผักที่ทนแล้งแล้ว ยังต้องระวังเรื่องโรคระบาดอีกด้วย ใบหน้างามครุ่นคิดแล้วจรดพู่กันลำดับความสำคัญต่างๆ เปลวเทียนวูบไหวเล็กน้อย แต่หญิงสาวก็ชะงักมือแล้วเงยหน้าขึ้น เบื้องหน้าคือบุรุษในชุดดำอำพราง มือใหญ่ยกขึ้นดึงผ้าสีดำที่ปิดครึ่งใบหน้าลงเพื่อมิให้เจ้าของเรือนแตกตื่นตกใจ แต่ดูเหมือนว่านางจะเดาได้ก่อนแล้วว่าเป็นเขา “หลี่กงกงให้คนซ่อมหน้าต่างแล้ว ท่านยังเข้ามาได้อีกหรือ?” “เจ้ามิได้ลงกลอนแน่นหนา คราวหน้าให้สาวใช้ตรวจดูบานหน้า

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่53 เพียงข้ามคืน

    เพียงข้ามคืนทุกอย่างก็แปรเปลี่ยน ฟูกนอนใหม่เอี่ยมถูกส่งมาเปลี่ยนรวมทั้งหมอนและผ้าห่ม ม่านมุ้งที่ชำรุดก็เช่นกัน หน้าต่างที่แม้ซ่อมแล้วแต่ยังปิดไม่สนิทก็ถูกเปลี่ยนบานใหม่และยังมีนางกำนัลส่งมาอยู่รับใช้นางเพิ่มอีกหนึ่งคน “เช่นนั้นเจ้าชื่อเฉิงฮัวก็แล้วกัน” หลินอวี่เหยาพูดกับนางกำนัลอายุประมาณสิบห้าปี นางท่าทางดูทึมทื่อไม่น่าพึ่งพาได้ จนนางต้องเหลือบมองทางขันทีซูจินที่อายุเท่ากัน เอาเถอะ ดีกว่าส่งนางข้าหลวงมาอบรมมารยาทให้นาง เรื่องของนางเป็นที่พูดถึงไปทั่ววังหลวง เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้ให้หลี่กงกงลงมาจัดการด้วยตนเอง หลินอวี่เหยากวาดตามองข้าวของเครื่องใช้ใหม่ในห้องแล้วก็ยิ้มจางๆ เรื่องดีอีกเรื่องคือนางยังอยู่ที่ตำหนักเดิมซึ่งนางร้องขอกับฮ่องเต้ไว้ ‘หม่อมปลูกพืชผักและยังเลี้ยงปลาไว้ด้วย ให้หม่อมฉันอยู่ที่เดิมเถิดเพคะ’ “ซูจินเจ้าถือว่าเป็นพี่ใหญ่เพราะอยู่กับข้ามาก่อน ต้องคอยช่วยดูแลสั่งสองเฉิงฮัวให้ดี อย่าเอาแต่ใช้นางล่ะ” “ข้ารู้แล้ว เอ่อ ทราบแล้วขอรับ” ซูจินเองก็ต้องระวังคำพูดมากย

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่52 เผชิญหน้า 3

    ‘เหยาเหยา’ ความเจ็บแปลบราวลูกธนูพุ่งเข้าใส่ที่หัวใจ หลินอวี่เหยาสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้น นางก้มมองหน้าอกของตน ราวกับเห็นลูกศรทะลุทรวงอก หยาดโลหิตแผ่กระจายย้อมชุดขาวที่สวมอยู่ให้กลายเป็นสีแดง หญิงสาวยกมือที่สั่นระริกขึ้นแตะปลายศรนั้นทว่ามันสลายไปสิ้น และไม่มีคราบเลือดบนเสื้อของนาง เมื่อครู่นี่มันอะไรกัน ภาพที่นางเห็นคือสิ่งใดกันแน่ ชายบนหลังอาชาปีศาจนั้นคือเยี่ยหรงหรือ? “เหยาเหยา!” เยี่ยหรงพุ่งเข้าไปทันทีไม่สนใจว่าตนอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ ร่างเล็กโงนเงนและร่วงลงในอ้อมกอดของเขาพอดี “เจ้าเจ็บที่ใด” หลินอวี่เหยาปรับลมหายใจครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้าไปมา แต่ก่อนนางแอบตำหนิที่เขาพูดน้อยจนเหมือนคนเป็นใบ้ แต่ตอนนี้กลายเป็นนางที่อับจนถ้อยคำเสียงเอง ใบหน้านี้ แววตานี้ คล้ายกันนัก แต่ไม่ใช่...ไม่ใช่คนเดียวกัน “ฝ่าบาท กระหม่อมขออนุญาต...” “เราไม่อนุญาต” เซวียนจิ้งเฉินยกมือห้ามโดยไม่ต้องรอให้แม่ทัพเยี่ยหรงพูดจบประโยค “อย่างไรนางก็เป็นสนมของเรา เจ้าไม่ควรแตะต้องนางและไม่มีสิทธิ์พานางไปที่ใดทั

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่51 เผชิญหน้า 2

    ใช่ว่าหลบไม่พ้น แต่เพราะใจจดจ่อกับแววตาคู่งามจึงไม่ทันระวังเจ้าก้อนหินเล็กๆ ที่กระทบหลังมือของเขา เสียงชักกระบี่อ่อนของหลี่หยวนซินดังขึ้นแทบทันทีที่เห็นหินก้อนนั้น แต่กระนั้นบุรุษในชุดผ้าไหมสีดำเรียบง่ายตัดเย็บประณีตก็ก้าวเข้ามาด้วยท่าทีสุขุมไร้ความหวาดกลัว หลินอวี่เหยาถอยหลังไปครึ่งก้าว สูดลมหายใจลึกเรียกอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่และยกมือขึ้นกุมลำคอ แต่สายตาของนางจ้องมองไปยังชายที่นางเคยช่วยชีวิตไว้ ยามนี้เขาสวมเสื้อผ้าขับเน้นรูปร่างสูงใหญ่และองอาจ ที่จริงบุรุษหน้านิ่งผู้นี้ก็ดูหล่อเหลาไม่น้อย ติดที่สีหน้าเดียวตลอดและยังพูดน้อยมากจนต้องคาดเดาอารมณ์กันเลยทีเดียว “บังอาจ!” หลี่หย่วนซินวาดกระบี่ไปจ่อลำคอของแม่ทัพเยี่ยหรง แต่ดวงตาดุจเหยี่ยวคู่นั้นไม่เพรียงไม่ใส่ใจแต่ยังจ้องมองเพียงหลินอวี่เหยาเท่านั้น “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” “ไม่...ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” แปะ แปะ แปะ เซวียนจิ้งเฉินตบมือและฉีกยิ้มกว้าง ทำราวกับไม่ถือสาที่แม่ทัพหนุ่มทำลงไป “หลี่กงกง เก็บกระบี่ของเจ้าเสีย ฝีมือเจ้ามิใช่คู่ต่อกรกับแม่

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status