Chapter 2
“ผู้จัดการเย่วหาพนักงานที่จะมาทำงานแทนหลิ่งฟางหรือยัง” ผอ. จิ้นฝูเอ่ยถามผู้จัดการแผนกฝ่ายบัญชีขึ้นหลังจากที่คุยงานกันเสร็จ เพราะหลิ่งฟางลาออกไป จึงต้องหาพนักงานใหม่เข้ามาเพิ่ม เพื่อไม่ให้งานของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล่าช้าไป “ผมให้เธอเข้ามาสัมภาษณ์ในวันนี้ตอนสิบโมงเช้า” ซือเหลินตอบ จิ้นฝูพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะพูดขึ้น “งั้นให้มาสัมภาษณ์งานกับผมละกัน ผมมีเรื่องที่อยากลองถามพนักงานเข้าใหม่หน่อย” “ครับ” เมื่อคุยตกลงกันเสร็จแล้วผู้จัดการเย่วจึงเดินออกจากห้องของผอ. ไป ชายหนุ่มเอนตัวลงพิงพนัก พร้อมกับหันไปมองนาฬิกาที่เป็นเวลาเก้าโมงสามสิบห้านาที อีกเพียงยี่สิบห้านาทีเขาต้องสัมภาษณ์งานพนักงานใหม่ที่จะมาแทนหลิ่งฟางด้วย จิ้นฝูก้มหน้าสนใจกับเอกสารตรงหน้ารวมถึงฝ่ายออกแบบที่เสนอแบบสินค้าชุดใหม่มาให้เขาตามหัวข้อที่สั่งไป ชายหนุ่มมองอย่างครุ่นคิดราวกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ายังไม่ถูกใจพอ แต่ก็ต้องดูคำตัดสินจากเฟยหลงอีกครั้ง ว่าจะสั่งแก้หรือให้ทำใหม่ทั้งหมดไปเลย เมื่อมองเวลาอีกเพียงแค่สิบห้านาทีเขาคงไม่ทันที่จะเดินไปคุยงานกับเฟยหลงแล้ว จึงต่อสายโทรหาเลขาที่หน้าห้องทันที “ชิงเซียน เข้ามาพบผมหน่อย” ไม่นานนักร่างของเลขาสาวเดินเข้ามาหาเจ้านายหนุ่ม “คุณช่วยเอาเอกสารตรงนี้ส่งให้ที่ชั้นยี่สิบเก้าที” ชั้นยี่สิบเก้า เป็นที่รู้กันนั้นคือชั้นของท่านประธานบริษัทหลวนเฉินที่ทั้งเก่งและหล่อ แต่ทว่าใคร ๆ ก็ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปโปรยเสน่ห์ให้ ถ้าทำรับรองทางเดียว คือโดนไล่ออกทันที “ค่ะ” เลขาสาวขานรับก่อนที่จะพูดขึ้น “ผู้จัดการเย่วโทร. มาเมื่อครู่ ว่าพนักงานที่จะมาสัมภาษณ์ได้มาพบแล้ว ไม่ทราบว่าจะให้ผู้จัดการเย่วพามาที่ห้องหรือไม่คะ” จิ้นฝูเงียบครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น “พามาเลย แล้วส่งประวัติของเธอมาให้ผมด้วย” “ค่ะ” ชิงเซียนตอบก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป พร้อมทำตามคำสั่งคือต่อสายหาผู้จัดการแผนกบัญชีทันที เธอกำลังจะเข้าไปสัมภาษณ์แล้ว ! ! เหม่ยอี้ยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขอให้เธอทำใจ สักสิบวินาทีก่อนจะเดินเปิดประตูเข้าไป “เธอทำได้เหม่ยอี้ ! ” บอกกับตัวเองก่อนที่จะค่อย ๆ เอื้อมมือไป บิดกลอนประตูแง้มออก ดวงตากลมกะพริบมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะ เท้าขวาก้าวนำเข้าไปในห้องอย่างสั่น ๆ จนกระทั่งปิดประตูลง หญิงสาวก็ยังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับส่งสายตามองชายหนุ่มที่จะสัมภาษณ์เธอ ก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าเขา “นั่งลงสิ” จิ้นฝูพูดในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มโปรยเสน่ห์ของชายหนุ่มยังคงเหมือนเดิมที่จะทำให้สาว ๆ ตกหลุมรัก ไม่ต่างจากเหม่ยอี้ในตอนนี้เลย เธอกำลังมองเขาตาค้าง ! ! คนอะไรหล่อจัง ! ! จิ้นฝูก้มหน้าลงอ่านชื่อของหญิงสาว “ฟางเหม่ยอี้” คนที่นั่งอยู่แทบจะได้ยินเสียงของชายหนุ่มเล็ดลอดผ่านหูน้อยมาก เพราะเธอกำลังหลงในความหล่อของคนตรงหน้าอย่างจังๆ “ทำไมคุณถึงมาสมัครงานที่นี่” คำถามแรกที่เขายิงมาเล่นทำให้เหม่ยอี้หยุดชะงักลง หญิงสาวอ้ำอึ้งตอบไม่ถูก พลางคิดทวนคำถามของเขาในใจ ทำไมน่ะเหรอ...ก็เธอสมัครไปทุกที่น่ะสิ ที่ไหนรับก็เอาไว้ก่อน ! ! “ฉันคิดว่า....” “อยากทำงานที่บริษัทนี้ค่ะ” ตอบเหมือนจะไม่ค่อยตรงสักเท่าไหร่เลย จิ้นฝูยิ้มออกมา มองหญิงสาวแก้มป่องตรงหน้าก็อดที่จะขำออกมาไม่ได้ “ผมขอถามอีกคุณข้อเดียว” เหม่ยอี้มองหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มให้ แต่เธอกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ดูน่ากลัวที่สุด คำถามจะเป็นแบบไหนกันนะ ! หัวใจเต้นแรงสุดๆ ทั้งลุ้นกับคำถามและเต้นเพราะความหล่อของคนตรงหน้า “คุณเคยใช้เสื้อผ้าจากแบรนด์บริษัทของเรามั้ย ?” ฉึก ! เหม่ยอี้ทำหน้าหนักใจขึ้นทันที จะตอบโกหกว่า เคยใช้ค่ะ ! แต่เธอโกหกไม่เป็น ถึงโกหกก็โกหกไม่เนียน โดนจับได้ทุกครั้ง ! “เอ่อ...” หญิงสาวอ้ำอึ้งตอบไม่ถูก แต่สีหน้าแสดงออกมาจนจิ้นฝูรู้ทันทีว่าแทนคำตอบว่าไม่เคยใช้...เขาจึงรอดูท่าทีของเธอ “ฉัน...ไม่เคยซื้อเลยค่ะ...สักครั้ง” ตอบไปแล้ว ! ตอบไปจนได้... เหม่ยอี้ก้มหน้าลงอย่างหมดหวังกับโอกาสที่จะได้งานทันที จิ้นฝูยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “เพราะอะไร ?” ไหนว่าคำถามสุดท้ายไงเล่า...คำถามนี้ตอบยากกว่าอีก เหม่ยอี้ฉีกยิ้มให้เขาพร้อมกับท่าทางของเธอยังหนักใจที่จะตอบอยู่ “เอ่อ...คือว่า...” “ตอบเลย ผมอยากรู้” จิ้นฝูยิ้มให้ แต่กลับไม่ได้ปลอบใจของ เหม่ยอี้เลยหนำซ้ำยังกลายเป็นแรงกดดันอย่างสูง “คำถามนี้ต้องตอบจริง ๆ ใช่มั้ยคะ” ดูยากสำหรับเธอไปเลย เหตุผลน่ะมีแน่ แต่ใครจะกล้าพูดออกไปล่ะว่าเพราะอะไร ?! เพียงแค่จิ้นฝูพยักหน้าเหม่ยอี้ก็ฉีกยิ้มหวานให้ แล้วเบี่ยงสายตาหันไปมองทางอื่น “ที่ไม่ใช้เพราะ” เธอกัดฟันตอบเขา “ฉันคิดว่า...”เหม่ยอี้มองหน้าของชายหนุ่มที่ยังรอฟังคำตอบจากเธอ หญิงสาวก้มหน้าลงก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ “ฉันคิดว่า...ราคาแพงเกินไปค่ะ บางทีก็เสียดายเงินเลยไม่อยากซื้อ แต่อยากได้นะ...” “แพง ?” จิ้นฝูทวนคำทันทีโดยที่ไม่ถามอะไรต่อนอกเสียจาก เอื้อมมือหยิบปากกาเซ็นที่แฟ้มเอกสารแล้วปิดลงทันที เหม่ยอี้มองเขาที่ปิดแฟ้มประวัติของเธอ หญิงสาวก้มหน้าสลดทันที หมดแล้ว...งานของเธอ คงต้องหางานที่อื่นใหม่หรือรอบริษัทอื่นเรียกตัวมาสัมภาษณ์ แล้วจะเมื่อไหร่กัน ! รู้แบบนี้ไม่น่าตอบแต่แรกว่าไม่เคย โธ่! เหม่ยอี้เธอช่างโง่เสียจริง ! “คุณพร้อมเข้ามาทดลองงานใช่มั้ย ?” คำถามนี้หยุดความคิดไร้สาระของเหม่ยอี้ทันที เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มแล้วกะพริบตาอย่างงุนงงและตกใจ เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่ ? “พร้อม ?” เหม่ยอี้ทวนถามอีกครั้ง จิ้นฝูพยักหน้า “ใช่” “จริงๆ ใช่มั้ยคะ ?” เหม่ยอี้ทวนคำอีกรอบ ชายหนุ่มจึงพยักหน้าแทนคำตอบ ดูท่าทีของหญิงสาวที่เหมือนจะเก็บความดีใจไม่อยู่ “พรุ่งนี้เริ่มงานแปดโมงเช้า” จิ้นฝูกล่าว “เอาละผมมีงานต้องทำต่อ พรุ่งนี้เจอกัน สาวน้อย” เหม่ยอี้ยิ้มรับอย่างมีความสุข วันนี้คือวันโชคดีของเธอที่สุด ได้ทั้งงานได้ทั้งมองคนหล่อใกล้ ๆ ไม่มีอะไรที่ทำให้เธอฟินได้แบบนี้อีกแล้ว ! มีงานทำแล้ว ! ! เหม่ยอี้ตะโกนอยู่ในใจ ยิ้มออกมาราวกับว่าวันนี้สรรค์เป็นใจที่สุด พรุ่งนี้จะต้องเริ่มทำงานและเป็นวันแรกหลังจากที่นั่งว่างมานานหลายเดือน หญิงสาวเดินมานั่งลงที่โซฟาภายในห้องทั้งที่ยังยิ้มไม่หุบตั้งแต่ออกจากห้องตอนสัมภาษณ์ ในสมองของเธอนึกถึงภาพใบหน้าของชายหนุ่มที่สัมภาษณ์ ซึ่งยังไม่รู้ชื่อด้วยซ้ำ วันพรุ่งนี้เธอจะต้องรู้ชื่อเขาให้ได้ ! ความสนใจของเธอหันไปมองนิตยสารที่วางอยู่ตรงหน้า เหมือนเป็นแผลใจอยู่ลึกที่ ๆ จะกลัวการบอกรักใครสักคนอีกครั้ง ไม่เอาแล้ว ! ! เธอจะไม่บอกความรู้สึกของตัวเองให้ผู้ชายคนไหนอีกเด็ดขาด บอกทีไรจำเป็นต้องพบกับความผิดหวังตลอดแค่เธออยู่ใกล้ ๆ เขาก็พอ เหม่ยอี้หยิบหมอนข้างที่อยู่ข้างตัวขึ้นกอด มีคนบอกเสมอเลยว่าเวลามีความรักจะมีความสุขที่สุด...แต่เธอไม่เคยมีและคงไม่หวังแล้ว หญิงสาวทำหน้าบึ้งพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปหยิบน้ำดื่มในตู้เย็นออกมาพร้อมกับถุงขนม แล้วเดินกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม การกินสามารถทำให้เธอหายเครียดลงได้ แต่ก็ไม่ดีเท่าไหร่..เพราะสักวันเธออาจจะกลิ้งได้ !เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหม่ยอี้เอื้อมไปหยิบพร้อมกับมองเบอร์ก่อนที่จะกดรับ “ฮัลโหล” [เหม่ยอี้วันนี้ฉันกลับดึกนะ เธอหาอะไรกินไปก่อนเลยไม่ต้องรอ] เสียงปลายสายของหนิงเหอบอกอย่างรีบร้อน หญิงสาวจึงถามต่อไปทันที “แล้วเธอล่ะ” [วันนี้ที่รานมีหนังสือเข้าใหม่ ฉันต้องตรวจของน่ะ] “อ้อ” เธอขานตอบ [งั้นแค่นี้ก่อนนะ] เมื่อพูดจบหนิงเหอวางสายไปทันที ขณะที่เหม่ยอี้ถอนหายใจออกมา เพราะวันนี้ต้องออกไปกินอาหารมื้อเย็นข้างนอกคนเดียว วางโทรศัพท์ลงที่บนโต๊ะก่อนที่จะเข้าห้องหยิบเงินจำนวนหนึ่งรวมถึงเดินไปส่องกระจกจัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อย กลับมาที่โซฟาหยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าขึ้นมา พลางคิดถึงเมนูอาหารมื้อเย็นที่ถึง Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาหานมี่อาสาขับรถของเขามาส่งชายหนุ่มที่คอนโด ดูแล้วเห็นท่าเขาคงขับกลับมาเองไม่ไหวแน่ๆ สภาพของเขาในตอนนี้หน้าซีดแทบไม่มีเลือด เพราะอาเจียนไปหลายรอบหญิงสาวพยุงจิ้นฝูไปส่งถึงห้อง ซึ่งทำให้ชายหนุ่มทั้งรู้สึกผิดและเกรงใจที่ต้องรบกวนเธอ เขาตั้งใจว่าวันนี้จะทำให้เธอมีความสุข แต่แล้วเขาเองกลับเป็นฝ่ายที่ต้องมาป่วยเอาซะได้หานมี่พาจิ้นฝูมานั่งลงที่เตียง“ขอบคุณนะ” จิ้นฝูเอ่ยขึ้น “จริงแล้ววันนี้เราสองคนควรจะ...”“พี่พักเถอะ” หานมี่ตอบ“ขอโทษนะ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “จริง ๆ แล้วฉันควรเป็นคนดูแลเธอมากกว่า”“ช่างเถอะ ฉันไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้แล้ว พี่พักเถอะ” หญิงสาวบอกเขาก่อนที่จะเดินถอยออก ทว่าจิ้นฝูกลับเอื้อมมือไปคว้าข้อมือเธอไว้“เธอจะเดทกับฉันอีกมั้ย ? ฉันหมายถึงวันอื่นน่ะ”“ไม่รู้สิ” หญิงสาวตอบโดยที่ไม่สบตามองเขา แค่นี้เธอก็รู้สึกผิดแค่นี้เธอก็เกลียดหัวใจตัวเองมากพอแล้ว “พี่ต้องการเดทกับฉันอีกเหรอ ? อยู่กับฉันพี่มีความสุขอย่างงั้นเหรอ?&rdqu
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 38กว่าจะได้รับคำตอบจากปากหานมี่ว่ายอมไปเดทกับเขาจริง ๆ วันนั้นก็ผ่านมาร่วมสองเดือนเลยทีเดียว แต่จิ้นฝูก็ไม่ได้ทิ้งความพยายามที่ตนเองตั้งใจเลยสักนิด เขาไปหาเธอทุกเย็นหลังจากเคลียร์งานที่บริษัทเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาพยายามทำทุกทางทั้งที่หญิงสาวเองก็เหมือนจงใจไม่ตอบรับการเดทของเขาว่าไปวันไหนสุดท้ายแล้ว...วันนี้ก็มาถึงเขารอมาตลอดสองเดือน แต่มันก็คุ้มค่ากับการรอทีแรกเขาไม่รู้ว่าควรจะเดทยังไงดี ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกเดทกับผู้หญิงที่ชอบ ส่วนมากแค่เจอตามคลับแล้วคุยกันเฉย ๆ หรือไม่ก็ชวนมาจัดปาร์ตี้ที่คอนโด แต่เดทนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเหมือนครั้งแรกในชีวิตสวนสนุก...เขาตัดสินใจพาเธอมาเดทที่นี่จริงๆ แล้วเขาตั้งใจย้อนความหลังเหมือนหลายปีก่อนด้วย เขาเคยพาเธอมาเดทที่สวนสนุก ตอนนั้นทั้งเขาและเธอมีความสุขมากที่สุด“ทำไมพี่ถึงพาฉันมาที่นี่” หานมี่เอ่ยถามขึ้น“ไม่รู้สิ แต่ฉันคิดว่ามาย้อนความหลังหน่อยกันดีมั้ย ?” จิ้นฝูยิ้มก่อนที่จะลากหญิงสาวเข้าไปข้างในทันทีอ้วก !หลังจากลงเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 37ตกเย็น...เฟยหลงมาหาเหม่ยอี้ที่ห้อง เขามองหนิงเหอที่ทำสัญญาณว่าเธอยังอยู่ในห้องนอนเช่นเดิม“เข้าไปเถอะ แต่...ห้ามทำอะไรเหม่ยอี้นะ !”หนิงเหอพูดขึ้นเป็นนัย เพราะถ้าง้อกับแบบนี้มีประกบปากจูบแน่ ๆ ตามฉบับในนิยายเลย !“อืม” เฟยหลงแค่ขานรับ แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่ารับปากเสียหน่อย ชายหนุ่มเดินตรงไปแล้วเคาะประตูก่อนที่จะเปิดเข้าไป เขามองหญิงสาวที่นั่งหันหลังอยู่บนเตียง หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง“หนิงเหอไม่ต้องมาชวนฉันออกนอกห้องเลยนะ ฉันไม่อยากไป” หญิงสาวพูดขึ้นโดยที่ไม่หันไปมอง“ฉันอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคุยกับใคร”“รวมถึงฉันด้วยใช่มั้ย ?” น้ำเสียงเข้มเอ่ยถามขึ้น ทำให้คนฟังชะงักลงแล้วรีบลุกขึ้นหันมามองทันที“เฟยหลง !”เหม่ยอี้มองเขาแล้วอยากจะแทรกแผ่นดินหนีลงไปเลย เธอในตอนนี้ดูไม่ต่างจากซอมบี้เท่าไหร่เลย เขามาเห็นเธอในสภาพแบบนี้ ! หนิงเหอเพื่อนบ้า ให้เฟยหลงเข้ามาได้ยังไงกัน !“ไม่คิดจะออกไปไหนเลยหรือไง” เขาเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 36ตกเย็นของวัน เฟยหลงมาหาเหม่ยอี้ที่ห้องเพื่อรับออกไปทานมื้อเย็น แต่หนิงเหอบอกว่าเธอไม่สบาย เขาจึงบอกว่าจะเข้าไปเยี่ยมเธอ หญิงสาวไม่ยอมให้ชายหนุ่มเข้ามาพร้อมทั้งบอกว่าเหม่ยอี้ต้องการเวลาพักผ่อน คงเป็นครั้งแรกที่หนิงเหอเห็นเพื่อนตัวเองเศร้าแบบนี้ ทว่าเฟยหลงก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะเข้าไปพบเหม่ยอี้ให้ได้สุดท้ายแล้วหนิงเหอก็ยอมให้เข้ามานั่งรอในห้องเพียงแต่ยังไม่ให้เข้าไปหาเหม่ยอี้ เฟยหลงเห็นท่าทางของหนิงเหอดูแปลก เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นในขณะที่เธอนำน้ำมาเสิร์ฟให้เขา“เหม่ยอี้เป็นยังไงบ้าง” ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง“ก็...” หนิงเหอไม่อยากจะพูดออกมา เพราะคิดว่าถ้าเฟยหลงชอบซูลี่ด้วย แล้วนั่นไม่เป็นผลดีกับเหม่ยอี้เลยสักนิด“แค่ไม่สบาย...”ใจเท่านั้นเฟยหลงหรี่ตามอง “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”“ไม่มีค่ะ !” หนิงเหอยิ้มเจื่อนๆ แต่อีกใจหนิงเหอก็อยากจะถามเขาอยู่เหมือนกันว่าซูลี่เป็นอะไรกับเขาหรือไม่?คิดแล้วก็อดสงสารเหม่ยอี้ไม่ได้&l
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 35“คือ เรื่องความรักระหว่างเธอกับลู่เพ่ย” เหม่ยอี้ถามด้วยน้ำเสียงแผ่ว “ฉันถามได้ใช่มั้ย กลัวว่าเธอจะ...”สีหน้าของหนิงเหอดูเศร้าลง แต่เธอก็ยังยิ้มสู้แล้วพูดขึ้น “ถามได้สิ!! ฉันไม่สนใจหมอนั่นตั้งนานแล้ว !”เหม่ยอี้พยักหน้าและรอฟังคำตอบจากปากของเพื่อนสาวอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเธอเองก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาหลังจากที่หนิงเหอคบกับลู่เพ่ยแล้ว เพื่อนสาวเล่าให้ฟังคราว ๆ โดยไม่บอกอะไรมากมาย แต่วันนี้เธอก็อยากรู้เพื่อจะได้ศึกษาเอาไว้ก่อน“ตอนแรกฉันก็แชทไปเรื่อย ๆ จนสนิทกัน ลู่เพ่ยเลยอยากเจอฉัน เราสองคนก็เลยนัดสถานที่กันเพื่อเจอ ตอนนั้นฉันก็รู้สึกตื่นเต้นนะ แต่ก็รู้สึกระแวงที่ต้องเจอคนแปลกหน้าด้วย ถึงจะคุยกันสนิทผ่านแชทแต่ฉันก็ยังกลัว...ตอนนั้นฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอเขาทำตัวสบาย ๆ และที่สำคัญฉันอยู่ใกล้เขาแล้วรู้สึกอบอุ่นมีความสุขมากเลยละ ฉันเลยคิดว่าเขาใช่สำหรับฉัน... ลู่เพ่ยดูแลฉันดีทุกอย่างนะ เพียงแต่เขาออกจะเจ้าชู้ไปหน่อย ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สังเกตหรอก แต่พอคบกันไปนานฉันก็รู้สึกแบบนั้น มันเ
Desire of love เพียงรักที่ปรารถนาChapter 34เช้ารุ่งขึ้น เหม่ยอี้ตื่นตั้งแต่นาฬิกาที่เธอตั้งเอาไว้ยังไม่ปลุกด้วยซ้ำ เธอลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทำผมเตรียมตัวไปสัมภาษณ์ ความตื่นเต้นจนมือไม้แทบสั่นทำอะไรไม่ถูกกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เธอไม่รู้ว่าบริษัทจะรับเธอหรือไม่ ก็แน่ละเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงขนาดนี้เธอใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมง ซึ่งโชคดีที่เธอตื่นมาก่อนไม่อย่างงั้นเธอจะมาไม่ทันเวลาสัมภาษณ์ เมื่อมาถึงหน้าบริษัทหญิงสาวสังเกตเห็นคนมากมายต่างเดินเข้าไปในตึกสูงตรงหน้าของเธอ และที่สำคัญ เธอไม่ได้มาสัมภาษณ์เพียงคนเดียว แต่วันนี้เป็นวันนัดสัมภาษณ์ ซึ่งมีอีกหลายคนก็มาด้วย แล้วคราวนี้เธอจะติดมั้ยล่ะเนี่ยความเงียบแทรกซึมเข้ามาแต่เหม่ยอี้ก็ต้องกัดฟันสู้จนกระทั่งสัมภาษณ์เสร็จ ซึ่งกว่าจะรอถึงเวลานั้นบางทีความรู้สึกของเธอคงจะแย่กว่าเดิม หญิงสาวเดินมาที่หน้าห้องสัมภาษณ์ เธอยืนรออย่างเงียบๆ จนกระทั่งถึงเวลาเรียกตัวซึ่งเหลืออยู่กลุ่มสุดท้ายเข้าพร้อมกันเหม่ยอี้รู้สึกว่าช่วงเวลาที่สัมภาษณ์นั้นรวดเร็วเกินไป ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำไป อ่า...เธอโล่งใจแล้วในต