ณ ห้องสมุดมหา’ลัย
ผ่านเหตุการณ์นั้นมาหลายอาทิตย์ลัลลาเบลก็ยังไม่ยอมกลับมาเรียน เราทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงเพราะฉันเข้าไปวุ่นวายชีวิตเธอเกินหน้าที่ของเพื่อนทำให้เราต่างห่างกันออกไป ฉันพยายามติดต่อเธอทุกทาง แต่ก็ไร้ความหมาย
“เพื่อนล่ะคะ” พี่เฮเลนนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามถามขึ้น
“ยังไม่กลับมาเรียนเลยค่ะ”
“ไม่ใช่ความผิดของ...” พี่เฮเลนเหมือนจะยังไม่ชินกับการเรียกชื่อแฝงของฉันเฉย ๆ
“คริสค่ะ”
“ไม่ใช่ความผิดของคริสเลยนะคะ การที่เราเป็นห่วงเพื่อนที่หลุดเข้าไปวงโคจรแบบนั้น” พี่เฮเลนรู้ว่าฉันเป็นกังวลกับเรื่องนี้ จึงคอยเข้ามาปลอบใจอยู่บ่อยครั้ง
“ค่ะ เดี๋ยวสักวันมันก็ดีขึ้นแหละ พวกเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ก็มีงอนกันบ้างตามประสาผู้หญิง พี่เฮเลนเคยเป็นมั้ยคะ”
“ประจำค่ะ พวกพี่ทะเลาะกันเองเวลาว่าง ๆ ก็มี”
“น่ารักจังเลยนะคะ” มีทะเลาะกันเวลาว่างด้วย
“พี่ไม่รบกวนเวลาแล้ว ขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ” พี่เฮเลนลุกขึ้นยืนแล้วส่งยิ้มหวานมาให้
“บ๊ายบายค่ะ” มือเล็กยกขึ้นโบกไปมา มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินออกจากห้องสมุดไป
ฉันหันกลับมาสนใจงานในโน้ตบุ๊กของตัวเองต่อ นิ้วเรียวเลื่อนคลิกหน้าจอเว็บของมหา’ลัยขึ้นมา แต่จู่ ๆ ก็มีข้อความแจ้งเตือนในอีเมลนักศึกษา ลูกศรคลิกเข้าดูก็พบว่าเป็นลิงก์จากเมลไม่ระบุตัวตน
“ว้าย! อะไรเนี่ย!” เสียงร้องของคนในห้องสมุดดังขึ้น
“เฮ้ย! นี่มัน...” ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบตัวก็พบว่าทุกคนต่างดูหน้าจอโทรศัพท์ และโน้ตบุ๊กของตัวเองหรือเมลนี่จะถูกส่งหาทุกคนในมหา’ลัย มือเล็กเลื่อนเมาส์คลิกลิงก์นั่น และสิ่งที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทำเอาฉันนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
“...!!”
เป็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมีเซ็กซ์ ใบหน้าคุ้นเคยของเธอที่ทำให้ฉันแทบหยุดหายใจ กลุ่มผู้ชายยืนล้อมเห็นเพียงส่วนล่าง ราวกับว่าพวกเขายืนรอคิวที่จะทำกับ...ลัลลาเบล
ปึก! หน้าจอปิดลงเต็มแรงฉันรีบเก็บของแล้วเดินออกจากห้องสมุด เรื่องบ้าอะไรอีกแล้ว!
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด!
ฉันกดโทร. ออกหาลัลลาเบล แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีใครรับ ตลอดทางเดินทุกคนมองด้วยสายตาแปลก ๆ คงเพราะบางคนรู้ว่าเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ผู้ชายพวกนั้นไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นใคร แต่ผู้หญิงคนนั้นคือเพื่อนฉันแน่นอน
ปึก!
“พระราชวังค่ะ” ฉันขึ้นมานั่งบนรถแท็กซี่แล้วบอกจุดหมายปลายทางโดยที่ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมอง มือก็กดโทรศัพท์โทร. หาเพื่อนตัวเอง
“ท ที่ไหนนะครับ”
“พระราชวังของอิตาลีมีที่เดียวค่ะ ไปเลยค่ะ ด่วน!” แท็กซี่รีบขับตรงไปยังจุดหมายทันที ก่อนจัดการว่าใครปล่อยภาพทั้งหมด ขอตามสืบก่อนก็แล้วกันว่าจากที่ไหน
ณ สำนักงานการดูแลประจำราชวงศ์
“เมลนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้เลยค่ะเจ้าหญิง ไม่ทราบแหล่งที่มาและใครเป็นผู้ส่ง ระบบปิดตัวตนดีเยี่ยมมากเลยค่ะ”
“...” แม้แต่ระบบคนของฉันยังตรวจสอบไม่ได้
“ลิงก์ที่ส่งเข้าเมลของเพื่อนเจ้าหญิงเหมือนว่ามันจะถูกเปิดดูแล้วนะคะ” เจ้าหน้าที่พูดขึ้นทำให้ฉันรีบตรงเข้าไปดูทันที
“เช็กให้หน่อยว่าอุปกรณ์ที่เปิดเมลตั้งอยู่ที่ไหนคะ”
“ที่คอนโด Z ค่ะ” คอนโดของลัลลาเบล
“ยังไงก็ต้องหาคนที่ส่งมาให้ได้นะ เดี๋ยวเรากลับมา” พูดจบก็เดินออกจากห้องไปที่รถทันที ทำไมเรื่องราวมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเธอ ลัลลาเบล...
ณ คอนโด Z ห้องชั้น 56
“กรี๊ด!!!”
เสียงกรีดร้องราวกับคนจะขาดใจตาย เลือดสีแดงไหลออกจากฝ่ามือที่เกิดจากผู้เป็นเจ้าของห้องฟาดเข้ากับกระจกห้องน้ำ เศษแก้วเกลื่อนพื้นห้อง ความวุ่นวายเกิดขึ้นไม่หยุดเมื่อผู้หญิงตรงหน้าไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้
“วางของในมือลงก่อนนะครับ”
เพล้ง! ยังไม่ทันจะขาดคำ ขวดแก้วในมือก็ถูกปาทางที่ฉันยืนอยู่ ผู้ดูแลที่ตามมาด้วยต่างพากันเอาตัวบังฉันไว้
“พี่สเตฟาน กรี๊ด! ฉันต้องการเจอเขา ฉันอยากเจอเขา ฉันจะอยู่กับเขา!” ลัลลาเบลพูดคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา
“ลัลลาเบล...” เสียงเรียกที่แผ่วเบาของฉันทำให้เธอหันมามอง
ใบหน้าสวยหวานบัดนี้เลอะไปด้วยคราบเลือด ริมฝีปากบางสั่นส่งเสียงสะอื้น เธอเบะปากร้องไห้ราวกับเด็กน้อยถูกทอดทิ้ง ลัลลาเบลก้าวเดินเหยียบเศษแก้วตรงเข้ามาหาฉัน แต่ผู้ดูแลที่ยืนบังทำให้เธอหยุดชะงักอยู่กับที่
“ทุกคนออกไปจากฉัน” คำสั่งแผ่วเบาที่ทำให้ทุกคนต้องหันมามอง
“...”
“ไปสิ” และในที่สุดพวกเขาก็ยอมถอยออกไปยืนรอมุมห้อง
ตรงหน้าของลัลลาเบลเหลือเพียงแค่ฉันเท่านั้น แขนเล็กอ้ากว้างออกเป็นสัญญาณให้เธอเข้ามาได้ เพื่อนเพียงคนเดียวของฉันตอนนี้เป็นเด็กน้อยที่ถูกทอดทิ้งไปแล้ว
หมับ! ลัลลาเบลตรงเข้ามากอดฉันไว้แน่น เธอซบหน้าลงบนไหล่เล็กแล้วระเบิดเสียงร้องไห้ออกมา
“ฮือ!! ฉันถูกบังคับให้เล่นยา ฉันถูกหลอกจากคนพวกนั้น พวกเขาข่มขืนฉันแล้วก็ถ่ายคลิป ฉันถูกหลอก! ฮือ!”
“ปลอดภัยแล้วนะ ฉันจะดูแลเธอเอง” มือเล็กยกขึ้นลูบหัวเพื่อนด้วยความอ่อนโยน
“พี่สเตฟานเขาไม่เคยรักฉันเลย เขาไม่เคยรักฉัน เขาไม่สนใจว่าฉันจะกำลังท้องอยู่ ฮือ!!” ท้องเหรอ...
“เราเลี้ยงหลานได้ จะช่วยแกเลี้ยงนะ”
“เขาไม่อยู่แล้ว ลูกของฉันกับเขาไม่อยู่แล้ว ฮือ!”
“หมายความว่าไง” ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งโมโหจนตัวสั่น
“กรี๊ด!! เขาไม่สนใจฉัน เขาทำร้ายฉัน! แกได้ยินมั้ยว่าเขาทำร้ายฉันกับลูก กรี๊ด!”
จู่ ๆ ลัลลาเบลก็กรีดร้องอย่างสติแตกขึ้นอีกครั้ง มือเล็กที่โอบกอดเปลี่ยนเป็นมาบีบคอฉันเต็มแรง ความวุ่นวายถึงขีดสุดกลับมา ผู้ดูแลทุกคนต่างเข้ามาแยกเธอออกห่างจากตัว เสียงกรีดร้องแทบขาดใจทำให้ฉันน้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“อย่ารุนแรงกับเธอ เธอไม่ได้ตั้งใจ!” ฉันพยายามบอกผู้ดูแล แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะสิ่งที่เธอทำลงไปจะถูกตีความหมายว่า ‘ทำร้ายเชื้อพระวงศ์’
1 เดือนต่อมา
เรื่องราวของลัลลาเบลเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากภายในมหา’ลัย ฉันยังคงมาเรียนปกติ และไม่สามารถหลุดลอดไปจากความอยากรู้อยากเห็นของคนรอบตัวไปได้เลย
“ลัลลาเบลเข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้านจิตเวชด้วยนะ” เสียงพูดคุยของเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้กันดังขึ้น
ฉันเก็บของทุกอย่างแล้วเดินออกจากห้องไปทันทีเมื่อหมดคาบเรียน เรื่องนี้ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีทีท่าข่าวว่าจะเงียบลงได้เลย แม้แต่เขา...ฉันก็ยังไม่เจอตัว แต่วันนี้แหละที่เราจะได้เจอกัน
ร่างบางเดินมาหยุดรอหน้าห้องเรียนของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ดวงตากลมจ้องมองไปที่ประตูเลื่อนบานใหญ่ รุ่นพี่ที่กำลังเดินออกต่างหยุดชะงักแล้วมองมาที่ฉัน เรื่องที่เกิดขึ้นของลัลลาเบลทำให้พวกเขารู้จักฉันไปด้วยในฐานะของเด็กกำพร้าปากดีใส่ทายาทตระกูลใหญ่
“...” จะว่าไปก็ชินแล้วนะกับสายตาของทุกคน
“อุ๊ย! นี่น้องคริสนี่คะ” เสียงทักทายของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“...” แต่ฉันไม่สนใจเธอเลยสักนิด สายตาจ้องมองไปยังร่างสูงโดดเด่นข้างหลังที่กำลังเดินออกมา
“นอกจากจะปากเก่งแล้วยังเมินเก่งอีกจริง ๆ” ผู้หญิงคนเดิมยังพูดมากไม่หยุด นัยน์ตาคมปาดมองหญิงสาวตรงหน้า
“นึกออกแล้วพี่นี่เอง...พี่ที่ถูกหนูกระชากหัวใช่มั้ยคะ สภาพหนังหัวไม่ค่อยดีเลยนะ ตอนนั้นเส้นผมหลุดติดมือมาด้วย” เสียงพูดที่ดังชัดถ้อยชัดคำทำเอาทุกสายตาหันมองไปที่เธอ
“อีเด็กนี่!” เธอเอื้อมมือมาจะถึงตัวฉัน แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีมือมาคว้าจับเอาไว้
“ทำอะไร” เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูนี่...พี่เฮนรี่
“... เจ้าชาย” เธอพึมพำแล้วก้มหน้าหลบสายตา ลืมไปเลยว่าพี่เฮนรี่อยู่สาขานี้ด้วย
“คริส” เสียงเรียกของพี่เฮนรี่ก็ไม่สามารถทำให้ฉันละสายตาจากคนที่เดินออกมาได้
“ขอบคุณที่เข้ามาช่วยจัดการนะคะ” กล่าวขอบคุณโดยที่ไม่คิดจะหันไปมอง ฉันก้าวเดินผ่านทุกคนเข้าไปหยุดยืนดักหน้าสเตฟาน
กึก!
ขายาวหยุดชะงัก นัยน์ตาคมก้มมองหญิงสาวตัวเล็กที่เข้ามายืนดักหน้าเขาเอาไว้
“...”
“วันนี้ว่างมั้ย”
“...” สเตฟานทำทีจะเดินหนี แต่ฉันก็ก้าวเท้าขยับไปดักหน้าเขาอีกที
“อ้อ ลืมไปค่ะว่าคุณสเตฟานไม่คุยกับเด็กกำพร้าแบบฉัน”
“ก็รู้ตัวนี่” หึ!
“จะต้องทำยังไงถึงจะได้คุยคะ”
“ก็...” เขาหันมองไปทางพี่เฮนรี่แล้วหันกลับมามองหน้าฉัน
“...”
“เอาคนที่อยู่สูงกว่าฉันมาคุยสิ ทำได้หรือเปล่า”
“ถ้าอยู่สูงกว่าตระกูลคาร์พาเธียก็ต้องเป็นราชวงศ์แล้วนะ”
“ถ้าทำได้จะคุยด้วย ขอโทษที ฉันไม่คุยกับเด็กกำพร้า” พูดจบก็เดินผ่านไปทันทีต้องอยู่สูงกว่าถึงจะคุยด้วยใช่มั้ย ได้...
“อย่าพูดแบบนี้นะคะพี่สเตฟาน รู้สึกเหมือนจะอ้วกอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ” รอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้ายียวนจนน่าหมั่นไส้“ขนาดรู้สึกจะอ้วกยังพาติดตัวตลอดเวลาขนาดนี้ การกระทำกับคำพูดสวนทางกันจังเลยนะครับไอรีน” สเตฟานตั้งใจเรียกชื่อของอีกฝ่าย เพราะรู้ว่าฉันไม่ชอบเสียงของเขาเวลาเอ่ยชื่อตัวเอง“จะแปลกอะไรล่ะ มันก็เหมือนพกหมากระเป๋าติดตัวนั่นแหละ”“ขาดไม่ได้จนต้องให้อยู่ใกล้ตลอดเวลา คลั่งรักอะไรขนาดนี้ครับ หรือมีปมในชีวิตทำให้ขาดผู้ชายไม่ได้” ต่างฝ่ายต่างตั้งใจให้อีกคนถูกมองไปในทางที่แย่ แต่ดันไม่มีใครยอมใคร“ปากเก่งขนาดนี้ทำไมหลุดออกไปจากฉันไม่ได้ล่ะ อ๋อ ลืมไปเลยก็เพราะ...” นิ้วเรียวชี้ไปยังคนตัวสูงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ความหมายที่จะสื่อเตือนสมองนิ่ม ๆ ของเขาคือ ชื่อของฉันที่อยู่บนตัว“หุบปาก” สเตฟานพูดขึ้นก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้พึ่บ!ร่างสูงลุกขึ้นยืนสายตายังคงจับจ้องมาที่ฉัน ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องผ่านสายตาทุกคนออกไปทันที ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบ ชอบให้ฉันพูดมากทุกครั้งเลยพึ่บ!ตึก ตึก ตึกร่างบางลุกขึ้นจากโซฟาเช่นกัน แต่แทนที่จะเดินออกจากห้องไปทันทีฉันกลับเดินเข้าไปหยุดยืนตร
(ปัจจุบัน)นัยน์ตาเฉี่ยวจ้องมองรูปปั้นเทพพระเจ้ากรีกโบราณผ่านเลนส์กล้อง แม้เธอจะให้ความสนใจไปที่รูปปั้นตรงหน้า แต่ก็รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าสายตาคนรอบข้างกลับให้ความสนใจมาที่เธอหญิงสาววัยอายุ 25 ปี ผมยาวสีดำตรงถึงสะโพก ใบหน้าสวยคมเอกลักษณ์เด่นของตัวเองคือไฝใต้ตาขวา บางมุมมันก็ทำให้ใบหน้าของเธอสวยหวานชวนหลงใหล บางมุมสวยดุจนผู้ชายหลายคนอยากเข้ามาท้าทาย แต่สถานะที่เมื่อใครได้รับรู้ก็ต้องถอยห่างทำให้ผู้คนทั่วไปจึงทำได้เพียงมองแชะ แชะ แชะเสียงกดชัตเตอร์บันทึกภาพดังขึ้นเป็นจังหวะ สองเท้าก้าวเดินวนรอบรูปปั้นและกดบันทึกภาพไปด้วย อีรอสหรืออีกชื่อคิวปิดเทพพระเจ้าแห่งความรัก ภาพจำของใครหลายคนก็คือเทวดาตัวน้อยมีปีกสีขาวคอยยิงศรให้คนตกหลุมรักกันแต่สักกี่คนจะรู้ว่าเทพพระเจ้าตัวน้อยมีศรสองแบบ หนึ่งศรทำให้ตกหลุมรัก หนึ่งศรทำให้เกลียดกัน แม้แต่ในตำนานความรักของเทพพระเจ้าเองก็ยังมีอุปสรรค แล้วเราจะคาดหวังให้มีรักที่สมหวังตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันไปทำไมในเมื่อเทพเจ้าแห่งความรักยังทำมันไม่สำเร็จ“เจ้าชายมาถึงแล้วครับ” เสียงผู้ดูแลเอ่ยขึ้น แต่หญิงสาวก็ยังคงให้ความสนใจไปที่รูปปั้นตรงหน้ามากกว่าบุคคลระดับสูง
“เสียมารยาทจังนะครับ เจ้าของห้องยังไม่อนุญาตให้เข้าเลย” เสียงของชายผู้เป็นเจ้าของห้องดังทักท้วงขึ้น ทำเอาทุกคนหยุดชะงัก แม้แต่ตัวฉันเอง“...” ร่างบางหันกลับไปมอง“แล้วก็เอาคนบุกเข้ามาห้องคนอื่นขนาดนี้ เขาไม่ได้สอนมารยาทให้เด็กกำ อ้อ ไม่ใช่สิ...เจ้าหญิง” ตั้งใจด่ากันเลยนี่หว่า แต่เราก็ตั้งใจด่ากันมาตั้งแต่แรกแล้ว“ทุกคนออกไปรอข้างนอก” เมื่อได้ยินคำสั่งของฉัน สเตฟานยิ้มมุมปาก ส่วนคนอื่นหันกลับมามองด้วยความตกใจ“พวกเราไม่สามารถปล่อยให้เจ้าหญิงอยู่กับผู้ชายในเวลาแบบนี้โดยไร้การดูแลได้ครับ” หัวหน้าผู้ดูแลพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ไม่เป็นอะไร คุณสเตฟานเขาไม่ทำอะไรเราหรอก” ยิ้มฝีปากบางฉีกยิ้ม สายตายังคงจ้องมองกันและกัน“แต่...” ผู้ดูแลที่ยังเป็นกังวลพยายามจะพูดต่อ แต่เสียงของสเตฟานแทรกขึ้นมาซะก่อน“ผมไม่สิ้นคิดทำอะไรเจ้าหญิงหรอกครับ” ฉันล่ะชอบปากหมอนี่จริง ๆ ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อดี“ช่วยสุภาพกับเจ้าหญิงด้วยครับคุณสเตฟาน” ผู้ดูแลกล่าวตักเตือนเขา แต่อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ได้สนใจในคำเตือน“ผมพูดผิดตรงไหนล่ะ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือเจ้าหญิงนะครับ ถ้าทำอะไรเธอผมก็แย่สิ” ปากพูดแบบนั้น แต่เชื่อเถอะในใจเ
ปึง!ประตูรถปิดลงทั้งสองฝั่งพร้อมกัน วันนี้ฉันถูกพากลับพร้อมพี่เฮนรี่ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ต้องเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง ทุกเรื่องที่รู้ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างสเตฟานกับลัลลาเบล แต่ยกเว้นเรื่องที่ตัวเองเข้าไปที่คลับเพราะไม่อยากให้พี่เฮนรี่เป็นห่วงไปมากกว่านี้“แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าเป็นเขา” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับหักเลี้ยวพวงมาลัยรถขับวนลงจากตึกจอด“ถ้าไม่ใช่เขาจะเป็นใคร เพื่อนของไอรีนมีผู้ชายที่ชอบอยู่แค่คนเดียว”“พี่ถึงถามนี่ไงว่าแน่ใจใช่มั้ย เพราะภาพนั้นถูกส่งเข้าสู่เมลนักศึกษาทั้งมหา’ลัยนะ แล้วพี่ก็เห็นว่าไม่ได้มีผู้ชายแค่คนเดียว”“เข้าข้างผู้ชายด้วยกันเองหรือเปล่าเนี่ย”“ไม่ใช่สักหน่อย” พี่เฮนรี่หันมาสบตา“มองน้องแบบนี้หมายความว่ายังไง”“ก็ที่รู้มานะ สเตฟานไม่มีทางคบผู้หญิงคนไหน และไม่มีทางพาเรื่องแบบนี้เข้ามาหาตัวเองแน่นอน ระดับคาร์พาเธียไม่ปล่อยอะไรโง่ ๆ แบบนี้หรอก”“ครั้งนี้อาจจะเล่นสนุกจนลืมนึกถึงผลที่ตามมาก็ได้”“ไม่มีทาง สเตฟานชอบเฮเลนผู้ดูแลพิเศษของไอรีนไง เขาไม่มีทางพลาดเรื่องแบบนี้ให้ตัวเองดูไม่ดี”“ชอบพี่เฮเลน?” ถึงว่าสิ น้ำเสียงเวลาคุยกับพี่เฮเลน ทั้งตอนที่รับโทร
ณ ห้องสมุดมหา’ลัยผ่านเหตุการณ์นั้นมาหลายอาทิตย์ลัลลาเบลก็ยังไม่ยอมกลับมาเรียน เราทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงเพราะฉันเข้าไปวุ่นวายชีวิตเธอเกินหน้าที่ของเพื่อนทำให้เราต่างห่างกันออกไป ฉันพยายามติดต่อเธอทุกทาง แต่ก็ไร้ความหมาย“เพื่อนล่ะคะ” พี่เฮเลนนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามถามขึ้น“ยังไม่กลับมาเรียนเลยค่ะ”“ไม่ใช่ความผิดของ...” พี่เฮเลนเหมือนจะยังไม่ชินกับการเรียกชื่อแฝงของฉันเฉย ๆ“คริสค่ะ”“ไม่ใช่ความผิดของคริสเลยนะคะ การที่เราเป็นห่วงเพื่อนที่หลุดเข้าไปวงโคจรแบบนั้น” พี่เฮเลนรู้ว่าฉันเป็นกังวลกับเรื่องนี้ จึงคอยเข้ามาปลอบใจอยู่บ่อยครั้ง“ค่ะ เดี๋ยวสักวันมันก็ดีขึ้นแหละ พวกเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ก็มีงอนกันบ้างตามประสาผู้หญิง พี่เฮเลนเคยเป็นมั้ยคะ”“ประจำค่ะ พวกพี่ทะเลาะกันเองเวลาว่าง ๆ ก็มี”“น่ารักจังเลยนะคะ” มีทะเลาะกันเวลาว่างด้วย“พี่ไม่รบกวนเวลาแล้ว ขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ” พี่เฮเลนลุกขึ้นยืนแล้วส่งยิ้มหวานมาให้“บ๊ายบายค่ะ” มือเล็กยกขึ้นโบกไปมา มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินออกจากห้องสมุดไปฉันหันกลับมาสนใจงานในโน้ตบุ๊กของตัวเองต่อ นิ้วเรียวเลื่อนคลิกหน้าจอเว็บของมหา’ลัยขึ้นมา แต่จู่ ๆ
ร่างบางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ไม่ใช่แค่คู่ของลัลลาเบลที่มีพฤติกรรมแบบนี้ อีกหลายคู่ที่นัวเนียเข้าหากันโดยไม่สนใจว่าใครจะมอง แต่สิ่งที่สะดุดตาฉันมากที่สุดก็เห็นจะเป็น อุปกรณ์เสพสิ่งเสพติดที่วางเกลื่อนกลาดอยู่บนโต๊ะ“เธอเป็นเพื่อนของเด็กนี่เหรอ” เสียงของคนที่ฉันพึ่งด่าเขาไปถามขึ้น เรียกสติให้กลับมา“ลัลลาเบล เรากลับกันเถอะ” ฉันไม่สนใจคำถามของสเตฟานรีบเดินเข้าไปดึงแขนเพื่อนตัวเองออกจากผู้ชายคนนั้นหมับ! ยังไม่ทันจะเข้าถึงตัวเพื่อน ข้อมือเล็กก็ถูกกระชากเต็มแรงจากผู้ชายตัวสูง“อย่าเมินคำถามฉัน” สเตฟานกดเสียงต่ำ สายตาดุจ้องมองหน้า“ไม่รู้ก็คงไม่ตายใช่มั้ย”“...” เมื่อได้รับคำตอบทำเอาสายตาของเขาเปลี่ยนไปทันที โมโหสินะ“หรือจะตายที่ไม่ได้รู้ก็บอก ฉันจะได้เล่าให้ฟังว่าตัวเองเป็นใครแล้วคุณจะได้ไปตายซะ” ข้อมือเล็กพยายามดึงออกจากมือหนา แต่แรงบีบที่ข้อมือแรงขึ้นจนร่างบางแสดงสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด“นี่มันคริส เด็กกำพร้าตระกูลที่ควีนมาเรียรับมาเลี้ยงนี่” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ฉันก็ดังพอตัวเลยนะเนี่ย“ก็แค่เด็กกำพร้า...แต่เป็นเด็กกำพร้าที่ปากดีดี” สายตาดูถูกของผู้ชายตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันรู้สึกเ