น้ำหน้าอย่างแก จะมาเป็นเมียพวกเราได้เหรอ คนไร้สกุลใครจะเอาทำเมีย เป็นแค่นางบำเรอชั่วคราวก็ฝันแล้ว!" เขายอมเป็นเมียเพื่อแลกเงิน แต่กลายเป็นแค่ของเล่น และพอของเล่นกลายเป็นของรัก สามคุณชายเลยกลายเป็นโบ้ เรื่องย่อ
더 보기“คิดว่าน้ำหน้าอย่างแกจะเป็นเมียพวกเราได้งั้นเหรอ!”
“โอเมก้าไร้สกุลอย่างเธอ ใครจะอยากได้ แค่เป็นนายบำเรอชั่วครั้งชั่วคราวก็เกินฝันแล้ว!”
น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้คำพูดเสียดแทงเหล่านี้ไม่ได้รบกวนเขาสักเท่าใดนัก แต่ในขณะที่ดาวกำลังกวาดคอกม้าอย่างขะมักเขม้นคำพูดเสียดแทงพวกนั้นมันย้อนมา อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขากำลังทำอยู่–การทำความสะอาดคอกม้า ได้กระตุ้นให้หวนนึกถึงการกดขี่จากคนที่คิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าใคร
โอเมก้าหนุ่มน้อยไม่อยากเชื่อเลยว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสทำความสะอาดคอกม้า ตอนนี้ไม่มีม้าอยู่ในคอกหรอก แต่เขารู้มาว่าแต่ก่อนเคยมี นับเป็นบุญเหลือเกินที่ชาตินี้ได้ทำความสะอาดคอกที่ว่างเปล่าแห่งนี้สักครั้ง
ดาว หรือดาวิช เขาเป็นโอเมก้าวัยเพียงสิบเก้าเท่านั้น บ้านเกิดอยู่สงขลา และเขาตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำงานทั้งที่จบแค่ระดับมัธยม
นั่นเพราะความจำเป็นเรื่องเงินของที่บ้าน ที่บ้านของหนุ่มน้อยมีหนี้สินอันเกิดจากการทำประมงพื้นบ้านของพ่อกับแม่ แค่นั้นยังไม่หนำใจ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาพ่อของเขาป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่สอง ส่วนแม่ ดวงตาของแม่เป็นต้อระยะเริ่มต้น หากปล่อยไว้นานกว่านี้ตาจะบอด
แม้อาการเจ็บป่วยรุนแรงที่ว่ามาของบุพการีจะใช้สิทธิบัตรทองได้แต่ดาวไม่อยากใช้ สาเหตุคือต้องรอคิวนาน และชีวิตของพ่อกับดวงตาของแม่จะรอช้าไม่ได้
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ดาวิชไม่รีรอที่จะสมัครทันทีที่เห็นประกาศรับ มันเขียนไว้ว่ารับเฉพาะคนที่เป็นโอเมก้า อายุไม่เกินยี่สิบปี ผิวขาว โดยระบุส่วนสูง น้ำหนัก ระบุกระทั่งช่วงเวลาที่เกิดและเดือนที่อีกด้วย
ซึ่งโชคดีที่คุณสมบัติของดาวครบทุกข้อ พ่วงด้วยสุขภาพดีอีกข้อ แม้เขาจะเป็นโอเมก้า แต่นับว่าโชคดีกว่าคนอื่น ๆ ตรงที่ร่างกายแข็งแรง เขาจำไม่ได้เลยว่าเคยเจ็บป่วยหนัก ๆ อย่างใครบ้างไหม อย่างมากดาวก็มีอาการแค่วิงเวียน ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดท้องน้อยในช่วงฮีทประจำเดือนเท่านั้น
และในวันสัมภาษณ์ ดาวถึงกับตกตะลึงไปเลยเมื่อมีผู้เข้ามาร่วมทดสอบเกือบยี่สิบคน
สุดท้ายหลังจากผ่านการทดสอบมากมาย เขาคือคนเดียวที่เข้ารอบลึกที่สุด และในที่สุดก็ผ่านการทดสอบราวกับถูกจับวาง
แต่หนุ่มดาวิชถึงกับตกตะลึงเมื่อทราบทีหลังว่างานที่เขาต้องทำคือการเป็นภรรยาของอัลฟ่ามาเฟียแห่งตระกูลจาง โดยแลกกับเงินที่จะได้เป็นรายปี ปีละห้าล้านบาท
ซึ่งหากคิดดูดี ๆ การยอมเป็นภรรยาเพื่อแลกกับค่าตอบแทนก็ฟังย้อนแย้งแล้ว เพราะนั่นน่าจะเรียกว่าการขายตัวมากกว่า แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือดาวต้องเป็นภรรยาของอัลฟ่าชายถึงสามคน ซึ่งตอนที่ได้ยิน เขาถึงกับอึ้งไปสักพักทีเดียว
แต่คนจนย่อมไม่มีสิทธิ์ ไร้หนทางเลือก ในเมื่อสิ่งที่ร่างกายมีใช้หาเงินได้ ยิ่งพอได้ยินจำนวนเงินเขาถึงกับช็อก ตลอดชีวิตเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา ขนาดเงินหลักพันสำหรับดาวยังให้ความรู้สึกมหาศาล เงินล้านเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าความฝัน
เพื่อเงินและเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อกับแม่ จะให้ทำยังไงเขาก็ยอม
‘เป็นเมียคนสามคนเพื่อแลกกับเงินจำนวนตั้งเท่านี้ต่อปี มันจะยากอะไรวะ’
และนั่นคือจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด
+++++
วันแรกที่คฤหาสน์ตระกูลจาง หนุ่มน้อยโอเมก้าแทบเข่าอ่อนตอนเห็นความใหญ่โตอลังการของสิ่งที่มีไว้เพื่ออยู่อาศัย อาณาบริเวณในเขตรั้วที่กินพื้นที่นับสิบไร่ซึ่งแทบไม่น่าเป็นไปได้สำหรับบ้านเดี่ยวในเมืองกรุง ภายในอาณาบริเวณมีหลายอาคาร ทั้งเรือนใหญ่ เรือนรอง เรือนคนใช้ แถมยังมีคอกม้าอีกด้วย
เขาถูกพาตัวมาที่ห้องรับแขกที่ชื่อว่าห้องไข่มุก ทั้งห้องใช้เฟอร์นิเจอร์หลุยส์สีออฟไวต์ หรือไม่ก็เป็นไม้แกะสลัก กับผ้าม่านสีอ่อนในห้องที่มีปริมาณมหาศาลพอจะตัดเสื้อให้คนทั้งหมู่บ้านของดาวใส่ได้
ในห้องนั้นดาวอยู่ต่อหน้าผู้คนแปลกหน้ามากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือทนายสุเชาว์ เขาเป็นเบต้าชายเลยวัยกลางคนมาเล็กน้อย ใส่แว่นสีทองกรอบเหลี่ยม มีหน้าตาเคร่งขรึม แต่กลับมีรอยยิ้มอบอุ่น
แต่สิ่งที่ท้าทายต่อมความรู้สึกของดาวคือชายสามคน—อัลฟ่ามาเฟียร่างใหญ่เหมือนยักษ์ ที่ใคร ๆ ต่างเรียกว่าเขาว่า ‘สามคุณชาย’ พวกเขาคือทายาทโดยตรงของ ‘หลงโถว’ ที่แปลว่าหัวหน้าใหญ่ของมาเฟียที่เพิ่งเสียชีวิตไป นั่นก็คือบิดาแท้ ๆ ของคุณชายทั้งสามที่ชื่อว่า ‘ท่านจางเจี่ย’
ชื่อของอัลฟ่าทั้งสาม คือคุณชายจางเจียเหา, คุณชายจางฉวน และคุณชายจางหมิง
ตอนแรกที่ทราบ ดาวซึ่งไม่คุ้นกับชื่อแซ่แบบจีนจึงจำไม่ได้ในคราวแรกว่าใครเป็นใคร รู้แต่ว่าคนใส่เสื้อเชิ้ตขาวผ้าต่วนเนื้อมันลื่น ที่ดูอาวุโสและร่างใหญ่กว่าอีกสองคน มีท่าทีดุดัน ท่าทางเป็นคนอารมณ์ร้อน เขาคือคนที่ยืนพิงเคาน์เตอร์โดยในมือถือแก้วเหล้าไปด้วย
ส่วนอีกสองคนดูเตะตาไม่น้อย คนหนึ่งนั่งไขว่ห้างพาดหัวเข่า ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ ส่วนอีกคนใส่เสื้อเชิ้ตลายดอกสีชมพูขาว ขึ้นมานั่งบนที่เท้าแขนของคนที่นั่งไขว่ห้าง แถมยังพิงร่างคนที่นั่งเก้าอี้อย่างสนิทสนม หน้าตาของทั้งคู่อ่อนวัยกว่าคนเสื้อขาว แต่สิ่งสะดุดตาที่ว่าคือ ทั้งคู่หน้าตารูปร่างเหมือนกันจนแยกไม่ออก–คู่แฝด
เสียงของทนายสุเชาว์ที่ดังต่อเนื่องในห้องรับแขกห้องนั้นราวกับเสียงนักแสดงละครเวที และดาวเพิ่งนึกได้ว่าฝ่ายนั้นกำลังถามเขาอยู่ เล่นเอาหนุ่มน้อยโอเมก้าสะดุ้งโหยง
“คุณดาวิชครับ”
“คะ….ครับ”
“จากที่อ่านสัญญาให้ฟังทั้งหมดมีติดเงื่อนไขข้อใดบ้างไหมครับ”
“ไม่ติดครับ” ที่จริงดาวิชไม่ค่อยได้ตั้งใจฟังดี ๆ เท่าใดนัก แต่ทราบตั้งแต่วันทดสอบและทำใจแล้วเรียบร้อย ก่อนถึงวันนี้ เขาโกหกพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัดว่า จะมาทำงานเป็นคนรับใช้ที่บ้านของมหาเศรษฐีตระกูลหนึ่งแค่นั้น
+++++
กลับมาสู่เหตุการณ์ตรงหน้า ดาวิชเหลือบมองทนายสุเชาว์ที่มอบรอยยิ้มอบอุ่นมา แต่คำพูดฟังแล้วเหมือนการเจรจาธุรกิจมากกว่า “งั้นเซ็นสัญญาได้เลยครับ”
คุณชายใหญ่ตระกูลจางในเสื้อขาวส่งเสียงแทบตะโกน เขาชื่อจางเจียเหา “เดี๋ยวนะอาเชาว์ นี่จะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ!”
ทนายสูงวัยส่งเสียงปรามเรียบ ๆ “คุณชายทั้งสามครับ นี่คือความประสงค์ของคุณพ่อที่เขียนพินัยกรรมทิ้งไว้นะครับ หากจะเป็นหลงโถวเหมือนท่าน พวกคุณชายต้องมีภรรยา”
“พวกเราไม่ติดเรื่องมีเมียนะ” แฝดใส่เสื้อดำที่ชื่อจางฉวนเอ่ยบ้าง
พี่ชายใหญ่เจียเหาเอ่ยอย่างฟันธง “ถึงต่อให้เราสามคนต้องมีนายบำเรอ เฮ้ย หรือเมียคนเดียวกัน เราก็ไม่ว่า แต่ถ้าจะมีเมียทั้งทีแล้วทำไมต้องเป็นเมียไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างนี้ด้วยล่ะ”
และปิดท้ายด้วยแฝดจางหมิง “แถมยังมาจากบ้านนอกอีก ดูสิได้กลิ่นบ้านนอกชัดเลย” คนพูดพูดแล้วเอามืออุดจมูกไปด้วย
พอถึงตรงนี้ใบหน้าของดาวิชแดงซ่านด้วยความโกรธปนอาย การถูกด่าว่าไร้หัวนอนปลายเท้าก็เรื่องหนึ่ง อย่างน้อยนั่นคือเรื่องจริง แต่การถูกบูลลี่ว่ามีกลิ่นบ้านนอกนี่มันเกินจะทน
คำพูดเหยียดหยามทำให้หนุ่มโอเมก้าต้องกำหมัดแน่น
“อาเชาว์ไม่คิดหรือว่าถ้าจะมีเมียทั้งที ก็ควรเลือกคนที่เพียบพร้อมสมบูรณ์กว่านี้ เอาไว้เชิดหน้าชูตาได้ / พวกเราเป็นคุณชาย แล้วอีกไม่นานพี่ใหญ่ก็ต้องเป็นหลงโถว คนอื่นจะครหาได้ว่าทำไมคว้ายัยบ้านนอกคนนี้มาทำเมีย” สองแฝดเอ่ยเสริมกันไปมา
ทนายสุเชาว์เอ่ยอย่างระอาที่ต้องเป็นคนกลางคอยไกล่เกลี่ย ที่จริงเขาก็ว่ามันค่อนข้างแปลก ๆ สักหน่อยที่สามพี่น้องต้องใช้ภรรยาร่วมกัน แต่ทำไงได้ ในเมื่อคุณดาวหน้าใสคนนี้คือคนเดียวที่ผ่านด่านคัดเลือกมหาโหดตามเกณฑ์กำหนดที่เข้มงวดและไม่มีการผ่อนปรน
‘ในเมื่อเรื่องเยอะนักเลยเหลือแค่คนเดียวก็ช่วยไม่ได้ละวะ ต้องยอมมีเมียคนเดียวกันแหละ’
อย่างไรก็ตามทนายสุเชาว์อดแปลกใจนิด ๆ ไม่ได้ที่ทั้งสามไม่ติดขัดเรื่องการใช้เมียร่วมกัน แต่ติดที่ความเป็นคุณดาวิชคนนี้ต่างหาก
“แต่กว่าจะได้คุณดาวมาเนี่ย ต้องมีการคัดเลือกหลายอย่างตามขั้นตอนที่หลงโถวคนเก่ากำหนดไว้ ต้องเลือกมาจากคนหลายสิบเลยนะครับคุณชาย คุณดาวไม่ใช่แค่คนไร้หัวนอนปลายเท้าจากไหนสักหน่อย”
สองแฝดนึกหัวข้อแย้งไม่ออกจึงอ้างเรื่องที่พูดอย่างไรก็ไม่ผิด
“ไม่รู้ละ และที่แย่ไปกว่านั้นยังเป็นผู้ชายด้วย! ถึงพวกเราจะเป็นอัลฟ่า แต่ไม่ได้แปลว่าเราอยากเอาโอเมก้าผู้ชายซะหน่อย”
“คุณชายครับ พูดแบบนี้ไม่สุภาพนะ” ทนายสุเชาว์ปรามเหมือนผู้ใหญ่ดุเด็ก
ทั้งสองหนุ่มหุบปาก แต่ชักสีหน้าและทำเสียงในลำคอคล้ายคำว่า ‘เชอะ’
หนุ่มโอเมก้าได้ยินแล้วรู้สึกว่าเหล่าคุณชายทั้งสามนี่คงเอาแต่ใจน่าดู
จากนั้นคนเป็นทนายก็บ่นอะไรสักอย่างพึมพำ เนื้อความประมาณว่า “ระวังเหอะ เกลียดแบบไหนก็จะได้อย่างนั้นละ”
แต่คุณชายใหญ่เจียเหาได้ยิน เขาทำหน้าตึงน้ำเสียงเครียดอย่างเอาเรื่อง “เมื่อกี้อาเชาว์ว่ายังไงนะครับ”
“เอ้อ เปล่าครับเปล่า”
จากนั้นก็เกิดความเงียบจากทั้งฝ่ายคุณชายมาเฟียและทนาย ในที่สุดพี่ใหญ่จางเจียเหาก็ส่ายหน้า ยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้
“สรุปคือพวกเราไม่มีทางเลือกสินะ”
ทนายสุเชาว์เม้มปากแต่ก็พยักหน้า
สุดท้ายเจียเหาในฐานะพี่ใหญ่ก็เอ่ยคำประกาศิต “ถึงต่อให้พวกเราต้องทำตามคำสั่งของท่านพ่อ แต่สำหรับนังนี่…” เขาชี้มาที่ดาวอย่างไม่ไว้หน้า “และฉัน…ในฐานะเจ้าของคนใหม่ของที่นี่ ไม่ยินดีให้มันอยู่ร่วมชายคาเรือนหลังใหญ่ด้วย!”
สองแฝดรีบสนองตามประสาน้องที่ดี “มันเหมาะจะไปอยู่ที่เรือนคนใช้ ทำตัวเหมือนคนใช้มากกว่า”
ทนายสูงวัยยกมือข้างหนึ่งห้าม “โอ๊ะ ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ”
หนึ่งในแฝดจางหมิงเอ่ย “อาเชาว์กล้าขัดแย้งกับเราหรือ”
“มิได้ครับ คือในพินัยกรรมของคุณพ่อบอกไว้ชัดเจนว่า ภรรยาของทั้งลูกชายของท่าน ซึ่งผมหมายถึงคุณดาวน่ะ ต้องกินอยู่ที่เรือนใหญ่ และมีอิสระที่จะใช้ชีวิตได้ตามปกติ อย่าลืมว่าคุณดาวมาที่นี่ในฐานะเมียนะครับ”
และจางฉวนที่หน้าเหมือนกันถึงกับสบถคำหยาบคายอย่างหัวเสีย
แต่อีกคนหนึ่งทำสิ่งรุนแรงกว่า ดาวถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อมีเสียงดังเพล้งดังลั่น
“โอ๊ย ไร้สาระจริงโว้ย โคตรน่าเบื่อ!” พี่ชายใหญ่คนเชิ้ตขาวที่ใจร้อนเหมือนกับหน้าตา เขาไม่พอใจและจะไม่ยอมทน จึงระบายออกด้วยปาแก้วเหล้าทัมเบลอร์ที่ถือไว้เมื่อครู่จนแตกกระจายลงกับพื้น วิสกี้สีเหลืองอำพันกลายเป็นแค่หย่อมเปียก ๆ บนพื้นที่ปูพรมขนสั้นไว้
ทนายสุเชาว์เห็นแล้วได้แต่โคลงศีรษะ นิ้วมือกดตรงสะพานแว่นที่ดั้งจมูกอย่างเหนื่อยใจ
พอเจียเหาเห็นท่าทางของทนายสุเชาว์ เขาทำหน้ารู้สึกผิดวูบหนึ่ง ท่าทางคงเกรงใจคนสูงวัยอยู่ไม่น้อย แต่แล้วก็คืนฟอร์มด้วยการกระฟัดกระเฟียดรีบเดินออกจากห้องรับแขกไข่มุกทันที
น้องชายฝาแฝดได้จังหวะจึงรีบเดินออกจากห้องตามไปด้วย
ที่ห้องส่วนตัวของดาว หนุ่มโอเมก้าเดินกลับมาหาสามอัลฟ่าคุณชายที่แทบนั่งไม่ติดด้วยความกระวนกระวายพอเห็นหน้าเจ้าของห้องก็รีบถามทันที“เป็นไง เธอเข้าใจพวกเราแล้วใช่ไหม”ดาวพยักหน้าเร็ว ๆ “ครับ”ภรรยาเดินมานั่งเก้าอี้ที่หนึ่งในแฝดรีบสละให้ทันที พอนั่งลงดาวเขาก็ยังก้มหน้านิ่ง ไร้คำพูดคำจาสามคุณชายทนไม่ไหว รีบผลัดกันถามภรรยาของพวกเขา“เป็นยังไงบ้างล่ะดาว ท่านปู่ว่าอย่างไรบ้าง”“เธอรู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากคุณปู่แล้วใช่ไหม”“ถ้าเธอได้รู้จะได้เข้าใจที่มาที่ไปของพวกเราทั้งหมด…ว่าทำไมเราถึงไม่ชอบเธอในตอนแรก”เมียที่กลายเป็นของเล่นตอบแต่ไม่เงยหน้า “สำหรับเรื่องนั้นท่านปู่จางอี้เทาเล่าให้ผมฟังแล้วเหมือนกันครับ”ดาวทราบแล้วและเข้าใจเหตุผลว่าทำไมทั้งสามถึงอาละวาดและตามมาข่มเหงเขาแทบแย่เมื่อรู้ว่าเมียแต่งของพวกตนเป็นโอเมก้า แต่ถ้าพูดอย่างยุติธรรม การกลั่นแกล้งก็คือการกลั่นแกล้ง ไม่อาจซักฟอกให้เป็นสิ่งถูกต้องได้นั่นคือสิ่งที่ดาวคิด แต่แล้วก็ถอ
สามคุณชายยอมให้ดาวใช้เวลาส่วนตัวคุยกับท่านปู่จางอี้เทาโดยพวกเขาไม่เข้ามารบกวนสองแฝดออกตัวว่า‘เผื่อเมียของเราอาจมีเรื่องลับ ๆ อยากคุยกับท่านปู่’‘หรือในทางกลับกันท่านปู่ก็อาจมีอะไรลับ ๆ อยากบอกหลานสะใภ้ก็ได้’‘เอ๊ะ คุณสองคนพูดอย่างนี้แปลว่าอะไรแน่!’ ดาวทำเสียงดุใส่ เขาแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่สถานะระหว่างเขากับสามคุณชายดูจะสลับบทกันอย่างไรบอกไม่ถูกส่วนเจียเหาได้แต่ยิ้มบาง ๆ ก้มหน้าแล้วกอดไหล่น้องชายแฝดเดินหลบมุมไปเงียบ ๆดาวรู้ว่า ก่อนหน้านั้นคุณชายใหญ่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อี้เทาฟังคร่าว ๆ แล้วว่า ที่คฤหาสน์หลานสะใภ้ได้ยินเรื่องที่ปู่เล่าให้พวกหลาน ๆ ฟัง และไม่พอใจอย่างรุนแรงจนหนีกลับบ้านดาวได้ยินแล้วทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากชูกำปั้นใส่ด้วยที่คุณชายยังใช้คำว่าหนีกลับบ้านไม่เลิก มันฟังเหมือนดาวเป็นแค่เด็กเอาแต่ใจไม่มีผิดตอนนี้ในโทรศัพท์ของเจียเหามีหน้าคุณปู่อยู่ในนั้น ใบหน้าของท่านยังใจดีอย่างเคย[หนูดาวสบายดีไหม][สบายดีครับ แล้วท่านปู่ละครับ]หนุ่มน้อยโอเมก้าว่าที
สามคุณชายเอ่ยเสียงลั่นเกือบพร้อมกันว่า “แล้วเราต้องขอโทษยังไงเธอถึงจะเชื่อล่ะ”แล้ว ณ ตอนนั้นสะใภ้จากสงขลาไม่รู้นึกอย่างไร เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วโพล่งไปว่า“ตามธรรมเนียมคนบ้านผม ถ้าเราอยากให้คนที่เราตั้งใจขอโทษรู้ว่าเราสำนึกผิดจริง ๆ จากใจ ไม่มีทางอื่นเว้นแต่เราต้องกราบขอโทษแทบเท้าคนสำคัญของเขา”สามอัลฟ่าได้ยินแล้วถึงกับทำตาเบิกโพลง “ฮะ?! นั่นหมายถึง…”ดาวิชพยักหน้าแล้วเม้มปากล่าง “หมายถึงเท้าพ่อกับแม่ของผม”คราวนี้ถึงตาสามคุณชายไฮโซถึงกับอึ้งไปนานเลยแต่แล้วก็มีเสียงขัดจังหวะ เมื่อพ่อกับแม่ร้องบอกอย่างร่าเริงว่า“อาหารเย็นพร้อมแล้วมากินข้าวกันเถอะ”+++++อีกไม่นานอาหารง่าย ๆ ข้าวสวยร้อน ๆ น้ำพริกกับผัก และกับข้าวอีกสามสี่จาน–ยำกุ้งหวาน ปลาเล็กปลาน้อยทอดกรอบ กับไข่เจียวใบโหระพาฟูนุ่มก็พร้อมเสิร์ฟ“กินสิขรับคุณ ๆ อาจไม่ถูกปากนัก เพราะของสดที่เอามาทำก็ของพื้น ๆ ชาวประมงแถวนี้ พวกเราจับเอง เหลือก็เอาแบ่งกันกิน
ดาวกลับมาอยู่ที่อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา บ้านเกิดของเขาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วการตัดสินใจแค่ไม่กี่นาทีส่งผลให้ชีวิตของดาวเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความเป็นอยู่ที่นี่สงบเงียบเรียบร้อย จนหนุ่มโอเมก้าไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือชีวิตเดียวกับตอนที่เป็นของเล่นของสามคุณชายที่คฤหาสน์และวันธรรมดาวันหนึ่ง ระหว่างที่พ่อกับแม่นั่งกินข้าวกลางวัน ส่วนดาวล้างจาน พ่อกับแม่ถามคำถามกับลูกเพราะเพิ่งนึกได้“ดาวเอ๊ย ตกลงแกไม่ได้ทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วเหรอ”ลูกชายหรี่ก๊อกน้ำแล้วหันมาตอบ “เปล่าแล้วจ้ะแม่”พ่อกับแม่มองด้วยสีหน้านิ่งอย่างสงสัย แต่ไม่ถามอะไรที่กดดันอย่างเช่น ‘แล้วจะทำอะไรต่อ’ ทั้งคู่รู้ดีกว่าลูกชายของพวกตนไม่ใช่คนหลักลอยเหลวไหลคราวนี้เป็นตาพ่อถามบ้าง “เอ้อ พ่อว่าจะถามเรื่องค่ารักษาของพ่อ หนูไปเอาเงินมาจากไหน”“อ๋อ” ดาวชะงัก แต่ก็รีบแก้ตัวว่า “หนูไปคุยกับหมอและเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลมาแล้วจ้ะ ใช้สิทธิบัตรทองได้ ของแม่ก็เหมือนกันนะ ไม่ต้องกังวล”พ่อกับแม่กลืนอาหา
“นั่นเลยเป็นที่มาตั้งแต่ก่อนพ่อแกจะตาย เราถึงเฝ้าเพียรพยายามหาคนที่ใช่ และมันไม่ง่ายเลย เราใช้เวลานานหลายปี หลายคนที่คุณสมบัติใช่แต่เขาไม่ร้อนเงิน ไม่มีเหตุผลที่จะยอมลำบากมาแต่งงานเป็นสะใภ้ตระกูลจาง มีหนูดาวนี่ละลงตัวที่สุด เป็นดอกบัวขาวอย่างที่เรามองหา แถมฐานะที่บ้านยังขัดสน”ชายชราเว้นช่วงเพื่อให้ความจริงตกตะกอนในสมองทึบ ๆ ของสามหลายชาย ก่อนจะย้ำด้วยประโยคอันเด็ดขาดและเสียงดังว่า“แกคิดว่าจะหาโอเมก้าคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างนี้ได้ง่าย ๆ หรือไง!”สามคุณชายพูดอุบอิบ รู้สึกผิดหวังอะไรสักอย่างกับตัวผู้ให้กำเนิด “แล้วทำไมพ่อกับแม่ไม่เคยบอกพวกเราเรื่องนี้เลย”“พ่อแกเคยมาปรึกษาฉัน แล้วเราก็ตกลงว่า จะดีกว่าถ้าปล่อยให้เรื่องนี้เป็นความลับ”สามคนถามโดยพร้อมเพรียง “ทำไมล่ะครับ”“การรู้จุดด้อยของตัวเองเร็วเกินไปส่งผลไม่ดีต่อความมั่นใจ โดยเฉพาะในช่วงที่แกเปลี่ยนจากวัยรุ่นกลายเป็นวัยผู้ใหญ่เต็มตัว พ่อแกรู้ว่าสักวันตำแหน่งหลงโถวของเขาจะต้องถูกส่งต่อให้พวกแกคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นย่อมไม่ดีแน่ถ้า
เจียเหาในฐานะพี่ใหญ่รวบรวมความกล้าเอ่ยถามท่านปู่ตรง ๆ“ดะ…ดาวเอาเรื่องนี้มาบอกคุณปู่เหรอครับ”“เปล่า ฉันรู้เอง ดังนั้นพวกแกอย่าเอาเรื่องนี้ไปโทษเขาล่ะ เขาไม่ได้เอามาฟ้องฉัน”ตอนแรกอี้เทากระหยิ่มในใจ แผนการโยนหินถามทางกับสามคุณชายปากแข็งน่าจะสำเร็จ ชายชราแค่ลองปะติดปะต่อเรื่องเอาเองแล้วเอ่ยโพล่งออกไป ซึ่งพอเห็นปฏิกิริยาของสามคุณชายเลยฟันธงว่าน่าจะเข้าใจถูกในประเด็นที่ทั้งสามคงตกลงอะไรบางอย่างกับดาวเกี่ยวกับสถานะความเป็นเมียแต่อี้เทาเป็นคนยุติธรรม เขาอยากให้ทั้งสามคุณชายเป็นผู้ใหญ่ เป็นลูกผู้ชายตัวจริงที่กล้ายอมรับเองว่าพวกตนทำอะไรไว้ทั้งสามนั่งตัวลีบแต่ยังปากแข็งไม่ยอมรับเวลาผ่านไป เข็มนาฬิกาของนาฬิกาคุณปู่ หรือนาฬิกาโบราณตั้งพื้นเรือนใหญ่ดังติ๊ก ๆ อย่างต่อเนื่องขนาดอี้เทาเป็นคนอารมณ์เย็นยังหมดความอดทน“ไอ้พวกหลานโง่ นี่ฉันทนพวกแกไม่ไหวแล้วนะ!”สามคนทำหน้าซีด แต่ยังปากแข็งไม่ยอมพูดสักคำท่านปู่จางอี้เทาทนไม่ไหวอีกจึงกระชากเสียงถามหลานชายจอมมึน“แกรู้ไหมว่า
댓글