Chapter 1
ความเงียบครอบคลุมภายในห้องประชุมของตึกสูงใจกลางเมืองปักกิ่งของบริษัทหลวนเฉินกรุ๊ป ผู้ผลิตเสื้อผ้าและส่งออกจนได้รับการยอมรับเป็นแนวหน้าของวงการแฟชั่น “คุณคิดว่าควรทำยังไง ?” เสียงเข้มของประธานหนุ่มถังเฟยหลงอายุราว ๆ สามสิบปีเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ดูข้อมูลการตลาดเมื่อเดือนที่ผ่านมา เมื่อเสื้อผ้าแบบใหม่จากแบรนด์ deluxe (ดีลักซ์) ที่เพิ่งออกวางจำหน่ายเมื่อเดือนก่อน ปรากฏว่าความชอบของผู้ซื้อยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งยังไม่สามารถตีตลาดออกนอกประเทศได้อีกด้วย นับเป็นความล้มเหลวอย่างหนึ่งของบริษัท เงียบ...ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้จัดการจากทุกแผนกที่ประสานกันทำงาน เว้นกระทั่งเฉินจิ้นฝูผู้อำนวยการของบริษัทและเป็น ญาติผู้น้องของเฟยหลงกล่าวขึ้น “ผมคิดว่าบางทีอาจเพราะผู้บริโภคอาจไม่ได้รับแหล่งข่าวสาร อีกอย่างเราเพิ่งวางจำหน่ายได้แค่เดือนเดียวด้วย” “นายคิดว่าอย่างนั้นเหรอ ?” เฟยหลงหรี่ตามองก่อนที่จะก้มหน้าลงแล้วเอื้อมมือปิดแฟ้มสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะ “เอาเป็นว่า ฉันจะรอดูยอดขายเดือนนี้” จิ้นฝูยิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้น “เอาเป็นว่าการประชุมวันนี้แค่นี้ ผมอยากให้พวกคุณทำงานอย่างเต็มที่เพื่อบริษัท” เมื่อกล่าวจบทุกคนต่างขานรับก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมไป เหลือเพียงแค่ประธานหนุ่มหน้านิ่งและผอ.จิ้นฝู “พี่คิดอะไรอยู่ ?” จิ้นฝูเอ่ยถามขึ้น “ฉันรู้ว่านายรู้ดี” เฟยหลงกล่าว จิ้นฝูเป็นคนที่มีความสามารถและแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่ครั้งนี้เขาจนปัญญาจริง ๆ เพราะสินค้าชิ้นใหม่ที่นำออกวางขายไม่ได้รับการตอบรับจากตลาดผู้ซื้อ เขาจะไปบังคับให้คนมาซื้อได้ยังไงกัน ? “ผมว่าเรื่องนี้เราต้องปรึกษากันอีกที แล้วเก็บสถิติของสองเดือนดูว่าเราต้องแก้ไขตรงจุดไหน” ประธานหนุ่มพยักหน้าพร้อมกับลุกขึ้นจัดสูทให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินออกไปโดยที่ไม่พูดอะไร จิ้นฝูมองหน้าของชายหนุ่มพร้อมกับหัวเราะส่ายหน้าออกมา เขาคงชินเสียแล้วกับสีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ของเฟยหลง แม้มีสาว ๆ มากมายที่อยากจะเดทกับประธานหนุ่มของบริษัทหลวนเฉินกรุ๊ป แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธ หนำซ้ำยังไม่เหลียวจะมองด้วยซ้ำไป ชายหนุ่มหยิบเอกสารก่อนที่จะเดินออกจากห้องประชุมไป ทันทีที่ก้าวออกจากห้อง สาว ๆ ที่เดินผ่านก็ต่างยิ้มหวานให้เขา เป็นเรื่องปกติที่หนุ่มหล่ออัธยาศัยดี มีฐานะอย่างจิ้นฝูจะมีคนปลื้มและหลงใหลกันมากมาย เรียกได้ว่า หล่อสมบูรณ์แบบ หางานทำ ! ! คำคำนี้อยู่ในหัวของเหม่ยอี้มาสามวันแล้ว คนธรรมดาอย่างเธอที่ทั้งโง่ทั้งซื่อแค่จบมาก็ดีถึงไหนแล้ว เพราะหลังจบมาหางานทำไม่เคยอยู่เกินสามเดือนก็มักโดนไล่ออกก่อนตลอด แน่นอนว่าจะมีที่ไหนรับเธอเข้าทำงานกันละ ! สายตาคู่สวยมองกระดาษหนังสือพิมพ์ตรงหน้าที่ขีดกากบาทด้วยปากกาสีแดงออกที่ละรายการอย่างท้อใจ ครั้นโทร. ไปฝ่ายบุคคลรับสมัครพนักงานใหม่ แต่ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า ‘ตอนนี้ตำแหน่งพนักงานบัญชีเต็มแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ’ ราวกับเสียงอัตโนมัติก็ไม่ปาน ! ! มีบางบริษัทส่งอีเมลพร้อมประวัติการศึกษาไปก็ไม่มีท่าทีจะตอบกลับมาสักนิด เฮ้อ...เสียงถอนหายใจออกมาอย่างหนักของหญิงสาว “หายากจัง ! !” เหม่ยอี้บ่นด้วยท่าทางหงุดหงิด พร้อมกับขย้ำหนังสือพิมพ์ตรงหน้าทิ้งลงถังขยะ ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขนมออกมา แล้วนั่งทานที่โซฟาด้วยท่าทางสบายใจ หิวแล้ว เธอขอกินก่อนแล้วกัน ! ! สุดท้ายแล้วพุดดิ้งตรงหน้าก็ดึงความสนใจของเหม่ยอี้ไปจนหมด หญิงสาวทานอย่างมีความสุขในขณะที่ประตูห้องเปิดออก หนิงเหอเดินเข้ามาหลังจากที่ทำงานกลับจากร้านหนังสือ เหม่ยอี้หันความสนใจจากของกินตรงหน้าไปมองเพื่อนสาวที่เดินเข้ามาพร้อมกับวางถุงกับข้าวที่ซื้อมาจากข้างนอก “เหม่ยอี้...ถ้าฉันไม่ใช่เพื่อนเธอตั้งแต่เด็ก ๆ และไม่เพราะพ่อของเธอฝากไว้ด้วยแล้วละก็ฉันไม่ให้เธอมาพักอยู่กับฉันแน่ ๆ” นั่นเป็นคำขอร้องของพ่อของเหม่ยอี้ก่อนที่จะเสียเมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งตั้งแต่นั้นมาเหม่ยอี้ก็ตัวคนเดียว และคำขอจากปากบิดาของเธอทำให้ หนิงเหอรับปากก่อนจะย้ายมาอยู่ด้วยกันที่ปักกิ่ง แววตาใส ๆ ของเหม่ยอี้เปล่งประกายมองเพื่อนรักอย่างมีความหมาย “ฉันก็พยายามหาอยู่นะ แต่มันหายากน่ะ” “งั้นเหรอ” “ใช่แล้ว !” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง “เธอหามากี่เดือนแล้วตั้งแต่เธอโดนไล่ออกจากงานเก่า” เหม่ยอี้วางจานพุดดิ้งลงพร้อมกับขยับตัวเข้ามาหาหนิงเหอด้วยสายตาอ้อน ๆ “อีกไม่นาน ฉันมั่นใจ ! !” เธอพูดออกมาด้วยท่าทางมั่นใจ ทว่าคนเป็นเพื่อนกลับมองด้วยความลังเลและหัวเราะออกมา ไม่ต้องคิดให้มากทำไมเหม่ยอี้ถึงไม่มีใครมาจีบ “เอาละ ๆ กินข้าวดีกว่า ฉันหิวแล้ว” หนิงเหอพูดพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเอือมนิดๆ กินข้าว ! ! เหม่ยอี้ไม่รอช้าที่จะเดินไปหยิบจานและแกะถุงอาหารทันที...ไม่มีสิ่งใดที่เธอรักไปกว่าการกินอีกแล้ว บ้านตระกูลถัง...บนโต๊ะอาหารมื้อเย็น จิ้นฝูมองหน้าเฟยหลงที่นั่งฝั่งตรงข้ามเยื้องจากเขา ก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้นในขณะที่วางตะเกียบลง สีหน้าของญาติผู้พี่ยังคงนิ่งเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เฟยหลงคีบอาหารเข้าปากอย่างเงียบๆ โดยไม่สนใจท่าทีของจิ้นฝูแม้แต่น้อย “พี่อยากไปผ่อนคลายบ้างมั้ย ?” หนุ่มเจ้าสำราญเอ่ยถาม เฟยหลงวางตะเกียบลง ก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดปากแล้วมองหน้าญาติผู้น้องที่ยิ้มให้ “นายไปเถอะ” เหมือนเดิมทุกครั้ง ไม่ว่าจิ้นฝูจะชวนไปไหนเขาก็ปฏิเสธเสมอ ไรสาระสิ้นดีกับการไปผับหรือบาร์มองสาว ๆ เต้น นั่นไม่ใช่ความต้องการของเขาสักนิด “แล้วพี่ล่ะ” จิ้นฝูถามอีกครั้งเผื่อว่าอีกฝ่ายจะพูดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหันซึ่ง...มันไม่ใช่เลย “ฉันต้องทำงานต่ออีกสักหน่อย อย่าดื่มมากล่ะ พรุ่งนี้ต้องทำงาน” ว่าแล้วเฟยหลงลุกขึ้นก่อนที่จะเดินออกจากห้องอาหารไป ทิ้งให้ญาติผู้น้องมองพร้อมถอนหายใจออกมา บางทีถ้าเกิดเฟยหลงคิดจะไปเที่ยวหรือจีบผู้หญิงสักคนบ้างล่ะนะ..ชีวิตคงมีสีสันมากกว่านี้...ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ทำไมไม่สนใจเรื่องแบบนี้บ้าง จิ้นฝูลุกขึ้นจากโต๊ะ ก่อนที่จะเดินออกจากประตูบ้านแล้วขับรถออกไปอย่างทันที ในขณะที่เฟยหลงมองผ่านจากหน้าต่างทางห้อง เมื่อรถของจิ้นฝูแล่นผ่านออกประตูใหญ่ไปแล้วชายหนุ่มจึงเอื้อมมือจับผ้าม่านปิดลง แล้วเดินมานั่งที่โซฟา หยิบเอกสารที่แบกกลับมาด้วยขึ้นมาดู เฟยหลงนึกถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นงานตรงหน้า...อยากเที่ยว แต่ขอเป็นที่สงบ ๆ และสบาย ๆ ถ้ามีก็คงจะดี... แม้หลายครั้งที่จิ้นฝูชวนเขาไป แต่เขาไม่ไปนั่นเพราะน่าเบื่อผู้หญิงที่เกาะข้างกายมากมาย...คงไม่ใช่วิสัย จนตอนนี้เขาทำงานและลืมไปด้วยซ้ำว่าไปเที่ยวครั้งสุดท้ายตอนไหน ? ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ เสียงนาฬิกาปลุกแต่เช้า เหม่ยอี้ขยับตัวพร้อมกับเอื้อมมือไปปิดแล้วนอนต่อโดยไม่สนใจว่าเวลานี้กี่โมง “เหม่ยอี้ ! !” เสียงของหนิงเหอตะโกนดังเข้ามาในห้อง แต่เจ้าตัวกลับเอาหมอนที่นอนอยู่ปิดหูด้วยความรำคาญ ไม่นานนักตามมาด้วยเสียงเคาะประตูที่รบกวนการนอนของหญิงสาวจนทำให้ต้องลุกขึ้นเดินมาเปิดประตูห้องด้วยสีหน้าหงุดหงิด เปิดประตูออกมาถามด้วยความไม่เต็มใจนัก “มีอะไรเหรอ” “จะนอนทั้งวันเลยหรือไง ! !” เหม่ยอี้กะพริบตามองอย่างงง ๆ เมื่อหนิงเหอมีท่าทีโมโหใส่ “เดี๋ยวอีกชั่วโมงก็ตื่นแล้ว” คนที่ฟังอยู่แทบอยากจะเดินไปเอาขนมปังในตู้เย็นยัดใส่ปากเพื่อนสาวให้ตื่นเลยทีเดียว นอกจากจะกินเก่งแล้วยังจะนอนเป็นหมูอีกด้วย ! ! “ว่าแต่มีอะไรเหรอ ?” หนิงเหอปรับสีหน้าควบคุมอารมณ์ก่อนที่จะพูดขึ้น “เมื่อกี้ที่บริษัทหลวน...อะไรสักอย่างเนี่ยแหละ โทรมาเรียกตัวเธอไปสัมภาษณ์งานน่ะ” เรียกตัวสัมภาษณ์ ! ! เหม่ยอี้ยืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนที่จะยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองแรง ๆ สองทีให้ตัวเองตื่นขึ้นจากฝัน เธอไม่หูฝาดและไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย บริษัทหลวนเฉินเรียกตัวเธอไปสัมภาษณ์ ! “ระ...เรื่องจริงใช่มั้ย!!” น้ำเสียงของหญิงสาวดูดีใจราวกับถูกรางวัล “ใช่แล้ว” หนิงเหอพยักหน้ามองเพื่อนสาวของตนที่กำลังยิ้มออกมาอย่างมีความสุข งานนี้ก็คงต้องจุดพลุฉลองให้เลยที่บริษัทยักษ์ใหญ่เรียกตัวเหม่ยอี้ไปสัมภาษณ์ ! ! “เขานัดเธอสิบโมงเช้านะ รีบ ๆ ละ ฉันไปทำงานก่อนนะ” เมื่อพูดจบก็หยิบกระดาษที่จดส่งให้เหม่ยอี้ ก่อนที่จะหมุนตัวเดินจากไป เหม่ยอี้ได้แต่ยิ้มและกระโดดออกมาอย่างมีความสุข เธอไม่รอช้าที่จะปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องเพื่ออาบน้ำ เปลี่ยนชุดเตรียมตัวไปสัมภาษณ์ทันที Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาหานมี่อาสาขับรถของเขามาส่งชายหนุ่มที่คอนโด ดูแล้วเห็นท่าเขาคงขับกลับมาเองไม่ไหวแน่ๆ สภาพของเขาในตอนนี้หน้าซีดแทบไม่มีเลือด เพราะอาเจียนไปหลายรอบหญิงสาวพยุงจิ้นฝูไปส่งถึงห้อง ซึ่งทำให้ชายหนุ่มทั้งรู้สึกผิดและเกรงใจที่ต้องรบกวนเธอ เขาตั้งใจว่าวันนี้จะทำให้เธอมีความสุข แต่แล้วเขาเองกลับเป็นฝ่ายที่ต้องมาป่วยเอาซะได้หานมี่พาจิ้นฝูมานั่งลงที่เตียง“ขอบคุณนะ” จิ้นฝูเอ่ยขึ้น “จริงแล้ววันนี้เราสองคนควรจะ...”“พี่พักเถอะ” หานมี่ตอบ“ขอโทษนะ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “จริง ๆ แล้วฉันควรเป็นคนดูแลเธอมากกว่า”“ช่างเถอะ ฉันไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้แล้ว พี่พักเถอะ” หญิงสาวบอกเขาก่อนที่จะเดินถอยออก ทว่าจิ้นฝูกลับเอื้อมมือไปคว้าข้อมือเธอไว้“เธอจะเดทกับฉันอีกมั้ย ? ฉันหมายถึงวันอื่นน่ะ”“ไม่รู้สิ” หญิงสาวตอบโดยที่ไม่สบตามองเขา แค่นี้เธอก็รู้สึกผิดแค่นี้เธอก็เกลียดหัวใจตัวเองมากพอแล้ว “พี่ต้องการเดทกับฉันอีกเหรอ ? อยู่กับฉันพี่มีความสุขอย่างงั้นเหรอ?&rdqu
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 38กว่าจะได้รับคำตอบจากปากหานมี่ว่ายอมไปเดทกับเขาจริง ๆ วันนั้นก็ผ่านมาร่วมสองเดือนเลยทีเดียว แต่จิ้นฝูก็ไม่ได้ทิ้งความพยายามที่ตนเองตั้งใจเลยสักนิด เขาไปหาเธอทุกเย็นหลังจากเคลียร์งานที่บริษัทเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาพยายามทำทุกทางทั้งที่หญิงสาวเองก็เหมือนจงใจไม่ตอบรับการเดทของเขาว่าไปวันไหนสุดท้ายแล้ว...วันนี้ก็มาถึงเขารอมาตลอดสองเดือน แต่มันก็คุ้มค่ากับการรอทีแรกเขาไม่รู้ว่าควรจะเดทยังไงดี ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกเดทกับผู้หญิงที่ชอบ ส่วนมากแค่เจอตามคลับแล้วคุยกันเฉย ๆ หรือไม่ก็ชวนมาจัดปาร์ตี้ที่คอนโด แต่เดทนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเหมือนครั้งแรกในชีวิตสวนสนุก...เขาตัดสินใจพาเธอมาเดทที่นี่จริงๆ แล้วเขาตั้งใจย้อนความหลังเหมือนหลายปีก่อนด้วย เขาเคยพาเธอมาเดทที่สวนสนุก ตอนนั้นทั้งเขาและเธอมีความสุขมากที่สุด“ทำไมพี่ถึงพาฉันมาที่นี่” หานมี่เอ่ยถามขึ้น“ไม่รู้สิ แต่ฉันคิดว่ามาย้อนความหลังหน่อยกันดีมั้ย ?” จิ้นฝูยิ้มก่อนที่จะลากหญิงสาวเข้าไปข้างในทันทีอ้วก !หลังจากลงเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 37ตกเย็น...เฟยหลงมาหาเหม่ยอี้ที่ห้อง เขามองหนิงเหอที่ทำสัญญาณว่าเธอยังอยู่ในห้องนอนเช่นเดิม“เข้าไปเถอะ แต่...ห้ามทำอะไรเหม่ยอี้นะ !”หนิงเหอพูดขึ้นเป็นนัย เพราะถ้าง้อกับแบบนี้มีประกบปากจูบแน่ ๆ ตามฉบับในนิยายเลย !“อืม” เฟยหลงแค่ขานรับ แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่ารับปากเสียหน่อย ชายหนุ่มเดินตรงไปแล้วเคาะประตูก่อนที่จะเปิดเข้าไป เขามองหญิงสาวที่นั่งหันหลังอยู่บนเตียง หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง“หนิงเหอไม่ต้องมาชวนฉันออกนอกห้องเลยนะ ฉันไม่อยากไป” หญิงสาวพูดขึ้นโดยที่ไม่หันไปมอง“ฉันอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคุยกับใคร”“รวมถึงฉันด้วยใช่มั้ย ?” น้ำเสียงเข้มเอ่ยถามขึ้น ทำให้คนฟังชะงักลงแล้วรีบลุกขึ้นหันมามองทันที“เฟยหลง !”เหม่ยอี้มองเขาแล้วอยากจะแทรกแผ่นดินหนีลงไปเลย เธอในตอนนี้ดูไม่ต่างจากซอมบี้เท่าไหร่เลย เขามาเห็นเธอในสภาพแบบนี้ ! หนิงเหอเพื่อนบ้า ให้เฟยหลงเข้ามาได้ยังไงกัน !“ไม่คิดจะออกไปไหนเลยหรือไง” เขาเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 36ตกเย็นของวัน เฟยหลงมาหาเหม่ยอี้ที่ห้องเพื่อรับออกไปทานมื้อเย็น แต่หนิงเหอบอกว่าเธอไม่สบาย เขาจึงบอกว่าจะเข้าไปเยี่ยมเธอ หญิงสาวไม่ยอมให้ชายหนุ่มเข้ามาพร้อมทั้งบอกว่าเหม่ยอี้ต้องการเวลาพักผ่อน คงเป็นครั้งแรกที่หนิงเหอเห็นเพื่อนตัวเองเศร้าแบบนี้ ทว่าเฟยหลงก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะเข้าไปพบเหม่ยอี้ให้ได้สุดท้ายแล้วหนิงเหอก็ยอมให้เข้ามานั่งรอในห้องเพียงแต่ยังไม่ให้เข้าไปหาเหม่ยอี้ เฟยหลงเห็นท่าทางของหนิงเหอดูแปลก เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นในขณะที่เธอนำน้ำมาเสิร์ฟให้เขา“เหม่ยอี้เป็นยังไงบ้าง” ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง“ก็...” หนิงเหอไม่อยากจะพูดออกมา เพราะคิดว่าถ้าเฟยหลงชอบซูลี่ด้วย แล้วนั่นไม่เป็นผลดีกับเหม่ยอี้เลยสักนิด“แค่ไม่สบาย...”ใจเท่านั้นเฟยหลงหรี่ตามอง “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”“ไม่มีค่ะ !” หนิงเหอยิ้มเจื่อนๆ แต่อีกใจหนิงเหอก็อยากจะถามเขาอยู่เหมือนกันว่าซูลี่เป็นอะไรกับเขาหรือไม่?คิดแล้วก็อดสงสารเหม่ยอี้ไม่ได้&l
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 35“คือ เรื่องความรักระหว่างเธอกับลู่เพ่ย” เหม่ยอี้ถามด้วยน้ำเสียงแผ่ว “ฉันถามได้ใช่มั้ย กลัวว่าเธอจะ...”สีหน้าของหนิงเหอดูเศร้าลง แต่เธอก็ยังยิ้มสู้แล้วพูดขึ้น “ถามได้สิ!! ฉันไม่สนใจหมอนั่นตั้งนานแล้ว !”เหม่ยอี้พยักหน้าและรอฟังคำตอบจากปากของเพื่อนสาวอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเธอเองก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาหลังจากที่หนิงเหอคบกับลู่เพ่ยแล้ว เพื่อนสาวเล่าให้ฟังคราว ๆ โดยไม่บอกอะไรมากมาย แต่วันนี้เธอก็อยากรู้เพื่อจะได้ศึกษาเอาไว้ก่อน“ตอนแรกฉันก็แชทไปเรื่อย ๆ จนสนิทกัน ลู่เพ่ยเลยอยากเจอฉัน เราสองคนก็เลยนัดสถานที่กันเพื่อเจอ ตอนนั้นฉันก็รู้สึกตื่นเต้นนะ แต่ก็รู้สึกระแวงที่ต้องเจอคนแปลกหน้าด้วย ถึงจะคุยกันสนิทผ่านแชทแต่ฉันก็ยังกลัว...ตอนนั้นฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอเขาทำตัวสบาย ๆ และที่สำคัญฉันอยู่ใกล้เขาแล้วรู้สึกอบอุ่นมีความสุขมากเลยละ ฉันเลยคิดว่าเขาใช่สำหรับฉัน... ลู่เพ่ยดูแลฉันดีทุกอย่างนะ เพียงแต่เขาออกจะเจ้าชู้ไปหน่อย ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สังเกตหรอก แต่พอคบกันไปนานฉันก็รู้สึกแบบนั้น มันเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 34เช้ารุ่งขึ้น เหม่ยอี้ตื่นตั้งแต่นาฬิกาที่เธอตั้งเอาไว้ยังไม่ปลุกด้วยซ้ำ เธอลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทำผมเตรียมตัวไปสัมภาษณ์ ความตื่นเต้นจนมือไม้แทบสั่นทำอะไรไม่ถูกกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เธอไม่รู้ว่าบริษัทจะรับเธอหรือไม่ ก็แน่ละเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงขนาดนี้เธอใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมง ซึ่งโชคดีที่เธอตื่นมาก่อนไม่อย่างงั้นเธอจะมาไม่ทันเวลาสัมภาษณ์ เมื่อมาถึงหน้าบริษัทหญิงสาวสังเกตเห็นคนมากมายต่างเดินเข้าไปในตึกสูงตรงหน้าของเธอ และที่สำคัญ เธอไม่ได้มาสัมภาษณ์เพียงคนเดียว แต่วันนี้เป็นวันนัดสัมภาษณ์ ซึ่งมีอีกหลายคนก็มาด้วย แล้วคราวนี้เธอจะติดมั้ยล่ะเนี่ยความเงียบแทรกซึมเข้ามาแต่เหม่ยอี้ก็ต้องกัดฟันสู้จนกระทั่งสัมภาษณ์เสร็จ ซึ่งกว่าจะรอถึงเวลานั้นบางทีความรู้สึกของเธอคงจะแย่กว่าเดิม หญิงสาวเดินมาที่หน้าห้องสัมภาษณ์ เธอยืนรออย่างเงียบๆ จนกระทั่งถึงเวลาเรียกตัวซึ่งเหลืออยู่กลุ่มสุดท้ายเข้าพร้อมกันเหม่ยอี้รู้สึกว่าช่วงเวลาที่สัมภาษณ์นั้นรวดเร็วเกินไป ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำไป อ่า...เธอโล่งใจแล้วในต