“เป็นไงบ้างไปคุยกับเพื่อนคุณมาได้เรื่องอะไรบ้างไหม”
“ก็เยอะพอสมควร” ทันทีที่แฟนมีตกลับมาที่บ้านขอบฟ้า เขาก็เจอกับพาสต้าที่นั่งรอเขาอยู่ในห้องนอนก่อนแล้ว “คุณเคยบอกผมว่าพ่อกับแม่คุณเป็นหมอแล้วเขาทำการทดลองเก็บร่างของมนุษย์เอาไว้โดยที่ทำให้มันไม่เน่าเปื่อยใช่ไหม” “ใช่ ถ้าผมจำไม่ผิดนะ เพราะบอกตามตรงความทรงจำในหัวของผมมันผุดขึ้นสลับกันไปมา ผมต้องปะติดปะต่อหลายๆ อย่างเข้าด้วยกันก็เลยพอรู้และก็จำได้แค่บางส่วนเท่านั้น” พาสต้าพยายามนึกคิดเรื่องราวของเขาในช่วงที่ตัวเองมีชีวิตอยู่ แต่บางอย่างมันก็กลับตกหล่นสูญหายเหมือนมีใครบางคนเข้าไปลบความทรงจำในตอนนั้นออกไป “คุณบอกคุณมีน้องชายกับพี่สาวด้วยถูกไหม” “ใช่ครับ” “แต่คุณจำชื่อกับหน้าเขาสองคนไม่ได้” “ครับ ทำไมเหรอครับ” “บางมีมันอาจจะเป็นผลมาจากตอนที่คุณมีชีวิตอยู่” “คุณกำลังจะบอกอะไรผมกันแน่?” แฟนมีตนั่งคิดทบทวนเรื่องที่พายุและน้ำหนาวเล่าให้เขาฟัง ประกอบกับเรื่องของพาสต้าที่เจ้าตัวพูดกับเขาเอาไว้ในวันแรกที่ได้เจอกันก่อนที่เขาจะลองเชื่อมโยงความน่าจะเป็นที่พอจะเกิดขึ้นได้ของทั้งสองคนเข้าด้วยกัน “พ่อกับแม่คุณอาจจะให้คุณลองใช้ยาบางอย่างในการทดลองของพวกเขา ซึ่งผมว่ามันก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ความทรงจำของคุณมันขาดๆ หายๆ” “เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นได้จริงหรือไง วิญญาณที่ความจำเสื่อมเนี้ยนะ” “ก็ถ้าคุณยังมาปรากฎตัวให้ผมเห็นได้ เรื่องอื่นก็ดูไม่ได้น่าประหลาดใจหรอกครับ” แฟนมีตมองไปที่พาสต้าอีกครั้ง “พ่อแม่ของพี่เพนเน่ก็เป็นหมอ พ่อแม่ของคุณก็เป็นหมอ ทั้งสองครอบครัวมีการทดลองเรื่องยาอายุวัฒนะเหมือนกัน ผมว่ายังไงคุณสองคนก็ต้องรู้จักกันมาก่อนแน่ๆ” “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คุณจะทำยังไงต่อไป” “ผมก็จะรอวันที่พี่เพนเน่ปิดร้านเร็ว หลายคนเขื่อว่าเป็นวันที่เธอไปรับยา ผมจะตามเธอไปแล้วเราไปดูกันว่าเรื่องนี้มีความจริงมากน้อยแค่ไหน” แฟนมีตดูภาพถ่ายเมื่อ 20 ปีที่แล้วของเพนเน่ซึ่งเขาขอให้พายุส่งมาให้ตอนก่อนที่จะแยกกันในร้านอาหาร “พรุ่งนี้ผมจะกลับไปอยู่บ้าน” “ก็ดีแล้วพลอยจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” “ผมจะไปถามแม่เรื่องของคุณ” “ว่าไงนะ!” “ผมไม่ได้ปักใจเชื่อเรื่องคุณเป็นพ่อผมหรอกนะ เพราะผมมั่นใจว่าไม่ใช่ แต่ผมคิดว่าแม่จะต้องรู้อะไรเกี่ยวกับคุณบ้าง ถึงยังไงอย่างหนึ่งที่ผมพอจะเชื่อได้คือคุณสองคนรู้จักกันมาก่อนจริงๆ ไม่ใช่ในฐานะศิลปินกับแฟนคลับแต่มันมากกว่านั้น” พาสต้าสบตากับแฟนมีตเพื่อต้องการแน่ใจว่าสิ่งที่แฟนมีตคิดจะทำเขาตัดสินใจมันมาอย่างดีแล้ว บางทีเรื่องของเขามันอาจจะเป็นสิ่งที่ตัวของพลอยไม่อยากพูดถึงมากที่สุดก็เป็นได้ ไม่อย่างนั้นมันจะมีเหตุผลอะไรที่พลอยต้องเลือกที่จะโกหกลูกของตัวเองมาตั้งหลายปี “คุณแน่ใจนะ” “ไม่มีอะไรที่ผมต้องลังเลอีกแล้ว ในเมื่อเรื่องมันมาขนาดนี้ คุณก็มีเรื่องที่กำลังตามหาความจริง ผมก็มีเรื่องที่ผมอยากรู้เหมือนกัน” เมื่อเห็นว่าเขาคงไม่สามารถไปห้ามอะไรแฟนมีตได้ พาสต้าจึงทำได้แต่เงียบไป ‘ก๊อกๆๆ’ เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมๆ กับร่างของพาสต้าที่ค่อยๆ เลือนหายไป “ไอ้ฟ้ามีอะไรวะ” “กูได้ยินเสียงเหมือนมึงคุยกับใคร น้าพลอยโทรมาเหรอ” “เปล่า” “อ้าว ถ้างั้นมึงคุยกับใคร” ขอบฟ้าเดินเข้ามาในห้องนอน พลางกวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง ทีวียังคงปิดเอาไว้แต่เขามั่นใจว่าตอนที่เดินผ่านมาเขาได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทกำลังคุยอะไรสักอย่างกับใครบางคนอยู่แน่ๆ “พี่ที่ทำงาน เขาโทรมาปรึกษาเรื่องงานนิดหน่อย มึงกลายเป็นพวกขี้เสือกตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงอยากจะมารู้เรื่องกูเนี่ย” “ก็ตั้งแต่ที่มึงหอบผ้ามาบ้านกู ตั้งคำถามแปลกๆ กับกูนั่นแหละ ถ้ามีอะไรก็ปรึกษากูได้ เข้าใจไหม” ขอบฟ้าวางมือลงบนไหล่ของเพื่อนสนิทเบาๆ เขายังคงเป็นคนที่หวังดีต่อแฟนมีตมาเสมอตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกันจนถึงตอนนี้ “แต่มึงมาก็ดีเหมือนกัน คือพรุ่งนี้กูจะกลับไปอยู่บ้านแล้วนะ กูเป็นห่วงแม่” “เออก็ดี น้าพลอยเขารักมึงมากโกรธอะไรกันก็กลับไปปรับความเข้าใจกันดีกว่า ยังไงมึงก็มีกันอยู่สองคนแม่ลูก” “สอนยิ่งกว่าแม่กูอีกนะมึง” “กูแค่บอกครับ คืนนี้มึงก็พักผ่อนเถอะกูไม่กวนแล้ว” ขอบฟ้าส่ายหัวอย่างเอือมระอากับนิสัยชอบต่อล้อต่อเถียงของเพื่อนสนิทก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปเพื่อให้แฟนมีตได้ใช้เวลาส่วนตัว “เพื่อนคุณคนนี้ดีจังเลยเนอะ เขาดูเป็นห่วงคุณมาก” คล้อยหลังขอบฟ้าไม่นาน พาสต้าก็ปรากฎตัว “มันก็เป็นแบบนี้แหละ ผมถึงได้มีมันเป็นเพื่อนสนิทมาตั้งหลายปีนี่ไง” “แล้วคุณว่าเขามองคุณเป็นแค่เพื่อนจริงหรือเปล่า” “พูดอะไรของคุณ” แฟนมีตขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าพาสต้ากำลังหมายความว่าอะไรกันแน่ การที่ขอบฟ้าเป็นห่วงและคอยช่วยเหลือเขามาตลอด มันดูแปลกประหลาดสำหรับคนเป็นเพื่อนกันตรงไหน หรือมีอะไรที่เขาเข้าใจผิดไปหรือเปล่า “คุณไม่เคยมีแฟนเลยใช่ไหมตลอด25ปีที่ผ่านมา” “ก็ไม่นะ ถามทำไม” “แล้วคุณเคยชอบใครหรือเปล่า” “นี่มันเกี่ยวกับเรื่องไอ้ฟ้าที่เราคุยกันตรงไหน” ยิ่งบทสนทนามากขึ้นเท่าไร ความสงสัยก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น “ผมว่าก็เกี่ยวนะ สรุปว่าคุณเคยชอบใครมาก่อนหรือเปล่าครับแฟนมีต” พาสต้าขยับเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าแฟนมีต “ไม่เคย ผมไม่ค่อยมีเวลาไปสนใจเรื่องพวกนั้นเท่าไหร่ ตอนเรียนก็เรียนหนัก วันๆ ผมก็คิดแค่เรื่องเรียนกับเรื่องแม่เท่านั้นแหละ” “งั้นผมก็ไม่แปลกใจ” “อะไรของคุณ ยิ่งฟังผมก็ยิ่งงง” “ก็เพราะคุณไม่เคยมีความรัก คุณถึงไม่รู้ว่าคนเราเขามีวิธีแสดงออกทางความรู้สึกต่างกัน ทั้งในฐานะครอบครัว เพื่อน แล้วก็คนรัก” พาสต้ายื่นหน้าเข้าไปใกล้จนแฟนมีตต้องก้าวถอยหลังหนี เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้สัมผัสถึงร่างของพาสต้าเหมือนกับคนทั่วไป แต่มันก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้อยู่ดี กับการที่ต้องมาใกล้ชิดกันแบบนี้ “ทำไมคุณหน้าแดง” “ก็อากาศมันร้อน” “แต่แอร์มันเปิดอยู่นะ” พาสต้าชี้ไปที่แสงไฟขีเขียวบนเครื่องปรับอากาศพร้อมตัวเลขที่ระบุอุณหภูมิภายในห้องเอาไว้อย่างชัดเจน “วุ่นวายจริงคุณเนี่ย แล้ววันนี้หายไปไหนมาทั้งวัน ตอนผมไปคุยกับพายุน้ำหนาวที่ร้านอาหารก็ไม่ยอมตามไป” แฟนมีตตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเพราะรู้ว่าต่อให้เขาพูดอะไรไป มันก็ดูไม่มีน้ำหนักที่จะทำให้พาสต้าเชื่อได้เลย หนทางแก้ไขที่ดีที่สุดก็คงไม่พ้นคุยเรื่องสำคัญกว่าเพื่อให้พาสต้าละความสนใจในเรื่องเดิมทิ้งไป “ผมก็ไปตามหาเบาะแสบางอย่างมาเหมือนกัน” “แล้วได้อะไรมาบ้างไหม” “ก็นิดหน่อยแต่ไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์หรือเปล่า” “จะเรื่องไหนมันก็มีทั้งนั้นแหละสำหรับตอนนี้ คุณว่ามาเลย” พาสต้าทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ แฟนมีต สายตาหันมองไปที่โน๊ตบุ๊คที่วางเอาไว้บนหัวนอน แฟนมีตรู้ได้ทันทีว่าพาสต้าต้องการให้เขาหยิบมันมาเพื่อใช้เปิดหาข้อมูลอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้รับ “เฟลเล่ ” “คืออะไร” “ชื่อคน เมื่อตอนบ่ายที่ผมนั่งคิดอะไรอยู่เพลินๆ มันก็มีชื่อของคนนี้แล่นเข้ามาในหัว ผมคิดว่าเขาคือน้องชายของผม” “อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้น” ปากก็พูดคุยกับพาสต้าไป ส่วนปลายนิ้วก็พยายามสะกดชื่อผู้ต้องสงสัยลงไปในช่องค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต “คุณรู้ไหมว่าเฟลเล่แปลว่าอะไร” “ไม่รู้ รู้แค่ว่าชื่อแปลกดี” “คุณรู้จักเส้นพาเฟลเล่ไหม” “ก็เส้นหยักๆ หน้าตาแปลกๆ เหมือนโบว์ผูกผมใช่ไหม เนี่ยหน้าตาแบบนี้” แฟนมีตหันหน้าจอโน๊ตบุ๊คให้พาสต้าดูภาพของเส้นพาเฟลเล่ที่เขาพูดถึง “ใช่ และมันเป็นหนึ่งในเส้นตระกูลพาสต้า” “นี่คุณกำลังจะบอกว่าเพราะเขาชื่อนี้เลยคิดว่าเขาน่าจะเป็นน้องชายคุณงั้นเหรอ” “แล้วมันจะมีคนสักกี่คนที่จะตั้งชื่อแปลกๆ ให้ลูกตัวเองโดยที่ไม่มีที่ไปที่มา” พาสต้ายืนยันอย่างหนักแน่น ถึงแม้ความทรงจำของเขามันจะไม่ได้ชัดเจนพอที่จะเอามาเป็นคำตอบ แต่เขากลับมีความมั่นใจบางอย่างว่าลางสังหรณ์ของเขามันถูกต้อง “ถ้างั้นพี่เพนเน่เขาก็คงจะเป็นพี่สาวคุณแล้วแหละเพราะชื่อเขาก็เป็นชื่อของเส้นในตระกูลพาสต้าด้วยเหมือนกัน...เดี๋ยวนะ” เพราะพูดออกไปโดยไม่ทันคิด แต่กลับกลายเป็นว่าจุดเชื่อมโยงนั่นมันดันสะกิดใจแฟนมีตขึ้นมา “ครอบครัวผมทั้งพ่อและแม่เป็นหมอ” “พี่เพนเน่ก็มีคนบอกว่าพ่อกับแม่ของพี่เขาเป็นหมอเหมือนกัน” “พ่อกับแม่ผมทำการทดลองบางอย่างเกี่ยวกับยาอายุวัฒนะและการปลูกถ่ายเซลล์ในร่างกายของมนุษย์ไม่ให้ร่างที่ตายไปแล้วเน่าเปื่อย” “พี่เพนเน่ก็มีข่าวลือเรื่องครอบครัวทำยาอายุวัฒนะเหมือนกัน” เค้าโครงของเรื่องราวกำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างช้าๆ “หรือจริงๆ แล้วครอบครัวคุณไม่ใช่แค่คนสองคนที่ร่วมมือกันในโครงการนี้” “เพราะงี้ผมถึงรู้สึกคุ้นหน้าคุณเพนเน่หรอครับ” “ถ้าข้อสันนิษฐานนี้เป็นความจริง ผมว่าเราอาจจะได้รู้เรื่องราวความลับอีกหลายอย่างของครอบครัวคุณแน่ๆ และคงไม่ใช่แค่เราต้องหาคำตอบว่าเขาเอาร่างคุณไปซ่อนไว้ที่ไหน” แฟนมีตลองกดหาข้อมูลจากชื่อของสามพี่น้องดูอีกครั้ง เขาเชื่อว่าความลับมันคงไม่สามารถที่จะปกปิดเอาไว้ได้มิด มันต้องมีสักทางที่เขาน่าจะพอได้เรื่องอะไรเพิ่มเติมมาบ้าง “คนนี้หรือเปล่าที่ชื่อเฟลเล่” และดูเหมือนว่าคำขอของแฟนมีตจะเป็นความจริงขึ้นมาเมื่อเว็บไซต์ข่าวที่ถูกปิดตัวไปเมื่อหลายปีก่อน ยังไม่ได้ลบข้อมูลที่เคยลงเอาไว้ออกไปทั้งหมด “หายสาบสูญไปตั้งแต่เมื่อสามสิบปีก่อน และก็ยังไม่มีใครพบตัว แปลว่าเขาต้องหายไปก่อนที่คุณจะเสียชีวิตอีกนะ คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ” พาสต้าส่ายหน้า “แต่คุณมั่นใจใช่ไหมว่าผู้ชายคนนี้คือเฟลเล่จริงๆ” “ตอนที่ผมนึกถึงเขาผมก็ไม่เห็นหรอกนะว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง แต่ความรู้สึกของผมตอนนี้มันเหมือนตอนที่ผมได้เจอคุณเพนเน่ครั้งแรกเลย” พาสต้าจ้องมองใบหน้าของเด็กผู้ชายคนหนึ่งในชุดของนักเรียนมัธยมเอกชนชื่อดัง ใบหน้าเรียบเฉย แววตาโศกเศร้าดูไม่สมกับเด็กที่กำลังอยู่ในวัยนั้นเลยสักนิด ถ้าเพนเน่ เฟลเล่และพาสต้า เป็นพี่น้องกันจริงๆ แฟนมีตเองก็อยากจะรู้ว่าครอบครัวพาสต้าทำอะไรกับลูกๆ ทั้งสามคนของพวกเขากันแน่ : - TBC - #hgdคุณผีที่รัก“มีตกลับมาแล้วเหรอลูกแม่เห็นข่าวเรื่องที่บ้านของพาสต้า มีตไม่เป็นอะไรใช่ไหม”“ผมสบายดีครับแม่”พลอยแทบไม่เป็นอันทำอะไรในตอนที่ข่าวหน้าจอทีวีกำลังรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเพียงสิงขรเธอสังหรณ์ใจว่าลูกชายของเธออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่พอได้เห็นว่าแฟนมีตปลอดภัยดีเธอจึงยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ“ว่าแต่แม่เถอะครับเป็นไงบ้างผมไม่อยู่ตั้งสามวัน” “แม่จะเป็นอะไร ก็สบายมากๆ เลยไงมีทั้งน้ากิ่ง อาเวลมาช่วยดูแลแม่อยู่ตั้งสองคน”“จริงเหรอครับแล้วตอนนี้น้ากิ่งเขาอยู่ที่ไหน”แฟนมีตมองไปรอบๆ บ้าน เห็นแค่เพียงเวลที่กำลังนั่งซ่อมวิทยุตัวเก่งให้แม่ของเขาอยู่ที่มุมห้อง“เหมือนจะอยู่ในห้องนอนนะเห็นว่าเข้าไปหาอะไรสักอย่าง”“งั้นเหรอครับ ขอไปทักทายสักหน่อยดีกว่าจะได้รู้ว่าหลานรักกลับมาแล้ว”แฟนมีตเดินตรงไปยังห้องรับรองที่เขาเป็นคนจัดเอาไว้เพื่อให้กิ่งแก้วใช้เป็นที่นอนชั่วคราวระหว่างรอต่อเติมบ้าน“น้ากิ่งเขาไม่อยู่แล้วนิครับ เสื้อผ้าก็ไม่มี”“หมายความว่ายังไงลูก”“เป็นไปได้ยังไงก็ก่อนที่พลอยจะเข้าไปล้างจานในครัวอายังเห็นเขาอยู่ในห้องเลยนะ”พลอยกับเวลรีบตามลูกชายเข้าไป ถึงได้เห็นว่าภายในห้องไม่มีแม้แต
“พาสต้าคุณโอเคหรือเปล่า”หลังจากที่น้ำหนาวและพายุขอตัวกลับ แฟนมีตก็รีบขึ้นมาดูอาการของพาสต้าทันที“ดีขึ้นแล้วครับ เป็นยังไงบ้างน้ำหนาวกับพายุได้เรื่องหรือเปล่า”“ยิ่งกว่าได้เรื่องอีก อย่างแรกผมกู้คืนคลิปวิดีโอจากในมือถือตัวเองได้แล้วนะ ตอนนี้ผมเก็บไฟล์ทั้งหมดใส่ไดร์ฟเรียบร้อยแล้ว”แฟนมีตพูดพร้อมกับโชว์แฟลชไดร์ฟสีดำในมืออันเป็นหลักฐานสำคัญ“ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องเครื่องติดตามพี่เพนเน่มีตัวส่งสัญญาณอีกหนึ่งตัวที่พายุเก็บเอาไว้ ตอนนี้กำลังดูว่าสัญญาณรถของพี่เพนเน่จะไปอยู่ที่ไหน”“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป”“หลังจากที่ผมแน่ใจแล้วว่าของทุกอย่างในโกดังมันถูกย้ายไปไว้ที่ไหน ผมจะส่งเรื่องทั้งหมดให้กับตำรวจและให้เขาเข้าไปจัดการ ถึงตอนนั้นคุณน่าจะเข้าไปใกล้ร่างของคุณได้แล้ว”แฟนมีตบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แต่พาสต้ากลับดูท่าทางคิดหนัก ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นสิ่งที่เขารอคอยมันมาตลอด แต่เวลานี้เขากลับดูไม่ได้ดีใจกับมันเสียเลย“คุณต้องรีบหาวิธีกลับเขาร่างให้เร็วที่สุด คุณสัญญากับผมได้ไหมพาสต้า”“สัญญาอะไรเหรอครับ”“คุณต้องกลับเข้าร่างของคุณให้ได้นะ มันไม่ใช่เพราะว่าผมอุตส่าห์ลงทุนช่วยคุณมาถึงตอนนี้”“แล้ว
“ตื่นแล้วเหรอแฟนมีต”“กี่โมงแล้ว”“น่าจะเกือบเที่ยงได้แล้วมั้ง”“อะไรนะ นี่ผมหลับไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ”แฟนมีตรีบเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนทันทีแม้จะยังรู้สึกเจ็บกับบาดแผลตามลำตัวอยู่เล็กน้อยก็ตาม“คงเพราะว่าคุณเพลียมากนั่นแหละ ตอนเช้าขอบฟ้าเข้ามาดูอาการคุณไปรอบหนึ่งแล้วนะเห็นบ่นว่าจะออกไปทำธุระข้างนอก ตอนนี้เลยไม่มีใครอยู่บ้านสักคน”พาสต้าจัดการไล่เรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในตอนที่แฟนมีตนอนหลับให้เขาฟัง“แล้วที่ร้านพี่เพนเน่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”“ผมไปมาแล้ว ร้านปิดแถมยังขึ้นป้ายว่าปิดไม่มีกำหนดอีกต่างหาก”“อะไรนะคนอย่างพี่เพนเน่เหรอจะมาปิดร้านอย่างไม่มีกำหนดแบบนี้”“ก็คงมาจากเรื่องที่คุณบุกเข้าไปในโกดังเขาเมื่อคืนนั่นแหละ ตอนนี้ที่โกดังไม่มีใครอยู่เลยสักคน”พาสต้าใช้เวลาในช่วงที่แฟนมีตได้พักผ่อนออกไปตรวจสอบทุกที่มาจนหมดเพราะไม่อยากรู้สึกว่าเขาปล่อยให้แฟนมีตมาจัดการเรื่องนี้อยู่คนเดียว และมันก็ทำให้เขารู้ว่าตอนนี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดพยายามทำลายหลักฐานเพื่อหนีความผิดในครั้งนี้“เป็นไปได้ยังไง?”“พวกเขาย้ายออกจากที่นั่นไปแล้ว ไปพร้อมกับอุปกรณ์ทั้งหมดของโกดังน่าจะขนออกไปต
“อาเวลครับแม่หลับไปแล้วหรือยังครับ”แฟนมีตไม่กล้ากลับไปที่บ้านของตัวเองในเวลานี้จึงตัดสินใจมาที่บ้านของขอบฟ้าแทน‘พลอยหลับไปแล้ว อาบอกว่ามีตจะไปค้างบ้านเพื่อนพลอยเขาพยายามโทรหามีตตั้งหลายสายแต่ก็ไม่มีคนรับ’“พอดีผมทำโทรศัพท์หายครับอา นี่ผมก็มายืมโทรศัพท์ไอ้ฟ้ามันจะโทรมาฝากอาบอกแม่ด้วยแล้วกันนะครับว่าผมขออยู่บ้านฟ้ามันสักสองสามวัน พอดีฟ้ามันให้มาช่วยงาน”‘แน่ใจนะมีตว่าเราไม่ได้เป็นอะไร’เพราะน้ำเสียงแฟนมีตที่ตะกุกตะกักผิดปกติ ทำให้เวลจับผิดได้ไม่ยากว่าคนปลายสายกำลังโกหกเขาอยู่“นะครับอาทำตามที่ผมบอก”‘ก็ได้ แต่จบเรื่องนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ’“ว่าแต่ทางนั้นมีอะไรน่าสงสัยหรือเปล่าครับ”เมื่อเห็นว่าเวลยอมให้ความร่วมมือ แฟนมีตจึงถามถึงเรื่องสำคัญที่ฝากเอาไว้ทันที‘ก็ไม่มีนะ กิ่งแก้วดูปกติดีไม่ได้ทำอะไร จะมีก็แค่เขาดูไม่ค่อยพอใจนิดหน่อยที่อามาอยู่ที่นี่’“จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมจะขอร้องให้อาหาเรื่องอยู่ที่บ้านนั้นกับแม่ไปก่อนจนกว่าผมจะกลับไป”‘มีตจะให้อาทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ’“ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ แล้วครับอา และผมก็มีอีกเรื่องสำคัญที่จะฝากให้อาช่วย”ด้วยทุกอย่างมันผิดจากแผนเดิมไปจนหมด และแ
แฟนมีตเดินลัดเลาะไปที่ด้านหลังของโกดังซึ่งอยู่ติดกับทุ่งนาของชาวบ้านรั้วสูงถูกพันเอาไว้ด้วยลวดหนาม เป็นหนทางเดียวที่เขาจะสามารถเข้าไปด้านในได้ และเขาต้องยอมเสี่ยงแฟนมีตสำรวจไปรอบๆ เพื่อความปลอดภัยว่าจะไม่มีใครมาเจอตัวของเขาก่อนที่เขาจะเข้าไปในโกดังได้หนามจากลวดเกี่ยวเข้าที่แขนและขาของชายหนุ่มจนเป็นรอยยาว โชคดีที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก จึงสามารถข้ามเข้ามาในฝั่งของโกดังได้อย่างปลอดภัย“คุณแม่มาถึงหรือยัง”“ด็อกเตอร์กำลังเดินทางมาครับ อีกประมาณ 15 นาทีจะถึง เห็นท่านแจ้งว่าวันนี้รถค่อนข้างติด”ผู้ชายวัยกลางคนเดินออกมาต้อนรับเพนเน่ที่ด้านหลังโกดังซึ่งถูกดัดแปลงให้เป็นที่จอดรถ ชายคนนั้นสวมชุดขาวคล้ายกับชุดป้องกันรังสีเหมือนในภาพยนต์ที่เคยเห็น“ก็จริง กว่าฉันจะมาถึงได้ก็เสียเวลาไปหลายนาทีอยู่ แล้วข้างในเป็นยังไงบ้าง”“ด็อกเตอร์สั่งปรับสูตรยาตัวใหม่ให้มีประสิทธิภาพที่แรงขึ้นกว่าเดิมสองเท่าครับ”“สองเท่าเองเหรอ?”“ใช่ครับ ฟังดูมันอาจจะน้อยนะครับคุณเพนเน่ แต่สองเท่าสำหรับยาสูตรนี้ถ้าหากเป็นคุณเพนเน่คนเดิมที่เพิ่งเคยใช้ยาตัวนี้เป็นครั้งแรกอาจจะไม่ต้องใช้ยาไปอีกเลยถึงสามเดือน”ผู้ดูแลอวดอ้างสรรพ
แฟนมีตหลับสนิทไปแล้ว ส่วนพาสต้ายังคงนอนตะแคงมองใบหน้าของเขาอยู่อย่างนั้นถ้าวันหนึ่งเขากลับเข้าร่างไปได้ เขาจะมีโอกาสมาอยู่แบบนี้อีกหรือเปล่า แฟนมีตจะหายไปจากชีวิตของเขาไหม หรือเขาจะต้องไปอยู่ที่ไหนกันแน่เรื่องที่เรนิสากับภานุทำเอาไว้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าความจริงถูกเปิดเผยพ่อกับแม่ของเขาก็คงต้องไปชดใช้ความผิดตามกฎหมายที่ไม่รู้ว่ามันจะหนักหนามากสักแค่ไหนแต่ที่แน่ๆ มันอาจจะนานมากพอที่จะทำให้ยาอายุวัฒนะที่อยู่ในร่างกายของคนพวกนั้นหมดฤทธิ์แล้วธรรมชาติก็จะได้กลับมาทำหน้าที่ของมัน..:“แม่คะ หนูรู้สึกว่ายารอบนี้ประสิทธิภาพมันลดลงนะคะ”เพนเน่กลับมาจากร้านกาแฟ เธอรีบตรงไปหาเรนิสาที่ห้องทำงานทันที หลังจากที่เธอเจอความผิดปกติบางอย่างในร่างกาย“เกิดอะไรขึ้น?”“คือหลังจากหนูรับยาไปได้ 1 สัปดาห์ร่างกายก็เริ่มรู้สึกอ่อนเพลียแล้วก็เหมือนมันจะมีอาการคล้ายๆ กับเวลายามันหมดฤทธิ์”“เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อตัวยานี้มันสามารถดูดซึมอยู่ในร่างกายถึง 1 เดือนหรือเพราะมีอะไรผิดพลาด”เรนิสาถอดแว่นตาออกก่อนจะเดินรอบๆ ตัวของลูกสาวเธอเพื่อสำรวจความผิดปกติที่เกิดขึ้น“หนูเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะแม่ แต่มันเป็นแบบน