ร่างบางขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้คุยกันได้ยินขึ้นอีกหน่อย หากก็ทำให้เธอต้องเงยหน้ามองเขา
“เกรงใจซันออก จะชวนได้ยังไง”
“แล้วนี่คุณมากับใคร”
“มากับเพื่อนน่ะ”
“คนที่เลี้ยงเด็กน่ะเหรอ”
“อืม”
ชายหนุ่มส่ายหน้า คิ้วเข้มขมวด เขาดูหงุดหงิดจนพนิดาอดแปลกใจไม่ได้
“เขาอาจจะเป็นเหมือนเด็กของเขา คุณไว้ใจได้ยังไง”
“แหม รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว เขาออกจะเป็นสาวหวาน”
เธอบอกพร้อมยิ้มบางให้อีกฝ่ายเลิกคิดมาก
“จะกลับหรือยังครับ”
ถามไปแล้วก็ยกนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง แล้วก็ยิ่งแปลกใจที่เห็นว่าเลยห้าทุ่มมาแล้ว
“คุณไม่ต้องรีบกลับก่อนห้าทุ่มเหรอครับ”
“คุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวฮ่องกง ฉันแอบหนีเที่ยวได้”
พนิดายิ้มหวานขึ้นอีก ตาคู่งามพราวขึ้นราวเด็กขี้เล่น แต่คนมองกลับไม่ชอบใจกับท่าทางนั้น เธอก็ดูน่ารักเป็นมิตรกว่าเจ้านายที่วางสีหน้านิ่งในที่ทำงานอยู่หรอก แต่เขาคิดว่ามันอันตรายเกินไปหากเธอจะอยู่ดึกกว่านี้
ในมุมมองของภาสกร หากเพื่อนของเธอคบเด็กแบบที่เหยียบเรือสองแคมได้ เขาก็อาจจะเป็นสไตล์เดียวกัน แม้จะเหมือนคิดมากไป เพื่อนเธออาจจะไม่เป็นแบบนั้น ทว่าคนตรงหน้าเขานี่ก็ดูโลกสวยเกินไปจนอดนึกเป็นห่วงไม่ได้
“ผมว่าคุณวุ้นกลับเถอะครับ ผมจะไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ซันมาเที่ยวกับเพื่อนนี่”
เจ้านายคนสวยส่ายหน้ายิ้มๆ มือบางจับแขนเขาเบาๆ ก่อนจะสำทับ
“ไปสนุกกับเพื่อนต่อเถอะ บายนะจ๊ะ เจอกันวันจันทร์”
พูดจบหญิงสาวก็เดินหลบเขาเพื่อจะกลับไปหาเพื่อน ทว่าภาสกรคว้ามือบางเอาไว้
พนิดาหันกลับมามองชายหนุ่ม คิ้วเรียวสวยขมวด ตาคู่งามมองเขาอย่างสงสัย
“มีอะไรจ๊ะ”
“กลับเถอะครับ”
“โธ่ ไปส่งแล้วก็กลับมาเหมือนครั้งที่แล้วน่ะเหรอ หมดสนุกกันพอดี”
“ผมไม่กลับมาแล้ว ขี้เกียจ”
เขาพูดง่ายๆ ไม่ยอมปล่อยมือเธอ ทั้งยังรั้งเบาๆ ให้เดินตามอีกด้วย
“อุ๊ย...ซัน...บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง”
ชายหนุ่มดึงให้เธอก้าวตามและมุ่งหน้าไปทางออกไม่หันกลับมาพูดกับเธออีก พนิดาได้แต่ลำบากใจ ทำอะไรไม่ได้กระทั่งออกมาข้างนอกอีกฝ่ายก็หันมาถาม
“รถคุณวุ้นอยู่ไหนครับ”
“เพื่อนไปรับน่ะ เดี๋ยวเขาจะไปส่ง”
นั่นยิ่งน่าห่วงเข้าไปอีก ภาสกรส่ายหัว
“บอกเพื่อนคุณว่าคุณจะกลับแล้ว แล้วผมจะเป็นคนไปส่งคุณเอง”
“เอ๊...ซัน ทำไมต้องทำให้มันวุ่นวาย”
คนที่ยอมเดินตามออกมาข้างนอกชักหงุดหงิดขึ้นมาบ้างที่ชายหนุ่มสั่งให้เธอทำตามที่เขาต้องการ ทั้งที่เธออายุมากกว่าเขา แล้วยังเป็นเจ้านายของเขาอีกด้วย
“คุณจะกลับหรือไม่กลับ”
ภาสกรถามเสียงนิ่ง ทว่าสายตาของเขาไม่นิ่งไปด้วย พนิดารับรู้ได้ถึงแววคุกรุ่นในนั้น และแม้จะพยายามดึงมือออกนิดๆ ก็ไม่สำเร็จ เธอไม่ได้กระชากเพราะไม่อยากทะเลาะกับเขา แถมโดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ใช่คนใจร้อนอะไร เธอเป็นพวกรักสงบไม่ชอบมีเรื่อง ไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในปัญหา
“งั้นบอกหน่อยสิ ว่าทำไมต้องอยากไปส่งฉัน แทนที่จะอยู่สนุกกับเพื่อน”
ตาคู่คมกวาดมองคนถามอย่างไม่ปิดบังสายตา เรือนร่างงามในชุดกระโปรงน่ารักตัวสั้นเลยเข่าขึ้นมาสูงถึงโคนขาสีดำ ตรงเอวมีเข็มขัดรัดเข้ารูป ทว่ามีส่วนทึบแค่เพียงช่วงอก บ่าไหล่กับแขนเป็นผ้าเนื้อบางซีทรู แขนสั้นพองนิดๆ ทำให้คืนนี้อีกฝ่ายดูเป็นสาวหวานหากก็ยังแฝงความเซ็กซี่อยู่ดี
คนถูกมองด้วยสายตาชวนหวิวหวั่นใจสะดุด ไม่คิดว่าลูกน้องหนุ่มจะกล้ามองตนเองแบบนี้
“ซัน”
เธอเรียกเขาด้วยเสียงที่ดูดุ มองสบตากลับไปอย่างต้องการให้รู้ว่าไม่พอใจเขา หากอีกฝ่ายกลับยกยิ้มมุมปาก ขยับก้มลงมากระซิบในระยะใกล้
“คุณน่าฟัดเกินไป ผมปล่อยคุณกลับกับเพื่อนที่ไม่รู้เพศแน่ชัดของคุณไม่ได้”
มือบางยกขึ้นผลักอกหนาทันที ดวงหน้าสวยกับแววตาเริ่มกรุ่นโกรธ
“นี่ ระวังคำพูดกับฉันด้วย แล้วก็อย่าพูดถึงเพื่อนฉันแบบนี้”
ถึงแม้จะไม่พอใจที่อีกฝ่ายพูดถึงเพื่อนตนอย่างหยาบคาย หากก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าเธอร้อนวูบขึ้นกับคำพูดของลูกน้องหนุ่ม
“ผมไม่พูดก็ได้ แต่คุณต้องกลับกับผม”
“เธอนี่เอาแต่ใจจริงๆ”
“ครับ”
เขายักไหล่อย่างไม่แคร์คำต่อว่า แล้วยังพูดหน้าตาเฉย
“แล้วถ้าคุณไม่ยอมตามไปดีๆ ผมจะอุ้มไปรถผมเลย”
พนิดาถึงกับเผยอปากค้างกับคำบอกของอีกฝ่าย เธอได้แต่มองหน้าเขาอย่างงุนงงความคิดของอีกฝ่าย ถึงจะพอเข้าใจได้ว่าเขาเป็นห่วงสวัสดิภาพของเธอ แต่เพื่อนของเธอก็ไว้ใจได้
“ว่าไงครับ”
เมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่ายดูจะเอาจริงเธอจึงถอนหายใจด้วยความเซ็ง
“กลับก็กลับ”
ภาสกรยิ้มบางอย่างพอใจ แล้วดึงให้เธอเดินต่อทันทีโดยไม่ปล่อย พนิดาอยากจะแย้งหากก็ได้ยินเสียงมือถือในกระเป๋าที่สะพายอยู่แว่วๆ คิดว่าเพื่อนคงโทรตามเมื่อเห็นว่าเธอออกมาเข้าห้องน้ำนานแล้ว
“ซัน ฉันจะรับโทรศัพท์”
“ขึ้นรถก่อนก็ได้ครับ”
อีกฝ่ายพูดโดยร่างสูงกำยำไม่ได้หันมามองเธอด้วยซ้ำ
คนเดินตามได้แต่ขมวดคิ้วฉับ หน้างออยู่คนเดียว ก่อนจะบ่น
“ทำอย่างกับฉันจะวิ่งหนีเธอได้”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไร กระทั่งมาถึงรถเขาก็กดรีโมตแล้วเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับ ส่วนตัวเองเดินอ้อมไปอีกฝั่ง
มือถือพนิดาดังขึ้นมาอีกเธอจึงหยิบออกมารับ เป็นเพื่อนเธอโทรมาจริงๆ
“ขอโทษทีจ้ะ ฉันจะกลับแล้ว”
หญิงสาวหยุดฟังปลายสายครู่หนึ่ง
“ฉันง่วง กลับดีกว่า”
ขณะฟังเพื่อนถามไถ่สายตาก็เหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังหยิบมือถือของเขาออกมากดไล่หาเบอร์เช่นกัน ก่อนจะตอบกลับไป
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันกลับแท็กซี่ เกรงใจเธอ ไม่อยากขัดตอนกำลังสนุกได้ที่ กลับถึงบ้านแล้วจะไลน์บอกแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ บ๊ายบาย”
เธอรีบตัดบทเมื่อเห็นว่าภาสกรยกมือถือของเขาขึ้นแนบหู กลัวเสียงชายหนุ่มเข้าไปแล้วเพื่อนจะสงสัยขึ้นมา
“กูกลับแล้วนะ”
‘อ้าว ทำไมรีบวะ’
“มีธุระด่วน”
ภาสกรตอบสั้นๆ ไม่อยากให้เพื่อนซักไซ้เรื่องของตน
‘แล้วสองสาวที่เขารอมึงอยู่เนี่ย เอาไง’
“มึงสองคนก็แซนด์วิชดิ จะไปยากอะไร แค่นี้นะ”
พูดจบก็วางสายแล้วสตาร์ตรถทันที
คนที่เพิ่งได้ยินคำพูดล่อแหลมที่ไม่ชินนักถึงกับตัวแข็ง กะพริบตาปริบๆ ทว่าก็พยายามทำตัวเหมือนไม่รู้สึกอะไร
==============
สองคนที่ไลฟ์สไตล์แตกต่างมาเจอกัน จะเป็นยังไงต่อไปนะ ^-^
“อยากทำแบบนี้กับคุณวุ้นตั้งแต่วันที่แอบจูบแน่ะ”เสียงทุ้มดูสนุกตื่นเต้น ทว่าคนได้ยินอายจนตัวแทบม้วน“ใครจะยอม”“รู้ว่าวันนั้นไม่ยอม แต่วันนี้ยอมนะครับ”คุยไปด้วยมือหนาก็ดึงชายเสื้อที่อยู่ในขอบเอวกระโปรงหญิงสาวขึ้น สอดมือเข้ามาเคล้นคลึงอกอวบภายใน ปลุกเร้าอารมณ์สาวไปด้วยอย่างไม่ยอมเสียเวลา สะโพกสวยถูกบดเบียดรุมร้อน เร่งความปรารถนาให้กับคนทั้งคู่ พนิดารับรู้ถึงกายแกร่งชัดเจน“อื้อ ใจร้อนไปไหม เร็วจัง”“กับคุณวุ้นก็เร็วตลอดอยู่แล้วนี่ครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทั้งยังขยับสะโพกเข้าหาไม่หยุด กับพนิดาแล้วเขาไม่เคยรู้สึกตัวช้าเลย หากก็รั้งตัวเองให้เวลาหญิงสาวเสมอ“นะครับ ขอนะ”เสียงทุ้มครางพร่าชิดซอกคอนุ่มบ่งบอกว่าเจ้าตัวมาถึงจุดที่ฝืนไม่ไหวแล้ว นอกจากเขาจะตั้งใจเร่งร้อนแล้วน้ำตาของหญิงสาวก็ทำให้เขายิ่งอยากกอดเธอ ภาสกรแพ้น้ำตาอีกฝ่ายเห็นเมื่อไรทนไม่ได้ทุกที อยากกอดอยากคลุกเคล้ากระโปรงบานพอดีเข่าไม่ยากที่จะรั้งขึ้นสูง มือหนาโลมเล้าผ่านผ้าเนื้อบางแนบสัดส่วนอ่อนไหว ปากก็เม้มผิวเนื้ออ่อนข้างลำคอ ได้ยินเจ้าของร่างบางหอบแรงและไม่มีเสียงห้ามปรามอีกแล้ว เขาจึงเดินหน้าดูแลให้ หญิงสาวพร้อมก้าวขั้นต่อไป ซ
1 ปีผ่านไป...ภาสกรไปส่งพนิดาทุกบ่ายวันเสาร์ตามคำสั่งของคุณไพศาลหลังจากหญิงสาวอยู่กับเขาที่คอนโดในคืนวันศุกร์ และอยู่กินข้าวเย็นที่นั่นทุกวัน ชายหนุ่มไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของบิดาหญิงสาวนัก หากท่านก็ยอมรับในตัวเขา เพราะถือว่าทำมาหากินดูแลตัวเองมาตั้งแต่เรียนจบ ค่อนข้างมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน และเป็นคนเก่งคนหนึ่ง โดยข้อนี้พศินกับพริษฐ์ยืนยันเสียงเดียวกัน ถือว่าอนาคตไกล ส่วนกับคุณดารณีนั้นท่านถูกใจ ชายหนุ่ม เพราะเขาเอาใจเก่งปากหวานกับท่านเหมือนกับพนิดา และเอาอกเอาใจท่านกับหญิงสาว ต่างจากคุณไพศาลที่ชายหนุ่มไม่เข้าหาหรือตีสนิท เขาวางตัวปกติ ตอบคำถามอย่างเป็นการเป็นงานข้อนี้พนิดาบอกกับมารดาว่าน่าจะเพราะภาสกรไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่อบอุ่นจากบิดาของเขา เขาอยู่กับมารดา เมื่อสูญเสียมารดาก็โหยหาความรักความทะนุถนอมอ่อนโยนแบบที่เคยได้รับ จึงชินกับการเข้าหาผู้หญิงและทำให้รักเอ็นดูตนเองมากกว่าผู้ชาย สังเกตได้จากที่ชายหนุ่มสนิทกับผู้หญิงหลายคนในที่ทำงาน รวมทั้งอนงค์นางกับนิอรด้วยตอนนี้ภาสกรมีคีย์การ์ดสำรองเข้าห้องของพนิดาได้โดยที่หญิงสาวไม่ต้องลงไปรับอีกแล้ว หลังจากล้างหน้าล้างตาก็มาหาเจ้าของร่าง
“อือ ซัน”เสียงหวานพึมพำเมื่อชายหนุ่มเร่งมือก่อนจะตัวสั่นเล็กน้อย ทว่าเพียงเท่านั้นยังไม่พอ อีกฝ่ายปล่อยให้หน้าอกเธอเป็นอิสระ ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงเรื่อยไป หากก็ไม่ลืมพาเธอลงไปนอนแล้วเปิดเปลือยร่างงามไปด้วยเมื่อหญิงสาวไร้ซึ่งเสื้อผ้า เขาก็ปลดเปลื้องตนเองเช่นกันอย่างไม่ให้น้อยหน้า พาร่างสูงกำยำแทรกกลางเรียวขาสวย หากเมื่อเคลื่อนใบหน้าลงต่ำก็ได้ยินทักแผ่วหวิว“ซันจ๊ะ”พนิดาอายที่เขาจะทำแบบนี้กับเธออีก เพราะเวลานี้ร่างกายเธอตอบสนองว่าตนเองพร้อมแล้ว ทว่าชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมบอก“ผมอยากทำครับ”หน้าที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วของเธอร้อนราวกำลังไหม้เมื่อตามองใบหน้าขาวคมฝังลงกลางกาย สัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยน หากก็ประชิดทุกซอกมุมทำให้เธอเขินสุดขีด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปลายลิ้นร้อนชื้นกับปากอุ่นทำให้เธอรู้สึกดีอย่างเหลือแสน สุขสมเต็มอิ่มล้นอกภาสกรไล้ปากกับปลายลิ้นอย่างพึงพอใจ ความงามตรงหน้าเชิญชวนให้ลิ้มชิมไม่รู้เบื่อ ยิ่งเห็นสะโพกสวยขยับ เขาก็ยิ่งปรนเปรอหญิงสาว หากมือหนาก็ไม่ลืมเตรียมตนเองไปด้วย ใช่ว่าเขาไม่ลุกเพราะพนิดา แต่เพราะอยากตื่นตัวถึงขีดสุดเพื่อจัดเต็มในทันทีที่ชิดใกล้ต่างหาก แน่นอนว่าครั้งนี้เขา
พนิดาไม่ยอมให้ภาสกรอาบน้ำด้วยแม้เขาจะอ้อนแค่ไหนก็ตาม ขณะกินข้าวด้วยกันเจ้าตัวก็ส่งสายตาคมวาบหวามให้เธออย่างมีความนัยตลอดเวลาจนเธอต้องถอนหายใจให้รู้ว่าอ่อนใจกับเขาแค่ไหน ทว่าแทนที่ชายหนุ่มจะสลดกลับหัวเราะกรุ้มกริ่มในลำคอเสียอย่างนั้น“ซันล้างจานแล้วกันนะ”หญิงสาวบอกแล้วก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทันที ทั้งที่ปกติเธอจะช่วยเขา แม้ชายหนุ่มจะอาสาทำเองก็ตาม ทำเอาภาสกรได้แต่เกาหัว“สงสัยแสดงออกมากเกินไปแฮะเรา”หลังจากจัดการในครัวเรียบร้อย ภาสกรก็ไปยังห้องทำงานของพนิดาเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะอยู่ในนั้น ร่างสูงกำยำชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนหันหลังหาอะไรสักอย่างบนชั้นหนังสือขณะคุยโทรศัพท์“หึๆ ไม่ต้องอ้อนเลยอ้น ไม่ได้ผล”คิ้วเข้มขมวด พยายามตีความกับสิ่งที่ได้ยิน“ไม่...ไม่เล่า”พนิดาเสียงแข็งแต่ก็เจือความขำ“หาเอาเองสิจ๊ะ ผู้ชายแซบๆ น่ะ ไม่ได้เก็บได้ตามถนนสักหน่อย”ภาสกรเริ่มย่องเบาๆ เข้าไปใกล้ร่างบาง เหมือนเธอจะได้หนังสือเล่มที่ต้องการแล้ว“ไม่ให้ลูบ หวง...เด็กใครเด็กมัน วุ้นยังไม่สนใจจะยุ่งกับเด็กอ้นเลย”คราวนี้เขาหยุดไม่ห่างจากหญิงสาวนักแล้วเกาหัว“เดี๋ยวจะกระซิบบอกซันว่าเจอกันอ้นจะแอบลูบกล้าม เขาจะได้ร
“ตอนนี้มีแต่กลิ่นกับข้าวมั้งจ๊ะ”เธอแย้งเสียงเบาหวิวอารมณ์ใคร่ตีตื้นวนเวียนเพราะมืออีกฝ่ายไม่ได้อยู่นิ่ง“ไม่ครับ หอม”ชายหนุ่มย้ำแล้วจูบซ้ำมาอีก คลอเคลียปากกับจมูกจนผิวอ่อนเริ่มแดงเพราะไรเครา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเม้มแล้วจูบแรงขึ้น ร่างบางสะดุ้งนิดๆ ขณะที่มือหนาไล้วนช่วงท้องน้อยไม่ห่าง“ซันจ๊ะ ขาวุ้น...”พนิดาชักจะยืนไม่ไหวแล้ว เธออ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว เมื่อบอกไปแล้วอีกฝ่ายก็ช้อนอุ้มเธอขึ้นพาเดินมายังโซฟา ทิ้งกระเป๋าเป้ของเขาไว้ที่พื้นหน้าประตูห้องอย่างนั้นชายหนุ่มวางคนตัวเล็กให้นั่งบนโซฟา ส่วนตนคุกเข่าข้างหนึ่งคร่อมข้างสะโพกสวยโน้มหน้าลงไปหาปากอิ่มแสนหวาน ขณะเดียวกันก็ถอดสูทของหญิงสาวออก ลูบผะแผ่วไปบนบ่าบอบบาง ทรวงอวบงดงาม หน้าท้องขาวผ่องแล้วกลับมากอบกุมบีบกระชับหน้าอกหน้าใจที่เสื้อตัวสั้นลูกไม้สีขาวโอบอยู่ สิ่งที่รับรู้ทำให้ภาสกรถอนจูบ ตาคมหลุบลงมองแฟชั่นแสนเซ็กซี่ของคนรักแล้วยิ้มมุมปาก มีเสื้อสูทคลุมก็ดูเรียบร้อยดี ใครจะไปคิดว่าด้านในจะทั้งหวานทั้งเซ็กซี่ขนาดนี้ เขารู้มาบ้างว่าบางครั้งสาวๆ ก็ใส่เพียงเสื้อชั้นในด้านในสูท ทว่าผิวขาวนวลกับเสื้อลูกไม้ขาวตัวสั้นบนเรือนร่างงามลออของพนิดาก็เห
ร่างสูงกำยำที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงหน้าประตูแผนกทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาเห็นรีบเดินเข้าไปตบไหล่หนา“เฮ้ย มาทำอะไรถึงนี่ หรือมาหาเพื่อนกินข้าว”จักรินทร์ถามเจ้าตัวก็หันมายกมือไหว้เขา“พี่โจ๊ก สวัสดีครับ”ภาสกรทักทาย ขณะนั้นหลายคนในแผนกเริ่มออกมาแล้วมองเขาอย่างสนใจและทักเช่นกัน เพราะไม่ได้เห็นหน้าเท่าไรนัก รวมทั้งญาดาด้วย“ว่าแต่ ทำไมหน้าเหมือนไปกินยำตีนมาวะ”คนถูกถามยิ้มขื่น ญาดาซึ่งเดินมาใกล้จึงเอ่ยแทน“ซันมันไปสะดุดตอใหญ่มาก”“สะดุดตอก็น่าจะล้ม ทำไมไม่หัวแตก แต่ดันปากแตกหน้าช้ำ”จักรินทร์ยิ่งสงสัย หลายคนขมวดคิ้วไปตามๆ กัน“นั่นสิคะพี่พริก”นัชชาสาวกราฟิกคนสนิทของญาดาพูดพร้อมพยักหน้า“น่า บอกว่าสะดุดตอก็สะดุดตอสิ แล้วนี่...อย่าบอกนะว่ามา...”ดวงตาคู่กลมโตของญาดาเหลือบเข้าไปข้างในแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ภาสกรยกยิ้มมุมปาก ทำเอาคนอื่นยิ่งสงสัย แล้วสามสาวเพื่อนซี้รุ่นใหญ่ในแผนกก็ออกมาพอดี“มายืนมุงอะไรกันตรงนี้จ๊ะ ไม่รีบไปกินข้าวเหรอ”เสียงอนงค์นางดังขึ้นทำให้หลายคนเริ่มขยับตัว ทว่าเมื่อปรากฏร่างสูงกำยำท่ามกลางผู้คนหญิงสาวก็ถอนหายใจ ทว่าเสียงที่ทักขึ้นเป็นนิอร“แหม มารอเร็วจังนะพ่อคุณ”