วันต่อมา
@บ้านใหญ่
"กินเยอะ ๆ นะลูก" เสียงนภาเอ่ยบอกลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนพลางตักอาหารใส่จานคนเป็นลูก
"ครับ" เพทาย ชายวัยกำลังจะสามสิบในไม่ช้าพยักหน้าตอบกลับแม่ตัวเองด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ทว่าภายใต้กรอบแว่นตาราคาแพงกลับมีแต่เพียงความเรียบนิ่ง
"แกให้มันเป็นคนทำโพรเจกต์นี้งั้นเหรอ" สุรชัยมองหน้าถามลูกชายคนโตขึ้น ซึ่งมันที่เขาพูดถึงก็คือแพทริคลูกชายอีกคนของเขาที่เป็นน้องชายต่างแม่ของเพทาย
"ครับ"
"โพรเจกต์นี้ไม่ใช่เล่น ๆ นะ..."
"ผมรู้ครับ ถ้าเกิดปัญหาอะไร ผมจะรับผิดชอบเอง"
"..." สุรชัยก็นิ่งจ้องมองหน้าคนเป็นลูกอยู่อย่างนั้น ก่อนจะผละสายตามองไปทางอื่นพลางพูดลอย ๆ
"มันดื้อมากนะ ระวังแกเอามันไม่อยู่" ชายวัยกลางคนบอก ซึ่งเพทายก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดหรือตอบอะไรกลับ เขาเองก็พอที่จะรู้จักนิสัยน้องชายต่างแม่ของตัวเองดี แพทริคเป็นคนค่อนข้างหัวรั้นแถมยังพยายามทำตัวนอกกรอบอยู่หลายครั้ง โดยทุกครั้งก็จะเป็นสุรชัยที่เป็นคนจัดการ แต่ก็นั่นแหละ สุรชัยจะใช้วิธีการจัดการไม่เด็ดขาด ถึงปากจะต่อว่า ใช้คำพูดไม่ดีกับแพทริค แต่สุดท้ายทุกครั้งก็มักจะให้ความสุขสบายแก่ลูกชายคนเล็กจนแพทริคเสียนิสัย ชอบใช้ชีวิตนอกกรอบ ผลาญเงินเล่นไปวัน ๆ ไม่เอาจริงเอาจังกับหน้าที่การงานหรือชีวิต ต่างจากเพทายที่จะต้องแบกรับหน้าที่ทุกอย่างไว้ เพราะเป็นพี่คนโตที่พ่อแม่สมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เป็นลูกชายที่เกิดมาโดยปราศจากความรักจากพ่อ
สุรชัยไม่ได้รักนภาที่เขาแต่งงานกับเธอก็เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ผิดกับมาริสา แม่ของแพทริคที่สุรชัยรักและคลั่งไคล้ในตัวของหญิงคนนั้นเป็นอย่างมาก แต่แล้ววันหนึ่งมาริสากลับทรยศหักหลังโดยการไปเล่นชู้กับหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของสุรชัย สุรชัยที่รู้เรื่องก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากได้จับทั้งสองไปขังทรมานจนในที่สุดทั้งสองก็ทนกับความน่ากลัวของผู้ทรงอิทธิพลไม่ไหว ตัดสินใจฆ่าตัวตายหนีปัญหาทุกอย่าง ทำให้เรื่องราวนี้กลายมาเป็นแผลใจของแพทริคกับสุรชัยที่มักจะไม่ลงรอยกัน ทว่ายังไงในความไม่ลงรอยนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความรักจากสุรชัยที่มีต่อลูกชายคนเล็กที่เกิดมาจากความรักจริง ๆ ของเขาที่มีต่อมาริสาในตอนนั้น
เขารักแพทริคมากกว่าเพทาย...
ซึ่งเพทายก็รู้ดี ชายหนุ่มรู้มาโดยตลอด...รู้ทุกอย่าง แต่เลือกที่จะเมินเฉยไม่ได้สนใจกับอะไรแบบนั้น เขาไม่เคยคิดอิจฉาหรืออะไรกับน้องชายตัวเองเลย ในทางกลับกัน เขาอยากให้แพทริคโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่ใช่ทำตัวเกเร ล่องลอยอยู่แบบนี้ ซึ่งก็เป็นอย่างที่พ่อเขาบอก แพทริคดื้อ ทั้งดื้อและไม่เห็นหัวใครในบางครั้ง มีหลายครั้งที่เพทายพยายามอดกลั้นใช้ความอดทนกับน้องชายตัวเอง ทว่าในบางครั้ง...ความอดทนของเขาก็หมดลง ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น แม้กระทั่งเสียงอ้อนวอนของแพทริค มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เวลาที่เพทายเอาจริง ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหยุดเขาไว้ได้ เขาเลือดเย็นกว่าที่หลายคนคิด
"ผมจัดการได้ครับ" เจ้าของใบหน้าหล่อหันเอ่ยบอกคนเป็นพ่อเสียงนิ่ง
"อืม ดูมันให้ดีด้วยก็แล้วกัน"
"..." เพทายพยักหน้ารับรู้ไม่พูดอะไร นภาที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ส่งยิ้มบาง ๆ ให้คนเป็นลูก เธอเองก็รู้ดีไม่ต่างจากเพทายว่าสุรชัยค่อนข้างที่ห่วงลูกชายคนเล็กมากกว่าใคร แต่นภาเองก็ไม่เคยมานั่งคิดเล็กคิดน้อยหรือโกรธเกลียดอะไรแพทริค เพราะสิ่งที่แพทริคได้เจอมาตั้งแต่เด็ก มันก็ค่อนข้างหนักสำหรับเด็กคนหนึ่ง ทำให้นภารู้สึกเอ็นดูและพยายามทำดีกับแพทริคอยู่เสมอ
"แล้วเรื่องสรุปโพรเจกต์..."
"จะมีขึ้นในอาทิตย์หน้าครับ แพทริคเป็นคนสรุป ผมอยากให้พ่อไปเข้าร่วมฟังด้วยในฐานะประธานบริษัท" เพทายมองหน้าบอกคนเป็นพ่อ สุรชัยที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตอบกลับ
"ถ้าไม่ติดอะไร ฉันจะไป"
"ครับ"
"แล้วงานแกตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ที่คนงานออกมาประท้วง..."
"ผมจัดการหมดแล้วครับ" ชายวัยจะสามสิบตอบกลับพ่อตัวเองไปด้วยท่าทีปกติ ในตอนนี้เพทายได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นเครือการค้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ คนส่วนใหญ่จึงมักจะเรียกพ่อเขาว่า เจ้าสัวสุรชัย ผู้ทรงอิทธิพลอันดับต้น ๆ ของเอเชีย แน่นอนว่าในไม่ช้า เพทายก็จะต้องขึ้นไปแทนที่พ่อของเขา จากประสบการณ์ที่สะสมมานานหลายปีตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เพทายต้องแบกรับอะไรหลายอย่างไว้ด้วยตัวเอง เขาจึงค่อนข้างที่จะดูเงียบขรึม และสุขุม ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร
"อืม ดีแล้ว ถ้าปีหน้า ผลประกอบการยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเหมือนที่ผ่านมา...ฉันจะลงจากตำแหน่ง แล้วให้แกขึ้นเป็นประธาน" เจ้าสัวใหญ่เอ่ยบอก
"ครับ" เพทายก้มหัวรับคำจากพ่อด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่ได้แสดงท่าทีรู้สึกยินดีหรือดีใจอะไร เพราะไม่ว่ายังไง...หน้าที่ประธานบริษัทก็ต้องเป็นของเขาอยู่ดี เนื่องจากแพทริคยังไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะดูแลบริษัทเองได้ และที่สำคัญ...เขาคือลูกชายคนโตที่ต้องแบกความรับผิดชอบทุกอย่างคนเดียวมาโดยตลอด
"สวัสดีค่ะ" เสียงหมอสาวเอ่ยทักทายคู่รักที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งก็คือรองประธานหนุ่มบริษัทใหญ่ระดับประเทศกับภรรยาตัวน้อยที่นั่งส่งยิ้มหวานตาหยีตอบกลับคำทักทายไปด้วยท่าทีน่าเอ็นดู โดยหลังจากที่ทั้งสองกลับมาจากต่างประเทศ เพทายก็ไม่รอช้าที่จะพาอลินญาเข้ามาตรวจและทำการฝากครรภ์กับโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของประเทศทันที"ยังไม่เคยตรวจอะไรเลยใช่ไหมคะ""ยังค่ะ" เรียวปากเล็กตอบกลับเสียงหวาน"อ๋อ...ถ้างั้นเดี๋ยวขอหมอฟังเสียงหัวใจแล้วก็ตรวจค่าต่าง ๆ หน่อยนะคะ""ได้ค่ะ ^^" อลินญายังคงยิ้มหวานตาหยีเอ่ยบอก ก่อนจะยอมทำทุกอย่างที่หมอสาวสั่งอย่างว่าง่าย ซึ่งในขณะที่ตรวจฟังเสียงหัวใจอยู่ หมอสาวก็ชะงักแสดงสีหน้าบางอย่างออกมา"มีอะไรหรือเปล่า" เพทายไม่รอช้าที่จะเอ่ยถาม"เอ่อ...คนไข้ยังไม่รู้จำนวนสัปดาห์การตั้งครรภ์หรืออะไรเลยใช่ไหมคะ""ครับ แต่คิดว่าน่าจะประมาณสองเดือนได้แล้ว เพราะประจำเดือนขาดมาน่าจะสองเดือนได้" เพทายตอบ ทำให้หมอสาวนั่งคำนวณ"สองเดือนอายุครรภ์ก็น่าจะอยู่ที่ 9-13 สัปดาห์...""...มีอาการแพ้ท้องอะไรบ้างหรือเปล่าคะช่วงนี้""เริ่มมีอาการอยากอาเจียนค่ะ แต่ก่อนหน้ามีแค่หิวบ่อยแล้วก็อ่อนเพลีย" ว่าที่คุณแม่
@ลอนดอน"สวยอย่างกับภาพวาด..." เสียงเรียวปากเล็กขยับเอ่ย ขณะที่ดวงตากลมทั้งสองจ้องมองไปยังภาพที่อยู่ตรงหน้า เป็นภาพวิวกลางคืนของกลางเมืองลอนดอนที่เต็มไปด้วยความสวยงามราวกับภาพวาดภาพถ่ายที่คนตัวเล็กเคยเห็น อลินญารู้สึกตัวสั่นปากสั่นไปหมดกับภาพที่ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตของเธอจะได้เห็นมัน"...ฮึก สวยจังเลย" เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มร้องไห้เอ่ยออกมาด้วยความตื้นตันเป็นอย่างมาก เพทายที่กำลังเก็บของอยู่ก็ชะงักรีบเดินตรงเข้าไปสอบถามคนรักด้วยความห่วงใย"เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม" ปากหนาถาม ทำให้มือน้อยค่อย ๆ ยกขึ้นชี้ไปยังภาพวิวตรงหน้า"สะ...สวยค่ะ ฮึก สวยมากเลย" สิ้นเสียงหวานบอก รองประธานหนุ่มก็ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นึกว่าอีกคนเป็นอะไร"ฉันตกใจหมด...""...จะร้องไห้ทำไม" เพทายถามพลางยกมือขึ้นซับน้ำตาให้กับภรรยาตัวเล็กด้วยความเบามือ ทุกการกระทำเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน"อลินดีใจค่ะ ฮึก ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นอะไรแบบนี้" ว่าแล้ว คนตัวเล็กก็เบะปากร้องไห้ออกมาอีกครั้ง จนเพทายต้องเอื้อมมือดึงร่างน้อยเข้ามาสวมกอดไว้เพื่อเป็นการปลอบประโลมปนอดไม่ได้ที่จะเอ็นดู มือใหญ่ลูบหัวคนตรงหน้าไปมาโดยที่ยังคงยิ้มรู
หลังจากการร่วมรักครั้งที่สองจบลง อลินญาก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มที่อยู่ตรงหน้าทันทีด้วยความหมดเรี่ยวแรงเป็นที่สุด กลีบดอกไม้สวยรับรู้ได้ถึงน้ำเชื้อสีขุ่นที่ไหลทะลักมาไม่หยุด ทว่าหญิงสาวในตอนนี้ก็ไม่คิดสนใจ ลมหายใจร้อนหอบหนักออกมาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับดวงตากลมที่จะหลับลงจากความเหนื่อยล้ามากมายในวันนี้ แต่แล้วคนตัวเล็กก็ต้องสะดุ้งเฮือกไปกับมือหนาของคนรักที่เอื้อมเข้ามาคว้าร่างเธอไว้"คุณเพทาย...""อีกรอบสิ""มะ...ไม่ไหวแล้วค่ะ""อะไรกัน""วันนี้อลินเหนื่อยมากเลย...""...ไว้วันพรุ่งนี้ค่อยว่ากันได้ไหมคะ" เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มเอ่ยพลางหรี่ตาส่งความออดอ้อนไปยังสามีตัวสูง เพทายที่เห็นแบบนั้นก็จำต้องยอมว่าตาม แต่ก็ไม่วายที่จะเอ่ยย้ำ"พูดแล้วนะ""ค่ะ" อลินญาพยักหน้าตอบด้วยความสะลึมสะลือ รองประธานหนุ่มที่เห็นแบบนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนมือเข้าไปลูบไล้ยังแก้มใสด้วยความเบามือ"อืม นอนเถอะ" สิ้นเสียงทุ้มบอก คนตัวเล็กก็ค่อย ๆ หลับตาลงด้วยความง่วงนอนขั้นสุด ขณะที่เพทายก็ลุกขึ้นไปหยิบทิชชูเข้ามาทำความสะอาดที่กลีบกุหลาบของภรรยาตัวน้อย รวมถึงเดินไปหยิบชุดนอนตัวโปรดของหญิงสาวเข้ามาเปลี่ยนให้เพราะกลัวว
พรึบเสียงเจ้าบ่าวหนุ่มค่อย ๆ วางร่างคนรักลงบนเตียงนุ่มด้วยความเบามือ ก่อนจะก้มลงไปกดจูบเรียวปากเล็กอย่างเร่าร้อนไม่รอช้า ด้านอลินญาเองก็มีความตกใจเล็กน้อยกับการจู่โจมราวกับสัตว์ป่ากระหายเหยื่อของคนตรงหน้า ทว่าสุดท้ายหญิงสาวก็เปิดปากจูบตอบรับเจ้าบ่าวตัวสูงของตัวเองเป็นอย่างดี"อื้ออ~" ขณะที่จูบกัน มือใหญ่ก็ไม่รอให้เสียเวลาจัดการถอดเสื้อผ้าชุดเจ้าสาวที่คนตัวเล็กสวมใส่อยู่ ซึ่งความยาวของชุดทำเอาชายวัยสามสิบรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย"ทำไมต้องใส่ยาวขนาดนี้" ปากหนาผละเอ่ยถามสีหน้าไม่สบอารมณ์รู้สึกเหมือนถูกขัดจังหวะ"ใจเย็น ๆ สิคะ" อลินญาก็ได้แต่ส่ายหน้าเล็กน้อยตอบกลับอีกคนไปพร้อมกับช่วยคนรักในการถอดเสื้อผ้าอย่างรู้หน้าที่ โดยใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็เปลือยกายเปล่าต่อกันอยู่บนเตียง ความใหญ่โตของเพทายค่อย ๆ ขยายขึ้นเต็มไซซ์ 58 ที่มี"พร้อมหรือยัง" เพทายถามพลางเลื่อนมือลงไปจัดการแตะแหวกกลีบสวยตรงหน้า อลินญาก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้ในทันที หญิงสาวเริ่มที่จะไวต่อความรู้สึกขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ต้องร่วมรักกับรองประธานหนุ่ม โดยเพทายเองก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากกับทุกการตอบสนองจากคนใต้ร่างที่มีพัฒน
หนึ่งเดือนต่อมา...การแต่งงานของอลินญากับเพทายถูกจัดขึ้นภายในบริเวณพื้นที่สวนหย่อมของมูลนิธิ สองบ่าวสาวต่างยืนรับแขกคนสนิทด้วยใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม โดยการจัดงานในวันนี้จะเชิญแต่เพียงแขกคนสำคัญคนสนิทมาเท่านั้นตามคำขอของคนเป็นเจ้าสาวที่ไม่อยากจัดงานใหญ่โต แน่นอนว่าเพทายก็ไม่เคยที่จะคัดค้านหรืออะไรกับความต้องการของว่าที่ภรรยาตัวน้อย"เหนื่อยไหมคะ" เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มหันถามคนรักพลางยกมือขึ้นซับไปที่ใบหน้าหล่อเหลาด้วยความเบามือ"ฉันไม่เหนื่อยหรอก เธอล่ะ เมื่อยหรือเปล่า" รองประธานหนุ่มถามพร้อมกับยกมือขึ้นลูบไปที่แก้มใสด้วยความเอ็นดูอบอุ่น อลินญาที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มตาหยีส่ายหน้าตอบกลับ"ไม่เลยค่ะ" สิ้นเสียงหวานบอก ทั้งสองก็ต่างยืนส่งยิ้มให้แก่กัน กระทั่งเสียงใครบางคนดังขึ้น"อลิน!" ร่างน้อยในชุดเจ้าสาวค่อย ๆ หันไปมองตามเสียง ก่อนที่รอยยิ้มสดใสจะฉายขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว"แอปเปิ้ล" เรียวปากเล็กขยับเอ่ยเรียกเพื่อนตัวเอง"เดี๋ยวอลินขอไปหาเพื่อน ๆ แป๊บหนึ่งได้ไหมคะ" ดวงตากลมสวยมองหน้าขออนุญาตคนรักตาใส"อืม" เพทายก็พยักหน้ารับรู้ไม่ได้ว่าอะไร โดยรองประธานหนุ่มเป็นคนบอกให้อลินญาชวนเพื่อน
เสียงหวานถูกกลืนลงไปในลำคออย่างง่ายดายพร้อมกับรสจูบที่แสนหนักหน่วงจากชายวัยสามสิบที่ยังคงชำนาญในการแทรกลิ้นร้อนเข้าไปตักตวงความหวานจากโพรงปากเล็ก ด้านอลินญาเองที่ตอนแรกตื่นตกใจเมื่อถูกกดจูบย้ำ ๆ มือน้อยก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นไปคล้องเข้าที่คอหนาเพื่อเปิดปากให้อีกคนได้ตักตวงความหวานจากตัวเองได้ถนัดมากขึ้น ทั้งสองต่างฝ่ายต่างแลกจูบกันด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน อลินญาไม่ได้มีความเขินอายต่อเรื่องอย่างว่าเหมือนเคย ทว่าก็ยังคงไม่ได้จัดจ้านร้อนแรงอะไร คนตัวเล็กยังคงมีความไม่ประสีประสาอยู่ แต่ก็มีการพัฒนาเรียนรู้จากเดิมอยู่ไม่น้อย"ถอดชุดให้ฉันหน่อย" เพทายก้มลงเอ่ยบอกคนรักหลังจากผละริมฝีปากหนาออก อลินญาที่ได้ยินก็เอื้อมมือไปจัดการถอดเสื้อผ้าให้กับอีกคนตามที่เขาต้องการ โดยที่เพทายเองก็ถอดเสื้อผ้าให้กับร่างบางเช่นกัน ทั้งสองต่างฝ่ายต่างทำให้กัน ใช้เวลาไม่นานก็ต่างเปลือยกายเปล่าด้วยกันทั้งคู่"ยังสวยเหมือนเดิม..." รองประธานหนุ่มพึมพำเอ่ยหลังจากที่สายตาคมจ้องมองไปยังร่างกายเปลือยเปล่าของคนใต้ร่างด้วยความหลงใหล ขณะที่อลินญาเองก็เลื่อนสายตาลงไปจ้องมองยังแท่งร้อนขนาดใหญ่ที่กำลังเริ่มผงาดขยาย