Home / รักโบราณ / โศลกเพลิงผลาญใจ /  ตอนที่14  เครียดคือสิ่งใด

Share

 ตอนที่14  เครียดคือสิ่งใด

last update Last Updated: 2025-07-19 01:16:53

          “กล้วยไม้ใบเหลืองมีจุดดำ ใบแฉะ หรือเน่าที่ขอบใบ วิธีรักษาให้ตัดใบที่ติดเชื้อออกใช้ผงกำมะถันหรือน้ำปูนใสป้ายบริเวณที่ตัด กรรไกรที่ใช้ ใช้แล้วล้างเช็ดทำความสะอาดให้ดี เชื้อราติดที่คมกรรไกรได้ ช่วงนี้เปลี่ยนฤดูแล้ว เอากล้วยไม้ออกมาโดนแสงบ้าง กล้วยไม้ใบเหลือเพราะความเครียดก็มี”

            “เครียด? เครียดคือสิ่งใด”

            หลินอวี่เหยาหลุดปากไปแล้วก็นึกได้ว่าตอนนี้นางไม่ได้อยู่ในสถาบันวิจัยพันธุ์พืช นางกลอกตามองท้องฟ้าแต่เห็นแค่คานไม้เก่าคร่ำครึ หากคิดจะขึ้นไปแขวนคอก็เกรงว่าคานน่าจะหักลงมาก่อน

            “ข้าหมายถึงมีเรื่องวิตกกังวลมากเกินไป”

            “กล้วยไม้ก็มีเรื่องวิตกกังวลรึ” ซูจินทำหน้างุนงง “ข้าเห็นกล้วยไม้ของกุ้ยเฟยอยู่ดีมีสุขกว่าขันทีอย่างข้าเสียอีก”

            หญิงสาวยิ้มขำ นานวันเข้าขันทีน้อยก็เลิกวางตัวหยิ่งยโสใส่นาง หลินอวี่เหยาเข้าใจดี คนเราก็มักเป็นเช่นนี้เหยียบย่ำคนที่ต่ำกว่าเพื่อให้ตนเองรู้สึกสูงส่งขึ้น  แต่ซูจินมีพื้นฐานจิตใจดีนางเองก็ไม่อยากเอาเปรียบความใจดีของเขา ทุกครั้งที่ไหว้วานสิ่งใด นางจะตอบแทนเขาเสมอ แม้เล็กน้อยก็หยิบยื่นให้ ครั้งก่อนฝากชุดผ้าไหมไปขาย เขาก็ซื้อข้าวสาร แป้ง เครื่องปรุงอย่างละนิดละหน่อย ที่สำคัญก็เมล็ดพันธุ์มาให้นาง วันนี้เขามาพอดีนางทำแป้งย่างเสร็จจึงได้นั่งกินด้วยกัน

            เป็นขันทีขั้นต่ำไม่ได้กินของอร่อยนัก แป้งย่างไส้ต้นหอมหอมกรุ่นเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ทำให้เขากัดกินอย่างไม่เกรงใจ ไม่รู้ว่าเขาละวางการระแวดระวังตัวไปเมื่อใด  ยามนี้เขากับนางจึงเป็นเหมือนสหายกัน หลายครั้งที่เขาฟังนางพูดจาแปลกหู  แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษนัก เขามีหน้าที่นำอาหารมาส่งนางสนมที่อยู่ตำหนักเย็น  พบเจอหลากหลายบางคนก็พูดจาไม่รู้เรื่องราว บางคนก็เอาแต่คร่ำครวญร้องไห้จนดวงตามืดบอด การที่เขารู้สึกว่าสนมหลินอวี่เหยาจากเดิมที่เคยเอาแต่เหม่อลอย น้ำตาคลอเบ้าตลอดเวลา จู่ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวา หรือว่าผ่านมาสองปี นางทำใจได้แล้วจึงได้เปลี่ยนตัวเองเช่นนี้

            “เอาเป็นว่าท่านกงกงลองใช้วิธีของข้า ข้าเชื่อว่ากล้วยไม้จะฟื้นรอดตายได้”

            “ข้าสิ จะรอดตายหรือไม่”  ซูจินถอนหายใจ เขาเองก็อยากสร้างความดีความชอบเพื่อให้ตนเองก้าวหน้า แต่เห็นสภาพขันทีที่ถูกโบยตีแล้ว ก็มีเสียงในหัวบอกเขาว่าอยู่เฉยๆ เช่นนี้แหละ ดีแล้ว

            “ถ้าเช่นนั้น เจ้าลองเอาซากกล้วยไม้มาให้ข้าซิ  กล้วยไม้ที่ตายแล้วพวกเขาทำอย่างไร”

            “ข้าไม่รู้เรื่องนั้นหรอก” ซูจินครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง “แค่ซากกล้วยไม้น่าจะขอมาได้นะ”

            “ตกลงตามนี้”

            “เจ้าชอบพูดจาแปลกพิกล”

            “อย่างนั้นรึ”  นางหัวเราะร่า นึกถึงเมื่ออยู่โลกโน้น  การเป็นนักวิจัยและผู้หญิงคนเดียงในคณะทำให้นิสัยค่อนข้างโพงพางและเปิดเผย  วัดกันที่ความสามารถไม่ใช่เพราะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ส่วนเรื่องทำอาหารนั้นมาจากที่ คุณปู่หลินมักจะทำงานจนลืมเวลา นางไม่อยากให้คุณปู่กินอาหารเย็นชืดจึงหัดทำอาหารเพื่อให้คุณปู่หลินได้กินของร้อนและอร่อย ไม่คิดว่าเมื่อทะลุมิติมาอยู่สู่โลกนี้ ทักษะการทำอาหารจะช่วยให้นางรอดได้ ไม่เช่นนั้น นางคงได้กินน้ำข้าวกับผักดองทุกวันแน่

            “ไม่รู้ว่าเจ้าทำอาหารเป็น” 

            “ทำได้แค่ของกินง่ายๆ” หลินอวี่เหยายอมรับ กว่านางจะใช้เตาฟื้นนี่คล่องก็ใช้เวลาพอสมควร

            ซูจินแทบจะเลียนิ้วมือแต่ยังเก็บอาการอยู่ “ข้าไปก่อน”

            “ท่านกงกงเดินดีๆ ข้าไม่ไปส่งนะ”

            ขันทีน้อยยิ้มขำ โชคดีที่ไม่มีผู้อื่นไม่เช่นนั้นเขาคงถูกลงโทษไปแล้ว  หลินอวี่เหยามองบานประตูที่ปิดลง ดวงตาสดใสพลันวูบไหว สักวันนางจะต้องก้าวไปพ้นบานประตูนี้ให้ได้  นางไม่คิดเรียกร้องความถูกต้องให้เจ้าของร่างนี้ ความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่คือการความต้องการเป็นอิสระเช่นเดียวกับที่นางปรารถนาอยู่  ออกไปจากที่นี่ไปใช้ชีวิตอย่างที่หัวใจต้องการ

            หญิงสาวกำมือน้อยๆขึ้นเป็นกำปั้นแล้วชูขึ้น “สู้ๆ!”

            เมื่อปลุกระดมกำลังใจได้แล้ว นางก็หมุนตัวไปหยิบตะกร้าอาหาร นำแป้งย่างที่แบ่งไว้ใส่ในตะกร้าแล้วเดินไปด้านหลังตามเส้นทางที่ขันทีน้อยบอกไว้ หญ้าที่ขึ้นรกทำให้นางต้องก้าวเท้าอย่างระวัง เดินไปไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องเพลงเศร้าโศก หญิงสาวเดินไปตามเสียงที่ได้ยิน ทว่าเพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะแหลมสูง นางก้าวไปจนเห็นหญิงวัยประมาณสี่สิบนั่งอยู่กลางลานกว้างบนพื้นเย็นชื้น

            “ท่านน้า  ท่านน้าจื่อหนิง”

            สนมจื่อหนิงได้ยินเสียงหวานใสเรียกจึงค่อยๆ หันไปมอง นางเพ่งสายตามองอย่างไม่แน่ใจ ครั้งก่อนที่เจอกันยายเด็กคนนั้นผอมบางเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก แววตาไร้ชีวิตชีวา แต่เวลานี้แม้ยังผอมบางอยู่แต่ก็ดีกว่าเดิม และแววตาคู่นั้นไม่เหมือนหลินอวี่เหยาที่นางเคยเจอ

            “เจ้าเป็นใคร”

            หลินอวี่เหยานิ่งงันไปชั่วขณะ หรือนางจื่อหนิงจะรู้ว่าวิญญาณในร่างนี้ไม่ใช่สนมหลิน แต่หญิงสาวยังคงยิ้มและเดินเข้าไปหาอย่างระวัง

            “ท่านน้าอย่านั่งบนพื้นเช่นนี้เลย ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอา มาเถอะ ข้าทำแป้งย่างมาให้เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ท่านน้าเคยช่วยชีวิตข้าไว้”

            “ตอบแทนบุญคุณ?”

            หลินอวี่เหยาประคองร่างกายผายผอมของจื่อหนิงให้ลุกขึ้นยืน “ท่านน้าอย่าได้หัวเราะแป้งย่างของข้าเชียว กว่าจะได้ส่วนผสมทำแป้งย่างข้าต้องขายชุดกระโปรงผ้าไหมเลยทีเดียว”

            “เจ้า...หลินอวี่เหยารึ”

            “เจ้าค่ะ ข้าเอง”  หญิงสาวฉีกยิ้มแล้วประคองจื่อหนิงเข้าไปด้านในซึ่งสภาพเรือนพักนั้นไม่ต่างจากนางนัก “นั่งก่อนเจ้าค่ะ”

            “เจ้า...”

            “ข้าเรียกท่านว่าท่านน้าได้หรือไม่ ข้า...ข้าก็ตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ใด...เอ่อ...มีก็เหมือนไม่มี” ท้ายประโยคพูดเสียงเบาทำให้คนฟังสงสาร จื่อหนิงพยักหน้ารับแล้วยื่นมือไปลูบแก้มเบาๆ

            “เจ้ายังมีข้าอยู่ เด็กน้อย”

            “อื้ม ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้ดี”

            หลุดปากพูดไปโดยไม่คิด ทว่าหลินอวี่เหยาจำได้ดีว่านี่เป็นประโยคที่นางพูดกับพ่อแม่ในงานศพที่ไม่มีผู้ใด นางสัญญากับแม่และพ่อไว้ แม้ยามทุกข์ยากที่อยู่บ้านเด็กกำพร้าก็ได้แต่กล่ำกลืนความเศร้าโศกนั้น จนกระทั่งคุณปู่หลินมารับตัวไป

            ยามนี้นางก็รู้สึกเหมือนเช่นวันนั้น หากไม่มีสนมจื่อหนิงมารั้งไว้ บางนางอาจไม่ได้ฟื้นในร่างนี้ ดวงวิญญาณคงเร่ร่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้

           

           

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่ 63 เดิมพัน1

    ฝันอีกแล้ว หลินอวี่เหยานวดขมับ...ฝันอะไรไม่รู้ ตื่นมามึนงงและจำไม่ได้ทุกที หลังจากฝึกคัดอักษรโบราณมานาน หลินอวี่เหยาก็มั่นใจในลายมือของตนมากยิ่งขึ้น นางสรุป ‘ความน่าจะเป็น’ เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น หลังภัยแล้งเกิดน้ำท่วมหนักได้ เนื่องจากพื้นดินที่แห้งแล้งแข็งกระด้างจะดูดซับน้ำฝนได้ช้าลง ทำให้น้ำไหลบ่าท่วมพื้นผิวอย่างรวดเร็ว แทนที่จะซึมลงดิน นอกจากนี้ ภัยแล้งทำให้หน้าดินแห้งและพังทลายง่าย เกิดเป็นตะกอนที่อุดตันทางระบายน้ำ เมื่อมีฝนตกหนัก น้ำจึงไม่สามารถระบายได้ทัน เกิดเป็นน้ำท่วมขังในที่สุด หลายวันมานี่เอาแต่หมกตัวอยู่ในเรือน อ่านบันทึกต่างๆ และสรุปออกมา จากบันทึกที่นางอ่านมาหลายเล่ม ในรอบสิบปีฝู่หม่าจะเกิดภัยแล้งอย่างหนักจากนั้นก็ฝนตกแต่เพราะแล้งมานานจึงกลายเป็นน้ำท่วม ‘ความน่าจะเป็น’ บอกได้ว่าอีกไม่นานจะเกิดฝนตกแล้ว นางไม่อาจพยากรณ์อากาศได้แม่นยำ แต่อย่างไรก็ควรแจ้งให้แม่ทัพเยี่ยหรงรู้ก่อน นั่งทำงานอยู่นานติดต่อกันหลายวัน แม้แต่เฉิงฮัวกับซูจินยังเป็นห่วง แต่การทำแบบนี้ทำให้คิดถึงตอนที่ทำงานวิจัยไม่มีผิด อ้อ! ต่างก็ตรงที่ไม่ได้เข้าห้องแล

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่62 ดอกบัวน้อย 4

    ซ่งเหอเทียนจวินนั่งมองอาหารตรงหน้าแล้วปรายตาไปมองถาดเล็กๆ ของเจ้าเสือดำที่รูปร่างใหญ่กว่าแมวเล็กน้อย การกินอาหารเป็นความรื่นรมย์อย่างหนึ่งและนังหนูเหยาเหยาก็ฝีมือในการทำอาหารหญิงสาวมองตามสายตาของอาจารย์ปู่แล้วก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้านึกว่าเป็นแมวจึงทำอาหารจากเนื้อปลา แต่ดูเหมือนไม่ถูกปากเอาเสียเลย พอรู้ว่าเป็นเสือดำก็เลยลองเปลี่ยนเป็นเนื้อไก่เจ้าค่ะ”“เจ้าดูแลมันดีเกินไปหรือไม่ อย่างไรก็แค่ปีศาจตนหนึ่งกินของดีๆไปก็ไม่เกิดประโยชน์ใดหรอกนะ” พูดแล้วก็นึกเสียดายไก่นึ่งใบบัวตัวนั้นจริงๆ“อาจารย์ปู่ก็เป็นเซียนสมุนไพร ไม่ต้องกินอาหารก็ได้ แต่ท่านก็ยังชอบกินเลย”ซ่งเหอเทียนจวินกลอกตาไปมาอย่างไม่พอใจแล้วก็มองจานเบื้องหน้าที่เป็นปลาทอด “อย่าบอกว่าปลานี่คือปลาที่เจ้าแมวนั้นไม่กิน!”“เหยาเหยาจะทำอย่างนั้นได้อย่างเล่า” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “ปลากะพงผัดโหงวก๊วย อาจารย์ปู่เคยบอกว่าชอบมาก เหยาเหยาจึงทำให้ ส่วนปลาที่เจ้าแมว เอ่อ เสือดำน้อยไม่กินนั้น เหยาเหยากินเองเจ้าค่ะ”“แล้วไป”เสียงหัวเราะคิกคักทำให้เสือดำทำหน้าไม่พอใจนัก แต่เมื่อมือเรียวใช้ตะเกียบคืบเนื้อไก่แล้วจ่อที่ปากของมัน กลิ่นหอมเ

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่61 ดอกบัวน้อย 3

    “เหยาเหยาเอ๋ย ที่เจ้ารักษาอยู่หาใช่แมวดำ แต่เสือดำต่างหาก” “สะ..เสือ...เสือดำ? เสือดำหรือเจ้าคะ” หญิงสาวเอียงคอมองเจ้าขนฟูตัวนุ่มที่นางอุ้มมารักษา ผ่านมาสามวันแล้วบาดแผลของมันดีขึ้นมาก ประจวบกับซ่งเหอเทียนจวินกลับมาที่สวนเสียนเฉ่า “เหยาเหยาถูกปีศาจหลอกเสียแล้ว” “ปีศาจ?” นางเบิกตากว้างจ้องมองเสือดำที่เข้าใจมาตลอดมันคือแมวดำ มิน่าน่าตัวมันถึงได้ใหญ่กว่าแมวทั่วไปนัก “เจ้านี่เป็นปีศาจหรือเจ้าคะ” “เก็บไอปีศาจได้อย่างดี หรือว่าบาดเจ็บหนักจนไอปีศาจเลือนหายไปล่ะ” ซ่งเหอเทียนจวินหัวเราะในลำคอแล้วยื่นปลายนิ้วไปหมายจะแตะหน้าผากเสือดำ แต่เจ้าปีศาจตัวจ้อยแยกเขี้ยวขู่แล้วถอยไปหลบข้างหลังเหยาเหยา “อาจารย์ปู่อย่าแกล้งเจ้าแมวน้อย เอ่อ เสือดำน้อยเลยเจ้าค่ะ” หลายวันที่อยู่ด้วยกัน เหยาเหยาเอาแต่เรียกมันว่าแมวน้อย นางไม่อยากตั้งชื่อเพราะกลัวการผูกพัน “เหยาเหยาชอบเจ้าเสือดำตัวน้อยนี่รึ” ซ่งเหอเทียนจวินลูบหนวดเคราสีเงินยวงของตนพลางยิ้มน้อยๆ ดวงตาจ้องมองปีศาจเสือดำตัวน้อย “ถ้าเหยาเหยาชอบ อาจารย์ปู่จะร่ายมนต์ทำพันธะสัญญาใ

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่60

    “ตั้งแต่ข้าน้อยติดตามท่านแม่ทัพมา...หลายปีมานี้นับว่าคืบหน้ามากแล้ว คิดว่าอีกไม่นานท่านแม่ทัพคงได้รู้ความจริง” เยี่ยหรงเก็บงำความคิดของตนไว้เพียงผู้เดียว เขารู้ดีว่าท่านพ่อท่านแม่ล้วนต้องการให้เขา ‘ปล่อยวาง’ เรื่องที่ผ่านมา แต่เป็นเขาที่ไม่อาจปล่อยวางได้ เหมือนคนที่ถูกตรวนด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น เขาเพียงแค่อยากรู้ว่าทำไมจึงมีคนต้องการชีวิตของกับมารดาทั้งที่เขายังเป็นเพียงก้อนเลือดในครรภ์เท่านั้น เสียงถอนหายใจแม้เพียงแผ่วเบาแต่กระทบโสตประสาทการรับรู้ของเยี่ยหรง ดวงตาดำปรายตามองเพียงเล็กน้อยก็ทำเอาหลูจิ่งเซวียนผวาเล็กน้อย แม้เขาเป็นเพียงหมอทหารแต่เพราะรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังของท่านแม่ทัพมานาน อาจไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนสนิทแต่ก็เป็นคนที่แม่ทัพเยี่ยไว้ใจ แต่นั้นก็ยิ่งทำให้รู้ว่า ภายใต้ท่าทีนิ่งเงียบนี้ซ่อนความโหดเหี้ยมไว้ “อยากพูดอะไรก็พูดมา” เยี่ยหรงเอ่ยแล้วก้าวเท้าเดินด้วยฝีเท้ามั่นคง “ท่านแม่ทัพเคยคิดหรือไม่ว่า....มารดาของท่านอาจเป็นสนมหรือนางกำนัลของฮ่องเต้พระองค์ก่อน” “หรืออาจจะเป็นเพียงคนไม่สำคัญที่เกะกะขวางหูข

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่59

    ‘เพราะครั้งนี้ไม่ได้ไปรบ และเพราะขอสนมของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้ทรงหวาดระแวงอนุญาตให้นำทหารติดตามไปได้แค่ห้าร้อยนาย...เจ้าต้องจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง ใช้สติให้มาก’ เยี่ยเฟยฮุ่ยอบรมบุตรชายคนเล็ก ทำได้แต่แค่ส่ายศีรษะไปมาจนใจกับความดื้อรั้นของบุตรชายคนเล็กผู้นี้แล้ว ‘ลูกทราบแล้วขอรับ’ เขาก้มศีรษะรับคำสั่งสอนแล้วหันไปพูดคุยกับพี่ชายทั้งสอง ‘ฝากดูแลท่านแม่ด้วย’ ‘วางใจเถอะ เจ้าทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จลุล่วงเถิด’ ‘ท่านแม่...หากว่ามีคนมาขอความช่วยเหลือ ขอท่านแม่เมตตาช่วยตามสมควร หรือมีสิ่งใดโปรดให้ม้าเร็วส่งข่าวถึงลูกด้วย’ ‘เจ้าก็อย่าได้เป็นกังวลไป เรื่องทางนี้แม่จัดการให้ได้’ ‘ยังจะมีหน้าห่วงสตรีอีกเรอะ! ที่ต้องลำบากเช่นนี้ก็เพราะผู้หญิงคนนั้น อยากเห็นหน้าเสียจริงว่าเป็นคนเช่นไร’ เยี่ยเฟยฮุ่ยอดหงุดหงิดไม่ได้ แต่ภรรยาของตนกลับหัวเราะออกมา ‘ข้าเป็นแม่ยังไม่กังวล ท่านพี่จะเป็นทุกข์ร้อนไปไย’ เย่าเฉินตบหลังมือของสามีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายสิบปี ‘หรงเอ๋อร์ของเรารู้จักห่วงใยสตรีแล้ว ย่อมเป็นเรื่องดี’

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่ 58 ตบหน้า2

    เพียะ!กว่าหลินอวี่เหยาจะได้สติ ซีกแก้มนวลก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและความเจ็บมาแทนที่ หญิงสาวผสานสายตากับดวงตาโกรธเกรี้ยวที่จ้องมองอยู่ มือที่ง้างข้างในอากาศยังสั่นระริก หลินอวี่เหยามั่นใจว่าไม่เคยพบสตรีผู้นี้รวมทั้งความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนราวกับเพิ่งรู้สึกตัว องค์หญิงเซวียนจิ้งหว่านพลันได้สติ แม้แต่นางกำนัลข้างกายยังตกใจเพราะปกติแล้วเซวียนจิ้งหว่านมักเก็บงำความรู้สึกของตนเองมิดชิด ไม่ลงไม้ลงมือด้วยตนเองแต่สั่งให้นางกำนัลข้างกายหรือแม่นมเป็นคนจัดการแทน ภาพลักษณ์ของเซวียนจิ้งหว่านคือองค์หญิงผู้งดงามอ่อนหวาน ไม่เคยมีผู้ใดเห็นด้านมืดของนางหลินอวี่เหยาสูดลมหายใจลึก ดวงตากลมหรี่มองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ“ข้าจำไม่ได้ว่ามีเรื่องใดบาดหมางกับท่าน”“นังแพศยา! เจ้าใช้เล่ห์กลใดล่อลวงแม่ทัพเยี่ยหรง!”ได้ยินเท่านี้ คิ้วเรียวงามก็เลิกขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมา “อ่อ...เป็นเรื่องแม่ทัพเยี่ยหรงเองหรอกรึ”“เจ้า!” เซวียนจิ้งหว่านกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ นางง้างฝ่ามือแล้วฟาดใส่อีกฝ่าย ทว่าหลินแค่เบี่ยงตัวหลบมิได้ตอบโต้แต่อย่างใด ทว่าทำให้องค์หญิงเสียหลักล้มลงไปนั่งบน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status