Masukว่ากันว่าไฟไหม้หรือแผ่นดินไหวไม่ควรใช้ลิฟท์ ทว่าปัจจุบันหญิงสาวเจ้าของบริษัทกลับเผชิญอยู่กับบางสิ่งที่เหนือกว่าภัยธรรมชาติหลายเท่า ลิฟท์โดยสารตัวนี้จึงเข้ามาซัพพอร์ตได้อย่างทันท่วงที มิวท์รีบกระทุ้งข้อศอกใส่ปุ่มกดด้านข้าง
.
ในจังหวะที่บานประตูเลื่อนปิดลงเธอดีใจเหลือล้น ที่ยังคงเห็นเปรมโดนซากเพดานทับถมอยู่บนพื้น ภาพร่างกายอันน่าขยะแขยงของเขาค่อย ๆ เลื่อนหายไปจากสายตา ลิฟท์ได้นำพาเธอลงมายังชั้นล่างแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเปรมยังไม่ตาย แต่หนีมาได้หวุดหวิดขนาดนี้ก็นับว่าเก่งแล้วสำหรับการบู๊ครั้งแรก
.
“แกร๊ก.. ก.. ก.. ก ๆ , แกร๊ก.. ก.. ก.. ก ๆ”
.
สองนิ้วรัวใส่แอพแช็ทในสมาร์ทโฟนแบบเร็วจี๋ ด้วยความที่ตึกสำนักงานใหญ่เป็นอาคารสูงที่ติดอันดับท็อปของประเทศ จึงเป็นธรรมดาที่ในลิฟท์ย่อมเป็นจุดอับสัญญาณ มิวท์ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ในนี้ได้ เช่นกันกับสถานการณ์ที่ต้องรีบ สาวเจ้าจึงจัดแจงถ่ายทอดคำสั่งผ่านไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้วยข้อความแช็ทในโทรศัพท์
.
เธอแจ้งให้หน่วยติดอาวุธทุกหน่วย รวมไปถึงหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ทุกชุดให้หยุดภารกิจที่ทำลงไปก่อน จากนั้นจึงแจ้งข้อมูลความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดให้ทุกคนทราบ ว่าคำสั่งการออกล่าของเปรมนั้นให้ถือเป็นโมฆะทั้งหมด! จะไม่มีใครออกล่าใครอีกแล้ว! และให้ทุกคนออกไปช่วยเหลือกลุ่มเด็ก ๆ ที่ถูกจับไว้ที่หอวัคซีนแทน
.
/เราต้องจำกัดจำนวนผู้กลายพันธุ์ให้อยู่ในวงที่กำหนด/
/อย่าให้พวกกลายพันธุ์ออกมาสู่โลกภายนอกได้/
/การเอาพวกเด็ก ๆ ออกมาถือเป็นภารกิจสำคัญ ความบริสุทธิ์ของพวกเขาคือสิ่งที่เราต้องปกป้อง/
/ฉันจะถึงหน้าตึกในอีก 1 นาที ขอรถหนึ่งคันมารับกับกองกำลังคุ้มกัน 1 หน่วย ที่เหลือให้ไป cover ที่หอวัคซีนโดยด่วน! นี่ไม่ใช่การซ้อม! จบการสั่งการ! /
.
พิมพ์เสร็จกดส่งเรียบร้อยประตูหน้าลิฟท์ก็เปิดออกที่ชั้น 1 พอดี บรรยากาศด้านล่างยังคงเป็นช็อปขายยาเฉกเช่นปกติ หยูกยาเวชภัณฑ์ยังคงวางให้เลือกสรรกันเต็มเชลฟ์วางสินค้า ทว่าสิ่งที่ผิดไปจากที่คิดก็คือในนี้กลับไม่เหลือพนักงานเลยสักคน โถงอาคารเหมือนถูกปล่อยร้างโดยเจตนา มิวท์เดินออกมาจากลิฟท์แบบคนเดียวโดด ๆ เด่นโคตร ๆ โล่งโจ้งประหนึ่งคนกลางทุ่งหมาหลง
.
บางทีความวินาศสันตะโรอาจจะคืบคลานเข้ามาถึงตัวบริษัท AP ตั้งนานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้มิวท์อาจจะไม่เคยสังเกต โลกข้างนอกบ้านเมืองชิบหายวายป่วงขนาดนั้นใครมันจะหนีพ้น ต่อให้รวยล้นฟ้าหรือมีเทคโนโลยีไฮเทคขนาดไหนก็ไม่รอด ในเมื่อคนในสังคมติดเชื้อกันจนอยู่ไม่ได้ แล้วเธอกับลูกน้องจะมาเสวยสุขทำเป็นทองไม่รู้ร้อน อยู่ในป้อมปราการแบบนี้ไปได้ยังไง นี่จึงไม่ใช่กรรม! แต่มันคือความยุติธรรมที่โลกประเคนให้ทุกคนได้รับแบบเท่าเทียมกันต่างหาก
.
“อึก.. ก.. ก.. ”
“นี่เรากำลังกลัวอยู่งั้นเหรอ?”
สาวเจ้าพูดกับตัวเอง ขณะคิดก็สับเปลี่ยนซองกระสุนอันใหม่ไปพลาง พลันจ้วงเท้าเดินออกมาสู่ประตูด้านหน้าอาคารด้วยความสุขุม ความโดดเดี่ยวตรงเข้าเล่นงานมิวท์อีกหน เสียงกระดิ่งตอนลิฟท์ปิดดัง “ติ๊ง” ราวกับเสียงสะท้อนที่ขยี้ว่าที่นี่เหลือแค่เธอเพียงคนเดียว
.
“วู้ววว.. ช่างเหอะ! ไม่มีทางเลือกแล้วนี่เลวกว่านี้เราก็ทำมาแล้ว จะทำดีเพื่อคนอื่นบ้างจะเป็นไรไป”
.
“ติ๊ด!”
.
มือเรียวเอื้อมมากดสวิซท์ตรงขมับ แล้วทันใดนั้นเองหน้ากากครอบแก้วรุ่นท็อปเกรดพรีเมี่ยมที่ดีที่สุดและแพงที่สุด ก็ดีดตวัดขึ้นมาคลุมทับใบหน้าหมวย ๆ ของเธอเอาไว้ มิวท์เดินสืบเท้าออกมาสู่ภายนอกอาคาร โดยไม่ลืมที่จะติดสอยเอากระป๋องก๊าซต้านเชื้อจากช็อปด้านหน้า ยัดใส่กระเป๋ามาด้วยอีกหลายสิบกระป๋อง
.
ท่าทางเรียกได้ว่าทะมัดทะแมงโคตร ๆ กระเป๋าเป้สะพายขึ้นหลัง กระชับปืนขึ้นมือโพสต์ท่ารออยู่หน้าตึกได้ราว 30 วินาที รถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีดำขลับก็ตีวงเข้ามาจอดตรงเบื้องหน้า!
.
“บรื้น ๆ , เอี๊ยดดด!”
.
ประตูรถเปิดแง้มออกซึ่งสวนทางกับสิ่งที่เคยเป็นมาตลอด เพราะคราวนี้ไม่มีพ่อบ้านหรือคนรับใช้ หากแต่เป็นหน่วยรบติดอาวุธในชุดคอมมานโดพร้อมอาวุธหนักครบมือแทน! พวกเขาปิดบังใบหน้าด้วยหมวกไหมพรมและแว่นตากันแฟลช ตามแบบฉบับที่เรามักจะเห็นกันในหนัง
.
“รีบขึ้นมาคุณมิวท์! เราหารถดีที่สุดได้แค่นี้!”
“พลขับ! ออกรถเลยเร็วเข้า! เร็ว ๆ ๆ ๆ Go! , Go! , Go! , Go! , Go! ”
สำนวนส่อภาษากริยาส่อสกุล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนพวกนี้เติบโตมายังไง หลังจากประโยคนี้เป็นต้นมามิวท์แทบฟังไม่ออกว่าพวกเขาพูดอะไรกันบ้าง ในรถเต็มไปด้วยการตะโกนใส่กันของชาย 3 คนในชุดหน่วยรบพิเศษ ที่เบาะหลังเธอเห็นเครื่องยิงลูกระเบิด Grenade Launcher กับระเบิดไปม์บอมอีกหลายชุด ทำเอาเธอถึงกับนิ่งไปเลย
.
นี่ไม่ใช่ภาพที่ผิดแปลกไปจากที่คิดไว้ แต่มิวท์แค่ไม่คิดว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ได้ บทจะต้องบู๊ขึ้นมาแข้งขาก็แอบมีสั่น ๆ อยู่เหมือนกัน
.
“ถึงที่หมายในอีก 3 นาที พร้อมนะครับคุณมิวท์! ผมสั่งคุณทำ! แผนที่ถูกอัพโหลดลงบนหน้ากากคุณแล้ว คุณจะเห็นตำแหน่งทีมของเราที่ล้อมหอวัคซีนเอาไว้เป็นจุดสีเขียว จุดสีฟ้าคือเป้าหมายที่เราจะไปช่วย ส่วนสีแดงฆ่าแม่งให้หมดไม่ต้องยั้ง! เข้าใจใช่ไหมครับ!?”
.
“เอิ่ม.. ค่ะ!”
.
“อย่าลังเลคุณมิวท์! มั่นใจหน่อย! ผมไม่ได้ถูกฝึกมาให้เป็นพี่เลี้ยงคุณนะ! ผมแค่ทำตามคำสั่งและรับเงินจากผู้ว่าจ้าง วิทยุล่าสุดรายงานเข้ามาว่าหน่วยเหนือของเราถูกตีแตกแล้ว! มีพวกกลายพันธุ์บางส่วนเริ่มทยอยหลุดออกมา ยิงได้ยิงเลยอย่าลังเลเข้าใจไหมครับ!”
.
“ค่ะ.. ทราบแล้วค่ะ”
.
ตอบไปพลางแต่มือนี่สั่นราวกับอยากเหล้า ปืนพกรุ่น Micro ในมือเธอเคยยิงใส่กบาลเปรมมาแล้วก็จริง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความประหม่าลดน้อยลงไปเลย มิวท์ไม่กล้าแม้แต่จะตั้งคำถามใด ๆ อีก บรรยากาศในรถเป็นอะไรที่โคตรจะมาคุ เสียงกระสุนปืนและเสียงระเบิดดังแทรกเข้ามาในวิทยุแทบจะตลอดเวลา
.
บ้านเมืองกำลังจะกลายเป็นสงคราม เคล้าไปกับเสียงกรีดร้องและเสียงคำรามที่ดังพอ ๆ กับเสียงของอาวุธ และพอมองออกไปนอกหน้าต่างก็ต้องบอกเลยว่า นี่คือการนั่งรถที่เร็วที่สุดในชีวิตของมิวท์เลย การขับแบบเร่งรีบไถลชนเกาะกลางเป็นว่าเล่น ยังไม่รวมเส้นทางลัดต่าง ๆ นา ๆ ที่พลขับตั้งใจจะลัดไปให้ถึงหอวัคซีนให้เร็วที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าบ้านนี้เมืองนี้แม่งไม่มีความเป็นท้องถนนหลงเหลือมานานแล้ว!
.
“เฮ๊ย! ระวังรถขยะ!”
.
“โครมมมมมมม!!!”
.
พ่องมึงตายคนยิ่งรีบ ๆ เมื่อกระจังหน้ารถหรูดันพุ่งเข้าไปเฉี่ยวกับท้ายรถเก็บขยะที่จอดขวางทางอยู่ ปกติมันไม่เคยจอดตรงนี้หรอก แต่เพราะตอนนี้มันไม่ปกติ แล้วคนบนรถขยะเองก็ไม่ใช่คนปกติด้วย ยานยนต์เก๋งสีดำจึงหมุนปั่นเสียหลักหัวทิ่มเข้าไปปักอยู่ในพุ่มไม้ข้างทาง มีการพยายามทดเกียร์ถอยหลังออกมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ล้อที่ลอยสูงพ้นพื้นก็ปั่นฟรีจนควันขึ้นโขมง
.
“บรื๊น!!!! , บรื๊น!!!! , บรื๊น!!!! , บรื๊น!!!! , บรื๊น!!!! , บรื๊น!!!! ”
.
พวกเขาติดแหง็กถอยออกมาไม่ได้ คนที่เหมือนเป็นหัวหน้าเลยต้องรีบตะโกนสั่งการ!
.
“ลงรถทุกคน! ขนอาวุุธลงแล้วเดินเท้าไป! เร็ว ๆ ๆ ๆ !”
.
ตะคอกดังจนมิวท์ถึงกับสะดุ้ง โชคดีอย่างที่ประตูท้ายบริเวณที่เธอนั่งนั้นโดนบล็อคอยู่ กระจกหน้าที่แตกจึงเป็นดั่งทางออกเดียวภายใต้สถานการณ์ตึงเครียด
.
“เปรี๊ยง!!! , เปรี๊ยง!!! , เปรี๊ยง!!!”
เขาบรรจงใช้ส้นตีนหนา ๆ จากรองเท้าคอมแบตถีบกระทุ้ง ตามติดมาด้วยการสาดกระสุนใส่จนพรุน แล้วถีบส่งแผ่นกระจกหน้ารถให้หลุดกระเด็นออกไปทั้งยวง
.
แน่นอนว่าคนสั่งการย่อมเป็นคนแรกที่โผล่หัวขึ้นไป โดยมีมิวท์กับลูกทีมเป็นคนทยอยถ่ายเทอาวุธออกไปให้ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่โดนเล่นงานก่อนเป็นคนแรก!
.
“ซวบบบ!”
“ซวบบบ! , ซวบบบ! , ซวบบบ! , ซวบบบ!”
“งั่ม! , งั่ม! , งั่ม ๆ ๆ , งับ! , งั่ม!!!”
.
“อ๊ากกก~!”
“เอือกกก~!”
.
“พรึด!”
.
คอนี่ถึงกับหลุดออกจากบ่า! ลำตัวที่ไม่เหลือหัวร่วงกราวลงมายังภายในรถ ในสภาพสยดสยองเลือดสาดกระเซ็น ปืนกลยังถืออยู่คามือ หัวหน้าหน่วยยังไม่ได้แม้แต่จะเหนี่ยวไกด้วยซ้ำ แถมหัวของเขาก็โดนขย้ำจนเละ! จากฝีมือชายนักขนขยะผู้ติดเชื้อและกลายพันธุ์ไปแล้ว!
.
หลังจากนั้นมามิวท์ก็กรี๊ดแข่งกับเสียงปืน คมกระสุนนับร้อยนับพันถูกกราดยิงออกไปจากหน่วยคอมมานโดที่ยังเหลือรอด ตอนนี้ทุกคนกำลังถูกล้อม! เมื่อรถขยะคันดังกล่าวไม่ได้มีผู้ติดเชื้อแค่เพียงคนเดียว เราเคยเห็นคนเก็บขยะเขาทำงานกันคนเดียวไหมล่ะ!? คำตอบคือไม่! ลำพังคนยกถังขึ้นลงก็มากกว่าสามคนเข้าไปแล้วแถมยังมีคนขับอีก กับสถานการณ์นี้ก็เช่นกัน
.
ในรถหรูกระจกแตกที่ถอยหนีไปไหนไม่ได้ สามคนภายในได้ถูกรุมทึ้งด้วยกองกำลังผู้กลายพันธุ์ในชุดเทศบาลสะท้อนแสง ตัวของพวกเขาเหม็นคลุ้งไปด้วยกลิ่นขยะ แต่นั่นก็เทียบไม่ได้กับพฤติกรรมสุดขยะแขยงของการโถมเข้ามารุมสกรัม หวังจะฉีกเลือดฉีดเนื้อมิวท์กับทุกคนในรถให้ดับดิ้นแดดาย
.
"ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง!
.
“ตูมมมมม!!!”
.
"ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง!
.
“หนีออกด้านข้างคุณมิวท์! ทุบกระจกข้างแล้วคลานออกไปซะ!”
เสียงชายอีกคนตะโกนบอก เขาพูดแบบไม่หันมองและที่ข้างกันยังมีศพหัวขาดนอนอยู่ไม่ห่าง
.
มือเท้าสาวหมัดต่อยตีกันอีรุงตุงนังระหว่างคนกับสัตว์ประหลาด ปืนก็ยิงต้านสลับกับการปาระเบิดอัดสุดจะมั่วซั่ว มันระเบิดตูมขึ้นจากทางด้านหลัง ไอความร้อนแผดเผาเข้ามาร้อนฉ่าถึงภายใน แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะกำจัดพวกมันที่รุมสกรัมอยู่เบื้องหน้าออกไปได้หมด!
เจนิสโผเข้าหาแบบไม่สะทบสะท้าน เธอปล่อยชายเสื้อหลุดลุ่ยออกจากลำตัวทิ้งลงเบื้องล่าง พลางเผยอริมฝีปากขบลงที่ซอกคอของมิวท์."งั่ม.. ม.. ม.."เบามากจนเหมือนกับการแทะซะมากกว่า ด้วยเพราะรู้ว่าถ้าหนักกว่านี้พี่สาวคงเจ็บ และจะให้อารมณ์ที่รุนแรงเกินกว่าคำว่าเงี่ยนไปไกลโข เจนิสจึงพยายามจะเลี้ยงไว้ด้วยการละเลงเลีย."หยุดนะน้อง.. นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่! ไม่เห็นหรือไงว่าฉันติดเชื้อ! อยากตายไปด้วยกันงั้นเหรอ?!"มิวท์ตะโกนดุเสียงดังสนั่น ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาหาเธอแบบไม่ทันตั้งตัว มีอย่างที่ไหนได้สติขึ้นมาก็ดูทรงจะต้องเย่อร์กับผู้หญิงซะแล้ว เป็นใครมันจะทำใจได้ แถมยังเป็นเรดี้ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ต่อให้เป็นเด็กหน้าตาดีไฟหน้าใหญ่เบิ้มแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่! มิวท์เอาแค่กับผู้ชายแล้วเธอก็ไม่ต้องการแพร่เชื้อให้ใครอีกแล้ว.เจนิสก็เลยอ้อนกลับ."โถ่พี่มิวท์.. ก็ทำแบบที่พี่มิวท์ทำกับคนอื่น ๆ ไง เวลาผู้ติดเชื้อจะขย้ำใครก็มักจะกัดที่คอแบบนี้ก่อนไม่ใช่เหรอ?""หนูอ่ะ.. แค่อยากลองทำแบบพี่ดูบ้าง.. พี่จะได้ไม่เกร็ง.."."งั่มมมม!""งับ! , งั่ม.. , งั่ม.. , งับ! , งับ! , งับ!""แผล็บ, แผล็บ , แผล็บ , แผล็บ
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล






