Share

BAD BABY (SEAN) 06 : ม่านฟ้า

last update Last Updated: 2025-10-22 17:33:16

ฌอนเป็นหนุ่มหล่อคนดังของมหาวิทยาลัย ซึ่งก็มีสาวๆ หลายคนที่หมายปองเขาอยากจะควงแขนได้ใช้สถานะแฟนกับผู้ชายคนนี้ จนหางเเถวยาวไปเป็นกิโลได้เลยล่ะ แล้วที่สำคัญฌอนมีกลุ่มแฟนคลับเป็นของตัวเองด้วย อย่างกับนักร้องไอดอลแน่ะ เเล้วถ้าฉันไม่อยากจะมีปัญหาหรือถูกเขม่นจากแฟนคลับพวกนั้น ฉันก็ควรอยู่ให้ห่างจากเขาดีที่สุด เพราะรู้ฤทธิ์เดชของพวกหล่อนดีว่าน่ากลัวแค่ไหน และไม่คิดที่อยากจะไปอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพวกแฟนคลับอีกแล้ว แค่คิดก็ขยาดแล้ว

“รัก! เมื่อกี้เราไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม นั่น...นั่นฌอนใช่ไหม?!” อลิซยื่นหน้าเข้ามาถามเสียงเบาให้พอได้ยินกันสองคนเมื่อฉันเดินไปนั่งลงที่ม้าหินตรงข้ามกับเธอแล้ว

“อือ…”

“เเละมาด้วยกันได้ยังไง เเล้วเขาทำอะไรรักรึเปล่า” อลิซกวาดสายตามองฉันด้วยหน้าตาตื่นๆ ถึงจะดูน่าขำ แต่ฉันกลับขำไม่ออกเลยนี่สิ

“เรื่องมันยาว เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังทีหลังนะ เราไปเข้าเรียนกันก่อนเถอะ” ฉันรู้สึกอึดอัดเมื่อรู้สึกว่าสายตาของสาวๆ พวกนั้นดูไม่เป็นมิตรเลย

ฉันกับอลิซตัดสินใจเดินเข้าห้องเรียนโดยที่ไม่มีใครพูดหรือถามอะไรอีก เราสองคนแค่มองตากันก็รู้เเล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้มันไม่ดีกับพวกเราเลย พวกเราเคยผจญกับบรรยากาศพวกนี้อยู่หลายครั้ง จนพอที่จะจับสังเกตเเละหาทางหลบเลี่ยงได้บ้าง แต่ความหวาดหวั่นใจมันก็ไม่ได้หายไป เเละมันคงแสดงออกมาผ่านสีหน้าที่เป็นกังวลของฉัน อลิซที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงเลื่อนมือมาบีบมือของฉันเบา ฉันได้เเต่ยิ้มพร้อมบีบมือเพื่อนกลับไปเบาๆ เช่นกัน

ระหว่างที่นั่งเรียนบรรยากาศกดดันพวกนั้นก็ไม่มีอีกเเล้ว ทำให้ฉันหายใจได้คล่องขึ้นมาก จนกระทั่งเลิกเรียนอลิซก็รีบประคองฉันออกมาจากห้องเรียนตรงดิ่งไปร้านประจำของพวกเราทันที

“พี่รินสวัสดีค่ะ”

“หวัดดีจ้ะ เลิฟ อลิซ”

หลังจากที่ทักทายเจ้าของร้านเราทั้งคู่ก็เลือกนั่งที่โต๊ะในสุดติดเคาท์เตอร์ที่เดิม โดยที่สั่งเมนูและเครื่องดื่มแบบเดิมที่พวกเราชอบ ระหว่างนั้นอลิซก็เอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้ สีหน้าท่าทางของเพื่อนทำเอาฉันหัวเราะออกมาเบาๆ

“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย เล่ามาว่าเรื่องเมื่อเช้ามันเป็นมายังไง เอาแบบละเอียดยิบเลยนะ”

ฉันถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียด โดยไม่มีขาดตกบกพร่องเลยเเม้เเต่คำเดียว ระหว่างที่เล่าไปยัยเพื่อนคนนี้ก็เดี๋ยวอ้าปากค้างบ้าง ทำท่าจะร้องไห้บ้าง ทำหน้าซีดปากสั่นบ้าง ถึงมันจะดูตลกแต่ฉันกลับขำไม่ออกเลยสักนิดเดียว ความรู้สึกกังวลเริ่มกลับมาอีกครั้ง

“รัก...แล้วแบบนี้เราจะไม่ถูกแฟนคลับของฌอนเล่นงานอีกครั้งเหรอ” เเละอลิซก็พูดในสิ่งที่ฉันกังวลออกมา สีหน้าเพื่อนก็เเสดงออกมาชัดเจนว่าเธอก็กังวลอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“คงไม่หรอก...มั้ง” ฉันตอบไม่ค่อยเต็มเสียง เพราะไม่มั่นใจสักนิดว่าเรื่องพวกนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นอีก

“แต่เมื่อเช้าก็มีหลายคนเห็นว่ารักเดินลงมาจากรถของฌอน เราว่ามันต้องเกิดเรื่องอีกแน่ รักเราสองคนจะทำยังไงดี”

ท่าทางกระสับกระส่ายของเพื่อนยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิด อลิซกลัวมากเพราะเเววตาของเธอบอกชัดเจน ส่วนคนที่ทำให้เธอต้องกลัวเเบบนี้ก็คือฉันอีกแล้ว เป็นฉันอีกแล้วที่ทำให้เพื่อนต้องเดือดร้อนไปด้วย

“อลิซขอโทษนะ เราขอโทษจริงๆ”

“รัก...คือเราเเค่กลัวมากไปหน่อย มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ รักอย่างขอโทษเลยนะ รักไม่ได้ผิดสักหน่อย” อลิซจับมือของฉันแน่น สีหน้ารู้สึกผิดทำให้ฉันรู้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่เคยโทษหรือโกรธฉันเลย

“บอกตามตรงนะฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน ว่าเรื่องมันจะไม่กลับไปเป็นเเบบเมื่อก่อนอีก อลิซอาจจะต้องเจ็บ…”

“เฮ้อ~ ถ้าเราบอกว่าไม่เป็นไรมันก็คงดูโกหกอ่ะนะ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็จะไม่ทิ้งรักให้สู้คนเดียวแน่นอน”

อลิซในตอนนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก เธอดูเข้มแข็งขึ้นเเม้ฉันจะรู้ว่าในใจของเธอตอนนี้กำลังกลัวมากก็ตาม เเต่เพราะฉันมีอลิซคอยอยู่ข้างๆ ความกลัวที่มันมีมากจึงลดน้อยลง เธอเป็นเพื่อนที่เข้มแข็งที่สุดในสายตาของฉัน เเม้เธอจะไม่สู้คนเเละไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง แต่เธอก็คือคนที่กล้าหาญมากในสายตาของฉัน

“ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกันเเละไม่ทิ้งเรานะ”

เราสองคนยิ้มให้กันและฉันก็มั่นใจว่าอลิซเข้าใจความหมายที่ฉันสื่อออกไปเช่นกัน การที่เรามีมิตรแท้เพียงแค่หนึ่งคนมันย่อมดีกว่ามีมิตรเป็นร้อยเเต่ไร้ซึ่งความจริงใจให้กัน ฉันว่าประโยคนี้มันเป็นเรื่องจริงที่สุดเลยล่ะ

“หลังจากนี้เราคงต้องระวังตัวกันมากขึ้นเเล้วละ” ฉันบอกอลิซด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“เราไม่ควรแยกกันต้องตัวติดกันเข้าไว้ เวลามีเรื่องอะไรอย่างน้อยจะได้ช่วยกันได้” อลิซบอกอย่างขึงขังพลางกำหมัดพร้อมสู้

ฉันเห็นก็ได้เเต่หัวเราะเพราะท่าทางที่เพื่อนทำไม่ได้ดูน่ากลัวเลย เเต่ก็ทำให้ฉันสบายใจขึ้นมากและเตรียมตั้งรับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นไปด้วยกัน

แต่ดูเหมือนเรื่องมันจะมารวดเร็วเสียเหลือเกิน เพราะมีเรียนช่วงบ่ายทำให้ต้องเดินกลับเข้ามาที่คณะอีกครั้ง แล้วก็มาเจอเข้ากับม่านฟ้าแสนสวย พร้อมกับเพื่อนสาวของเธออีกสองคนที่ก็สวยไม่แพ้กัน ฉันกับอลิซหันไปสบตากันเป็นอันรู้กันว่าให้เตรียมตั้งรับให้ดี ระหว่างที่กำลังเดินผ่านโต๊ะที่ม่านฟ้ากำลังนั่งอยู่ เธอก็ไม่รอช้าเรียกชื่อของฉันออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“เลิฟ…”

เราสองคนมองหน้ากัน เเล้วม่านฟ้าก็ทำเรื่องที่ทำให้ฉันเเละอลิซต้องตกใจ เพราะเธอเอื้อมมือมาจับที่ข้อมือของฉันและตวัดมันใส่หน้าสวยๆ ของตัวเองสุดแรง พร้อมกับร้องไห้อ้อนวอนและจิกทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

ภาพตรงหน้าทำฉันตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองหน้าม่านฟ้าที่ตอนนี้มันปรากฏรอยเเดงเป็นรูปห้านิ้วอย่างชัดเจน แล้วเธอก็ทำให้ฉันตกใจจนช็อกมากกว่าเดิม เมื่อปากที่อวบอิ่มของเธอร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ และบอกว่าฉันคือคนที่ทำร้ายร่างกายของเธอ

“อย่าทำฉันเลยเลิฟ ฉันกลัวเธอแล้ว ได้โปรด….”

ม่านฟ้าลงไปนั่งพับเพียบที่พื้น โดยมีเพื่อนสาวของเธอขนาบข้างทำหน้าตาตกใจตื่นกลัวสุดจิตสุดใจ ส่วนฉันก็ยิ่งกว่าเหวอ เมื่อเห็นว่ามีนักศึกษาหลายคนที่เดินเข้ามาหยุดยืนดูกันเต็มไปหมด ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ฉันไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่แถวนี้เลยด้วยซ้ำ เสียงร้องไห้ที่น่าสงสารของม่านฟ้าสามารถเรียกความสงสารของทุกคนได้เป็นอย่างดี เพราะตอนนี้สายตาตำหนิกำลังประนามว่าฉันเป็นตัวร้ายที่เข้าไปตบดีนางเอกผู้น่าสงสารเสียอย่างนั้น

“ม่านฟ้า...เธอ…” ฉันพูดอะไรไม่ออกได้เเต่มองสาวสวยตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

ฉันไม่คิดว่าม่านฟ้าจะกล้าทำถึงขนาดนี้ เเละเป็นเธออีกแล้วที่ทำให้ฉันต้องรู้สึกอึดอัดกับสายตาต่อว่าของคนอื่นทั้งที่ฉันไม่ได้เป็นคนผิด ฉันต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ก็เพราะผู้หญิงคนนี้ที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าเธอคือผู้หญิงเพียบพร้อมแสนดีซึ่งมันตรงข้ามกับฉัน เพราะฉันไม่สวยไม่โดดเด่นทุกคนถึงได้เชื่อคำพูดทุกคำที่เธอบอก โดยที่ตัดสินว่าฉันคือคนผิด ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ฟังในสิ่งที่ฉันจะพูดเลย

“เธอนี่ร้ายอย่างที่เขาลือกันจริงๆ ด้วย เห็นเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร ที่แท้ก็ร้ายอย่างนี้นี่เอง” เพื่อนสาวของม่านฟ้าต่อว่าฉันด้วยน้ำเสียงสั่นเทาราวกับว่ากลัวฉันนักหนา ทั้งที่เเววตาของเธอกำลังชอบใจอยู่เเท้ๆ

“นั่นสิ! ตอนแรกที่ฉันได้ยินว่าเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจ ฉันก็ยังไม่เชื่อหรอกนะ จนได้มาเห็นกับตาของตัวเองก็วันนี้นี่เเหละ”

เพื่อนอีกคนของม่านฟ้าก็พูดสำทับเสียงดังเหมือนจะให้คนทั้งคณะได้ยิน เเละมันก็เป็นไปดั่งที่ใจของพวกเธอต้องการ เพราะทั้งคณะได้ยินมันจริงๆ สายตาทิ่มแทงต่อว่าดูแคลนจากคนทั้งคณะถูกส่งมาให้ฉันนับไม่ถ้วน

“ฉันเปล่า...ฉันไม่ได้ทำอย่างที่พวกเธอบอกเลย” ฉันปฏิเสธกลับไปเหมือนเช่นทุกครั้ง

เเต่รู้อะไรไหม....สายตาของพวกเขามันบอกว่าไม่เชื่อเลยสักนิดในสิ่งที่ฉันพูด ผลลัพธ์มันก็เหมือนเดิมอย่างเช่นที่เคยเป็น ฉันถูกประนามถูกเกลียดชังอีกครั้ง แล้วครั้งนี้มันทำให้ฉันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหนๆ เพราะเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกับฉันก็มองฉันด้วยสายตาผิดหวังเช่นกัน ฉันคิดว่าฉันเข้ากับเพื่อนในห้องได้บ้างเเล้ว ทุกอย่างกำลังจะเป็นอย่างที่ฉันฝันมาตลอด แต่ทุกอย่างก็ต้องล้มครืนลงมาอีกครั้ง เพราะผู้หญิงที่ชื่อม่านฟ้าคนนี้

“ม่านฟ้าเธอเป็นคนจับมือฉันไปฟาดหน้าของเธอเองนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเลย เธอทำตัวเองต่างหาก” เเม้ว่าตอนนี้ทุกคำพูดของฉันจะไม่มีใครเชื่อ เเต่อย่างน้อยขอให้ฉันได้แก้ต่างให้ตัวเองบ้าง ให้ฉันได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองบ้างเถอะ

“จริงๆ นะ เราเป็นพยานได้ ม่านฟ้าเป็นคนตบหน้าตัวเองจริงๆ เลิฟไม่ได้ทำจริงๆ” อลิซก็ช่วยยืนยันสิ่งที่ฉันพูดด้วย

“เธอทำผิดขนาดนี้เเล้วยังไม่ยอมรับอีกเหรอ อีกอย่างเธอสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว นี่ๆ ทุกคนเห็นไหมว่าหน้าของม่านฟ้ามีรอยมือจริงๆ” เพื่อนของม่านฟ้าเถียงขึ้นสุดเสียงพร้อมกับหันไปมองทุกคนที่มุงดูอยู่พร้อมกับชี้ไปที่แก้มของม่านฟ้าเพื่อยืนยันคำพูดของเธอ

“เลิฟ เธอทำผิดก็ควรขอโทษนะไม่ใช่มาโยนความผิดให้คนอื่นแบบนี้”

และเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น เมื่อหันไปมองฉันก็เห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมคณะ เราเคยเรียนวิชาเดียวกันตอนปีหนึ่ง ซึ่งเราก็ไม่ได้สนิทอะไรกัน เเค่เพื่อนรวมคณะเท่านั้น

“ใช่! ทำผิดก็ควรยอมรับผิดสิ แค่ขอโทษมันคงไม่ทำให้เธอเสียหน้าหรอกนะ” เเล้วก็ตามด้วยเสียงกดดันอีกหลายเสียงที่ดังตีเข้าแสกหน้าของฉันไม่หยุด

ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าโลกมันโหดร้ายและไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ทำไมฉันต้องถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวด้วย ฉันไปทำอะไรให้ใครนักหนาสิ่งเลวร้ายพวกนี้ถึงได้คอยวนมาทำร้ายความรู้สึกของฉันอยู่ตลอด ฉันจะมีความสุขใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนกับคนอื่นๆ บ้างไม่ได้เลยเหรอ ทำไมเบื้องบนต้องกลั่นแกล้งฉันแบบนี้ด้วย

“ฉันไม่ได้ทำ…” ฉันเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็หยดลงพื้นหยดแล้วหยดเล่า

ฉันกำหมัดแน่นพูดปฏิเสธอยู่ซ้ำๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม ต่อให้ฉันตะโกนใส่หน้าพวกเขาจนเสียงแห้งก็คงไม่มีใครเชื่อฉันอยู่ดี เเต่ลึกๆ ในใจที่มันเจ็บช้ำก็ยังคงหวังว่าจะมีสักคนที่เชื่อฉันบ้างหรือแค่พยายามเชื่อก็ได้ ขอแค่นั้นจริงๆ…

“เลิฟ อลิซ ยังไม่เข้าเรียนอีกเหรอ”

แล้วในช่วงที่บรรยากาศกำลังน่าอึดอัด เสียงทุ้มที่คุ้นหูก็ดังแทรกผ่าเข้ามากลางวง พร้อมกับร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวขึ้น เสียงที่ร่าเริงของผู้ชายตรงหน้าเปรียบเสมือนเสียงสวรรค์ของฉันจริงๆ

“กาย!”

นี่ไม่ใช่เสียงของฉันหรอกนะ เเต่เป็นเสียงของม่านฟ้าที่อุทานออกมาอย่างตกใจ ดวงตาคู่สวยของม่านฟ้าเบิกกว้างขึ้น พร้อมกับจดจ้องไปที่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉัน ดวงตาของเธอไหวระริกสีหน้าดูตื่นกลัวจนฉันเองก็แปลกใจ สีหน้าและท่าทางของม่านฟ้าไม่ได้ดูเสแสร้งแกล้งทำเหมือนก่อนหน้านี้เลย มันดูเหมือนว่าเธอกำลังหวาดกลัวจริงๆ ส่วนคนที่ทำให้เธอกลัวก็กำลังยืนยิ้มไม่รับรู้ถึงสีหน้าของเธอเลย แต่ถึงมุมปากของกายจะแต้มไปด้วยรอยยิ้มน่าเคลิบเคลิ้ม แต่ฉันกลับสัมผัสได้ว่ารอยยิ้มนั้นมันน่ากลัวแปลกๆ ไหนจะแววตาที่เย็นเยือกของกายนั่นอีก มันบอกไม่ถูกจริงๆ

“เอ้า! คุณคนสวยดาวมหาลัย ทำไมลงไปนั่งเล่นที่พื้นแบบนั้นล่ะครับ” กายหันไปทักม่านฟ้าด้วยท่าทางตกใจ แต่ฉันมองออกว่าเขากำลังดูเสแสร้งแกล้งมากกว่า

สองคนนี้รู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นเหรอ…

“มาเดี๋ยวผมช่วยเอง” กายพูดโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของม่านฟ้า ก้มลงไปช้อนตัวของม่านฟ้าขึ้นมาไว้ในวงแขนอย่างรวดเร็ว

ฉันได้แต่มองกายทีมองม่านฟ้าทีอย่างงงๆ ความรู้สึกที่ถูกทำร้ายจิตใจก่อนหน้านี้มันหายเป็นปลิดทิ้ง ความรู้สึกที่เข้ามาแทนที่คือความแปลกใจและสงสัยกับท่าทีของสองคนนี้มากกว่า

“มะ...ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้” ม่านฟ้าพยายามดิ้นปฏิเสธ เเต่กายไม่ได้สนใจกับท่าทางนั้นของม่านฟ้าเลย เขาเริ่มออกเดินเเละทิ้งให้ทุกคนที่ยังยืนนิ่งมองพวกเขาด้วยความงงงวย

“เอ่อ…”

และทุกคนก็แยกย้ายกันแบบงงๆ รวมถึงฉันกับอลิซด้วย เหมือนทุกคนจะลืมไปด้วยซ้ำว่าเมื่อกี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น กลายเป็นว่าเรื่องของกายกับม่านฟ้ากลับเป็นที่พูดถึงมากกว่าเรื่องที่ฉันตบหน้าดาวมหาลัยเสียอีก ซึ่งมันก็เป็นผลดีกับฉันมาก ฉันได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติสุข เเม้จะมีสายตาชิงชังส่งมาให้บ้าง เเต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ฉันกังวล

“นี่ก็อาทิตย์นึงแล้วนะที่ม่านฟ้าเงียบหายไป เราว่ามันแปลกๆ นะ” อลิซพูดขึ้นหลังจากที่เรากำลังเดินไปกินข้าวเที่ยงที่คณะวิศวะ

วันนี้เป็นวันที่ต้องมาเรียนรวมกับคณะวิศวะ ซึ่งฉันก็ต้องมาเจอกับฌอนอีกครั้ง หลังจากที่เกิดเรื่องวันนั้นฉันก็ไม่ได้พบเขาอีกเลย ส่วนข้อเท้าที่พลิกตอนนี้ฉันก็ไม่ได้พันผ้าแล้ว กลับมาเดินได้เหมือนปกติเเต่ก็ไม่ถึงกับร้อยเปอร์เซ็นต์ จะมีบ้างที่ฉันจะรู้สึกแปลบๆ เวลาที่ต้องเดินนานๆ หรือลงน้ำหนักมากเกินไป ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังรู้สึกโล่งสบายกว่าตอนมีอะไรมาพันข้อเท้าเอาไว้ล่ะน่ะ

“เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราไม่ควรประมาทจะดีที่สุด”

“รักแต่เราก็ยังสงสัยเรื่องของกายกับม่านฟ้าอยู่นะ เห็นเค้าลือกันว่าม่านฟ้ากับกายเป็นแฟนกันด้วยแหละ” ฉันหันไปมองอลิซอย่างตกใจที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองคน

“จริงเหรอ?”

“ฉันก็ไม่รู้ว่าเรื่องจริงไหม เเต่ฉันได้ยินหลายคนพูดกันแบบนั้น แถมในอินสตราแกรมของกายก็ลงรูปของม่านฟ้าที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงรวมถึงรูปของม่านฟ้าอีกหลายรูป เราว่าสองคนนี้ไม่ใช่แค่คนรู้จักกันเฉยๆ แล้วล่ะ” อลิซพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหลังจากที่เราเดินซื้อข้าวเเละหาที่นั่งได้แล้ว

“แต่เราว่าสองคนนั้นก็ดูเหมาะสมกันดีนะ ผู้หญิงก็สวยผู้ชายก็หล่อ” ฉันรู้สึกอย่างที่พูดออกไปจริงๆ แต่ถ้าเรื่องนิสัยของม่านฟ้าอันนี้ฉันไม่รู้จะบอกยังไงดี

จริงอยู่ที่ฉันมักจะต้องเจอปัญหาก็เพราะม่านฟ้าคนนี้ แต่ลึกลงไปแล้วฉันกลับรู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่เธอแสดงออกไป เหตุการณ์ต่างๆ ที่ฉันกับอลิซถูกกลั่นแกล้งจะไม่ค่อยเห็นม่านฟ้าเข้ามาแสดงตัว เพราะส่วนใหญ่จะเป็นพวกแฟนคลับหรือคนสนิทของม่านฟ้าเสียมากกว่า แล้วทุกคนมักจะอ้างว่าม่านฟ้าเป็นคนสั่งพวกเธอมา

ซึ่งมีอยู่เพียงสองครั้งเท่านั้นที่ม่านฟ้าเดินเข้ามาหาฉันด้วยตัวเอง แต่น่าแปลกที่ครั้งนั้นเธอเพียงแค่เดินเข้ามาถามฉันเรื่องข่าวลือของฌอนกับตัวเธอเท่านั้น แม้เธอจะแสดงความไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ทำรุนแรงอะไรกับฉันเลย มันก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน

ส่วนครั้งล่าสุดนี้เธอก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกายของฉัน เเต่เลือกที่จะแสดงละครว่าฉันทำร้ายเธอแทน อาจเป็นเพราะว่าเธอห่วงภาพพจน์ของตัวเองที่เป็นสาวสวยเพียบพร้อมเลยต้องซ่อนด้านร้ายของตัวเองเอาไว้ไม่อยากให้ใครเห็นละมั้ง แต่ก็มีหลายครั้งที่ทำให้ฉันรู้สึกสงสัยว่าตกลงแล้วม่านฟ้าเป็นคนยังไงกันแน่

“ถึงไม่อยากจะพูดแบบนี้ แต่ฉันก็คิดว่าสองคนนั้นดูเหมาะสมกันมากจริงๆ แถมรูปของม่านฟ้าที่กายถ่าย ทำไมมันถึงได้ดูแตกต่างจากม่านฟ้าที่เรารู้จักก็ไม่รู้ รักว่าไหม?” อลิซตักข้าวเข้าปากพลางขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

“นั่นสิเราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน หรือว่าเราจะมองม่านฟ้าผิดไป ม่านฟ้าอาจจะไม่ได้ร้ายอย่างที่เห็น แต่เพราะเธอมีเหตุผลบางอย่างเธอถึงเลือกทำแบบนั้น”

“หรือไม่ม่านฟ้าก็อาจจะแกล้งทำเป็นคนดีต่อหน้ากาย” อลิซพูดสวนขึ้น

“แต่ฉันว่าไม่น่าจะใช่นะ ม่านฟ้าที่อยู่กับกายดูไม่ได้เสแสร้งเลยสักนิด เธอดูเป็นตัวของตัวเองเเละดูมีความสุขมากทีเดียว”

แววตาของม่านฟ้าดูเหมือนสาวน้อยที่ร่าเริงสดใส รอยยิ้มกว้างที่ออกมาอย่างจริงใจ มันทำให้ฉันสับสนจริงๆ ในตอนนี้

“เอาเถอะๆ เราอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะ รีบกินเเล้วรีบเข้าเรียนดีกว่าเดี๋ยวจะสายเอา”

“อือ…”

หลังจากนั้นเราสองคนก็เดินเข้าเรียน ใจฉันมันเต้นเร็วอย่างบอกไม่ถูกระหว่างที่นั่งรออาจารย์เข้ามาสอน รวมถึงรอใครบางคนด้วย จนกระทั่งหมดคาบเรียน ฉันก็ไม่พบฌอนรวมถึงร็อคด้วย พวกเขาเหมือนจะไม่เข้าเรียน เเละก็เป็นอะไรที่น่าปวดหัวสิ้นดีที่อาจารย์ให้รายงานมาทำด้วย ซึ่งต้องทำคู่กับบัดดี้ที่อาจารย์ได้จับคู่ไว้ให้ เเต่ว่าทั้งฉันและอลิซบัดดี้ไม่ได้เข้าเรียนในวันนี้ เราสองคนก็ต้องทำในส่วนของบัดดี้ไปโดยปริยาย ส่วนที่จะให้ฉันไปตามหาตัวฌอนเเละบอกให้ทำงานในส่วนของเขาฉันก็ไม่กล้า อีกอย่างฉันไม่รู้จะไปบอกเขายังไงที่ไหน ฉันไม่มีแม้กระทั่งเบอร์โทรของเขาด้วยซ้ำ

“นี่เราต้องทำรายงานให้พวกเขาจริงๆ ใช่ไหม” อลิซถามด้วยท่าทางท้อแท้หมดแรง

“ก็คงต้องอย่างนั้นแหละ เพราะเราไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนนี่” ฉันเองก็มีท่าทางไม่ได้ต่างไปจากเพื่อนรักเลย

“แค่งานตัวเองฉันก็ทำแทบไม่ทันอยู่แล้ว ไหนจะต้องไปทำงานพิเศษอีก ฉันจะเอาเวลานอนที่ไหนเนี่ย” อลิซโอดครวญตอนที่เดินออกมาจากคณะ

อลิซต้องทำงานพิเศษที่คลับ ซึ่งเธอจะทำงานในส่วนของห้องครัว อย่างเช่นรับออเดอร์แล้วส่งให้กับเชฟอีกทีอะไรประมาณนั้น แม้จะไม่เหนื่อยเท่ากับพนักงานเสิร์ฟ เเต่ก็เหนื่อยเอาการเหมือนกัน บางครั้งเธอก็ต้องช่วยหันผัก ล้างจาน ช่วยผัด ช่วยทอดก็แล้วแต่เชฟจะสั่ง

“ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างเถอะอลิซ เราเป็นห่วง”

จริงๆ แล้วอลิซไม่ต้องทำงานพิเศษเลยก็ยังได้ เพราะแม่บุญธรรมของอลิซที่เสียไป ท่านได้ยกสมบัติทั้งหมดให้กับเธอ ทั้งบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมือง ที่ดินหลายสิบไร่ในต่างจังหวัด รวมถึงคอนโดห้องชุดที่อลิซอยู่ตอนนี้และเงินอีกจำนวนหนึ่ง แต่เพื่อนรักของฉันกลับบอกว่าไม่กล้าที่จะเอาของพวกนั้นมาเป็นของตัวเอง ถึงเเม้ว่าจะเป็นลูกบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฏหมายและมีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติทั้งหมด แต่เธอก็อยากจะเก็บสมบัติทุกบาททุกสตางค์เอาไว้ให้กับญาติที่แท้จริงของคุณแม่มากกว่า อลิซเชื่อว่าคุณแม่บุญธรรมของเธอนั้นมีหลานสาวอยู่หนึ่งคนและท่านเฝ้าตามหาหลานสาวคนนั้นมาตลอด แล้วก็เชื่อว่าวันหนึ่งหลานสาวตัวจริงจะต้องปรากฏตัวขึ้นอย่างแน่นอน เพื่อนของฉันเลยตั้งใจแน่วแน่ว่าจะรักษาทรัพย์สมบัติทั้งหมดเอาไว้เเละจะมอบให้เมื่อวันนั้นมาถึง

เรื่องราวชีวิตของอลิซยิ่งกว่าละครเสียอีก ภายนอกที่คนอื่นเห็นและรับรู้ก็คืออลิซเป็นเด็กกำพร้าที่มีแม่บุญธรรมคอยอุปถัมภ์ เพื่อนของฉันไม่ค่อยนิยมของแบรนด์เนม(ไม่นับที่ฉันซื้อให้เป็นของขวัญนะ)เธอบอกว่าสิ้นเปลืองเเละไม่ได้จำเป็นกับการใช้ชีวิตของตัวเองเลย ทุกคนไม่ระแคะระคายสักนิดว่าอลิซจะเป็นเศรษฐีอายุน้อย ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่อยากให้ใครมองว่าเธอเป็นคนร่ำรวยเช่นกัน เพราะสมบัติทั้งหมดได้มาจากหยาดเหงื่อของคุณเเม่บุญธรรมทั้งนั้น เธอไม่กล้าจะฉกฉวยมาเป็นของตัวเองเด็ดขาด เเม้ว่าตอนนี้สมบัติทั้งหมดจะมีชื่อของอลิซเป็นเจ้าของก็ตาม

“เราอยากเก็บเงินไว้เยอะๆ นี่ จะเก็บเผื่อโปรเจคจบเอาไว้ด้วย เลยหยุดตอนนี้ไม่ได้”

นั่นไงคำพูดที่ใครฟังก็คิดว่าเพื่อนของฉันนั้นลำบากยากจนเสียเหลือเกิน แต่ที่ไหนได้...เพื่อนฉันแค่งกมากไปหน่อยเท่านั้นเอง

“เฮ้อ….ยังไงก็พักบ้างนะอย่าหักโหม มีอะไรให้เราช่วยก็บอกนะ” ฉันพยักหน้าอย่างยอมแพ้ ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องสมบัติที่เพื่อนมีอีก เพราะเคยพูดอยู่หลายครั้ง เเล้วทุกครั้งอลิซก็พูดประโยคเดิมว่านั่นไม่ใช่สมบัติของเธอ

“ขอบใจจ้ะ...แล้วรักจะกลับเลยไหม พอดีวันนี้เราต้องเข้างานเร็วน่ะ” อลิซหยุดยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์เเละหันมาถามฉันอย่างเกรงใจ

“อลิซไปทำงานเถอะเรากลับได้” ฉันยิ้มให้พอดีกับรถเมล์สายที่อลิซต้องขึ้นมาจอดเทียบพอดี

“เราไปก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน บาย”

“พรุ่งนี้เจอกัน”

ฉันโบกมือให้อลิซจนรถค่อยๆ เคลื่อนออกไปจนลับสายตา ก่อนจะตัดสินใจเดินข้ามถนนไปยังคาเฟ่ร้านประจำของตัวเอง เพื่อซื้อเค้กรวมถึงมื้อเย็นกลับไปกินที่ห้องด้วย วันนี้ฉันขี้เกียจทำอาหารเอง เพราะยังมีรายงานที่ต้องทำอีกเยอะ พอนึกถึงรายงานฉันก็ถอนหายใจออกมาอย่างยืดยาว

“ทำไมวันนี้มาคนเดียวล่ะเลิฟ” เสียงของพี่รินทักอย่างสดใสเหมือนเช่นเคย

“อลิซต้องไปทำงานพิเศษน่ะค่ะ” ฉันตอบก่อนจะทรุดลงนั่งที่หน้าเคาท์เตอร์บาร์

“อย่างนั้นเหรอ แล้ววันนี้เลิฟจะเอาอะไรดีล่ะ” เจ้าของร้านคนสวยหยิบสมุดเล่มเล็ก พร้อมปากกาเตรียมขึ้นมาจดออเดอร์

“เอาสปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเลเหมือนเดิมค่ะกับช็อคโกแลตหน้านิ่มสองชิ้น เอากลับบ้านค่ะ” ฉันยิ้มกว้างและจ้องเค้กที่ตัวเองเพิ่งสั่งไปตาเป็นมัน

“โอเคจ้ะ รออาหารสิบนาทีนะจ๊ะ”

พี่รินเดินเข้าไปสั่งพ่อครัวเเละเดินออกมารับออเดอร์อีกครั้งเมื่อมีลูกค้าเข้ามาใหม่ ระหว่างที่นั่งรออาหารของตัวเองฉันก็หยิบมือถือขึ้นมานั่งเล่นเกมส์ฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ก่อนจะรู้สึกว่ามีใครบางคนมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ เมื่อรู้สึกแบบนั้นฉันก็ขยับตัวถอยห่างออกมาอีกเล็กน้อย โดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง

“นี่…นี่ยัยมัมมี่!”

เอ๊ะ! ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ นะ

“ฉันเรียกเธอนั่นแหละยัยมัมมี่ผีดิบเดินได้!”

เสียงเดิมตะคอกกลับมาทำให้ฉันหันไปมองทางต้นเสียงทันที แล้วก็ชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋เมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร

“พี่ฌอน!”

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“เอ่อ…” สีหน้ากระหายเลือดของคนตรงหน้าทำเอาฉันใบ้กินและกลัวเขาขึ้นมาจับใจ

“เดี๋ยวนี้!”

“เลิฟอาหารและเค้กที่สั่งได้แล้วจ้ะ” พี่รินที่ไม่รู้เรื่องอะไรเดินออกมาจากครัว พร้อมกับถุงอาหารที่มีกินหอมฉุยลอยออกมา

ถ้าฉันบอกว่าตอนนี้ฉันสนใจอาหารในถุงมากกว่ากลัวฌอนทุกคนจะเชื่อฉันไหม…

“ขอบคุณค่ะ เลิฟไปก่อนนะคะ” ฉันบอกลาเจ้าของร้าน ก่อนจะเดินตามหลังร่างสูงออกมา

“เธอทำร้ายม่านฟ้าทำไม?”

ฉันยังไม่ทันจะเดินพ้นประตูร้านเสียงเข้มก็เอ่ยถามในทันที แววตาแข็งกร้าวจ้องมองฉันไม่วางตา ฉันที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกก็ได้เเต่ยืนนิ่ง มองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“ฉันถามว่าเธอตบหน้าฟ้าทำไม!” ฌอนตะคอกเสียงดังจนฉันสะดุ้งสุดตัว พลางถอยห่างจากเขามาอีกก้าว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • BAD BABY (SEAN) : ตกหลุมรักร้าย...นายจอมโหด   BAD BABY (SEAN) บทส่งท้าย/2

    หลังจากนั้นเราก็นอนคุยกันอีกนิดหน่อย และน่าแปลกที่ฉันกลับไม่รู้สึกง่วงเลย คงเพราะยังตื่นเต้นกับงานหมั้นที่กระทันหันอยู่ละมั้ง ทำให้ตอนนี้ฉันได้แต่นอนไถไอแพดเพื่อไล่อ่านคอมเมนต์ในไอจีของตัวเองที่ฉันเพิ่งจะลงรูปงานหมั้นลงไปถึงแม้ไอจีของฉันจะเพิ่งเปิดเป็นสาธารณะเมื่อตอนไปทริปเที่ยวทะเล แต่กลายเป็นว่าผู้ติดตามไอจีกลับเพิ่มขึ้นทีเดียวหลายพันคนภายในเวลาไม่กี่วัน ส่วนคนที่ขอให้ฉันเปิดเป็นสาธารณะก็คือคนตัวโตที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆ นี่แหละ โดยเขาให้เหตุผลปนน้อยใจที่เห็นไอจีส่วนตัวของฉันลงรูปคู่แค่รูปเดียวเท่านั้น ก็คือรูปที่เราถ่ายกันที่ร้านอาหารในตอนนั้น ทั้งๆ ที่ไอจีของพี่ฌอนลงรูปฉันแทบจะทุกวันในอิริยาบทต่างๆ ถ้าฉันเป็นเขาฉันก็คงน้อยใจเหมือนกัน“คนมาแสดงความยินดีกับเราเยอะเกินคาดเลยนะเนี่ย” ฉันนั่งดูข้อความพวกนั้นที่มีมากถึงห้าร้อยกว่าคอมเมนต์ รวมถึงมีคนกดหัวใจให้อีกครึ่งหมื่น“แต่ก็สู้ของพี่ไม่ได้หรอก” พูดเสร็จพี่ฌอนก็ส่งโทรศัพท์มาให้ฉันดูฉันหยิบมาดูก่อนจะตกใจที่เห็นคนกดหัวใจงานหมั้นของเราถึงสองหมื่นและคอมเมนต์อีกเกือบสองพันคอมเมนต์“เยอะมากเลยค่ะ” ฉันหันไปบอกด้วยความตกใจ ก่อนที่มือจะ

  • BAD BABY (SEAN) : ตกหลุมรักร้าย...นายจอมโหด   BAD BABY (SEAN) บทส่งท้าย/1

    หมดทริปทะเลมาหมาดๆ ฉันก็มีเวลาเตรียมตัวเพียงแค่สองวัน ก่อนจะบินต่อไปอังกฤษเพื่อเยี่ยมครอบครัว ซึ่งครั้งนี้พิเศษหน่อยเพราะมีผู้ชายหน้าดุติดสอยห้อยตามไปด้วย เหตุผลก็อย่างที่รู้พี่ฌอนอยากจะไปเจอกับครอบครัวของฉันอย่างเป็นทางการและอยากจะพูดเรื่องหมั้นด้วยแต่เมื่อบินไปถึงบ้านที่อังกฤษฉันก็ถึงกับงง เมื่อเห็นว่าบ้านของตัวเองเปลี่ยนไป เพราะคนมากมายที่ไหนก็ไม่รู้เดินขวักไขว่ไปมาดูวุ่นวายไปหมด บ้างก็กำลังจัดโต๊ะ บ้างก็กำลังจัดดอกไม้ ราวกับว่าที่บ้านกำลังมีงานใหญ่ ตลอดทางที่เดินไปฉันก็คอยหันซ้ายหันขวามองตามผู้คนเหล่านั้นด้วยความอยากรู้“ทำไมเราไม่รู้เลยว่าที่บ้านจะมีงาน” ฉันพึมพำอยู่คนเดียวและยังคงมองตามคนที่กำลังง่วนอยู่กับงานตรงนั้น“เดี๋ยวเข้าไปก็รู้เองนั่นแหละ” เสียงทุ้มตอบกลับ พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆฉันมองคนข้างๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ อย่างไม่ได้คิดอะไรมาก“มากันแล้วเหรอลูก” เสียงคุณแม่ดังต้อนรับทันทีที่ฉันก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน“สวัสดีค่ะคุณแม่” ฉันยกมือไหว้ ก่อนจะโผเข้าสวมกอดผู้เป็นแม่ด้วยความคิดถึง“เหนื่อยไหมลูก” น้ำเสียงที่ดูห่วงใยไม่เคยเปลี่ยนจากผู้หญิงคนนี้ ทำให้ฉันอบอุ่นหัวใจทุกครั้งเลย“แ

  • BAD BABY (SEAN) : ตกหลุมรักร้าย...นายจอมโหด   BAD BABY (SEAN) ตอนจบ/2 : คนนี้ขอจอง

    ฉันหัวเราะหลังจากที่ได้ยินคำพูดของคนขี้หวง แต่ไม่ได้นึกโกรธหรือไม่พอใจอะไร เพราะชินแล้วกับความเกินเบอร์ของแฟนตัวเอง“ดีใจด้วยนะรัก” อลิซเดินเข้ามากอดหลังจากที่ฉันผละออกจากพี่ฌอน“ขอบคุณนะ เราดีใจที่อลิซอยู่ที่นี่เวลานี้กับเรานะ” ฉันกอดอลิซแน่นเช่นกัน รู้สึกมีความสุขมากที่มีเพื่อนคนสำคัญมาอยู่ในช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ด้วยกัน“เราเองก็ดีใจที่รักมีพี่ฌอนคอยดูแลแบบนี้ เราจะได้หมดห่วงสักที”“เราเองก็อยากเห็นอลิซมีคนคอยดูแลเหมือนกันนะ” ฉันผละออกและพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด ก่อนที่ใบหน้าของแวนจะปรากฎขึ้นมาในความคิด“...อลิซไม่สนใจน้องแวนบ้างเหรอ” ฉันไม่เสียเวลาเอ่ยถามออกไปตรงๆ เพราะอยากเห็นเพื่อนมีคนดีๆ คอยอยู่เคียงข้างเหมือนที่ตัวเองมีในตอนนี้“ทะ ทำไมถามแบบนั้นล่ะ” อลิซอึกอักแถมแก้มก็แดงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย“เอ๊ะ! หรือว่าคุยๆ กันอยู่ ถ้าเป็นน้องแวนเราเชียร์เต็มที่เลยนะ”“หา! เดี๋ยวๆ…” อลิซเหมือนจะพูดอะไร แต่ฉันก็ถามขึ้นอีกครั้งด้วยความตื่นเต้นดีใจ“ไปเริ่มคุยกันตอนไหนเหรอ หรือว่าหลังจากที่เราทานข้าวด้วยกันวันนั้น…ต้องใช่วันนั้นแน่ๆ เลย…”“รัก คือว่า…”“ไปทานอาหารได้แล้ว เย็นหมดแล้วมั้งน่ะ!”ฉันที่ตั้งใ

  • BAD BABY (SEAN) : ตกหลุมรักร้าย...นายจอมโหด   BAD BABY (SEAN) ตอนจบ/1 : คนนี้ขอจอง

    วันนี้ได้มาร่วมเป็นศักขีพยานในงานแต่งของเพื่อนใหม่ชาวเกาหลี ที่แม้ว่าพวกเราจะรู้จักกันไม่นาน แต่ในเมื่อได้รับเกียรติขนาดนี้ฉันก็ควรให้เกียรติกับเจ้าของงานด้วยเช่นกันงานแต่งถูกจัดริมทะเลยามที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน แสงสีส้มอมชมพูแผ่ไปทั่วท้องฟ้า ราวกับว่าพระอาทิตย์ดวงนี้มาร่วมเป็นสักขีพยานให้กับความรักของคนทั้งคู่ด้วย ลมที่พัดปะทะหน้าเอื่อยๆ เย็นสบายบวกกับเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ ทำให้บรรยากาศดูสบายๆ เรียบง่ายและอบอุ่นผู้คนที่มาร่วมงานล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวและเพื่อนสนิทที่มาแสดงความยินดีกับคู่แต่งงานใหม่ ทุกคนมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะบ่งบอกว่าพวกเขาเองก็มีความสุขไม่น้อยไปกว่าคู่แต่งงานเลยการที่ครอบครัวจะยอมรับในสิ่งที่พวกเขาเลือก ฉันคิดว่าพวกเขาก็ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมาไม่น้อย เหมือนคู่ของฉันที่กว่าจะมาลงเอยกันได้แบบนี้ก็มีเรื่องให้เข้าใจผิดเจ็บปวดทั้งกายและใจมาไม่น้อย แต่เมื่อความจริงเปิดเผยเราได้เห็นตัวตนของกันและกัน ทุกอย่างถึงคลี่คลายในทางที่ดีแบบนี้ได้“หิวรึเปล่า? ให้พี่ไปตักอะไรให้ไหม” เสียงทุ้มคุ้นหูกระซิบถาม หลังจากที่ฉันเอาแต่เหม่อมองคู่แต่งงานใหม่อยู่นาน“ไม่ค่อยหิวเลยค่ะ” ฉันยิ้

  • BAD BABY (SEAN) : ตกหลุมรักร้าย...นายจอมโหด   BAD BABY (SEAN) 47/2 : go to the beach

    เราทั้งคู่เดินซื้อของจนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเที่ยง อาการของเลิฟก็ดูท่าจะเหนื่อยแล้ว ผมเลยพาเธอมานั่งพักที่คาเฟ่ร้านหนึ่ง ซึ่งเลิฟดูจะถูกใจมาก ด้วยบรรยากาศที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สดสีหวาน พร้อมกับเบเกอรี่หลากหลายแบบที่ถูกจัดวางอย่างน่าทาน ทำให้คนที่คลั่งเบเกอรี่อย่างแฟนสาวของผมอดไม่ได้ที่จะแวะเข้าร้านนี้“รอพี่ที่นี่ เดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บที่รถก่อน”“ค่ะ”หลังจากที่สั่งเครื่องดื่มและขนมให้เลิฟเสร็จ ผมก็เดินไปยังรถที่จอดอยู่ห่างออกไป เพราะตอนนี้ในมือของผม มันเต็มไปด้วยของมากมาย ทั้งของฝากทั้งเสื้อผ้าและของกิน จนมือไม่มีที่ว่างจะถือของเพิ่มอีกแล้ว“ช็อปเก่งจริง แฟนใครวะเนี่ย” ผมบ่นอย่างไม่จริงจัง เพราะไม่ว่าเลิฟจะต้องการอะไร ผมก็เต็มใจให้ทุกอย่างอยู่แล้วพอเก็บของใส่รถเสร็จผมก็เดินกลับมาที่คาเฟ่ แต่ก็ต้องยืนนิ่งไปรู้สึกว่าตัวเองหน้าตึงคิ้วกระตุก เมื่อเห็นผู้ชายหน้าตาดีสองคนกำลังนั่งพูดคุยและยิ้มให้คนของผมอยู่ อารมณ์ที่ดีมาตลอดทั้งวันต้องมาสะดุดกับภาพตรงหน้าในทันที“โอ๊ะ! พี่ฌอนมาพอดีเลย” เลิฟที่หันมาเห็นว่าผมยืนอยู่รีบกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหา“นี่ใคร?” หลังจากที่นั่งลงผมก็รีบถามออกไปเสียงแข็ง

  • BAD BABY (SEAN) : ตกหลุมรักร้าย...นายจอมโหด   BAD BABY (SEAN) 47/1 : go to the beach

    (Sean’s Talk) “ออกค่ายสนุกไหม” เพราะไม่เจอหน้ากันหลายวันความคิดถึงมันเลยมีมาก อยากจะรู้ว่าคนตัวเล็กเป็นยังไงบ้าง แม้ว่าเราจะโทรคุยกันทุกวันก็ตาม“สนุกค่ะ แต่ก็เหนื่อยด้วย” สีหน้าสดใสกับรอยยิ้มกว้างเป็นเครื่องยืนยันในคำตอบได้เป็นอย่างดี“สนุกขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมยิ้มพลางเอื้อมมือไปจับแก้มนุ่มๆ ของเธอเล่นไปด้วย“ค่ะ เลิฟคิดว่าปีหน้าก็จะมาออกค่ายอาสาอีก” ใบหน้าเล็กเอียงหน้าซบบนฝามือของผมด้วยท่าทางออดอ้อน“ใครอนุญาต?” รู้ดีท่าทางที่เธอกำลังทำใส่ผมอยู่ตอนนี้คืออะไร คงอยากจะให้ผมใจอ่อนให้เธอไปน่ะสิ แต่คนอย่างผมแค่อ้อนนิดอ้อนหน่อยแล้วจะสำเร็จดั่งใจหวังละก็คิดผิดแล้วล่ะ“ฮือ พี่ฌอนขอเลิฟไปเถอะนะ หรือเราสองคนไปด้วยกันก็ได้” เลิฟเริ่มต่อลองดูท่าเธอคงจะติดใจค่ายอาสาเข้าแล้วจริงๆ“ขอคิดดูก่อนแล้วกัน” ผมวางท่าไปอย่างนั้นเองแหละ เพราะถ้าวันนั้นมาถึงผมคงไม่ยอมปล่อยให้เลิฟไปคนเดียวอีกแน่การที่ต้องห่างจากเธอทำให้ผมรู้สึกโหวงเหวงและเหงามาก แค่ได้ยินเสียงผ่านโทรศัพท์มันไม่พอสำหรับผมจริงๆ จนก่อนวันที่เลิฟจะเดินทางกลับผมทนต่อไปไม่ไหวต้องลากไอ้เพื่อนรักให้มันมาช่วยผมขับรถ เพราะระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ เลย พอฟังม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status