LOGIN❝นี่คุณอยู่กับผมมาโดยที่ไม่รู้ถึงสถานะตัวเองเลยเหรอครับ❞ ❝ก็เรา-❞ ❝ผมจะพูดอีกครั้ง ผมซื้อคุณมาสามปี เป็นสามีของผมและพ่อของเด็กแค่สามปี ดังนั้นต่อจากนี้อย่าทำ หรืออย่าคิดอะไรเกินหน้าที่ เข้าใจไหมครับ❞
View MoreCW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคาย และเนื้อหาล่อแหลมทางเพศ
“อะ...อึก!”
“ไหนคุณหนูบอกว่ามีประสบการณ์ไงครับ แบบนี้ทำผมลำบากใจนะ”
เชฟหนุ่มกล่าวพลางชำแรกนิ้วเบิกทางในขณะที่แก่นกายพร้อมใช้งานเต็มที่ ดวงตาคมมองต่ำจับจ้องคุณหนูโอเมก้าผู้สมบูรณ์แบบในกำมือ ใครจะไปรู้ว่าวันใดวันหนึ่งชาติไพร่อย่างเขาจะได้เป็นคนเปลื้องผ้าเนื้อดีพวกนั้นออก แม้ว่านี่จะไม่ใช่เพราะโชคชะตา แต่เป็นสัญญาวิวาห์ก็ตาม
อัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า สามชนชั้นซึ่งถูกจำแนกสถานะไว้อย่างชัดเจนในสังคม นับตั้งแต่ยุคโบราณล่วงเลยมาจนถึงยุคโลกาภิวัตน์อันเต็มไปด้วยความทันสมัย
อัลฟ่า (Alpha - α) ชนชั้นผู้นำ มักมีบุคลิกโดดเด่น อุดมไปด้วยเงินตราและอำนาจ
เบต้า (Beta - β) ชนชั้นกลาง มักไม่มีฟีโรโมนโดดเด่น จึงไม่สามารถดึงดูดหรือควบคุมผู้อื่นได้
โอเมก้า (Omega - Ω) ชนชั้นที่ต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร มักมีร่างกายบอบบาง และมีแนวโน้มที่จะยอมจำนนสูง กระนั้นก็มีบางกรณีที่ต่างออกไปเช่นกัน
ยามบ่ายคล้อยที่แสงแดดอ่อนทาบทาลงบนผืนนาสีเขียวขจีทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ณ ชานเมืองที่ยังคงรักษากลิ่นอายของชนบทไว้ได้อย่างครบถ้วน กระนั้น ณ ร้านอาหารครอบครัวนี้ยังคงมีรถขับผ่านอยู่ตลอดทั้งวัน
‘ครัวคุณลุง’ ชื่อร้านเด่นหราเหนือบานประตูไม้ที่พึ่งถูกปรับแต่งใหม่ ตัวอาคารเป็นโครงสร้างไม้และเหล็กสีดำเรียบหรู ตัดกับผนังกระจกใสบานใหญ่เปิดรับทิวทัศน์ภายนอกเข้ามาอย่างเต็มที่ ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังรับประทานอาหารอยู่ในทุ่งนา ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย เฟอร์นิเชอร์ไม้เนื้ออ่อนสีธรรมชาติถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ โต๊ะอาหารแต่ละตัวมีพื้นที่ว่างพอสมควร ไม่แออัดจนเกินไป มีทั้งโต๊ะสำหรับคู่รัก โต๊ะสำหรับครอบครัว หรือแม้แต่มุมส่วนตัวเล็ก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบ
กลางครัวเปิดเผยให้เห็นเชฟหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังง่วนกับหม้อแกงหน้าเตา กระนั้นด้วยแววตาเป็นมิตร เหล่าเด็ก ๆ ที่ขอผู้ปกครองมาดูผ่านกระจกจึงไม่หวาดกลัว มิหนำซ้ำยังได้รับรอยยิ้มหวานจากพ่อครัวกันถ้วนหน้า
มือหนาละจากไม้พาย เคาะกระจกเรียกความสนใจของเด็ก ๆ ก่อนจะเล่นมายากลเสกเรือสานบรรจุลูกชุบรูปผลไม้หลากสีสันออกมา แล้วจึงเปิดกระจกมอบให้พี่น้องทั้งสอง
ขณะเดียวกันเด็กเสิร์ฟชั่วคราววัยมัธยมปลายกำลังเดินนำจานอาหารสดใหม่มอบแด่ลูกค้าโต๊ะสุดท้ายของวัน เมื่อมองไปเห็นเจ้าของร้านให้ของฟรีอีกแล้วก็ถอนหายใจ คิดนำความจริงไปกระแทกหน้าพ่อหนุ่มทองไม่รู้ร้อนสักหน่อย
เด็กสาวในชุดนักเรียนเดินดุ่ม ๆ ออกจากร้าน ทว่าไม่ได้จับไม้กวาดแต่อย่างใด มือคู่เล็กเลือกเอื้อมไปเปิดกล่องไปรษณีย์ หยิบซองจดหมายออกมาพร้อมแสยะยิ้ม
“เชฟ นี่บิลของเดือนนี้ค่ะ”
“อือ...มันตัดในบัญชีไปแล้ว”
“ทำไมดูเศร้า ๆ ละคะ”
“เสียเงินแล้วยังมีลูกสาวเจ้าหนี้มาซ้ำเติมอีก ฉันคงต้องมีความสุขสินะ”
“ถ้าไม่อยากให้มีลูกสาวเจ้าหนี้มาเหยียบซ้ำ ก็จ่ายเงินพ่อให้ครบสิคะพี่เชนทร์”
“พี่ไม่มีตังค์แล้วครับน้องทับทิม”
ทีแรกก็มีเงินพอใช้บริหารร้านอยู่หรอก เพราะใช่ว่าร้านจะไม่มีลูกค้า ทว่าเขาที่ต้องการได้ร้านอาหารคืน ไหนจะค่าปรับปรุง สุดท้ายไม่วายต้องหยิบยืมคนอื่น ยังดีที่มีคุณลุงคนสนิทให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ย กลับกันเจ้าตัวดันส่งลูกสาวเบต้าวัยขบเผาะมาจับตาดูในฐานะเด็กเสิร์ฟแทน ทว่ายังดีที่บิดาเจ้าหล่อนจิตใจดี ยอมใช้เงินค่าจ้างเด็กสาวเป็นเงินผ่อนรายสัปดาห์แทน
กระนั้นปัญหากลับยังไม่สิ้นไป เพราะเขาต้องกู้เงินธนาคารอีกครั้งเนื่องมาจากอาการป่วยของปู่แท้ ๆ เจ้าของร้าน ‘ครัวคุณลุง’ คนก่อน
เพราะเขาเสียพ่อแม่จากอุบัติเหตุเครื่องบินตกไปตั้งแต่วัยเยาว์ ที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวจึงเป็นคุณปู่ชัยวัฒน์ พ่อครัวและเจ้าของร้านอาหารไทยประยุกต์แห่งนี้ ท่านเป็นทั้งผู้ปกครอง และแรงบันดาลใจให้เขาใฝ่ฝันอยากเดินทางสายพ่อครัว จนมีโอกาสสอบชิงทุนไปเรียนถึงเมืองนอก
ทว่าการเรียนนั้นใช้เวลาสิริรวมสี่ปีผนวกกับเขาอยากทำงานฝึกประสบการณ์เพิ่มอีกสักหน่อย สุดท้ายผ่านไปห้าปีถึงได้กลับมาประเทศไทย ทราบอีกทีคือพ่อน้องทับทิมซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ ก็บอกว่าคุณปู่จำนองร้าน เอาเงินไปเป็นค่ารักษาพยาบาลแล้ว
ตัวเขาที่มีเงินเก็บจึงทุ่มทุนนำร้านกลับคืนมาด้วยเงินสดอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง เมื่อเงินฝืดเคืองจึงต้องขอผู้อื่นและกู้ธนาคารเพื่อนำเงินมาโปะค่ารักษา เพราะคุณปู่ตอนนี้ต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ราคาแพงเกือบตลอดเวลา
“วันนี้พี่เชนทร์จะไปเยี่ยมคุณปู่ไหมคะ?”
“ไม่ล่ะ จะนั่งทำบัญชี”
“สู้ ๆ นะคะ เดี๋ยวหนูช่วยคุยกับพ่ออีกที พ่อเขาไม่น่ามีปัญหาหรอกค่ะ”
“ขอบคุณมาก ๆ นะ”
“ขอลูกชุบเป็นการแลกเปลี่ยนค่ะ”
“เสียบอยู่บนโฟม หยิบไปได้เลย คืนไม้ด้วย”
“ค่า”
เมื่อสาวน้อยแขวนผ้ากันเปื้อนเตรียมตัวเก็บของ เจ้าของร้านหนุ่มจึงลงมือล้างเครื่องครัว เพราะร้านนี้มีพนักงานอยู่สองคนคือตัวเขาและทับทิม ในช่วงที่ต้องทำอาหารระหว่างวัน เจ้าหล่อนมักล้างจานชามให้ แต่ตอนเย็นใกล้ค่ำแบบนี้เขาก็ไม่อยากรั้งสาวน้อยเอาไว้ เกรงว่าให้กลับบ้านตอนฟ้ามืดจะเป็นอันตราย
ราเชนทร์หัวจะปวดกับชีวิตตั้งแต่เท้าแตะลงผืนแผ่นดินไทย คิดว่าต่อให้ทำงานงก ๆ ต่อไปคงไม่สามารถผ่อนเงินที่กู้มาจากทั้งสองที่ได้ตามกำหนด เขาพยายามโพรโมตผ่านสื่อโซเชียลแล้ว แม้จะมีวันที่คนแน่นเต็มร้านแต่ก็นาน ๆ ครั้ง ครั้นจะเปิดดิลิเวอรี่ ตัวเขาเพียงคนเดียวคงเกินตัว ไหนจะระบบหลังร้าน การรับออร์เดอร์ และความเสี่ยงที่เขาจะบริหารมันได้ไม่ครบวงจรอีก พอจะจ้างคนอื่นมาช่วย ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะเพิ่มยอดขาย ในตอนที่เงินไหลออกเป็นน้ำแบบนี้ไม่ว่าคิดแบบไหนล้วนเสี่ยงไปหมด
“เฮ้อ...”
ทันใดนั้นขณะที่เจ้าของร้านกำลังนั่งพักซังกะตายหลังล้างจานอยู่นั่นเอง เสียงกระดิ่งหน้าร้านก็แว่วดัง พร้อมเสียงฝีเท้าหนักเดินเข้ามาด้านใน ปรากฏให้เห็นเป็นชายร่างสูงในชุดสูททางการ ลอนผมหยักศกสีทองอร่ามพร้อมด้วยดวงตาสีน้ำข้าว และรอยยิ้มกว้างประจำกาย
“ไอ้วิน จะมาทำไมไม่โทรมาก่อนวะ”
“หิวอะ ทำอะไรให้กินหน่อยดิ”
“มีไก่ดิบ มึงกินไหมล่ะ”
“เดี๋ยวเถอะไอ้นี่ กูอุตส่าห์มีข้อเสนอดี ๆ มาฝาก”
เจ้าเพื่อนพูดพลางโยนกระเป๋าเอกสารลงพื้น ลากเก้าอี้มาหาเพื่อนรักที่จบมาจากสถาบันเดียวกัน ทำเอาราเชนทร์กลอกตากับท่าทีของไอ้หน้าฝรั่ง
ไอ้วิน ชื่อจริง Édouard William (เอดูอาร์ วิลเลี่ยม) พ่อเป็นคนฝรั่งเศส และมีแม่เป็นลูกครึ่งไทยเยอรมัน แต่เกิดและโตในสยามประเทศจึงพูดไทยคล่องปร๋อ ได้เป็นเพื่อนสนิทกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ฝรั่งเศส ตัวเขาเรียนหลักสูตร Diplôme de Cuisine (หลักสูตรการทำอาหารฝรั่งเศส) อยู่ก่อน ส่วนไอ้วินเรียนทนายความอยู่ไทย และกลับได้สิทธิ์มาเรียนแลกเปลี่ยนในหลักสูตรบริหารอยู่หนึ่งปี พวกเขาจึงได้ทำความรู้จักกันในตอนที่เขาอยู่ปีสุดท้าย
“อะไร มึงจะให้เงินกูเหรอ? เอามาสิ”
ราเชนทร์ยื่นมือไปทางไอ้เพื่อนตาน้ำข้าวอย่างกวนประสาท เห็นมันหยิบลูกชุบมาเคี้ยวหงุบ ๆ แบบไม่สนสี่สนแปดแล้วอยากจะเอากำปั้นเสยหน้าจริง ๆ
“คนที่จะให้ไม่ใช่กู แต่เป็นคุณหนู”
“มึงว่าอะไรนะ คุณหนูของโรงแรมที่มึงทำงานอยู่อะนะ”
“อื้อ”
ตระกูลโสภณวิจิตร เจ้าของเครือโรงแรม ‘Hôtel Le Roi’ (โฮเต็ล-เลอ-ลัว) สถานที่ที่นักเรียนการโรงแรมทุกคนใฝ่ฝันอยากไปร่วมงาน เพราะที่นั่นถือเป็นสถานที่รับรองคนจากต่างบ้านต่างเมือง จึงเป็นศูนย์รวมความหรูหราระดับที่คนรากหญ้าไม่มีวันได้ไปสัมผัส
“คุณหนูของฉันเป็นผู้อำนวยการที่ยังโสด ที่บ้านเลยกดดันมาให้แต่งงานสร้างทายาท ก็เลยกำลังหาคนให้อยู่น่ะ”
“ระดับนั้นไม่ใช่ว่ามีคู่หมั้นอยู่แล้วเหรอวะ”
“ใช่ แต่คุณหนูต้องแต่งออก”
“อ่า...เข้าใจได้”
เคยอ่านมาผ่าน ๆ ว่าคู่หมั้นเจ้าตัวเป็นคนที่โคตรของโคตรรวย ระดับนั้นคงมีธุรกิจพันล้านไม่ต่างกัน หากต้องแต่งออกแสดงว่าองค์กรจะเสียกำลังสำคัญไป ดังนั้นจึงคิดหาคนแต่งเข้ามากกว่า
“เลยจะมาขอให้ฉันไปแต่งงานกับคุณหนูนั่นแลกเงิน”
“เข้าใจได้ไวดีนี่เพื่อนรัก!”
“จะได้เงินเท่าไหร่?”
“หนี้มึงมีเท่าไหร่ล่ะ ก็ทั้งหมดนั่นแหละ”
“เอาสัญญามาดูเลยมา”
“ต้องแบบนี้สิถึงจะคุยกันง่าย”
วิลเลี่ยมยิ้มร่า คว้ากระเป๋าเอกสารขึ้นหยิบซองรายละเอียดที่เตรียมมาให้เจ้าเพื่อนรักได้อ่าน เทียบกับไอ้หน้าเหม็นคนนั้นสู้คุณหนูมาแต่งงานกับคนของเขาดีกว่า นอกจากจะสนิทกับคนใหญ่คนโตแล้ว ถ้าสำเร็จคุณหนูบอกว่าจะให้วันหยุดด้วย แบบนี้มันมีแต่ได้กับได้!
“ณิชา! แด๊ดดี๊มารับแล้วนะคะ”ว่าแล้วเจ้าของชื่อตัวเล็กก็วางมือจากของเล่น วิ่งแถด ๆ ไปกอดผู้เป็นบิดาด้วยความคิดถึง ก่อนที่เด็กหญิงจะเดินเตาะแตะไปสวัสดีทีเชอร์ หยิบกระเป๋าเป้มาสะพายพร้อมเดินทางกลับบ้านแสงยามเย็นสาดส่องเข้ามายังอาคารเรียนชั้นอนุบาลของโรงเรียนนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นลานกรีฑา สระว่ายน้ำ หรือสนามเด็กเล่นล้วนถูกย้อมไปด้วยสีส้มจากดวงอาทิตย์ บริเวณทางเดินหน้าห้องเรียนมีเพียงสองพ่อลูกเดินจูงมือมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถ ถึงกระนั้นเด็กหญิงผู้สดใสกลับไม่ได้ต้องการดื่มด่ำกับความสงบนั้นด้วยเหตุผลประการใหญ่“แด๊ดดี๊มาสายตั้งหนึ่งนาทีนะคะ”“แด๊ดขอโทษ... พี่อนาสตาเซียเขาเสียนิดหน่อยค่ะ”“พี่อนาสตาเซียแก่แล้ว แด๊ดดี๊ไม่ขอให้มามี้ซื้อให้ใหม่ล่ะคะ”ลูกสาวตัวเล็กเอื้อนเอ่ยเป็นเสียงเจื้อยแจ้วกับบิดาด้วยความงอนเล็กน้อย ส่วนเจ้าของ ‘พี่อนาสตาเซีย’ ที่มีนามว่าราเชนทร์กลับได้แต่รู้สึกผิดพลางสวมหมวกนิรภัยให้ลูกสาวคนสวย เผอิญว่าระหว่างทางลืมว่าน้ำมันใกล้หมด ผลที่ได้คือการที่ล้อหยุดหมุนกลางทาง ท้ายที่สุดจึงต้องเข็นมอเตอร์ไซค์ลงทางด่วนแวะเข้าปั
“คุณปู่จะพักที่นี่ไปตลอดเลยก็ได้นะครับ”“แบบนั้นมันจะรบกวนหนูรินทร์เอาน่ะสิ”คุณปู่วัยชราที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน นั่งพิงพนักอย่างอ่อนแรงเล็กน้อย ใบหน้าของท่านยังคงมีร่องรอยความอ่อนเพลียจากการพักฟื้น แต่ดวงตากลับฉายแววเอื้อเอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด แม้เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูหลวมโคร่งบ่งบอกถึงน้ำหนักที่ลดลงไปบ้าง แต่ท่าทีโดยรวมยังคงแข็งแรงดีหลานสะใภ้อย่างนรินทร์ในตอนนี้อาจอำนวยความสะดวกให้ท่านไม่ได้มาก เพราะตั้งครรภ์มาเข้าเดือนที่เจ็ดแล้ว แต่ท่านเองก็ไม่ถือสาอะไร“ผมว่าเชนทร์ต้องดีใจมากแน่ ๆ ครับ”“ฮ่า ๆ มันจะจริงเหรอ?”ชัยวัฒน์กลั้วหัวเราะในลำคอ ตอนมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลใคร ๆ ก็ดูออกว่าหลานเขามันหวงเมียอย่างกับอะไรดี ขนาดพยาบาลเบต้าเข้าใกล้ยังมองเขม่น ต่อให้เขาเป็นปู่แท้ ๆ แต่กลับกันถ้าให้สวมบทบาทเป็นหลาน เขาก็ลำบากใจหากมีผู้หลักผู้ใหญ่มาร่วมชายคา“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมเช่าคอนโดใกล้ ๆ ให้ คุณปู่จะได้เดินทางสะดวก ดีไหมครับ?”“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ปู่กลับไปนอนร้านก็ได้”“ตอนนี้ร้านกำลังปรับปรุง เกรงว่าจะไม่สะดวกครับ”แม้
ในห้องครัวขนาดพอเหมาะ ณ โรงแรมโฮเต็ล-เลอ-ลัวที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศและคาวปลา แฝดชายสามคนครัวในเครื่องแบบสีขาวสะอาดกำลังนั่งสุมหัวอยู่ยังมุมหนึ่งของห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กระซิบกระซาบถึงพฤติกรรมของหัวหน้างานที่ผิดแผกไป“พวกมึงว่าลูกพี่เขาโดนของรึเปล่าวะ” เขตเปรยถามเหล่าน้อง“กูว่าเขาก็เป็นแบบนี้ของเขาทุกวันนะ” เขื่อนค้านตาใส ด้วยว่าหัวหน้าเขาก็หน้าบานทุกครั้งที่ท่านผอ. แวะมาหา“ไม่หรอก กูเห็นด้วยกับไอ้เขต” ขุนคนกลางสนับสนุนคนพี่ เนื่องจากคราวนี้ลูกพี่ราเชนทร์พอว่างจากงานก็เปิดโทรศัพท์ขึ้นมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ต่างจากปกติที่จะไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถี่ขนาดนี้ว่าแล้วทั้งสามก็หันคอกลับไปมองปัวส์ซงนิเอร์หัวหน้าแผนกเป็นตาเดียว แล้วถึงพบว่าพี่แกหยิบมือถือขึ้นมาฉีกยิ้มใส่อีกแล้ว คนไม่มองว่าโดนของเข้าก็ให้มันรู้ไปทันใดนั้นก็มีสัญญาณออร์เดอร์เข้า พวกเขาทั้งสามจึงต้องรีบวิ่งกลับเข้าที่พร้อมเป็นลูกมือหัวหน้าแผนกผู้เคร่งครัด โดยในขณะที่เจ้าขุนกำลังเตรียมแป้งทำทะเลทอด ก็เกิดสนอกสนใจประเด็นเกี่ยวกับหัวหน้า“ลูกพี่ เมื่อกี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไร
“ฮึก... นรินทร์...ฮึก...พ่อ...ฮึก...ฟื้ด! ฮือ...”รณภพพอทราบเรื่องจากราโชค ก็หิ้วเมียขึ้นรถขับตรงมายังเพนต์เฮาส์ของลูกชายคนเล็ก พร้อมสิ่งของเสื้อผ้าสมัยเด็กที่นรินทร์เคยใช้ เพื่อนำมาตัดเป็นผ้าพกนำโชคสำหรับหลานตัวน้อยที่กำลังจะเกิดในอีกเก้าเดือนข้างหน้าเมื่อมาถึงทั้งสองก็เข้าประคบประหงมว่าที่คุณแม่ โดยเฉพาะคุณตาซึ่งร้องไห้ขี้มูกโป่งซาบซึ้งจนภรรยาอย่างน้ำนนท์ต้องหยิบทิชชูไปวางบนตัก“ผมนึกว่าคุณพ่อจะมาเยี่ยมพรุ่งนี้...”“จริง ๆ ป๊าก็คิดอย่างนั้นแหละจ้ะ แต่พ่อเขาไม่ยอม”น้ำนนท์กล่าวอย่างละเหี่ยใจ ทั้งที่วิดีโอคอลเอาก็ยังได้ ไม่เห็นต้องถ่อมารบกวนลูกดึก ๆ ดื่น ๆ แต่เอาเถอะ อย่างไรผัวเขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยคบกันแรก ๆ แล้วส่วนราเชนทร์นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีขนมต้อนรับเป็นทาร์ตส้มที่พึ่งทำสด ๆ เมื่อเย็นวันนี้ จึงนำมาวางตรงกลางให้สมาชิกหยิบไปชิม เมื่อราวหลายชั่วโมงก่อนนรินทร์ยังเป็นกังวลหนักอยู่เลย แต่พอมาตอนนี้คงไม่เป็นไรแล้วเพราะที่ปรึกษามาเยือนถึงบ้าน ว่าแล้วสามีอัลฟ่าจึงเข้าไปกระซิบข้างหูภรรยาให้เล่าเรื่องหนักใจ ในขณะที่เขาขอปลีกตัวมา