“ว้าย..โอ๊ย..อ๊าย..”
คือเสียงที่ดังออกมาจากห้องครัวเป็นระยะ นริศรามองไปยังหนุ่มสาวที่แทบจะหยุมหัวกันตลอดเวลา แต่แววตาของเพื่อนรักเธอที่ใช้มองไปยังผู้หญิงคนนั้นกลับอ่อนโยนอย่างที่เธอไม่เคยเห็นเขาใช้มองใครมาก่อน..แม้แต่เธอ
ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มแน่น หัวใจดวงน้อยปวดหน่วงแปลกๆ เธอรู้ว่าเขาไม่เคยมองเธอเป็นอย่างอื่นนอกจากเพื่อนสนิท ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเคยมองเธอเป็นผู้หญิงบ้างหรือเปล่า แต่เธอกลับแอบชอบเขาจนเต็มพื้นที่ของหัวใจ
“ไอ้ฟืนมันชอบผู้หญิงสวย”
เสียงทุ้มของคนที่กำลังรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์ดังขึ้น สายตาของเขาไม่ได้ละจากหน้าจอมามองเธอเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรู้ว่าเธอกำลังทำและกำลังคิดอะไรอยู่
“แล้ว..”
“คนไม่สวยแถมยังกระโดกกระเดกเหมือนทอมก็ต้องทำใจนะ”
“หุบปาก ฟืนมันจะชอบใครไม่ชอบใครก็เรื่องของมัน ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“หึ มองพี่ชายฉันซะตาปรอยขนาดนั้น อันที่จริงถ้าชอบคนหล่อๆ อย่างไอ้ฟืน ฉันก็พอแทนได้นะ เพราะหน้าเราเหมือนกัน ฉันจะหลับหูหลับตาทำให้ก็แล้วกัน ที่ห้องฉันหรือที่ห้องเธอดีล่ะ ยัยทอม”
“ไอ้ทุเรศ ของขวัญน่าจะได้เห็นนะ ว่านายมันทุเรศ ไม่เหมือนภาพลักษณ์สุภาพบุรุษที่สร้างขึ้นมาบังหน้าเอาไว้ตกผู้หญิง”
“ขวัญจะรู้หรือไม่รู้ ก็ไม่เกี่ยวกับฉันและไม่ใช่เรื่องของเธอ ไม่ต้องยื่นจมูกแบนๆ มายุ่ง”
มือใหญ่ละจากแป้นคีย์บอร์ดมาดึงจมูกที่เขากล่าวหาว่าแบน ทั้งที่จริงมันก็ออกจะโด่งกำลังดี รับกับใบหน้าจิ้มลิ้มแลดูน่ารัก
“อย่ามายุ่ง เอามือออกไปนะ”
เธอกระถดถอยหนี แต่เขากลับรั้งตัวเธอให้เซถลามากระแทกอก แล้วถือวิสาสะหอมแก้มเธอแรงๆ ฟอดหนึ่ง ข้อหาหมั่นไส้ที่ชอบทำหน้าทำตาอวดดีกับเขานัก
“ไอ้ไฟ แก..”
“เรียกฉันไอ้เลยเหรอ ยัยทอม”
“ทีนายยังเรียกฉันยัยทอมได้เลย”
“ก็เธอเหมือนทอมจริงๆ”
“ฉันจะเป็นอะไรก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง ปล่อย”
เขาฉวยโอกาสหอมแก้มเธอแรงๆ อีกครั้ง แล้วยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมกอด ไม่ใช่เพราะคำขู่ฟ่อๆ นั่นหรอกนะ แต่เป็นเพราะสองคนที่อยู่ในครัวพากันเดินถือจานอาหารมาจัดโต๊ะแล้วต่างหาก
ดวงตากลมโตตวัดมองเขาอย่างเอาเรื่อง ยกมือขึ้นมาถูไถแก้มนวลด้วยความขยะแขยงจนแดงเถือกไปหมด ก่อนจะลุกขึ้นเดินเร็วๆ ไปช่วยสองคนนั้นจัดโต๊ะอาหารเพราะไม่อยากอยู่ใกล้คนฉวยโอกาสอีก
“หึ เป็นทอมประสาอะไร แอบชอบผู้ชาย”
คนหล่อกดเซฟงานที่พิมพ์เสร็จแล้ว ก่อนจะเดินไปร่วมวงเมื่อสามคนนั้นจัดโต๊ะเสร็จพอดิบพอดี
“ไฟลองชิมสิ ฝีมือขวัญเอง”
เชฟสาวแสนสวยตักผัดผักสีสันน่ากินใส่จานให้เพื่อนรัก เขาเอ่ยขอบคุณแล้วตักผักชิ้นนั้นเข้าปาก แล้วก็ต้องทำหน้าตาเหยเกเพราะมันทั้งหวานและเค็มปี๋ แต่จะคายทิ้งก็สงสารเพื่อน จึงตักข้าวเปล่าใส่ปากสองคำโตๆ
“ไม่อร่อยเหรอไฟ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“เอ่อ คือ..”
แฝดพี่แค่นหัวเราะขำ แล้วเป็นหน่วยกล้าตายตักอาหารที่น่าจะรสชาติแย่นั่นเข้าปาก สัมผัสแรกอยากจะคายทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่กลับเคี้ยวมันตุ้ยๆ ราวกับไม่รู้สึกรู้สาในรสชาติสุดห่วยนั่น
“โคตรหวาน แล้วก็โคตรเค็ม ไหนคุณหนูของขวัญคุยโวว่าตัวเองทำอาหารเป็นไง ทำไมรสชาติมันห่วยแบบนี้ล่ะ”
คนตัวบางหน้าตาเหรอหรา ตักผัดผักของตัวเองชิมเพื่อยืนยันว่ามันไม่ได้แย่ แต่กลับต้องคายทิ้งในกระดาษทิชชูทันทีที่ความเค็มปี๋และหวานแหลมแทรกซึมลงสู่ลิ้น
“อี๋ ไม่อร่อยเลย ขวัญขอโทษนะไฟ เอ่อ..พอดีไม่ค่อยได้เข้าครัว เลยกะเครื่องปรุงพลาดไปหน่อย คราวหน้าไม่เป็นแบบนี้แน่”
ทั้งเสียหน้าและอับอาย ที่ทำอาหารรสชาติไม่เอาไหนให้คนที่ตัวเองแอบชอบชิม แถมยังเสียฟอร์มเป็นเท่าตัวเมื่อคนที่ได้ชิมอีกคนคือผู้ชายปากร้ายใจทรามคนนั้น
“ไม่เป็นไรขวัญ ฝึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ดี”
“งั้นขวัญเอาไปเททิ้งนะ”
“ไม่ต้อง มันสิ้นเปลือง เห็นไหมว่ากุ้งตัวโตๆ ทั้งนั้น คุณหนูของขวัญบ้านรวยจนกินทิ้งกินขว้างเหรอ”
คนปากร้ายใจทรามเอ่ยห้าม ทั้งยังจิกกัดเธอเล็กน้อยให้แสบๆ คันๆ เล่น
“แต่มันกินไม่ได้ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ก็ได้”
“หึ ไม่ต้อง แต่เธอต้องมาทำอาหารที่นี่ทุกเย็น จนกว่าจะได้เรื่อง ฉันจะสละเวลาเดตกับผู้หญิงมาสอนเธอเอง”
“แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้น”
“อ้าว ก็ไอ้ไฟมันเพิ่งบอกให้เธอฝึกทำบ่อยๆ”
เธอเหลือบมองเพื่อนรักก็เห็นว่าเขายิ้มให้เธอนิดหนึ่งจึงยอมรับปากว่าจะมาฝึกทำอาหารที่นี่ทุกวัน เข้าทางเชฟหนุ่มผู้ต้องทำหน้าที่เป็นคนฝึกสอน
“อือ ก็ได้”
คนตัวโตที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอยกยิ้มอย่างชอบใจ แล้วตักผัดผักที่มีสรรพคุณทำลายตับและไตเข้าปาก แม้รสชาติมันจะขาดๆ เกินๆ แต่พอเป็นฝีมือของยัยคุณหนูจอมหยิ่งนี่ มันกลับทำให้เขาเจริญอาหารแปลกๆ
“ไอ้ฟืน มึงมันร้าย”
แฝดน้องสรรเสริญพี่ชายทันทีที่สองสาวแยกย้ายกันกลับบ้าน
“กูร้ายอะไร กูยังไม่ทันได้ทำอะไรยัยคุณหนูเพื่อนรักของมึงเลย”
“กูเห็นนะ ว่ามึงแอบแต๊ะอั๋งของขวัญ”
“หึ กูก็เห็นนะว่ามึงแอบหอมแก้มไอ้นุ๊ก มึงขาดของหรือไง กับทอมมึงก็ไม่เว้น ทะเลาะกันมาตั้งหลายปี พอขึ้นปีสี่เสือกเห็นว่าทอมสวยแล้วเหรอ”
“กูแค่แกล้งยัยทอมนั่น ทั้งปากดี ทั้งกวนตีน หมั่นไส้ว่ะ”
“อยากเปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ ว่างั้น”
“หึ มึงไม่หวงไม่ห่วงเพื่อนมึงเลยหรือไง ถึงมาแซวกูเนี่ย”
“ห่วงทำไม กูต้องห่วงมึงมากกว่า ไอ้นุ๊กมันธรรมดาที่ไหน ถ้ามึงจะหน้ามืดปล้ำมันจริงๆ มึงสลบคาตีนมันแน่ เห็นตัวเล็กๆ แบบนั้นเถอะ แล้วกูบอกก่อน กูไม่ช่วยมึงนะ จะซ้ำให้ด้วย”
“เออ กูก็ไม่ได้คิดจะปล้ำยัยนั่นจริงๆ สักหน่อย ของขาดอะไร กูยังมีอีกเยอะ ว่าแต่มึงเหอะ แผนสูงนะ หลอกล่อของขวัญมาเรียนทำกับข้าวกับมึงได้”
“ก็ยากนักนี่หว่า หยิ่งฉิบหาย ลองมาอยู่ใกล้ๆ กูดูสิ จะไม่หวั่นไหวให้มันรู้ไป”
“ที่ผ่านมามึงก็ไม่ได้จีบนี่”
“โถ่ หน้ากูยังไม่อยากจะมอง แถมเกาะติดมึงแจ จะให้กูเข้าไปแทรกตอนไหนครับไอ้ไฟ”
“แล้วให้มาเรียนทำอาหารที่ห้องมืดๆ ค่ำๆ จะเอากูไปไว้ที่ไหนครับพี่ชาย”
“อยากไปไหนก็ไปเถอะ ไปที่ชอบที่ชอบนะ ช่วยหายหน้าไปบ่อยๆ กลับดึกๆ หรือกลับเช้าเลยก็ได้ จะเป็นพระคุณมาก”
“นี่มึงกะจะเล่นเพื่อนกูถึงเช้าเลยเหรอ”
“เออ ถ้ามีโอกาส กูเล่นแน่”
“แต่กูขอสั่งห้าม ถ้าขวัญไม่ยอม มึงอย่าเสือกข่มขืนเพื่อนกูเด็ดขาด ไม่งั้นกูกระทืบมึงม้ามแตกแน่ไอ้ฟืน”
“เออ กูไม่ได้เลวขนาดนั้น”
“อุบ..แหวะ”อัคราสะดุ้งตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ในวันหยุดเพราะภรรยาคนสวยวิ่งพรวดพราดเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย“ขวัญครับ ไหวไหม”เขารีบวิ่งมาลูบหลังให้ภรรยาที่อาเจียนจนเหลือแต่น้ำย่อย ก่อนจะส่งแปรงสีฟันให้เธอเพื่อดับกลิ่นน่าเวียนหัวในปากและลำคอ“แปรงฟันก่อนครับ”เธอรับแปรงสีฟันมาแปรง ก่อนจะรีบบ้วนปาก เพราะน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมันตีวนขึ้นมาจุกที่คอหอยจนอยากอาเจียนอีกแล้ว“ไม่ไหวแล้ว ขวัญจะอ้วก”“ไปหาหมอไหม อยู่ๆ ก็อ้วก อาหารเป็นพิษหรือเปล่า”“แต่ขวัญไม่ได้ท้องเสีย”“ขวัญยังให้นมลูกอยู่ ถ้าเป็นอะไรเดี๋ยวลูกจะป่วยไปด้วย เราไปหาหมอกันเถอะ”“แต่ขวัญเป็นห่วงลูก”“ที่รักครับ เรามีพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลเด็กๆ แล้วนะ แล้วลูกเราก็ห้าเดือนแล้ว พวกแกเก่งและเข้ากับคนง่ายจะตาย”ที่เขาและเธอต้องหาพี่เลี้ยงเด็ก เพราะในวันหยุด เขาและเธอต้องไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ให้แม่ของเขาและแม่บ้านเก่าแก่ของเธอมาช่วยดูแลให้เป็นครั้งคราวในเวลาที่เธอกับเขาไปเรียน“งั้นก็ได้ค่ะ”“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วค่ะ”ขวัญชนกชะงักไปเพราะกำลังช็อก แต่อีกคนกลับยิ้มกว้างอย่างยินดี“ขอบค
“ขวัญครับ ผมกลับมาแล้ว”ว่าที่คุณพ่อมือใหม่เลิกงานแล้วก็ตรงไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของบางอย่างที่เพื่อนแนะนำ“วันนี้ทำไมกลับสายคะ งานเยอะเหรอ”ว่าที่คุณแม่ที่ท้องใหญ่ด้วยอายุครรภ์ห้าเดือนกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่ที่พรมขนสัตว์นุ่มฟูที่ห้องนั่งเล่นเพื่อเตรียมตัวสอบเข้าเรียนในระดับปริญญาโท ไม่รู้ว่าปีนี้จะพร้อมจริงๆ หรือเปล่า แต่เธอก็จะลองดู“เยอะเหมือนเดิมครับ ดีนะที่พ่อเห็นใจผมให้มาเรียนรู้งานบริหารแล้ว พ่อบอกจะได้ไม่เหนื่อยมาก เพราะอีกเดี๋ยวขวัญคลอดลูกมาแล้วเราสองคนจะยิ่งเหนื่อย”เพราะเธอกับเขาซื้อบ้านแยกตัวออกมาสร้างครอบครัวกันเองสองคนสามีภรรยา ด้วยอยากใช้ชีวิตแบบไม่ต้องมีใครวุ่นวายหรือต้องเกรงใจใคร โดยเฉพาะการเลี้ยงลูก ซึ่งพ่อแม่มือใหม่อย่างพวกเธอต้องการอิสระและไร้ความกดดัน“ดีจังเลยค่ะ ขวัญดีใจกับฟืนด้วยนะคะ”“อีกอย่าง ผมแวะห้างไปซื้อไอ้นี่มา”ว่าที่คุณพ่อขี้เห่อที่จะต้องมีของติดไม้ติดมือมาแทบทุกวัน ทั้งสั่งออนไลน์และไปเลือกซื้อหามาด้วยตัวเอง และวันนี้ มีของเล่นใหม่มานำเสนอว่าที่คุณแม่วัยใสอีกแล้ว“อะไรอีกแล้วคะ ของเล่นเหรอ ลูกเราเพิ่งห้าเดือนเองนะคะ อีกนานกว่าจะคลอด”“ไม่ใช่ของเ
“ที่รัก ไม่ต้องกลัว ใจเย็นๆ ตอนนี้เราทั้งคู่เรียนจบแล้ว ผมมีงานทำและขวัญก็มีงานรออยู่ เรากำลังจะเรียนโทต่อเพื่ออนาคตของเรา เรียนโทขวัญท้องได้และมีลูกได้ ไม่ได้เป็นปัญหาเลยครับ อีกอย่างผมอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หนีไปไหน ผมพร้อมรับผิดชอบขวัญและลูก เราแต่งงานกันนะที่รัก”อัคราดึงขวัญชนกเข้าสู่อ้อมกอด ทั้งยังลูบหลังเพื่อปลอบใจให้เธอคลายความกังวล ดวงตาสับสนวุ่นวายใจคู่นั้นทำเอาเขารู้สึกสงสาร แต่เขาอยากมีลูกและสร้างครอบครัวกับเธอจริงๆ ถึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป“ฟืนพร้อมแล้วจริงๆ หรือคะ ถ้าฟืนยังไม่พร้อม..ขวัญจะ..”เธอขยับตัวออกจากอ้อมกอด พูดจาลนลานสับสน มือเย็นเยียบกำแน่นด้วยความกดดัน“อย่าแม้แต่จะคิดนะ เขาเป็นลูกของผม ผมตั้งใจทำให้เขาเกิดมา นอกจากขวัญแล้ว ลูกก็เป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผม อย่าเอาเขาไปจากผมเลยนะที่รัก”ทั้งคำพูด น้ำเสียง และแววตาจริงจัง ติดจะดูเศร้าด้วยซ้ำเมื่อเธอคิดจะทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา มันทำให้เธอเสียใจและรู้สึกผิดมากที่คิดอะไรเอาแต่ได้ชั่ววูบ จนต้องนึกขอโทษลูกในใจ“ฟืนอยากมีลูกจริงๆ เหรอคะ”“อยากมีสิ คิดว่าผมไม่รู้หรือไงว่าการที่ผมแตกในใส่ขวัญทุกครั้งมันจะไม
บนโต๊ะดินเนอร์ที่ตกแต่งด้วยเชิงเทียนและดอกกุหลาบสีขาวนำเข้าช่อโตส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ขวดไวน์แดงแช่อยู่ในถังที่มีน้ำแข็งอัดจนเต็ม สเต๊กเนื้อวากิว A5 จานใหญ่ส่งกลิ่นยั่วยวนชวนน้ำลายสอ แต่น่าแปลกที่วันนี้มันกลับทำให้คนตัวบางรู้สึกพะอืดพะอมจนต้องวิ่งไปโก่งคออาเจียนที่ชักโครกเอาอาหารมื้อก่อนหน้านี้ออกมาจนหมดกระเพาะ“ของขวัญ..เป็นอะไรครับ”อัครารีบวิ่งตามแฟนสาวมาลูบหลังให้ด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ช่วงที่เธออ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบปลายภาคครั้งสุดท้ายของชีวิตนักศึกษา เธอเคร่งเครียดเกินไปหรือเปล่า จนทำให้เธอกลายเป็นโรคกระเพาะอาหารแบบนี้“ขวัญคลื่นไส้ค่ะ มันเหม็น”“เหม็นอะไรครับ ดอกไม้เหรอ มันมียาฆ่าแมลงหรือเปล่า เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งให้นะ”“ไม่ได้เหม็นดอกไม้ค่ะ เหม็นสเต๊ก ขวัญว่ามันบูด”อัคราเลิกคิ้วสูงสเต๊กเนื้อวากิว A5 ของโปรดของเธอ มันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนออกปานนั้น จะเสียได้อย่างไร อีกอย่างเขาเลือกมาเปิดห้องพักสุดหรูของโรงแรมชื่อดังและให้ทางโรงแรมจัดโต๊ะดินเนอร์ส่วนตัวให้ในห้อง อาหารจานนั้นราคาเหยียบหมื่น ทางโรงแรมไม่มีทางนำเนื้อวัวเสียมาทำอาหารให้กับลูกค้าระดับนี้แน่ๆ“เนื้อไม่บูดหรอกครับขวั
“ทำศพค่ะ ขวัญจะเป็นเจ้าภาพข้าวต้มคืนแรกให้”“โห ที่รักใจร้ายจัง”เขาก้มหน้าลงมาหาเธอที่เงยหน้าขึ้นมองเขาพอดิบพอดี จึงจูบหน้าผากมนอย่างแผ่วเบาครั้งหนึ่ง“ก็ฟืนเป็นของขวัญ ขวัญหวง”เธออมยิ้มแล้วยกตัวขึ้นจูบปลายคางเขาอย่างออดอ้อน การกระทำที่แสนน่ารักของเธอทำเอาหัวใจแกร่งอุ่นวาบไปทั้งดวง“ผมก็หวงขวัญเหมือนกัน ทั้งรักทั้งหวงเลยรู้ไหม”“รู้สิคะ วันนี้ขอบคุณฟืนมากจริงๆ นะ ที่เอะใจเรื่องนี้จนตามไปช่วยขวัญไว้ได้ทัน ตอนนั้นขวัญกลัวมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าโดนมันปล้ำจริงๆ แล้วขวัญจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง ตอนนั้นขยะแขยงแทบอ้วก”“ขวัญอย่าคิดแบบนี้รู้ไหม ต่อให้ผมตามไปช่วยขวัญไม่ทันแล้วขวัญต้องโดนมันทำอะไรจริงๆ ผมก็ไม่อยากให้ขวัญคิดว่าตัวเองสกปรกไม่มีค่า เพราะขวัญมีค่าสำหรับผมเสมอ และผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ผมยังรักขวัญเหมือนเดิมและรับได้ทุกอย่าง”“ขวัญโชคดีจังที่คืนนั้นห้าวไปแย่งเหล้าของฟืนมากิน ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่มีวันนี้”“ฮ่าๆๆ ต่อให้คืนนั้นขวัญไม่โดนมอมยา ยังไงเราก็ต้องได้คบกันแบบนี้อยู่แล้ว”“ทำไมล่ะ คืนนั้นฟืนตั้งใจจะปล้ำขวัญอยู่แล้วหรือ”“เปล่าซะหน่อย ถ้าขวัญไม่ยอม ผมก็ไม่ทำหรอก ขวัญก็รู้
เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้งอัคราก็พาขวัญชนกกลับคอนโดมิเนียม เกศรินและอัคคีรอคนทั้งคู่อยู่แล้วที่ห้องชุดของฝาแฝด เขาจึงพาเธอมาหาเพื่อนก่อน“ยัยขวัญ เป็นไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่ เจ็บตรงไหนไหม”เกศรินตรงเข้ามากอดแล้วสำรวจร่างกายบอบบางเพื่อหาร่องรอยการถูกทำร้าย เมื่อเห็นมุมปากแตกยับเริ่มมีสีม่วงช้ำก็รู้สึกโกรธเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ไม่ต่างจากอัคคีเลย“นี่มันตบแกเหรอ ไอ้ชลัชมันชั่วจริงๆ”“ใจเย็นเกรซ ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว โชคดีมากที่ฟืนไหวตัวทันโทรหาพ่อ เลยรู้ว่าฉันโดนหลอก ไม่อย่างนั้นฉันต้องตกเป็นเมียของไอ้ชลัชมันแน่ๆ”“ไอ้เลว โดนฟืนยำตีนมันยังน้อยไป แล้วทำไมแกไม่ลากคอมันเข้าคุกไปซะ จะปล่อยให้มันลอยนวลทำไม”“ฉันไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย เกิดถึงหูนักข่าวขึ้นมาก็มีแต่เสียกับเสีย ทั้งบ้านฉันบ้านฟืน ไหนจะคุณตาอีก”“แล้วพ่อแกว่ายังไง”“หย่ากับยัยนั่นแล้ว ตอนนี้พวกนั้นก็กำลังเก็บของออกจากบ้านของฉันอยู่”“ยังดีนะที่คราวนี้พ่อเลือกแก”“ก็หลักฐานมันเห็นคาตาขนาดนั้น ถ้าพ่อยังไม่เชื่อฉันกับฟืนอีกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ที่จริงถ้ายัยชนิสากับลูกๆ ไม่เป็นคนแบบนี้ ฉันก็คงปล่อยให้อยู่กับพ่อต่อไ