เอิงเอยควานหามือถือก่อนจะเลื่อนหาเบอร์เพื่อนอีกคนที่เอิงเอยสนิทและสามารถนั่งรถไปกับเขาได้
“ฮัลโหลเจมส์”
(ว่า...)
“แกว่างรึเปล่า” เอิงเอยเอ่ยขึ้น
(มีอะไร ทำไมเสียงเป็นงั้น เมาอ่อ)
“ทายเก่ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า งั้นมารับหน่อยดิ”
(โอเค อยู่ที่ไหนเดี๋ยวไปรับ เพิ่งเลิกงานกำลังจะขับรถเข้าบ้านอยู่พอดี เดี๋ยวหันรถกลับเลย?)
เจมส์ที่ไม่เคยขัดใจเพื่อนอย่างเอิงเอยเลยสักครั้ง เขารู้ว่าเอิงเอยกลัวการขึ้นแท็กซี่เพราะอะไร
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องมารับหรอกแค่ล้อเล่น ฉันโทรมาแค่คิดถึงอะ ก็นายเล่นทำงานเยอะจนไม่ค่อยมีเวลาให้พวกฉันเลยนี่นา” เอิงเอยรีบเปลี่ยนคำตอบทันทีเอิงเอยรู้ว่าเจมส์ทำงานหนัก และการที่รบกวนเพื่อนตอนดึก ๆ แบบนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นแก่ตัวมากไปหน่อย
ในตอนนี้เขาก็ควรจะพักผ่อนได้แล้ว เฮ้อ...เอิงเอยนี่มันแย่จริงๆ
(ไรวะ ล้อเล่นได้ไง)
“ก็ล้อเล่นจริง ๆ นี่แค่นี้นะ จะนอนแล้ว”
(ทำเสียงคนเมาซะเหมือน งั้นไม่ต้องไปรับใช่ป่าว อยู่บ้านใช่ไหม)
“อือ อยู่บ้านกำลังจะนอนล่ะ ฝันดีนะ”
(โอเค ฝันดี ไว้เคลียร์งานเสร็จจะโทรไปนัดมากินข้าวนะ)
“เคค่า”
พูดจบเอิงเอยก็ตัดสายไปทันที เธอถอนหายใจออกมาอย่างหมดความหวัง ก่อนจะหยิบมือถือมาเปิดแผนที่ดู ถ้าจากตรงนี้มีรถไฟฟ้าให้กลับง่าย ๆ รึเปล่า หรือถ้าเดินทางกลับกับคนอื่นเยอะๆ มันก็จะไม่ค่อยน่ากลัวสักเท่าไหร่
“อ่า...อีกสิบนาที รถไฟฟ้าก็จะปิดแล้วเถอะ จะเดินไปทันไหมเนี่ย” เอิงเอยบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
ถ้าจากไนต์คลับเดินไปถึงรถไฟฟ้าใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีแต่ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว และรถไฟฟ้าก็กำลังจะปิด งานเข้าล่ะ เพราะนั่นหมายความว่าเอิงเอยจะต้องวิ่งไปให้ทันภายในสิบนาที
เอาเถอะลองดู…ดีกว่าต้องเดินกลับบ้านแล้วกัน เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็รีบเก็บมือถือเตรียมจะวิ่งข้ามถนนแต่ทว่า
ปื้นนนน
“กรี๊ดดดด” เอิงเอยกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อเธอพุ่งออกไปอย่างไม่ดูรถบนถนน จนเกือบจะถูกรถชน แต่โชคที่ดีมากเจ้าของรถนั้นเบรกทันท่วงที
เธอเงยหน้ามองไปที่คนขับ เห็นเป็นเจย์ที่เบรกรถจนหัวทิ่ม เขาสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเปิดประตูรถลงมาดู
ทว่าพอเห็นเป็นเอิงเอยดูเจย์มีสีหน้าตกใจ เพราะคนที่นั่งอยู่บนพื้นกับกลายเป็นเอิงเอย คนที่เขาคิดว่านั่งแท็กซี่ออกไปแล้ว
“อ้าว ทำไมเมื่อกี้ไม่ได้ขึ้นรถแท็กซี่”
“เอิงกลัวรถแท็กซี่ค่ะ” เอิงเอยยิ้มแหยก่อนตอบไปตามตรง เห็นเจย์ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเข้ามาพยุงเอิงเอยให้ลุกขึ้น
พอได้ยินว่าเธอบอกว่ากลัวแท็กซี่เป็นรอบสอง คิ้วหนาเข้มก็ขมวดเข้าหากัน ที่เธอพูดกับเขาตอนที่อยู่ในผับคือเรื่องจริง
เพราะเธอไม่กล้าขึ้นแท็กซี่เลยไม่ขึ้น แล้วเดินกลับนี่นะ
ดีนะว่าเจย์หยุดยืนสูบบุหรี่อยู่พักใหญ่กว่าจะขับรถออกมาเลยเจอเข้าพอดี ถ้าเขาออกรถไปก่อนจะเป็นยังไง
เฮ้ออออ...เจย์ยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ แล้วมองหน้าหญิงสาวว่าจะเอายังไงดี
เอิงเอยที่กำลังพยุงตัวลุกขึ้นยืน อยู่ ๆ ก็ปวดแปลบที่หัวเข่า ทว่าพอก้มลงไปมองดู เลยรู้ว่าที่เจ็บตึงตรงหัวเข่าเพราะมีเลือดสีแดงสดไหลลงตามเรียวขาของเอิงเอยเล็กน้อย
“ได้เลือดจนได้ งั้นมานี่ก่อน” เจย์ที่เห็นแบบนั้นก็พาเอิงเอยขึ้นรถทันทีก่อนจะยื่นทิชชูที่อยู่บนรถให้เอิงเอยรีบเช็ดเลือด
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” เอิงเอยเอ่ยตอบ แม้จะตกใจที่เจย์ดูอารมณ์ไม่ค่อยดี ดูหงุดหงิดเล็กน้อยที่เจอเธอ
หรือไม่ก็บางทีเขาอาจจะหงุดหงิดที่เธอเกือบจะวิ่งไปให้เขาชน ไม่อ่อนโยนเหมือนตอนอยู่ในคลับโฮสต์เลยสักนิ
ใช่สิ...ตอนนี้มันนอกเวลางานแล้วหนิ
“บ้านเราอยู่ไหน งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งก็แล้วกัน”
“อ่า...เกรงใจค่ะ คือว่า...”
“ถือว่าเป็นเซอร์วิสจากที่เราประมูลพี่ในราคาสูงมากวันนี้ก็แล้วกัน”
เจย์เอ่ยขึ้นโดยที่เอิงเอยยังพูดไม่จบ ในขณะที่เอิงเอยมองตาเขาปริบ ๆ
โชคดีมากที่วันนี้เจย์ดื่มน้อยมาก แต่ก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเวรกรรมด้วยหรือเปล่า เพราะสุดท้ายแล้ววันนี้เจย์ก็ต้องมาเป็นคนขับรถให้ลูกค้าอย่างเอิงเอยอยู่ดี
🐇🐇🐇
ห้าปีต่อมา“เดซี่”“พ่อคะแม่คะ” ใบหน้าสวยหวานโบกมือทักทายผู้เป็นพ่อกับแม่ด้วยรอยยิ้มใสเด็กตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักเหมือนนางฟ้านางสวรรค์คนนี้มีชื่อว่าเดซี่และแน่นอนว่าเอิงเอยคือลูกสาวของเอิงเอยและเจย์“ขอบคุณพ่อกับแม่นะครับที่ดูแลเดซี่ให้” เจย์เอ่ยขึ้นมองพ่อกับแม่ที่เริ่มแก่ลงแต่ก็ยังมาคอยช่วยเลี้ยงหลานในวันที่เขาและเอิงเอยติดธุระ“ไม่เป็นไรลูกแล้วเอิงเอยไปไหนล่ะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม“หลับน่ะครับสงสัยเดินเยอะแล้วคงจะเพลีย” เจย์เอ่ยบอกพร้อมกับหอมแก้มลูกสาวตัวน้อยด้วยความคิดถึง“ดูแลกันดีๆ นะลูกพ่อกับแม่ขอตัว” เจย์โบกมือลาพ่อกับแม่รวมถึงเดซี่ที่ยิ้มส่งลาทั้งคู่อย่างน่ารัก“แม่หลับเหรอคะ” เดซี่เอ่ยถาม“ครับสงสัยน้องน่าจะกวนทั้งคืน” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มวันนี้เขาพาเอิงเอยไปตรวจครรภ์ครบแปดเดือนมา ท้องของเอิงเอยใหญ่มาก เนื่องจากใกล้จะคลอดเต็มที่เด็กในท้องเป็นผู้ชายร่างกายสมบูรณ์และคึกมากๆ เพราะเจ้าตัวถีบท้องเล่นตลอดจนเอิงเอยต้องตื่นกลางดึกอยู่บ่อยครั้ง“น้องดีน่ะเหรอคะ” คำพูดของลูกสาวทำเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะวางเดซี่ลงนั่งบนโซฟาและเดินไปหาน้ำมาให้ลูกสาวดื่ม“น้องดีเหรอใครเป็นคนตั้งชื่อ” เขาเอ่
วันต่อมา“พ่อคะแม่คะ หนูพาลูกเขยพ่อกับแม่มาหาแล้วนะ” เอิงเอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสกับหลุมศพของพ่อกับแม่ซึ่งเจย์ก็ได้แต่ยืนนิ่งแม้จะรู้ว่าเอิงเอยในตอนนี้กำลังยิ้มอยู่แต่ภายในของเอิงเอยก็คงเศร้ามากอย่างแน่นอน“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมเจย์ครับ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพก่อนจะวางดอกไม้เป็นการเคารพทั้งสองท่านเอิงเอยยิ้มและปัดไปที่รูปภาพเล็กๆ ของทั้งสองอย่างคิดถึง“ไม่ต้องห่วงหนูนะคะหนูใช้ชีวิตอย่างดีมาโดยตลอดและต่อไปนี้หนูก็จะมีคนมาดูแลด้วย” เอิงเอยพูดพร้อมหันไปหาเจย์ที่ส่งยิ้มและบีบมือของเอิงเอยอยู่“คิดถึงนะคะ..นะ..หนูคิดถึงฮึกก....พะพ่อกับแม่มากๆ เลย” เจย์มองเอิงเอยที่เริ่มร้องไห้ออกมาเขาโอบไหล่บางเป็นการปลอบเอิงเอยเข้มแข็งมากที่อยู่ตัวคนเดียวได้บนโลกใบนี้“ตะต่อไปฮึกหนูก็จะคิดถึงพ่อกับแม่อีกฮึกถ้าชาติหน้ามีจริงหนูขอเกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่อีกนะคะ” เอิงเอยเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเศร้าเจย์ดึงเอิงเอยมาก่อนพร้อมกับลูบผมของเอิงเอยอย่างแผ่วเบา ปล่อยให้เอิงเอยร้องไห้ออกมาจนพอใจก่อนจะผละตัวออกไป“พี่สัญญาว่าต่อจากนี้พี่จะเป็นคนดูแลเราแทนพ่อกับแม่ของเอิงเอง” เจย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะกดจู
“พร้อมไหม?” เจย์เอิงถามกับเอิงเอยตอนนี้ทั้งคู่มายืนอยู่หน้าบ้านของเจย์แล้ว สายตาคมจ้องมองบ้านตัวเองที่ไม่ได้มานาน ไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อกับแม่จะแก่ไปมากขนาดไหนซึ่งก่อนมาเขาก็ฝากบอกน้องชายให้บอกพ่อกับแม่ไว้แล้ว“ค่ะ!” เอิงเอยเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มเจย์ประหลาดใจเล็กน้อยที่เอิงเอยดูไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าไหร่ และทั้งสองก็พากันเดินเข้าไปในบ้านทันที“ลูก/เจย์” ใบหน้าหล่อมองบุคคลทั้งสองด้วยความคิดถึง เอิงเอยปล่อยมือให้เจย์ได้เข้าไปกอดกับพ่อแม่ทั้งสามยืนกอดกันและเป็นแม่ของเจย์ที่ร้องไห้ออกมาด้วยความคิดถึงลูกชายส่วนเจย์ก็ยิ้มดีใจที่ได้กลับมาเจอพ่อกับแม่อีกครั้ง“ผมขอโทษนะครับ” เจย์เอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิดแต่ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้เขาก็คงจะเลือกหนีออกจากบ้านเหมือนเดิมเพราะเขาคงทนอยู่ด้วยความอับอายกับความโง่เขลาของตัวเองไม่ได้เหรอ“ไม่เป็นไรลูกผิดพลาดแล้วก็ช่างมัน” แม่ของเจย์เอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่นพร้อมกับกอดเจย์อีกครั้ง ส่วนพ่อของเขาก็ยกมือขึ้นลูบผมลูกชายด้วยความรักเช่นกันเอิงเอยมองภาพอบอุ่นด้วยน้ำตาคลอเบ้า เธอเองก็อยากกอดพ่อกับแม่แบบนี้บ้างจัง“แล้วแม่สาวน้อย..”“สวัสดีค่ะหนูชื่อเอิงเอยค่ะ^^” เอิงเอยเอ่ยขึ
เคร้ง!คำพูดของเอิงเอยทำเขาถึงกับทำช้อนตกใส่จานอาหาร เอิงเอยถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเจย์ทำท่าช็อก“พูดอะไรเนี่ย!” เจย์เอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะอย่างไม่เชื่อหู มีที่ไหนผู้หญิงจะขอผู้ชายแต่งงานก่อน“ไม่แต่งเหรอคะหนูให้สินสอดพี่เยอะๆ เลยก็ได้” เอิงเอยยังคงพูดต่อ เธอเกรงใจที่เจย์ต้องไปๆ มาๆ ที่คอนโดกับที่บ้านเอิงเอย สู้ย้ายมาอยู่บ้านเธอให้เป็นเรื่องเป็นราวก็สิ้นเรื่อง“เอิงครับ พี่สิต้องเป็นคนขอ ไม่ใช่เรา” เจย์เอ่ยตอบเสียงเรียบ“นี่มันสมัยไหนกันแล้วค่ะไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเป็นคนขอก่อน นะๆ แต่งงานกันนะคะ พี่เจย์จะได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเอิงไง”เจย์ผ่อนลมหายใจด้วยความเหนื่อยใจต้องเป็นเขาสิที่เป็นคนขอเอิงเอยแต่งงานและต้องเป็นเขาสิที่ต้องพาเอิงเอยย้ายมาอยู่ด้วยกัน“น้าๆ ~” เอิงเอยยังคงเว้าวอนไม่เลิกดวงตาสวยกะพริบกันถี่ ๆ จนคนเจย์อมยิ้มออกมา“ไหนแหวนล่ะ” เขาเอ่ยถามเอิงเอยชะงักไปทันทีเพราะไม่ได้เตรียมมา“อะเอ่อเป็นจุ้บ ๆ ขัดไว้ก่อนได้ไหมคะแหะ ๆ ^^” เจย์มองเอิงเอยที่จำแห้งเขาลุกขึ้น ก่อนจะเชยคางเอิงเอยมาจูบอย่างดูดดื่มเอิงเอยจูบตอบด้วยรอยยิ้มเขินในทันทีไม่นานเจย์ก็ผละจูบออกไปสองสายตามองกันพร้อมกับ
“แย่จังนะคะ พอดีพ่อแม่เอิงทิ้งมรดกไว้ให้เยอะมากเสียด้วยสิ” เอิงเอยเอ่ยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากเมย่าได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ แต่ที่ไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเอิงเอยได้แล้วตอนนี้ผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาใสซื่ออย่างเอิงเอยก็กำลังควบคุมเอิงเอยจนอยู่หมัดเมย่ามองทั้งสองด้วยความแค้นก่อนจะเอ่ยขึ้น“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เมย่าเอ่ยขึ้นก่อนจะหันหลังเดินจากไป ส่วนเอิงเอยได้ยักไหล่ออกมาอย่างไม่แคร์ “ไม่รับฝากจ้าขี้เกียจถือมันหนักคิกๆ” เจย์ส่ายหน้าให้กับความขี้เล่นของเอิงเอยเขาถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกไม่สบายใจทั้ง ๆ ที่เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้กับเข้ามาสะสางปัญหาให้เขาจนหมดสิ้น“ขอโทษนะครับ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะพี่แท้ ๆ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิด เอิงเอยมองใบหน้าหล่อก่อนฉีกยิ้มกว้าง“งั้นเอิงขอกอดจากพี่เจย์แน่น ๆ เป็นของรางวัลได้ไหม?”"แถมให้มากกว่ากอด ทั้งคืนเลยครับ"ใบหน้าหล่อระบายยิ้มออกมาก่อนจะสวมกอดอีกฝ่ายเต็มรัก เอิงเอยจมอยู่ในอ้อมกอดแกร่งด้วยรอยยิ้มและหวังว่าต่อจากนี้ผู้ชายของเอิงเอยจะมีแต่ความสุขในทุกๆ วันหนึ่งเดือนต่อมากระแสคู่จิ้นของเจย์และเควินได้ค่อย ๆ หาย
“นายแบบชิดกับนางแบบหน่อยครับ” เจย์ขยับตามคำสั่งเขาโอบเอวบางอันเปลือยเปล่าของเอิงเอยก่อนจะบีบเคล้นมันเบาๆ เอิงเอยเบ้หน้าด้วยความเจ็บเล็กน้อยเงยหน้ามองเจย์ที่ส่งสายตาดุให้กับเธอ แต่เจ้าตัวก็ได้แต่ส่งยิ้มหวานกลับไป“ดีครับน้องนางแบบขอยิ้มแบบสดใสเลยนะครับ” เอิงเอยทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะปรับเปลี่ยนท่าไปตามที่ช่างภาพบอกทุกคนต่างมองด้วยความอึ้งเพราะทั้งสองดูเข้ากันได้ดีมากประหนึ่งถ่ายแบบคู่รักก็ไม่ปาน“ดีครับเจย์กอดจากด้านหลังได้ไหมครับนางแบบโอเครึเปล่า” ช่างภาพเอ่ยถามเอิงเอยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มไม่นานเจย์ก็เดินไปทางด้านหลังของเอิงเอย ก่อนจะสวมกอดจากด้านหลังและใช้ใบหน้าหล่อเกยบนไหล่ของเอิงเอย“ดีมากครับยิ้มหน่อยครับนางแบบเอามือ แตะหน้านายแบบ เยี่ยมครับ” ทั้งสองถ่ายอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกไปรอเปลี่ยนฉากเอิงเอยโดนช่างแต่งหน้าเรียกไปเติมหน้า เช่นเดียวกับเจย์ไม่นานฉากใหม่ก็ถูกจัดขึ้นและทั้งสองต้องลงไปนั่งในบ่อน้ำด้วยกันเอิงเอยลงนั่งเป็นคนแรกระดับน้ำอยู่ตรงช่วงอกของเอิงเอยพอดีไม่นานเจย์ก็เดินตามเข้ามา“กลับบ้านไปเจอแน่” เขาเอ่ยเสียงดุก่อนจะหันไปสนใจช่างภาพอีกครั้ง เอิงเอยที่ได้ยินแบบนั้นก็