“แล้วนี่ซันเจ็บตัวหรือเปล่า เตะต่อยกับเขาเมื่อกี้น่ะ”
พนิดาหันมองคนที่ขับรถอย่างสังเกต ไม่สบายหากใจอีกฝ่ายต้องมาเจ็บตัวเพราะตนเอง
“ไม่หรอกครับ”
“แต่เขาต่อยเธอกลับอยู่นะ”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทำให้เธอขมวดคิ้ว
“ไอ้หมอนั่นมันอ่อนกว่าผมเยอะ”
หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า
“เอาเถอะ เจ็บไม่เจ็บเดี๋ยวไปที่ทำงานก็เห็น”
เธอบอกออกไปอีกฝ่ายก็เพียงแค่หัวเราะในลำคอ วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ที่หลายคนมักจะเที่ยวผ่อนคลาย เธอไม่แปลกใจเท่าไรที่เห็นลูกน้องหนุ่ม แต่ก็ถือว่าโชคดีไม่น้อยที่บังเอิญเขามาที่เดียวกับเธอ แล้วเข้ามาช่วยเธอได้ทัน
ต่างฝ่ายต่างเงียบไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ถาม
“ว่าแต่ทำไมคุณมาเที่ยวคนเดียว มันอันตรายนะครับ”
“เปล่า มากับหมอนั่นนั่นแหละ”
“หืม? อย่าบอกนะครับว่าไอ้หื่นกามนั่น เด็กคุณ?”
คำว่า ‘เด็ก’ ทำเอาคนได้ยินถึงกับสะอึก แม้ชายหนุ่มจะเข้าใจผิดไปหลายขุม ทว่าเธอก็ไม่โทษเขาหรอก เรื่องแบบนี้ก็เป็นไปได้ แถมเธอยังบอกเองว่ามากับผู้ชายคนนั้น
“เด็กของเพื่อนน่ะ”
“อะไรนะครับ แล้วคุณมากับเขาได้ยังไง ไว้ใจเขาได้ยังไง แล้วเพื่อนคุณล่ะ”
ภาสกรเหลือบมามองเธอด้วยสีหน้างุนงงสุดขีด
“มาทำงานน่ะ หาข้อมูลนิดหน่อย จริงๆ เพื่อนจะมาด้วย แต่มีเรื่องด่วนพอดี แล้วอีกอย่างเพื่อนฉันเขาก็...เอ่อ...ไม่ใช่ผู้ชายแบบแมนๆ ก็เลยไม่คิดว่าเด็กของเขาจะเป็นแบบนี้”
พนิดามีสีหน้าลำบากใจ ขณะที่คนฟังยิ่งขมวดคิ้วมุ่น ทว่าเมื่อเริ่มตีความได้เขาก็ส่ายหน้า
“คนที่ได้ทั้งสองอย่างก็มีเยอะครับ ยังดีที่ผมเห็นคุณเข้า”
เขาเพิ่งมาถึงจอดรถไว้อีกฝั่งแล้วกำลังจะเข้าไปข้างในก็ได้ยินเสียงเลยเดินมาดู ตอนแรกยังไม่รู้ว่าเป็นใคร หากก็เลือกจะเข้าไปช่วยก่อนเพราะเห็นว่าผู้หญิงกำลังจะถูกทำร้าย พอเห็นทะเบียนรถเขาก็จำได้ว่าเป็นของเจ้านายสาว จึงปรี่เข้าไปกระชากไหล่ของไอ้ผู้ชายคนนั้น
“นั่นสิ ต้องขอบใจซันมากเลย ไม่งั้นคงแย่”
หากไม่ได้เขาเธอก็คงเอาตัวไม่รอด
“ที่น่าโมโหก็คือ ทั้งให้เงินค่าจ้าง ค่ารับเอนฯ ของเขา จ่ายค่าเครื่องดื่ม แถมอุตส่าห์ขับรถไปรับที่สถานีรถไฟฟ้าด้วย ยังมาทำกันได้ เสียดายเงิน”
คนบ่นหน้ามุ่ย กอดอกฉับ
ภาสกรเหลือบมองคนบ่นแล้วก็เห็นแขนเรียวเสลาดันอยู่ใต้หน้าอกอวบที่ไซส์ไม่ทำธรรมดาของเจ้าตัว แถมขาเรียวงามในถุงน่องดำยังขยับไขว่ห้างพอดีกระโปรงรัดรึงที่สั้นอยู่แล้วยิ่งสูงขึ้นเหลือเพียงคลุมสะโพก เขาถึงกับต้องรีบหันมองถนนในทันใด แอบนึกในใจว่า ก็แม่คุณเล่นแต่งตัวเซ็กซี่ยั่วใจแบบนี้ไอ้หมอนั่นตบะแตกก็ไม่แปลก มันคงหวังเคลมตั้งแต่แรกเห็นเลยนั่นแหละ
“ว่าแต่มาเก็บข้อมูลอะไรครับ”
เขาชวนคุยไปเรื่องอื่น พยายามไม่ให้หัวสมองตนเองคิดถึงเจ้าของหุ่นแซบที่ทำเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองมีรูปลักษณ์ยั่วอารมณ์หนุ่มแค่ไหน จะว่าไปเขาเองก็เพิ่งเห็นเจ้านายสาวในมุมนี้เช่นกัน เพราะเจออีกฝ่ายเพียงแค่เวลาทำงานที่แต่งตัวสุภาพภูมิฐานน่านับถือ และวันนี้เจ้าตัวก็ไม่มีแว่นมาบดบังดวงหน้าสวยเฉิดฉายกับนัยน์ตาคู่เรียวคมงดงาม
“เขียนนิยายจ้ะ”
พูดไปแล้วหันมองชายหนุ่มเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้
“ซันคงไม่รู้ ว่าฉันก็เขียนนิยายนะ ถึงได้ทำสำนักพิมพ์ไง แต่งานยุ่งก็ไม่ค่อยได้ให้เวลากับงานเขียนเท่าไร ทำเป็นงานอดิเรกน่ะ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แล้วได้อะไรไหมล่ะครับ”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน จริงๆ ก็อยากดูหลายที่หน่อย แต่มาเกิดเรื่องกับหมอนี่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี อยากหาไอเดียน่ะ แต่ก็ต้องคิดก่อนว่าที่เพิ่งมาดูนี่ถูกใจไหม เข้ากับเรื่องที่คิดไว้หรือเปล่า ตั้งใจจะให้พระเอกเป็นเจ้าของผับ บาร์ หรือไม่ก็ไนต์คลับอะไรทำนองนี้ แต่ไม่เคยเห็น ไม่เคยเที่ยว น่าอายจังแก่จนป่านนี้แล้ว”
พอได้พูดในสิ่งที่ชอบหญิงสาวก็อธิบายยาว ทั้งที่เวลาพบหน้าในที่ทำงานก็ไม่เคยคุยกันเพราะเธอเป็นเจ้านาย หากก็แอบอายลูกน้องหนุ่มอยู่เหมือนกันที่ตนเองเหมือนป้าโบ (ราณ)
“ถ้ายังไม่รู้สึกว่าใช่ อาจจะคุยกับเพื่อนอีกที ให้พาไปดูที่ใกล้เคียงกับพล็อตเรื่องที่คิด แต่ก่อนอื่น ต้องโทรไปเฉ่งก่อน คบเด็กไม่ได้เรื่องเลย”
แม้จะทำน้ำเสียงฉุนเฉียว ทว่าคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ต้องเตือนเพื่อนเกี่ยวกับเด็กคนนั้น
“ผมพาไปก็ได้นะครับ ถ้าคุณอยากดูจริงๆ”
อยู่ๆ อีกฝ่ายก็เสนอตัวขึ้นมา
“ไม่เป็นไร ไม่รบกวนซันดีกว่าจ้ะ”
พนิดาเกรงใจเพราะเขาเป็นลูกน้องในบริษัท เธอไม่อยากวุ่นวายกับเขานอกเหนือเวลางาน
“ผมยินดีครับ น่าสนุกดีออก ได้ไปเที่ยว แถมมีคนเลี้ยงด้วย”
น้ำเสียงกับท่าทางที่ดูอารมณ์ดีของชายหนุ่มทำให้เธอหันมองอย่างจริงจัง แปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้เสนอตัว ขณะที่อีกฝ่ายหันมายิ้มให้แว่บหนึ่งก่อนจะมองตรงเช่นเดิม
“ถ้าจะไปเก็บข้อมูลอีก ก็บอกผม ผมยินดีรับใช้”
เมื่อหญิงสาวไม่พูดอะไรเขาก็ย้ำอีกครั้งอย่างต้องการบอกว่ายินดีช่วยเหลือจริงๆ
“พี่ซันขา คืนนี้ไปกับมิลค์นะ”
สาวร่างแน่งน้อยในชุดเกาะอก โชว์หน้าท้องเนียน กระโปรงสั้นแค่คืบ เบียดหน้าอกหน้าใจคัพซีกับต้นแขนเขาพร้อมกระซิบคุยด้วย มือบางลูบต้นขาแกร่งเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานออดอ้อน สายตาบ่งบอกความนัยที่ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้กันดี
ริมฝีปากได้รูปยกยิ้ม ภาสกรไม่รังเกียจหรอก ก็เขาออกจะชอบหุ่นเธอ ตัวเล็ก เอวบาง หน้าอกใหญ่เบิ้มสมชื่อ สะโพกกลมงอนทีเดียว
“อะไรกัน อาทิตย์ที่แล้วพี่ซันรับปากว่าศุกร์นี้จะไปกับแคทนะ”
สาวเปรี้ยวจี๊ดในกลุ่มอีกคนขยับมาเกาะแขนอีกข้างพร้อมทำหน้างอ แล้วส่งสายตาให้เพื่อนร่วมกลุ่มเดียวกันอย่างไม่พอใจ
“เธอจะเบิ้ลสองอาทิตย์ติดอย่างนี้คนอื่นก็อดสิ”
น้องมิลค์ไม่ยอมเพื่อนง่ายๆ
“แต่พี่ซันโอเคกับแคทแล้วนะ”
เจ้าของร่างสูงกำยำที่นั่งอยู่ระหว่างสองสาวเหล่มองทั้งคู่ก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มพร้อมใช้ความคิดว่าจะตอบอย่างไรดี เพราะจะให้เลือกเขาก็ตัดสินใจไม่ได้เหมือนกัน เขากับเพื่อนเที่ยวกับสาวกลุ่มนี้มาพักหนึ่งแล้ว พวกเธอมีสี่คนขณะที่กลุ่มเขามีสาม แน่นอนว่าหลังจากดื่มเต้นกันสนุกสนานก็จบลงด้วยการจับคู่แยกย้าย เขารู้มาว่าเพื่อนบางคนก็ควงสองแต่ตนขี้เกียจวุ่นวายจึงมักเลือกไปกับสาวคนเดียวที่ชวนเขาก่อน หากจำได้ว่าเขายังไม่เคยไปกับมิลค์ ทว่าแคทก็เด็ดดวงไม่น้อย
หรือว่าคืนนี้จะเล่นคู่ดี?
ชายหนุ่มเหลือบมองเพื่อนก็เห็นว่าประกบคู่เต้นนัวเนียเรียบร้อย คงไปกันต่อตามนั้น เขาเคยควงสองมาบ้างแล้วก็ไม่ได้รังเกียจพวกเธอ ในเมื่อก็ป้องกันตัวเองอย่างดีทุกครั้ง อีกอย่างภาสกรไม่ต้องการยึดติดกับสาวคนเดียวให้ใครมีความหวัง คิดดูแล้วก็ไม่ควรทำให้ใครคนใดคนหนึ่งเสียน้ำใจน่าจะดีกว่า
“ถ้างั้นพี่ว่า...”
เสียงเข้มเงียบไปเมื่อเรือนร่างงดงามที่สะดุดตาเดินผ่านไป คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน คิดว่าตัวเองมองไม่ผิด
บังเอิญอีกแล้วหรือ? แล้วนี่เธอมากับใคร หรือมาคนเดียว?
“พี่ขอตัวแป๊บนะ”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินเบียดผู้คนที่ดื่มเต้นกันตามความพอใจ โดยสายตาจ้องเพียงคนคนเดียวไม่วางตา เห็นว่าอีกฝ่ายเข้าห้องน้ำเขาก็ยืนรอแถวนั้น ครู่หนึ่งหญิงสาวจึงออกมา
พนิดาชะงักเมื่อเห็นคนที่ยืนกอดอกมองเธอนิ่ง ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ เพราะไม่ใช่ที่เดิมที่เธอไปครั้งที่แล้ว
“คุณไม่เห็นชวนผมเลย”
ชายหนุ่มพูดแทรกเสียงดนตรีทำให้เธอได้ยินที่เขาพูดไม่ชัดเจนหากก็พอฟังออก
==============
บังเอิญมาเจอกันอีกแล้ว ^-^
“อยากทำแบบนี้กับคุณวุ้นตั้งแต่วันที่แอบจูบแน่ะ”เสียงทุ้มดูสนุกตื่นเต้น ทว่าคนได้ยินอายจนตัวแทบม้วน“ใครจะยอม”“รู้ว่าวันนั้นไม่ยอม แต่วันนี้ยอมนะครับ”คุยไปด้วยมือหนาก็ดึงชายเสื้อที่อยู่ในขอบเอวกระโปรงหญิงสาวขึ้น สอดมือเข้ามาเคล้นคลึงอกอวบภายใน ปลุกเร้าอารมณ์สาวไปด้วยอย่างไม่ยอมเสียเวลา สะโพกสวยถูกบดเบียดรุมร้อน เร่งความปรารถนาให้กับคนทั้งคู่ พนิดารับรู้ถึงกายแกร่งชัดเจน“อื้อ ใจร้อนไปไหม เร็วจัง”“กับคุณวุ้นก็เร็วตลอดอยู่แล้วนี่ครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทั้งยังขยับสะโพกเข้าหาไม่หยุด กับพนิดาแล้วเขาไม่เคยรู้สึกตัวช้าเลย หากก็รั้งตัวเองให้เวลาหญิงสาวเสมอ“นะครับ ขอนะ”เสียงทุ้มครางพร่าชิดซอกคอนุ่มบ่งบอกว่าเจ้าตัวมาถึงจุดที่ฝืนไม่ไหวแล้ว นอกจากเขาจะตั้งใจเร่งร้อนแล้วน้ำตาของหญิงสาวก็ทำให้เขายิ่งอยากกอดเธอ ภาสกรแพ้น้ำตาอีกฝ่ายเห็นเมื่อไรทนไม่ได้ทุกที อยากกอดอยากคลุกเคล้ากระโปรงบานพอดีเข่าไม่ยากที่จะรั้งขึ้นสูง มือหนาโลมเล้าผ่านผ้าเนื้อบางแนบสัดส่วนอ่อนไหว ปากก็เม้มผิวเนื้ออ่อนข้างลำคอ ได้ยินเจ้าของร่างบางหอบแรงและไม่มีเสียงห้ามปรามอีกแล้ว เขาจึงเดินหน้าดูแลให้ หญิงสาวพร้อมก้าวขั้นต่อไป ซ
1 ปีผ่านไป...ภาสกรไปส่งพนิดาทุกบ่ายวันเสาร์ตามคำสั่งของคุณไพศาลหลังจากหญิงสาวอยู่กับเขาที่คอนโดในคืนวันศุกร์ และอยู่กินข้าวเย็นที่นั่นทุกวัน ชายหนุ่มไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของบิดาหญิงสาวนัก หากท่านก็ยอมรับในตัวเขา เพราะถือว่าทำมาหากินดูแลตัวเองมาตั้งแต่เรียนจบ ค่อนข้างมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน และเป็นคนเก่งคนหนึ่ง โดยข้อนี้พศินกับพริษฐ์ยืนยันเสียงเดียวกัน ถือว่าอนาคตไกล ส่วนกับคุณดารณีนั้นท่านถูกใจ ชายหนุ่ม เพราะเขาเอาใจเก่งปากหวานกับท่านเหมือนกับพนิดา และเอาอกเอาใจท่านกับหญิงสาว ต่างจากคุณไพศาลที่ชายหนุ่มไม่เข้าหาหรือตีสนิท เขาวางตัวปกติ ตอบคำถามอย่างเป็นการเป็นงานข้อนี้พนิดาบอกกับมารดาว่าน่าจะเพราะภาสกรไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่อบอุ่นจากบิดาของเขา เขาอยู่กับมารดา เมื่อสูญเสียมารดาก็โหยหาความรักความทะนุถนอมอ่อนโยนแบบที่เคยได้รับ จึงชินกับการเข้าหาผู้หญิงและทำให้รักเอ็นดูตนเองมากกว่าผู้ชาย สังเกตได้จากที่ชายหนุ่มสนิทกับผู้หญิงหลายคนในที่ทำงาน รวมทั้งอนงค์นางกับนิอรด้วยตอนนี้ภาสกรมีคีย์การ์ดสำรองเข้าห้องของพนิดาได้โดยที่หญิงสาวไม่ต้องลงไปรับอีกแล้ว หลังจากล้างหน้าล้างตาก็มาหาเจ้าของร่าง
“อือ ซัน”เสียงหวานพึมพำเมื่อชายหนุ่มเร่งมือก่อนจะตัวสั่นเล็กน้อย ทว่าเพียงเท่านั้นยังไม่พอ อีกฝ่ายปล่อยให้หน้าอกเธอเป็นอิสระ ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงเรื่อยไป หากก็ไม่ลืมพาเธอลงไปนอนแล้วเปิดเปลือยร่างงามไปด้วยเมื่อหญิงสาวไร้ซึ่งเสื้อผ้า เขาก็ปลดเปลื้องตนเองเช่นกันอย่างไม่ให้น้อยหน้า พาร่างสูงกำยำแทรกกลางเรียวขาสวย หากเมื่อเคลื่อนใบหน้าลงต่ำก็ได้ยินทักแผ่วหวิว“ซันจ๊ะ”พนิดาอายที่เขาจะทำแบบนี้กับเธออีก เพราะเวลานี้ร่างกายเธอตอบสนองว่าตนเองพร้อมแล้ว ทว่าชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมบอก“ผมอยากทำครับ”หน้าที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วของเธอร้อนราวกำลังไหม้เมื่อตามองใบหน้าขาวคมฝังลงกลางกาย สัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยน หากก็ประชิดทุกซอกมุมทำให้เธอเขินสุดขีด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปลายลิ้นร้อนชื้นกับปากอุ่นทำให้เธอรู้สึกดีอย่างเหลือแสน สุขสมเต็มอิ่มล้นอกภาสกรไล้ปากกับปลายลิ้นอย่างพึงพอใจ ความงามตรงหน้าเชิญชวนให้ลิ้มชิมไม่รู้เบื่อ ยิ่งเห็นสะโพกสวยขยับ เขาก็ยิ่งปรนเปรอหญิงสาว หากมือหนาก็ไม่ลืมเตรียมตนเองไปด้วย ใช่ว่าเขาไม่ลุกเพราะพนิดา แต่เพราะอยากตื่นตัวถึงขีดสุดเพื่อจัดเต็มในทันทีที่ชิดใกล้ต่างหาก แน่นอนว่าครั้งนี้เขา
พนิดาไม่ยอมให้ภาสกรอาบน้ำด้วยแม้เขาจะอ้อนแค่ไหนก็ตาม ขณะกินข้าวด้วยกันเจ้าตัวก็ส่งสายตาคมวาบหวามให้เธออย่างมีความนัยตลอดเวลาจนเธอต้องถอนหายใจให้รู้ว่าอ่อนใจกับเขาแค่ไหน ทว่าแทนที่ชายหนุ่มจะสลดกลับหัวเราะกรุ้มกริ่มในลำคอเสียอย่างนั้น“ซันล้างจานแล้วกันนะ”หญิงสาวบอกแล้วก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทันที ทั้งที่ปกติเธอจะช่วยเขา แม้ชายหนุ่มจะอาสาทำเองก็ตาม ทำเอาภาสกรได้แต่เกาหัว“สงสัยแสดงออกมากเกินไปแฮะเรา”หลังจากจัดการในครัวเรียบร้อย ภาสกรก็ไปยังห้องทำงานของพนิดาเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะอยู่ในนั้น ร่างสูงกำยำชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนหันหลังหาอะไรสักอย่างบนชั้นหนังสือขณะคุยโทรศัพท์“หึๆ ไม่ต้องอ้อนเลยอ้น ไม่ได้ผล”คิ้วเข้มขมวด พยายามตีความกับสิ่งที่ได้ยิน“ไม่...ไม่เล่า”พนิดาเสียงแข็งแต่ก็เจือความขำ“หาเอาเองสิจ๊ะ ผู้ชายแซบๆ น่ะ ไม่ได้เก็บได้ตามถนนสักหน่อย”ภาสกรเริ่มย่องเบาๆ เข้าไปใกล้ร่างบาง เหมือนเธอจะได้หนังสือเล่มที่ต้องการแล้ว“ไม่ให้ลูบ หวง...เด็กใครเด็กมัน วุ้นยังไม่สนใจจะยุ่งกับเด็กอ้นเลย”คราวนี้เขาหยุดไม่ห่างจากหญิงสาวนักแล้วเกาหัว“เดี๋ยวจะกระซิบบอกซันว่าเจอกันอ้นจะแอบลูบกล้าม เขาจะได้ร
“ตอนนี้มีแต่กลิ่นกับข้าวมั้งจ๊ะ”เธอแย้งเสียงเบาหวิวอารมณ์ใคร่ตีตื้นวนเวียนเพราะมืออีกฝ่ายไม่ได้อยู่นิ่ง“ไม่ครับ หอม”ชายหนุ่มย้ำแล้วจูบซ้ำมาอีก คลอเคลียปากกับจมูกจนผิวอ่อนเริ่มแดงเพราะไรเครา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเม้มแล้วจูบแรงขึ้น ร่างบางสะดุ้งนิดๆ ขณะที่มือหนาไล้วนช่วงท้องน้อยไม่ห่าง“ซันจ๊ะ ขาวุ้น...”พนิดาชักจะยืนไม่ไหวแล้ว เธออ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว เมื่อบอกไปแล้วอีกฝ่ายก็ช้อนอุ้มเธอขึ้นพาเดินมายังโซฟา ทิ้งกระเป๋าเป้ของเขาไว้ที่พื้นหน้าประตูห้องอย่างนั้นชายหนุ่มวางคนตัวเล็กให้นั่งบนโซฟา ส่วนตนคุกเข่าข้างหนึ่งคร่อมข้างสะโพกสวยโน้มหน้าลงไปหาปากอิ่มแสนหวาน ขณะเดียวกันก็ถอดสูทของหญิงสาวออก ลูบผะแผ่วไปบนบ่าบอบบาง ทรวงอวบงดงาม หน้าท้องขาวผ่องแล้วกลับมากอบกุมบีบกระชับหน้าอกหน้าใจที่เสื้อตัวสั้นลูกไม้สีขาวโอบอยู่ สิ่งที่รับรู้ทำให้ภาสกรถอนจูบ ตาคมหลุบลงมองแฟชั่นแสนเซ็กซี่ของคนรักแล้วยิ้มมุมปาก มีเสื้อสูทคลุมก็ดูเรียบร้อยดี ใครจะไปคิดว่าด้านในจะทั้งหวานทั้งเซ็กซี่ขนาดนี้ เขารู้มาบ้างว่าบางครั้งสาวๆ ก็ใส่เพียงเสื้อชั้นในด้านในสูท ทว่าผิวขาวนวลกับเสื้อลูกไม้ขาวตัวสั้นบนเรือนร่างงามลออของพนิดาก็เห
ร่างสูงกำยำที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงหน้าประตูแผนกทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาเห็นรีบเดินเข้าไปตบไหล่หนา“เฮ้ย มาทำอะไรถึงนี่ หรือมาหาเพื่อนกินข้าว”จักรินทร์ถามเจ้าตัวก็หันมายกมือไหว้เขา“พี่โจ๊ก สวัสดีครับ”ภาสกรทักทาย ขณะนั้นหลายคนในแผนกเริ่มออกมาแล้วมองเขาอย่างสนใจและทักเช่นกัน เพราะไม่ได้เห็นหน้าเท่าไรนัก รวมทั้งญาดาด้วย“ว่าแต่ ทำไมหน้าเหมือนไปกินยำตีนมาวะ”คนถูกถามยิ้มขื่น ญาดาซึ่งเดินมาใกล้จึงเอ่ยแทน“ซันมันไปสะดุดตอใหญ่มาก”“สะดุดตอก็น่าจะล้ม ทำไมไม่หัวแตก แต่ดันปากแตกหน้าช้ำ”จักรินทร์ยิ่งสงสัย หลายคนขมวดคิ้วไปตามๆ กัน“นั่นสิคะพี่พริก”นัชชาสาวกราฟิกคนสนิทของญาดาพูดพร้อมพยักหน้า“น่า บอกว่าสะดุดตอก็สะดุดตอสิ แล้วนี่...อย่าบอกนะว่ามา...”ดวงตาคู่กลมโตของญาดาเหลือบเข้าไปข้างในแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ภาสกรยกยิ้มมุมปาก ทำเอาคนอื่นยิ่งสงสัย แล้วสามสาวเพื่อนซี้รุ่นใหญ่ในแผนกก็ออกมาพอดี“มายืนมุงอะไรกันตรงนี้จ๊ะ ไม่รีบไปกินข้าวเหรอ”เสียงอนงค์นางดังขึ้นทำให้หลายคนเริ่มขยับตัว ทว่าเมื่อปรากฏร่างสูงกำยำท่ามกลางผู้คนหญิงสาวก็ถอนหายใจ ทว่าเสียงที่ทักขึ้นเป็นนิอร“แหม มารอเร็วจังนะพ่อคุณ”