LOGINกงเล็บแหลมเฟี้ยวปักเข้าไปในกำแพงไม้ไผ่ได้อย่างไม่ยากเย็น พวกผู้ติดเชื้อเสียบแล้วก็ดึงแล้วก็เสียบแล้วก็ดึงเพื่อป่ายปีนขึ้นไปข้างบน หวังจะเล่นงานไอ้คนที่สาดกระสุนลงมาให้สิ้นซาก รูปลักษณ์ของพวกเขาวิวัฒนาการไปไกลกว่าที่เคยเห็นในเมืองหลวง ตอนนั้นคล้ายกับซอมบี้แต่ตอนนี้เชื้อโควิดสายพันธุ์ New hell ได้เล่นงานสมองและเปลี่ยนจากคนที่มีสัมปัชชัญญะให้กลายเป็นเยี่ยงสัตว์นักล่า
.
ร่างกายกำยำอัดแน่นไปด้วยมวลกล้ามเนื้อ คลุมทับด้วยเสื้อผ้าเก่าขาดวิ่นห้อยต่องแต่งโกโรโกโส สองมือสองขาลู่ลงขนานกับพื้นดิน แกนกระดูกสันหลังพับหักแดดิ้นเปลี่ยนจากตั้งฉากกลายเป็นแนวนอน บางรายนี่ถึงกับใช้การกลิ้งคืบคลานแทนการเดินสี่เท้า สภาพพวกเขาดูสยดสยองหนัก มันไม่เหลือความเป็นคนอยู่เลยสักนิดเดียว มิหนำซ้ำในทุกการเคลื่อนไหวยังเต็มไปด้วยหยาดน้ำเมือกที่ซ่านซึมออกมาจากรูขุมขน
.
พวกผู้ติดเชื้อล้วนกระหายเนื้อคนเป็นพันธกิจเดียว เซลล์สมองของพวกเขายึดโยงเชื่อมต่อกันราวกับครือข่ายอินเตอร์เน็ต ไม่มีเธอ ไม่มีฉัน ไม่มีเรา ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง ไม่มีผัว ไม่มีเมีย ไม่มีเหี้ยอะไรเลย! นอกจากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่มีต่อ “เปรม” องค์จักรพรรดิผู้สูงศักดิ์ที่คิดการใหญ่หวังจะฮุบแผ่นดินทั้งโลกให้ตกอยู่ใต้ฝ่าตีนตัวเอง ทุกการมองเห็นของผู้ติดเชื้อล้วนอยู่ในขอบข่ายสายตาของเขา ทุกมันสมองทุกการกระทำของทุกคน เปรมสามารถคอนโทรลได้หมดผ่านการดีดนิ้วเพียงไม่กี่ครั้ง
.
“ป๊อก!”
.
แต่ก็ถือว่าน่าสงสารเพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็นตัวเปรมเองนั่นแหละ ที่ถูกคอนโทรลซ้อนทับอยู่อีกชั้นหนึ่งด้วยเชื้อโควิดสายพันธุ์ New hell ที่ฝังอยู่ในหัวตนเอง เขามีสถานะเป็นแค่ร่างพาหะและตอนนี้ก็กำลังถูกใช้งานเยี่ยงทาส ให้คอนโทรลฝูงผู้ติดเชื้อในเขตที่ราบลุ่มภาคกลางของประเทศ
.
เฮลิคอปเตอร์จาก AP ชี้เป้าให้เขาตามมาที่นี่ เปรมรู้โดยทันทีว่าหลังกำแพงสูงจะต้องมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนอยู่ จึงหมดข้อสงสัยว่าทำไมหนนี้กลุ่มผู้ติดเชื้อถึงลงมือบุกวิลเลจด้วยปริมาณที่มากกว่าเดิมถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับเมื่อวาน
.
ก็เพราะว่าเปรมเป็นคนลงมือเองน่ะสิ! อาหารข้างในวิลเลจถือเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าไม่มีอาหารผู้ติดเชื้อก็จะอยู่ไม่ได้ แล้วถ้าอยู่ไม่ได้เปรมก็จะไม่มีอะไรให้คอนโทรล การกระทำก็เลยเป็นเหตุเป็นผลกันอยู่ เขาไม่สนว่าจะมีกลุ่มผู้ติดเชื้อถูกยิงตายไปกี่ศพ เขาไม่แคร์ด้วยว่าพวกมันจะเจ็บปวดขนาดไหม แค่บุกเข้าไปให้ได้แล้วสวาปามผู้คนให้เรียบก็เป็นอันเสร็จพิธี อิ่มหนำสำราญมีพลังงานไปขยายเผ่าพันธุ์ผู้ติดเชื้อต่อไป
.
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเปรมเล็งไว้แม้กระทั่งกลุ่มเด็ก ๆ เขารู้ว่ามิวท์ขนเด็ก LGBT ทั้งหลายมาจากหอวัคซีน จึงเป็นไปได้สูงที่เด็ก ๆ อาจจะอยู่ในนี้ด้วย และถ้าบุกเข้าไปได้เขาก็จะดีดนิ้วสั่งให้ฝูงผู้ติดเชื้อฆ่าเด็กข้ามเพศเหล่านั้นทิ้งทันที เพราะเลือดผิดเพศถือเป็นวัตถุดิบเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ที่ใช้ต้านเชื้อโควิดได้ ขืนปล่อยไว้นานก็มีแต่จะกลายเป็นเสี้ยนหนามและจัดการลำบาก ฆ่าได้ฆ่าเลยอย่าเหลือไว้อย่าลังเล!
.
“โคร่งงงง.. ง.. ง.. ง.. !”
.
.
ตัดภาพขึ้นไปด้านบนกำแพง และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวหน้าหน่วยตกอยู่ในสถานการณ์ที่หน้าสิ่วหน้าขวานสูงสุด การลั่นกระสุนของทีมดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกับปริมาณเป้าหมาย เมื่อกลุ่มผู้ติดเชื้อมากมายต่างวิ่งกรูออกมาจากชายป่าแบบไม่หยุดหย่อน ยิ่งค่ำพวกมันยิ่งแกร่ง! แล้วแบบนี้คนแค่ 40 คนกับปืนกล 40 กระบอกจะไปพออะไร?
.
มิหนำซ้ำพอลองชะโงกหน้าลงไปมองด้านล่าง หน้าซีด ๆ ของแกก็เกือบจะดึงหลบไม่ทัน
.
“ฟึบบบ!”
.
“เชี้ย! เกือบไม่พ้นแล้วไหมล่ะ!”
ร่างหนาสบถคำหยาบออกมา พลันควักปืนพก 9 มม. จ่อยิ่งผู้ติดเชื้อรายแรกที่ปีนขึ้นมาถึงบนนี้ได้จนกระโหลกร้าวเหวอะหวะ ตัวตกลงไปด้านล่าง พร้อมกับกงเล็บที่ทั้งแหลมและยาวเฟื้อย
.
“ตุบ!”
“โคร่งงง.. ง.. ง.. , โคร่ง.. ง.. ง.. ง , โค๊ก.. ก.. ก.. ก , ค๊อก.. ก.. ก.. กๆ”
ดิ้นกระเสือกกระสน ก่อนที่ศพอันโสมมจะถูกใช้เป็นแป้นเหยียบให้เพื่อนตัวอื่น ๆ ป่ายปีนขึ้นตามมา!
.
หาใช่เวลาจะมาดีใจ เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหน ณ ตอนนี้ทุกหัวมุมกำแพงก็ล้วนแต่โดนพวกมันป่ายปีนขึ้นมาจนถึงจุดสุดยอดหมดแล้ว ทหารรายหนึ่งถูกเล่นงานด้วยกงเล็บ เขาถูกเแหวกอกเสียบทะลุจากทางด้านหลังแถมยังโดนฝังเขี้ยวลงบนลำคอ กัดจนคอแหว่งเลือดกระฉูดฟุบลงกับพื้นแน่นิ่ง ชาววิลเลจที่คอยนั่งเติมกระสุนให้เลยไม่อาจทนดูต่อไปได้ พวกเขาเผ่นหนีกันอลม่านวงแตกกระเจิดกระเจิง ต่างคนต่างเอาชีวิตรอด
.
คดีพลิกซะแล้วจากที่เคยโจมตีจากปืนในระยะไกล มาตอนนี้ยุทธวิธีเห็นทีจะต้องเปลี่ยนเป็นการต่อยตีในระยะประชิดแทน เกิดเป็นการตะลุมบอนที่มีทั้งการใช้หมัด ปืนพก และมีดพกเข้าช่วย ทีมทหารรับจ้างยังคงเชี่ยวชาญกว่า พวกเขาจู่โจมผู้ติดเชื้อได้หลายกระบวนท่า แต่ด้วยจำนวนที่น้อยเท่าหยิบมือ ถึงจะวิทยุเรียกกำลังเสริมมาช่วยจนหมดหน้าตัก แต่พวกเขาก็ยังห่างไกลกับคำว่าชนะมากอยู่ดี
.
กลุ่มชายชุดดำกำลังเพลี่งพล้ำ และกำแพงกำลังจะแตกพ่าย ป้อมปราการที่ไม่เคยมีผู้ติดเชื้อสักคนปีนป่ายขึ้นมาได้ บัดนี้กลับถูกบุกทุบทำลายอย่างย่อยยับมิมีชิ้นดี นั่นตอกย้ำว่าต่อให้คุณมีทหารฝีมือดีกับอาวุธครบมือ ก็ยังต้องพึ่งพาการวางกลยุทธ์ที่เหมาะสม
.
“เฟี้ยววว~!”
“ปั๊กกก!”
.
ลูกธนูเฉี่ยวแก้มหัวหน้าหน่วยไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด คมศรปักเข้าใส่กลางหน้าอกผู้ติดเชื้อรายหนึ่งที่เตรียมจะขย้ำเข้าใส่แกจากทางด้านหลัง แล้วมันก็ล้มลง!
.
“ฟุบ!”
“โคร่งงง.. ง .. ง..ง”
.
ถึงคราวที่เจนิสจะต้องออกโรงแล้ว เธอกระโดดไต่ไปตามสันกำแพงแบบสุดเท่ห์ พลางหอบหิ้วเอาเศษอาวุธแบบเก่าที่ถูกทอดทิ้งติดไม้ติดมือมาด้วย ก่อนจะตะโกนบอกลูกทีมวิลเลจเดิมด้วยภาพลักษณ์อันดุดัน
.
“อย่าวิ่งพี่! หยุด! แล้วตั้งสติ! จับอาวุธของเราขึ้นมา เราจะสู้ในแบบของเรา!”
“จะให้พวกมันบุกเข้ามาไม่ได้!”
“เอ้านี่! , เอาไป!”
.
“พรึบ! , พรึบ! , พรึบ!”
ปืนผาหน้าไม้มีดดาบมีดพร้าถูกโยนส่งต่อ ๆ กัน แม้แต่หัวหน้าหน่วยที่ล้มคะมำอยู่ตรงพื้นก็โดนฉุดมือให้ลุกขึ้นมา
.
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เหนือใครแล้วสถานการณ์กำลังวิกฤตหนัก ถ้าไม่ช่วยกันก็คงจะไม่รอด ภาพที่ออกมาจึงเป็นการร่วมมือกันแบบงง ๆ ที่ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน ไม่รู้ว่าใครเป็นใครเพราะไม่รู้จักกันมาก่อน รู้แต่ว่าทั้งมิวท์และหัวหน้าล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือการขับไล่พวกสัตว์ประหลาดหน้าคนพวกนี้ให้ออกไปจากกำแพง
.
โดยไม่กลัวเสียฟอร์มหัวหน้าจึงเร่งสั่งลูกน้องให้ยิงกระสุนต่อไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนมิวท์เองก็เริ่มใช้กลยุทธ์ของเธอร่วมกับคนของเธอเช่นกัน เธออาศัยจังหวะชุลมุนชุลเกฉวยโอกาสวิ่งสไลด์ตัวไปที่คบไฟตะเกียง ที่ตั้งเรียงรายอยู่บนสันกำแพงเป็นจุด ๆ ก่อนจะทำการดับไฟให้สนิทลง แล้วเทน้ำมันดิบที่อยู่ภายในใส่ลงในขวดแก้วใบหนึ่งที่ลูกทีมนำมาให้ มันเคยเป็นขวดสำหรับทำระเบิดไฟที่ไม่ได้ใช้งาน แต่ตอนนี้จะเป็นมันนี่แหละ! ที่จะเป็นอุปกรณ์สำคัญในการพลิกสถานการณ์ให้กลับมาได้เปรียบ!
.
“ฮึบ!”
“เสร็จแล้วพี่.. ได้มากี่ขวดอ่ะ? มีอีกไหม?”
มิวท์ตะโกนถาม พลางเบนหัวหลบการโจมตีของฝูงผู้ติดเชื้อไปพร้อมกันด้วย
.
“น่าจะมีอีกสามสี่ใบที่ฝั่งโน้นครับน้องมิวท์! แต่อยู่ไกลมากเลย! สุดฟากกำแพงโน้นมีพวกมันอยู่เต็มไปหมดเราไม่น่าจะฝ่าไปเอาได้ แต่ที่ติดตัวอยู่ก็น่าจะมีกันคนละขวดครับ”
ช่างเป็นคำรายงานที่ขาดแคลนความชัดเจนขนาดหนัก ทุกอย่างเต็มไปด้วยความคลุมครือรีบร้อน แต่มิวท์ก็ยังนิ่ง
.
“งั้นไม่เป็นไร! ตอนนี้ฤดูร้อนป่าข้างล่างแห้งแล้ง บวกกับกระแสลมก็น่าจะพอช่วยได้บ้าง!"
“เอาเลยพี่! ยิงจากตรงนี้แหละจัดเลย! ไม่มีโอกาสดีกว่านี้อีกแล้ว!”
.
“ว๊ายยย!”
.
“ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง ! , ปัง! , ปัง!”
เดชะบุญที่คราวนี้เป็นทีของกระสุนปืนจากหัวหน้าหน่วยที่ช่วยเจนิสเอาไว้บ้าง ร่างผู้ติดเชื้อล้มคะมำลงหน้าคว่ำ พวกเธอรอดจากการโจมตีแบบเฉียดฉิว แต่ก็รีบกับภารกิจเกินกว่าจะขอบคุณใครได้
.
ขวดน้ำมันขนาดพอเหมาะจึงถูกติดตั้งเข้ากับคันศรธนู เจนิสปีนขึ้นไปยืนบนสันกำแพงด้วยความทุลักทุเล โดยมีพี่ชาววิลเลจคอยสะกัดกั้นการโจมตีเบื้องล่างเอาไว้ให้ ด้วยความรีบบวกกับความลนเด็กสาวมัธยมจึงต้องวัดระดับทิศทางลมด้วยความรู้สึกเอา เธอหันหน้าไปในทิศ 11 นาฬิกาทำมุม 37 องศา ก่อนจะทำการดีดเอาขวดน้ำมันออกไปจากคันศรแบบเต็มแรง แรงซะจนคันง้างที่ถืออยู่หักคามือไปเลยทีเดียว!
.
“ฟิ้ววววว~!”
.
“ทางนั้นเลยพี่.. ปาขวดน้ำมันตามหนูไปเลย! เร็วเข้า!”
.
“ฟิ้ววววว~! , ฟิ้ววววว~! , ฟิ้ววววว~! , ฟิ้ววววว~!”
.
กลายเป็นว่ามีขวดแบบเดียวกันอีกราว 5 - 6 ขวดที่พุ่งไปยังทิศทางตามที่ปากบอก ทิศทางของพวกมันมุ่งหน้าเข้าไปยังชายป่าฝั่งตะวันตกที่ทั้งแห้งแล้งและรกชัฏ แรงลมกลางคืนไม่ได้ช่วยให้ขวดน้ำมันปลิวไปได้ไกลขึ้น แต่กลับช่วยโบยพัดให้เศษใบไม้ใบหญ้าแห้ง ๆ ปลิวมาหาขวดน้ำมันแทน จนสุดท้ายขวดทั้งหมดก็ตกลงไปยังผิวดินเบื้องล่างในจุดดำมืดและไม่มีปฏิกิริยาเหี้ยอะไรเกิดขึ้นเลย!
.
“แล้วยังไงต่ออีหนู?! ไม่เห็นมีอะไรตอบสนองเลย ฉันรอดูอยู่นะ!?”
.
“ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง ! , ปัง! , ปัง!”
“ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง ! , ปัง! , ปัง!”
.
หัวหน้าหน่วยกระหน่ำกระสุนตรึงผู้ติดเชื้อเอาไว้ให้ แกถามไปงั้น ๆ แต่ไม่ยักกะมองหน้าคนตอบ มารู้ตัวอีกทีเจนิสก็ปรี่เข้ามาประชิดตัวแกซะแล้ว
.
“เฮ๊ยยย! อะไรเนี่ยะ?! คิดจะทำอะไรฉัน!”
.
“ก็ทำสิ่งสำคัญให้ลุงดูยังไงล่ะคะ..”
สีหน้าจริงจังน่ากลัว เด็กสาวรีบฉวยเอาวิทยุตรงหัวไหล่หัวหน้ามาใช้เองโดยพลการ พลันสั่งการกับคนที่ส่องไฟสปอร์ตไลท์อยู่ด้านบนไปว่า
.
“ส่องไฟไปที่ชายป่าเดี๋๋ยวนี้เลยค่ะ! เร็ว! ถ้าไม่อยากตายกันหมด!”
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ