ปึง!
ประตูรถปิดลงทั้งสองฝั่งพร้อมกัน วันนี้ฉันถูกพากลับพร้อมพี่เฮนรี่ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ต้องเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง ทุกเรื่องที่รู้ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างสเตฟานกับลัลลาเบล แต่ยกเว้นเรื่องที่ตัวเองเข้าไปที่คลับเพราะไม่อยากให้พี่เฮนรี่เป็นห่วงไปมากกว่านี้
“แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าเป็นเขา” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับหักเลี้ยวพวงมาลัยรถขับวนลงจากตึกจอด
“ถ้าไม่ใช่เขาจะเป็นใคร เพื่อนของไอรีนมีผู้ชายที่ชอบอยู่แค่คนเดียว”
“พี่ถึงถามนี่ไงว่าแน่ใจใช่มั้ย เพราะภาพนั้นถูกส่งเข้าสู่เมลนักศึกษาทั้งมหา’ลัยนะ แล้วพี่ก็เห็นว่าไม่ได้มีผู้ชายแค่คนเดียว”
“เข้าข้างผู้ชายด้วยกันเองหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่ใช่สักหน่อย” พี่เฮนรี่หันมาสบตา
“มองน้องแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ก็ที่รู้มานะ สเตฟานไม่มีทางคบผู้หญิงคนไหน และไม่มีทางพาเรื่องแบบนี้เข้ามาหาตัวเองแน่นอน ระดับคาร์พาเธียไม่ปล่อยอะไรโง่ ๆ แบบนี้หรอก”
“ครั้งนี้อาจจะเล่นสนุกจนลืมนึกถึงผลที่ตามมาก็ได้”
“ไม่มีทาง สเตฟานชอบเฮเลนผู้ดูแลพิเศษของไอรีนไง เขาไม่มีทางพลาดเรื่องแบบนี้ให้ตัวเองดูไม่ดี”
“ชอบพี่เฮเลน?” ถึงว่าสิ น้ำเสียงเวลาคุยกับพี่เฮเลน ทั้งตอนที่รับโทรศัพท์ตรงห้องชมรมเก่า และในคลับต่างจากคุยกับคนอื่นลิบลับ
“อือ ถึงเฮเลนจะมีคู่หมั้นอยู่แล้วก็ตาม”
“...” รักที่ไม่มีทางสมหวัง หึ!
“แล้วอีกอย่างสเตฟานคงไม่จำเป็นต้องใช้ยาเพื่อทำให้เพื่อนไอรีนสมยอมก็ได้ เพราะเธอคงจะสมยอมด้วยความรักอย่างเต็มใจแน่นอน”
“พี่เฮนรี่” เสียงเล็กดังขึ้นพร้อมนัยน์คมเฉี่ยวปาดมองไปฝั่งคนขับ
“ก็พูดตามหลักของมนุษย์ที่ทุ่มเทความรักจนสุดตัว”
“...” ฉันเถียงไม่ออกเลย ความจริงมันก็เป็นแบบนั้นแหละ
“ให้พี่จัดการเรื่องนี้ให้เอามั้ย” พี่เฮนรี่เสนอความคิดออกมา
“ไม่ค่ะ ไอรีนจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“ถ้าทำแบบนั้นเท่ากับว่าสเตฟานจะรู้ว่าไอรีนเป็นใครนะ”
“นั่นแหละที่ต้องการ”
“ทำไมล่ะ ทำไมถึงยอมเปิดเผยตัวเอง”
“ก็ถ้าให้พี่เฮนรี่ไปจัดการเขาจะคิดว่ายังไงล่ะคะ เด็กกำพร้าเอาเรื่องของเพื่อนมาฟ้องรัชทายาทลำดับที่หนึ่ง เพื่อให้จัดการเรื่องนี้แทน เขาจะหัวเราะเยาะเอานะคะ” เพราะฉันลงเล่นเองสนุกกว่า
“ไม่ใช่เด็กกำพร้าสักหน่อย น้องสาวของพี่ต่างหาก” พี่เฮนรี่ยกมือขึ้นลูบหัวด้วยความเอ็นดู
“ค่ะ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไอรีนขอจัดการเองนะคะ”
“น่าสนุกจัง...สเตฟานเป็นคนแรกที่ทำให้เจ้าหญิงไอรีนอยากลงไปเล่นด้วยเลยเหรอเนี่ย” พี่เฮนรี่ถึงกับเอ่ยปากแซว เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเรียกได้ว่าปิดบังตัวตนอย่างดีเยี่ยมมาเสมอ
“มันจะสนุกขึ้นไปมากกว่านี้อีกนะคอยดูสิ” ริมฝีปากบางฉีกยิ้มให้พี่ชาย หมอนั่นเป็นคนแรกจริง ๆ ที่ทำให้ฉันอยากจะอ้วกเวลาเห็นหน้า
หลายวันต่อมา
ณ คฤหาสน์ของคาร์พาเธีย
เอี๊ยด!
รถหรูจอดนิ่งหน้าประตูรั้วสูง กระจกเลื่อนลงให้เห็นผู้เป็นเจ้าของรถ ผู้ดูแลประจำคฤหาสน์คาร์พาเธียตรงเข้ามาหยุดยืน สายตาจ้องมองหญิงสาวอย่างคุ้นหน้าค่าตา
“คุณผู้หญิงมาพบใครครับ”
“พบคุณสเตฟานค่ะ”
“คุณสเตฟานยังไม่กลับเข้ามาครับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นสายตาก็มองไปยังเลขบอกเวลาหน้ารถทันที ตอนนี้ 23.30 น. นี่ฉันก็กะเวลาให้เสียมารยาทรบกวนเวลานอนของเขาสุด ๆ แล้วนะ แต่ที่ไหนได้หมอนั่นยังไม่กลับเข้ามา
“ถ้างั้น...ใครก็ได้ที่จะให้เจ้าหญิงแห่งคาเลนเซียเข้าพบ”
“...” ผู้ดูแลทำหน้างุนงง เพราะชื่อนี้น้อยคนที่จะรู้จัก
“ลองแจ้งไปที่เจ้านายคุณสิคะ เผื่อจะมีใครตื่นมารับฉันได้”
“...” ดูเขาจะไม่เชื่อแฮะ ก็แน่ละเวลาแบบนี้คนปกติที่ไหนจะมาขอพบคนอื่นกัน
มือเล็กเอื้อมไปหยิบของสิ่งหนึ่งออกจากกระเป๋า เข็มกลัดเพชรสีชมพูเรียงเป็นรูปดอกกุหลาบด้านบนประดับมงกุฎสัญลักษณ์ของราชวงศ์ ผู้ดูแลของตระกูลเก่าแก่ย่อมรู้ดีว่าของตรงหน้าคือของจริง
“ขอโทษครับ ขอโทษที่ผมเสียมารยาทครับ!” เขาก้มหัวกล่าวขอโทษแก่ฉัน
“ไม่เป็นอะไรค่ะ คนไม่รู้ยังไงก็ไม่ผิด” พูดจบก็ส่งยิ้มหวานใจดีให้อีกฝ่ายไม่รู้สึกผิดไปมากกว่านี้ รถยนต์ขับผ่านเข้ายังด้านในอย่างง่ายดาย แสงไฟของคฤหาสน์เปิดสว่างขึ้นพร้อมกัน และผู้เป็นเจ้าของที่นี่ก็ลงมาต้อนรับฉันอย่างพร้อมเพรียง
30 นาทีต่อมา
“ขอโทษที่ต้องให้เจ้าหญิงเสียเวลานะครับ แต่ว่า...” ชายวัยกลางคนพูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ติดต่อคุณสเตฟานไม่ได้สินะคะ” ใบหน้าสวยส่งยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนอยู่
“เจ้าหญิงกลับไปพักก่อนก็ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะพาลูกชายเข้าพบโดยด่วน ไม่ทำให้เจ้าหญิงต้องระ!”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวเราตามหาเขาเอง” ร่างบางลุกขึ้นยืน ภายในใจแทบใกล้ระเบิดออกมา เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ทำให้ใครรู้สึกผิดเลยแม้แต่คนเดียว พวกเขายังใช้ชีวิตแบบปกติและมีความสุข
“ผมขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ” พ่อของสเตฟานเดินเข้ามาหยุดยืนใกล้ฉัน เขาถามด้วยความสุภาพ
“คะ”
“ลูกชายของเราทำอะไรให้เจ้าหญิงไม่พอใจหรือเปล่าครับ” สีหน้าผู้เป็นพ่อแม่แสดงความกังวลอย่างชัดเจน แต่ฉันยังคงเอาแต่ยิ้ม
“ไม่ใช่ไม่พอใจค่ะ แต่ทำให้สนใจต่างหาก” พูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นแล้วเดินออกจากคฤหาสน์ตรงไปยังรถของตัวเองทันที
ชายหญิงผู้เป็นพ่อและแม่ต่างหันมองหน้ากัน ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบติดต่อหาลูกชายตัวเองไม่หยุด ถึงหญิงสาวคนนั้นจะบอกว่าสนใจ แต่สายตาของเธอมันไม่ได้สื่อความหมายว่าสนใจในเชิงชอบเลยสักนิด
(ด้านสเตฟาน)
ณ คอนโดส่วนตัว
ครืด!! ครืด!!
โทรศัพท์สั่นไม่หยุดมาหลายนาที จำนวนสายที่แสดงบนหน้าจอหลายสิบสายไม่สามารถทำให้ผู้เป็นเจ้าของสนใจมันเลยสักนิด ถ้าให้เทียบระหว่างเรือนร่างเปลือยสะกดสายตากับโทรศัพท์ เขาย่อมสนใจที่สิ่งล่อตาล่อใจตรงหน้านี้มากกว่า
“อะ อื้อ! โทรศัพท์ของพี่ดังหรือเปล่าคะ เหมือนหนูได้ยิน...” เสียงหวานเอ่ยขึ้นในขณะที่เอวบางขึ้นควบขย่มท่อนเอ็นแข็ง ใบหน้าสวยที่หันไปมองตามความรู้สึกเหมือนได้ยินอะไรบางอย่างสั่นถูกมือหนาแตะข้างแก้มบังคับให้หันมามองที่เขา
“อย่าละสายตาจากพี่สิครับเด็กดี” เสียงแหบพร่าเอ่ยพูด นัยน์ตาคมไล่มองร่างบางที่นั่งคร่อมบนตัว
“อื้อ! หนูขอโทษค่ะ ยกโทษให้หนูนะคะ” สะโพกบางขยับโยกสายตาจ้องมองไปที่คนตัวสูง เสียงหวานเอ่ยอ้อนทำให้คนตรงหน้าเผยยิ้มอย่างพอใจ
“ไม่ให้อภัยครับ ต้องโดนทำโทษนะ” สิ้นเสียงคนตัวสูงก็เปลี่ยนเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมจับร่างบางนอนราบไปบนที่นอน ขาเรียวอ้ากว้างออกตอบรับอย่างอัตโนมัติ ไม่มีใครสนใจเสียงสัญญาณที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะ พวกเขาสนใจแค่เซ็กซ์ของกันและกันเท่านั้น
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำเดินมาหยิบบุหรี่ขึ้นใช้ริมฝีปากเม้มคาบเอาไว้ไฟแช็กในมือถูกจุดติดไฟ ควันบุหรี่พ่นออกจากริมฝีปากแดงลอยขึ้นกลางอากาศ สายตาจ้องไปยังคนตัวเล็กที่นอนหลับอยู่บนเตียง
ครืด!!
เสียงโทรศัพท์สั่นทำให้เขาละสายตาจากเธอ เบอร์โชว์บนหน้าจอคือสายจากทางบ้าน สเตฟานเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมากดรับสาย
(แกอยู่ที่ไหน!) เสียงปลายสายดังขึ้นราวกับกำลังตะโกนทำให้เขาต้องยกโทรศัพท์ห่างออกจากหู
“ทำไม”
(มีคนมาหาลูก) เสียงของแม่เป็นฝ่ายพูดกับเขาเอง ดูเหมือนว่าจะเปิดลำโพงสินะ
“มาหา...ใครมา”
(เจ้าหญิง)
กริ้ง ~
เสียงกริ่งห้องพักดังแทรกได้จังหวะ กลบสิ่งที่แม่เขากำลังพูด
“แม่พูดอีกทีใครนะ” เขาถามกลับพร้อมดับบุหรี่ในมือ แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องนอนตรงไปยังประตู
(เจ้าหญิงแห่งคาเลนเซีย พระองค์มาพบแก)
“เจ้าหญิง...” แต่ชื่อที่ไม่คุ้นหูนี่ทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้ว เชื้อพระวงศ์มาพบ หึ! ยายเด็กกำพร้านั่น
(แกไปทำอะไรไว้ฉันไม่รู้นะ แต่เหมือนพระองค์ต้องการพบแกตอนนี้เธอน่าจะกำลังไปหาแกอยู่)
“เธอรู้เหรอครับว่าผมอยู่ที่ไหน”
(ระดับพระองค์ไม่ต้องบอก เธอก็หาแกไม่ยากหรอก)
กริ้ง ~ เสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้ง
“มาแล้วมั้งเนี่ย” สเตฟานพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดประตู โดยที่เข้าไม่คิดจะมองผ่านรูตาแมวสักนิดว่าใครมา
แอด ~ ประตูเปิดออก
สายตาของผู้เป็นเจ้าของห้อง และผู้มาเยือนสบสายตากัน ริมฝีปากบางยกยิ้มให้กับคนตรงหน้า สเตฟานขมวดคิ้วไล่สายตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ไหนเจ้าหญิง มีแต่เด็กกำพร้าอยู่ตรงหน้า” เขาพูดกับคนในสาย สายตาก็มองเด็กกำพร้าที่พูดถึงด้วยสายตาดูถูก
(เฮ้อ...เจ้าหญิงน่ะ ผมยาวสีดำ และมีไฝใต้ตาขวา)
“...” เขาไล่สายตามองยังบุคคลตรงหน้า ทุกอย่างที่พ่อเขาพูดมามันตรงทั้งหมด
(ถ้าตรง...นั่นแหละเจ้าหญิงลำดับที่สาม เจ้าหญิงแห่งคาเลนเซีย)
“...หึ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็หลุดขำในลำคออย่างไม่เชื่อตัวเอง นิ้วมือกดวางสายแล้วความสนใจมาที่ผู้หญิงตรงหน้า
“รบกวนเวลาหรือเปล่าคะคุณสเตฟาน” เสียงหวานเอ่ยถาม แต่เธอไม่รอฟังคำตอบเดินผ่านเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ
หมับ! มือหนาคว้าต้นแขนเล็กเอาไว้ ทำให้สองเท้าหยุดก้าวเดิน
“ออกไป” เสียงทุ้มต่ำพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เฮ้...ไม่เหมือนที่พูดเอาไว้นี่” ฉันตอบกลับเขาทั้งที่สายตายังมองตรงไปข้างหน้า
“จะบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงเหรอ”
“ฉันไม่ได้พูดเลยนะ คนของนายต่างหากที่พูด” ความยียวนที่ทำให้อีกฝ่ายเริ่มโมโห
“...” สเตฟานออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ดึงตัวฉันถอยหลังกลับมายืนตรงหน้าเขา
ตึก ตึก ตึก! สองเท้าย่ำเดินตามแรงดึงกลับมายืนที่เดิม
“อย่ารุนแรงกับผู้หญิงนักสิคะ หรือเป็นที่สันดานเลยทำจนชิน”
“ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นฉันรุนแรงแค่เวลาอื่น แต่ถ้าเธอเหรอ...ทำไปก็ตายเปล่า” แรงบีบที่แขนทำให้ขึ้นรอยแดงทีละนิด
“...” ต่อให้ถูกกระทำ แต่ฉันก็ไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาให้ได้เห็น
“นี่ยายเด็กขี้โกหก กลับไปอยู่ในที่ของตัวเองไป แค่เด็กกำพร้าอย่ามายกตัวเองขึ้นเป็นเจ้าหญิง ทุเรศ” สเตฟานพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“...”
“พยายามดีนี่ใช้คำพูดแบบไหนล่ะที่ทำให้บ้านฉันเชื่อได้ สภาพเด็กดูไม่ได้แบบนี้เนี่ยนะเจ้าหญิง หึ!”
“...”
“ออกตัวเรื่องของเพื่อน พอบอกว่าให้เอาเชื้อพระวงศ์มาคุยฉันถึงจะยอมคุยก็เลยสร้างเรื่องโกหกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง แล้วยังเข้าใจว่าฉันทำเพื่อนเธอ...” สเตฟานโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ กลิ่นบุหรี่อ่อน ๆ ลอยมาจากตัว
“...” เห็นหน้าใกล้ ๆ แบบนี้แล้วมัน...
“ฉันเลือกนะ เลือกเยอะเลยละ...ถึงเพื่อนเธอจะชอบฉัน แล้วยอมทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเล่นด้วยนี่ ไปมั่วกับคนอื่นแล้วอย่าโยนให้กันสิ”
“...” หมดความอดทนแล้วนะ
“ขนาดถ้าเป็นเธอแก้ผ้าต่อหน้า ฉันก็น่าจะ...ช่วยตัวเองแทนที่จะลงมือทำกับเธอ คงสนุกกว่า” ปากนี่มัน!
“พูดได้ดี สาระเลวดีจริง ๆ ปกติแค่เห็นหน้าก็จะอ้วกละ ยิ่งปากแบบนี้ยิ่งขยะแขยงจนไม่อยากหายใจร่วมโลกเลย”
พึ่บ! สิ้นเสียงสเตฟานออกแรงกระชากแขนเล็กเข้าหาตัว
“ก็ตายไปซะสิ”
“ฉันไม่ตายก่อนนายแน่”
“เป็นคนของควีนมาเรียแล้วคิดว่าไม่กล้าเหรอ”
“ก็ลองดู...” ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างท้าทาย
ติ้ง! เป็นจังหวะเดียวกันที่ประตูลิฟต์เปิดออก
ตึก ตึก ตึก! เสียงฝีเท้าดังขึ้นตามหลังเกิดจากคนจำนวนมากที่เดินออกมา
“ปล่อยมือจากเจ้าหญิงด้วยครับคุณสเตฟาน” เสียงหนึ่งดังขึ้น แต่เราทั้งสองคนก็ยังไม่ละสายตาจากกัน สเตฟานไม่ปล่อยแขนต่อให้ผู้ดูแลจะเข้ามาหยุดยืนซ้อนหลังฉันไว้แล้วก็ตาม
“บอกว่าไม่ต้องขึ้นมา ฟังไม่รู้เรื่องกันหรือไง” ถึงปากจะดุผู้ดูแล แต่ก็ยังยิ้มอย่างผู้ชนะให้กับคนตรงหน้า
“ขอโทษครับ แต่พวกเราปล่อยให้เจ้าหญิงขึ้นมาเพียงลำพังในช่วงเวลานี้ไม่ได้จริง ๆ” ยิ่งฟังสิ่งที่ผู้ดูแลพูด สเตฟานก็ดูเหมือนจะยังไม่เชื่อหูตัวเอง
“ปล่อยแขนฉันได้ละ ไอ้สกปรก”
พึ่บ! แขนเล็กสะบัดออกจากมือหนา สเตฟานไล่สายตามองไปยังกลุ่มคนข้างหลัง
“หึ...จริงเหรอเนี่ย” คนตัวสูงหยุดสายตามองมาที่ฉัน
“คงจะคุยกับฉันได้แล้วนะคุณสเตฟาน”
“...” ต่อให้เขารู้ว่าฉันอยู่สถานะไหน สายตาของคนตรงหน้าก็ไม่ได้แสดงความเกรงกลัวออกมาเลยสักนิด
“ฉันลดตัวลงมาขนาดนี้ ก็คงต้องคุยแล้วแหละ” พูดจบก็เดินเขาเข้าไปในห้องทันที ผู้ดูแลเดินตามเข้ามาติด ๆ แค่เริ่มก็สนุกแล้ว...
“อย่าพูดแบบนี้นะคะพี่สเตฟาน รู้สึกเหมือนจะอ้วกอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ” รอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้ายียวนจนน่าหมั่นไส้“ขนาดรู้สึกจะอ้วกยังพาติดตัวตลอดเวลาขนาดนี้ การกระทำกับคำพูดสวนทางกันจังเลยนะครับไอรีน” สเตฟานตั้งใจเรียกชื่อของอีกฝ่าย เพราะรู้ว่าฉันไม่ชอบเสียงของเขาเวลาเอ่ยชื่อตัวเอง“จะแปลกอะไรล่ะ มันก็เหมือนพกหมากระเป๋าติดตัวนั่นแหละ”“ขาดไม่ได้จนต้องให้อยู่ใกล้ตลอดเวลา คลั่งรักอะไรขนาดนี้ครับ หรือมีปมในชีวิตทำให้ขาดผู้ชายไม่ได้” ต่างฝ่ายต่างตั้งใจให้อีกคนถูกมองไปในทางที่แย่ แต่ดันไม่มีใครยอมใคร“ปากเก่งขนาดนี้ทำไมหลุดออกไปจากฉันไม่ได้ล่ะ อ๋อ ลืมไปเลยก็เพราะ...” นิ้วเรียวชี้ไปยังคนตัวสูงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ความหมายที่จะสื่อเตือนสมองนิ่ม ๆ ของเขาคือ ชื่อของฉันที่อยู่บนตัว“หุบปาก” สเตฟานพูดขึ้นก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้พึ่บ!ร่างสูงลุกขึ้นยืนสายตายังคงจับจ้องมาที่ฉัน ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องผ่านสายตาทุกคนออกไปทันที ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบ ชอบให้ฉันพูดมากทุกครั้งเลยพึ่บ!ตึก ตึก ตึกร่างบางลุกขึ้นจากโซฟาเช่นกัน แต่แทนที่จะเดินออกจากห้องไปทันทีฉันกลับเดินเข้าไปหยุดยืนตร
(ปัจจุบัน)นัยน์ตาเฉี่ยวจ้องมองรูปปั้นเทพพระเจ้ากรีกโบราณผ่านเลนส์กล้อง แม้เธอจะให้ความสนใจไปที่รูปปั้นตรงหน้า แต่ก็รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าสายตาคนรอบข้างกลับให้ความสนใจมาที่เธอหญิงสาววัยอายุ 25 ปี ผมยาวสีดำตรงถึงสะโพก ใบหน้าสวยคมเอกลักษณ์เด่นของตัวเองคือไฝใต้ตาขวา บางมุมมันก็ทำให้ใบหน้าของเธอสวยหวานชวนหลงใหล บางมุมสวยดุจนผู้ชายหลายคนอยากเข้ามาท้าทาย แต่สถานะที่เมื่อใครได้รับรู้ก็ต้องถอยห่างทำให้ผู้คนทั่วไปจึงทำได้เพียงมองแชะ แชะ แชะเสียงกดชัตเตอร์บันทึกภาพดังขึ้นเป็นจังหวะ สองเท้าก้าวเดินวนรอบรูปปั้นและกดบันทึกภาพไปด้วย อีรอสหรืออีกชื่อคิวปิดเทพพระเจ้าแห่งความรัก ภาพจำของใครหลายคนก็คือเทวดาตัวน้อยมีปีกสีขาวคอยยิงศรให้คนตกหลุมรักกันแต่สักกี่คนจะรู้ว่าเทพพระเจ้าตัวน้อยมีศรสองแบบ หนึ่งศรทำให้ตกหลุมรัก หนึ่งศรทำให้เกลียดกัน แม้แต่ในตำนานความรักของเทพพระเจ้าเองก็ยังมีอุปสรรค แล้วเราจะคาดหวังให้มีรักที่สมหวังตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันไปทำไมในเมื่อเทพเจ้าแห่งความรักยังทำมันไม่สำเร็จ“เจ้าชายมาถึงแล้วครับ” เสียงผู้ดูแลเอ่ยขึ้น แต่หญิงสาวก็ยังคงให้ความสนใจไปที่รูปปั้นตรงหน้ามากกว่าบุคคลระดับสูง
“เสียมารยาทจังนะครับ เจ้าของห้องยังไม่อนุญาตให้เข้าเลย” เสียงของชายผู้เป็นเจ้าของห้องดังทักท้วงขึ้น ทำเอาทุกคนหยุดชะงัก แม้แต่ตัวฉันเอง“...” ร่างบางหันกลับไปมอง“แล้วก็เอาคนบุกเข้ามาห้องคนอื่นขนาดนี้ เขาไม่ได้สอนมารยาทให้เด็กกำ อ้อ ไม่ใช่สิ...เจ้าหญิง” ตั้งใจด่ากันเลยนี่หว่า แต่เราก็ตั้งใจด่ากันมาตั้งแต่แรกแล้ว“ทุกคนออกไปรอข้างนอก” เมื่อได้ยินคำสั่งของฉัน สเตฟานยิ้มมุมปาก ส่วนคนอื่นหันกลับมามองด้วยความตกใจ“พวกเราไม่สามารถปล่อยให้เจ้าหญิงอยู่กับผู้ชายในเวลาแบบนี้โดยไร้การดูแลได้ครับ” หัวหน้าผู้ดูแลพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ไม่เป็นอะไร คุณสเตฟานเขาไม่ทำอะไรเราหรอก” ยิ้มฝีปากบางฉีกยิ้ม สายตายังคงจ้องมองกันและกัน“แต่...” ผู้ดูแลที่ยังเป็นกังวลพยายามจะพูดต่อ แต่เสียงของสเตฟานแทรกขึ้นมาซะก่อน“ผมไม่สิ้นคิดทำอะไรเจ้าหญิงหรอกครับ” ฉันล่ะชอบปากหมอนี่จริง ๆ ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อดี“ช่วยสุภาพกับเจ้าหญิงด้วยครับคุณสเตฟาน” ผู้ดูแลกล่าวตักเตือนเขา แต่อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ได้สนใจในคำเตือน“ผมพูดผิดตรงไหนล่ะ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือเจ้าหญิงนะครับ ถ้าทำอะไรเธอผมก็แย่สิ” ปากพูดแบบนั้น แต่เชื่อเถอะในใจเ
ปึง!ประตูรถปิดลงทั้งสองฝั่งพร้อมกัน วันนี้ฉันถูกพากลับพร้อมพี่เฮนรี่ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ต้องเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง ทุกเรื่องที่รู้ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างสเตฟานกับลัลลาเบล แต่ยกเว้นเรื่องที่ตัวเองเข้าไปที่คลับเพราะไม่อยากให้พี่เฮนรี่เป็นห่วงไปมากกว่านี้“แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าเป็นเขา” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับหักเลี้ยวพวงมาลัยรถขับวนลงจากตึกจอด“ถ้าไม่ใช่เขาจะเป็นใคร เพื่อนของไอรีนมีผู้ชายที่ชอบอยู่แค่คนเดียว”“พี่ถึงถามนี่ไงว่าแน่ใจใช่มั้ย เพราะภาพนั้นถูกส่งเข้าสู่เมลนักศึกษาทั้งมหา’ลัยนะ แล้วพี่ก็เห็นว่าไม่ได้มีผู้ชายแค่คนเดียว”“เข้าข้างผู้ชายด้วยกันเองหรือเปล่าเนี่ย”“ไม่ใช่สักหน่อย” พี่เฮนรี่หันมาสบตา“มองน้องแบบนี้หมายความว่ายังไง”“ก็ที่รู้มานะ สเตฟานไม่มีทางคบผู้หญิงคนไหน และไม่มีทางพาเรื่องแบบนี้เข้ามาหาตัวเองแน่นอน ระดับคาร์พาเธียไม่ปล่อยอะไรโง่ ๆ แบบนี้หรอก”“ครั้งนี้อาจจะเล่นสนุกจนลืมนึกถึงผลที่ตามมาก็ได้”“ไม่มีทาง สเตฟานชอบเฮเลนผู้ดูแลพิเศษของไอรีนไง เขาไม่มีทางพลาดเรื่องแบบนี้ให้ตัวเองดูไม่ดี”“ชอบพี่เฮเลน?” ถึงว่าสิ น้ำเสียงเวลาคุยกับพี่เฮเลน ทั้งตอนที่รับโทร
ณ ห้องสมุดมหา’ลัยผ่านเหตุการณ์นั้นมาหลายอาทิตย์ลัลลาเบลก็ยังไม่ยอมกลับมาเรียน เราทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงเพราะฉันเข้าไปวุ่นวายชีวิตเธอเกินหน้าที่ของเพื่อนทำให้เราต่างห่างกันออกไป ฉันพยายามติดต่อเธอทุกทาง แต่ก็ไร้ความหมาย“เพื่อนล่ะคะ” พี่เฮเลนนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามถามขึ้น“ยังไม่กลับมาเรียนเลยค่ะ”“ไม่ใช่ความผิดของ...” พี่เฮเลนเหมือนจะยังไม่ชินกับการเรียกชื่อแฝงของฉันเฉย ๆ“คริสค่ะ”“ไม่ใช่ความผิดของคริสเลยนะคะ การที่เราเป็นห่วงเพื่อนที่หลุดเข้าไปวงโคจรแบบนั้น” พี่เฮเลนรู้ว่าฉันเป็นกังวลกับเรื่องนี้ จึงคอยเข้ามาปลอบใจอยู่บ่อยครั้ง“ค่ะ เดี๋ยวสักวันมันก็ดีขึ้นแหละ พวกเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ก็มีงอนกันบ้างตามประสาผู้หญิง พี่เฮเลนเคยเป็นมั้ยคะ”“ประจำค่ะ พวกพี่ทะเลาะกันเองเวลาว่าง ๆ ก็มี”“น่ารักจังเลยนะคะ” มีทะเลาะกันเวลาว่างด้วย“พี่ไม่รบกวนเวลาแล้ว ขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ” พี่เฮเลนลุกขึ้นยืนแล้วส่งยิ้มหวานมาให้“บ๊ายบายค่ะ” มือเล็กยกขึ้นโบกไปมา มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินออกจากห้องสมุดไปฉันหันกลับมาสนใจงานในโน้ตบุ๊กของตัวเองต่อ นิ้วเรียวเลื่อนคลิกหน้าจอเว็บของมหา’ลัยขึ้นมา แต่จู่ ๆ
ร่างบางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ไม่ใช่แค่คู่ของลัลลาเบลที่มีพฤติกรรมแบบนี้ อีกหลายคู่ที่นัวเนียเข้าหากันโดยไม่สนใจว่าใครจะมอง แต่สิ่งที่สะดุดตาฉันมากที่สุดก็เห็นจะเป็น อุปกรณ์เสพสิ่งเสพติดที่วางเกลื่อนกลาดอยู่บนโต๊ะ“เธอเป็นเพื่อนของเด็กนี่เหรอ” เสียงของคนที่ฉันพึ่งด่าเขาไปถามขึ้น เรียกสติให้กลับมา“ลัลลาเบล เรากลับกันเถอะ” ฉันไม่สนใจคำถามของสเตฟานรีบเดินเข้าไปดึงแขนเพื่อนตัวเองออกจากผู้ชายคนนั้นหมับ! ยังไม่ทันจะเข้าถึงตัวเพื่อน ข้อมือเล็กก็ถูกกระชากเต็มแรงจากผู้ชายตัวสูง“อย่าเมินคำถามฉัน” สเตฟานกดเสียงต่ำ สายตาดุจ้องมองหน้า“ไม่รู้ก็คงไม่ตายใช่มั้ย”“...” เมื่อได้รับคำตอบทำเอาสายตาของเขาเปลี่ยนไปทันที โมโหสินะ“หรือจะตายที่ไม่ได้รู้ก็บอก ฉันจะได้เล่าให้ฟังว่าตัวเองเป็นใครแล้วคุณจะได้ไปตายซะ” ข้อมือเล็กพยายามดึงออกจากมือหนา แต่แรงบีบที่ข้อมือแรงขึ้นจนร่างบางแสดงสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด“นี่มันคริส เด็กกำพร้าตระกูลที่ควีนมาเรียรับมาเลี้ยงนี่” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ฉันก็ดังพอตัวเลยนะเนี่ย“ก็แค่เด็กกำพร้า...แต่เป็นเด็กกำพร้าที่ปากดีดี” สายตาดูถูกของผู้ชายตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันรู้สึกเ