‘อุแว้...’
เสียงของชีวิตใหม่ดังขึ้นท่ามกลางความโล่งใจของทีมที่เข้าไปช่วยเหลือ เมื่อเห็นว่าทั้งแม่และเด็กปลอดภัยดีดวงตาของคนบนเวทีค่อยๆ ปิดลง พร้อมกับแสงสีขาวที่พุ่งออกมาจากร่างนั้นโดยไม่มีใครเห็น วิญญาณของนักร้องหนุ่มยืนมองเด็กน้อยตรงหน้า ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง คันหนึ่งพาแม่และเด็กออกจากสถานที่จัดคอนเสิร์ตอย่างรวดเร็ว อีกคันกำลังใช้ผ้าขาวห่อร่างไร้วิญญาณในคืนงานคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของชีวิต “คุณตายแล้ว” แฟนมีตเอ่ยขึ้นเมื่อฟังเหตุการณ์คืนนั้นจากปากพาสต้าอย่างละเอียด เขายังคิดไม่ออกว่าทำไมพาสต้าถึงบอกว่าตัวเองยังไม่ตาย ในเมื่อเหตุการณ์มันชัดเจนขนาดนั้น “ผมแค่เกือบตาย” “เกือบยังไง” “พ่อกับแม่ผมตามมาในที่เกิดเหตุ ท่านขอจัดการเรื่องรักษาผมด้วยตัวเอง ท่านพาร่างผมไป...ผมรู้แค่นี้” “แล้วทำไมคุณไม่ตามไปตั้งแต่ตอนนั้นจะได้รู้ว่าเขาพาคุณไปไหน” “โลกเรามันไม่ได้มีแค่วิทยาศาสตร์หรอกนะ ยังมีอีกหลายอย่างที่มันอยู่กับเรามานาน” “คุณหมายถึงไสยศาสตร์ มนต์ดำอะไรพวกนั้นเหรอ” พาสต้าพยักหน้าตอบรับช้าๆ “พ่อผมท่านเคยไปต่างประเทศเพื่อร่ำเรียนวิชาอะไรพวกนี้มาบ้าง ผมอาจจะไม่ใช่ผีเพราะผมยังไม่ตาย แต่ผมก็คือจิตหรือวิญญาณที่ออกมาจากร่างของตัวเองคุณพ่อผมทำบางอย่างที่ทำให้ผมหาร่างไม่เจอ” แววตาของพาสต้าทั้งสับสน ว้าวุ่นใจ “แล้วเขาจะทำไปทำไม ถ้าเขาอยากช่วยชีวิตคุณแล้วเขาจะเอาคุณไปซ่อนทำไม” “เพราะเขาไม่ได้อยากให้ผมฟื้น” “หมายความว่าไง” แฟนมีตชักสงสัยว่าครอบครัวของพาสต้าเป็นแบบไหนกันแน่ เขารู้สึกว่าครอบครัวของพาสต้าอาจจะมีบางอย่างที่ปกปิดไว้และคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ ยิ่งพอพาสต้าเล่ามาถึงตรงนี้เขายิ่งสัมผัสได้ว่าการจะตามหาร่างที่หายไปมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน “ผมเคยเห็นพ่อกับแม่ทำวิจัยเกี่ยวกับยาตัวหนึ่งเป็นยาที่ทำให้เราไม่แก่” “ยาอายุวัฒนะอะไรพวกนั้นงั้นหรอ” “คล้ายๆ กัน แต่ยาตัวนี้นอกจากทำให้คนในร่างปกติไม่แก่แล้ว ยังสามารถทำให้ศพคงอยู่ในสภาพเดิมได้เป็นร้อยปี” แฟนมีตรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังหลุดไปในพล็อตภาพยนต์แฟนตาซีเหนือธรรมชาติสักเรื่องที่เคยเห็นผ่านตา “ผมว่ามันชักจะไปกันใหญ่ เขาจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร วิจัยเก็บศพคนไม่ให้เน่าเปื่อยเนี่ยนะ” “คุณคิดว่าโลกเราจู่ๆ ก็มีเชื้อไข้หวัด มีคนป่วยเป็นโรคประหลาดโดยที่มันไม่มีที่ไปที่มาได้จริงๆ หรือไง ทุกๆ การค้นพบครั้งใหม่ มูลค่ามันมหาศาลแค่ไหนคุณรู้หรือเปล่า” น้ำเสียงบวกกับสายตาจริงจังทำเอาช่วงหนึ่งในความคิดของแฟนมีตเกือบจะเชื่อพาสต้าร้อยเปอร์เซนแต่เพราะเหตุการณ์มันฟังแล้วดูเหนือธรรมชาติเกินไป เขาจึงยังลังเลจะปักใจยอมรับ “คุณแน่ใจเรื่องนี้มากแค่ไหน” “ผมมั่นใจมากก็แล้วกัน ตัวคุณเองนั่นแหละมั่นใจในตัวผมมากพอที่จะยอมรับแล้วช่วยผมได้ไหม” “ก็รับปากไปแล้วไง” “ขอบคุณนะ” “อืม ผมว่าเรารีบกลับบ้านไปพักกันเถอะ ตอนนี้เหมือนหัวจะระเบิด” แฟนมีตรีบจัดการยัดแฟ้มเข้าชั้นจนเสร็จก่อนจะเก็บของใช้ส่วนตัวเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านแล้วล็อคร้านให้เพนเน่ เมื่อหันมองหาพาสต้าก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว “เจอกันที่บ้านนะพาสต้า” แฟนมีตขับรถกลับมาที่บ้านในตอนนั้นทุกสิ่งทุกอย่างในหัวของเขาตีกันจนสับสนวุ่นวานไปหมด “กลับช้าจังเลยวันนี้ไอ้ลูกชาย แอบไปหาสาวที่ไหนรึป่าว?” “มีตแวะไปช่วยพี่เพนเน่มาเลยช้า สาวที่ไหนกันล่ะ” “ก็เพนเน่นี่ไง เห็นตอนฝึกงานพร่ำเพ้อหาเขาทุกวัน” “แม่อย่าเว่อร์ แล้วนี่ทำอะไรครับทำไมไม่ไปพัก” “แม่ก็แค่รอลูกกลับบ้านก่อนน่ะ” แฟนมีตมองหน้าแม่ของตัวเองด้วยความรู้สึกที่มันบรรยายไม่ถูก ทั้งกระอักกระอ่วน กังวล กลัว สับสน จนตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่า เขาควรถามออกไปตรงๆ หรือไปหาคำตอบของเรื่องความสัมพันธ์ในอดีตของผู้เป็นแม่ด้วยตัวเอง “มีอะไรหรือเปล่า จ้องหน้าแม่ทำไมไม่สบายหรอลูก” แต่มันคงเป็นเรื่องยากเพราะคนที่เลี้ยงลูกชายมาถึง 25 ปีก็คงดูออกว่าเขากำลังมีเรื่องไม่สบายใจให้ขบคิด “แม่ แม่เคยมีเรื่องโกหกที่มันสำคัญกับชีวิตใครมากๆ ไหม” แฟนมีตตัดสินใจวางของแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างๆ ผู้เป็นแม่ “ทำไมล่ะ..จู่ๆ ทำไมมาถามแบบนี้ มีตเป็นอะไรหรือเปล่าลูก” สองคนแม่ลูกถึงแม้จะดูภายนอกเหมือนกับว่าไม่ได้สนิทกันมากเพราะตัวแฟนมีตเองก็ค่อนข้างโลกส่วนตัวสูง ส่วนผู้เป็นแม่เองก็ชอบทำตัวเป็นคุณแม่วัยใส หาเรื่องกวนตัวกวนใจลูกชายอยู่เป็นประจำ ตีกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่ทุกๆ ครั้งไม่ว่าแฟนมีตจะมีเรื่องอะไรเขาก็มักจะมาปรึกษาแม่ก่อนเสมอ เพราะเขาเชื่อมาตลอดว่าแม่คือคนที่เขาสามารถไว้ใจได้มากที่สุดในชีวิต ซึ่งถ้ามันไม่ได้เกิดเรื่องของพาสต้าขึ้นเขาก็ยังคงเชื่อและคิดแบบนั้นเสมอ.. “ก็มีตแค่อยากรู้” “อืม.. เคยสิ แม่ไม่เชื่อหรอกนะว่าในโลกนี้จะมีคนที่ไม่เคยโกหกเรื่องอะไรเลยในชีวิต ทุกคนก็มีความจำเป็นในบางเรื่องที่เขาไม่สามารถพูดความจริงได้ทั้งนั้นแหละ” “แล้วแม่ว่า.. ถ้าการโกหกของเขามันเป็นปัญหาสำคัญในชีวิตของอีกคนล่ะครับ” แฟนมีตถามย้อนกลับไป “สำคัญแค่ไหนเหรอ” “ก็สำคัญมากๆ แบบมากๆ เพราะมันอาจเป็นเรื่องเดียวที่เขาอยากรู้ความจริงมาตลอดชีวิต” แฟนมีตสบตาผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด ทั้งชีวิตที่ผ่านมา สองคนแม่ลูกมีกันและกันมาเสมอ ตั้งแต่วันที่แฟนมีตลืมตาขึ้นมาดูโลก ก็มีเพียงใบหน้าของผู้หญิงคนนี้เท่านั้นที่เขามองกลับมาทุกครั้งก็ยังเห็นว่าเธอไม่เคยทิ้งลูกชายไปไหน พลอยเฝ้าเลี้ยงดูแฟนมีตจนเขาโตมาเป็นแฟนมีตอย่างในทุกวันนี้ด้วยตัวเองลำพัง พลอยคือผู้หญิงที่เก่งมากที่สุดสำหรับแฟนมีต “มีต คิดจะพูดอะไรกันแน่ลูก” แฟนมีตสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะค่อยๆ เรียบเรียงประโยคคำถามที่คิดว่ามันน่าจะดีที่สุดสำหรับเขาทั้งสองคน “แม่เคยบอกมีตว่าป๊าทิ้งเราไปตั้งแต่วันที่มีตคลอดกลางงานคอนเสิร์ต” หญิงสาวพยักหน้าตามคำบอกเล่าของลูกชายด้วยใบหน้าเป็นกังวล “แม่เคยเอารูปป๊าให้มีตดูแล้วบอกว่าเขาชื่อจอม” เธอยังคงพยักหน้าตอบกลับโดยที่ไม่ได้พูดอะไร “แม่บอกว่าแม่คือแฟนคลับของพาสต้าคนที่ตายในวันที่มีตเกิด แต่ตั้งแต่มีตโตมาทำไมมีตไม่เห็นแม่เก็บของที่ระลึกอะไรเกี่ยวกับพาสต้าไว้เลย” “ก็เขาตายไปตั้งนานแล้ว จะให้แม่เก็บไว้ทำไม” “ก็ป๊าก็ทิ้งเราไปตั้งนานแล้ว ทำไมแม่ถึงยังเก็บจดหมายฉบับนั้นเอาไว้อีก” “มันไม่เหมือนกัน จอมเขาเป็นพ่อมีต ส่วนพาสต้าเขาก็แค่นักร้องที่แม่เคยปลื้ม” พลอยพยายามอธิบายแต่แฟนมีตกลับรู้สึกได้ว่าเธอกำลังปกปิดคำตอบเหล่านั้นจากบางอย่าง ยิ่งได้เห็นท่าทีของพลอยแบบนี้ยิ่งทำให้เขาเริ่มเชื่อในเรื่องที่พาสต้าเล่าให้ฟังว่าคนที่ชื่อจอมไม่ใช่พ่อของตน และเรื่องราวของพลอยกับพาสต้าอาจจะมีอะไรมากกว่าแฟนคลับและนักร้องคนหนึ่ง “พ่อมีตชื่อจอมจริงๆ เหรอครับแม่” “ทำไมถามแบบนั้น” “แม่มองหน้ามีตแล้วตอบมีตมา.. เราเคยสัญญากันแล้วนะว่าเราจะไม่โกหกกัน เพราะการโกหกมันจะทำลายความเชื่อใจ” ดวงตาสีน้ำตาลสั่นไหว น้ำใสๆ เอ่อคลออยู่ในนั้น หญิงสาวไม่เคยเป็นแบบนี้ต่อหน้าคนเป็นลูกมาก่อน นั่นยิ่งทำให้แฟนมีตมั่นใจว่ามันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ “แม่...” “อืมแม่จะไม่โกหกมีต มีตโตพอที่จะรับรู้เรื่องของตัวเองแล้ว” คล้ายโลกทั้งใบหยุดนิ่ง 25 ปีที่เขาคิดแค่ว่าพ่อทิ้งเขาไป กลายเป็นว่าคนๆ นั้นอาจจะไม่ใช่พ่อที่แท้จริง “จอมไม่ใช่พ่อของมีต แม่แค่ไปขอร้องให้เขาช่วยมาเซ็นรับรองบุตรก็แค่นั้น” “แล้วพ่อของมีต.. คือใครเหรอครับแม่” “มีตจะอยากรู้ไปทำไม รู้ไปก็ไม่ช่วยอะไร เราก็อยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูกมันก็ดีมากๆ อยู่แล้ว” “แล้วมีตไม่มีสิทธิ์รู้เหรอครับแม่!!” แฟนมีตเผลอเสียงดังใส่ผู้เป็นแม่จนเธอสะดุ้งด้วยความตกใจ คงเป็นครั้งแรกที่เขาแสดงกิริยาแย่ๆ แบบนั้นออกมาต่อหน้าแม่ เพราะไม่ว่าทั้งสองคนจะโกรธหรือทะเลาะกันมากแค่ไหน มันไม่มีเลยสักครั้งที่แฟนมีตจะทำแบบนี้กับเธอ “มีตฟังแม่นะ พ่อของมีตเขาเสียไปนานมากแล้ว แม่ก็เลยไม่รู้จะอธิบายกับมีตยังไง ไม่รู้จะบอกมีตว่าเขาคือใคร รูปถ่ายอะไรของเขาแม่ก็ไม่มี” “แม่เคยคบกับพาสต้า แม่เป็นแฟนพาสต้าไม่ใช่แฟนคลับ ใช่ไหมครับ” ‘แฟนมีต!!!’ เสียงของพาสต้าร้องเรียกโพล่งออกมาหลังจากที่เชาแอบฟังอยู่เงียบๆไม่ให้แฟนมีตรู้ตัว “มีตไปเอาเรื่องนี้มากจากไหน” “แม่แค่ตอบมีตมา..ตามความจริง” “คือแม่ไม่...” “ถ้าแม่โกหกมีตอีกแม้แต่เรื่องเดียว มีตจะออกจากบ้านหลังนี้แล้วจะไม่กลับมาอีกเลย” แฟนมีตยื่นคำขาดและแน่นอนว่าพลอยเธอก็เชื่อว่าลูกของเธอจะทำตามที่พูดจริงๆ “มีตฟังแม่นะ แม่กับพาสต้าไม่เคยคบกัน โอเคเราสองคนเคยชอบกันแต่แม่มีแฟนอยู่แล้ว และคนๆ นั้นก็คือพ่อของลูก” “คะ..ครับ?” “แม่ไม่รู้นะว่ามีตไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน แต่พาสต้ากับแม่เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน มันมีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นแต่มันไม่ใช่แบบที่มีตได้ยินมาแน่นอน แม่รับประกันได้” แฟนมีตมองหน้าพาสต้าที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้เป็นแม่ พาสต้าเองก็ดูตกใจไม่ต่างกันที่พลอยพูดแบบนั้นออกมา เพราะเขายืนยันหนักแน่นทุกๆ ครั้งที่พูดว่าเขากับพลอยเคยเป็นแฟนกันมาก่อน “แม่ไม่ได้โกหกมีตใช่ไหม” “ใช่.. แม่อาจจะผิดที่แม่เคยไปให้ความหวังและทำให้พาสต้าเขาคิดว่าแม่อาจจะมีใจให้เขา” “แม่ทำอะไร?” “วันนั้นแม่ทะเลาะกับพ่อของมีตแม่ก็เลยไปหาพาสต้าที่คอนโด แล้วแม่ก็ดื่มจนเมา..แม่จำอะไรไม่ได้เลยตื่นมาก็เห็นแค่พาสต้าที่นอนอยู่ข้างๆ แล้วเราสองคนก็แยกกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นแม่สาบานได้” ต้องมีใครสักคนแน่ๆ ที่กำลังโกหกอยู่ 1 วันในชีวิตแฟนมีต เขาต้องพบเจอเรื่องน่าตกใจแบบนี้ไปกี่เรื่องกันกว่าจะพบกับคำตอบ “พ่อของผมไม่ใช่พาสต้าใช่ไหม” “ไม่ใช่...ไม่มีทาง ถึงแม่จะเมาแต่แม่ก็มั่นใจว่าแม่ไม่ได้มีอะไรกับพาสต้าจนท้องแน่นอน” “แล้วแม่เอาอะไรมามั่นใจ ว่าพ่อมีตไม่ใช่พาสต้า ก็แม่เป็นคนบอกเองว่าแม่เมาจำอะไรไม่ได้” “แฟนมีต...” “มีตว่าแม่ลองไปคิดทบทวนดูอีกหน่อยนะครับ ยังไม่ต้องตอบมีตตอนนี้ เพราะมีตอยากรู้ความจริงที่มันเป็นความจริง เย็นนี้มีตไม่กินข้าวนะครับแม่ไม่ต้องรอ” แฟนมีตตัดบทแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ในจังหว่ะที่เขาเดินผ่านพาสต้า แฟนมีตแทบไม่สบตาเขาเลยสักนิด และแม้แต่ตัวของพาสต้าเองก็ไม่ได้สนใจแฟนมีตเช่นกัน พาสต้าจ้องมองแม่ของแฟนมีตอยู่เนิ่นนาน แววตาดูผิดหวังกับบางอย่าง แต่ ณ ตอนนั้น เขาคงไม่มีกระจิตกระใจจะไปคิดเรื่องอะไรอีกแล้ว เขารู้แค่เพียงว่าตัวเองกำลังกลายเป็นเครื่องมือของใครสักคนที่กำลังพยายามจะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเขาก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไม เพราะอะไร สิ่งเดียวที่รู้ได้ตอนนี้คือ พลอยกับพาสต้าต้องมีสักคนที่โกหก หรือบางทีทั้งคู่ก็อาจจะเป็นคนที่กำลังโกหกเขาอยู่และเขาต้องรู้เหตุผลของเรื่องบ้าๆ ทั้งหมดนี่ให้ได้ : - TBC - #hgdคุณผีที่รัก“มีตกลับมาแล้วเหรอลูกแม่เห็นข่าวเรื่องที่บ้านของพาสต้า มีตไม่เป็นอะไรใช่ไหม”“ผมสบายดีครับแม่”พลอยแทบไม่เป็นอันทำอะไรในตอนที่ข่าวหน้าจอทีวีกำลังรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเพียงสิงขรเธอสังหรณ์ใจว่าลูกชายของเธออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่พอได้เห็นว่าแฟนมีตปลอดภัยดีเธอจึงยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ“ว่าแต่แม่เถอะครับเป็นไงบ้างผมไม่อยู่ตั้งสามวัน” “แม่จะเป็นอะไร ก็สบายมากๆ เลยไงมีทั้งน้ากิ่ง อาเวลมาช่วยดูแลแม่อยู่ตั้งสองคน”“จริงเหรอครับแล้วตอนนี้น้ากิ่งเขาอยู่ที่ไหน”แฟนมีตมองไปรอบๆ บ้าน เห็นแค่เพียงเวลที่กำลังนั่งซ่อมวิทยุตัวเก่งให้แม่ของเขาอยู่ที่มุมห้อง“เหมือนจะอยู่ในห้องนอนนะเห็นว่าเข้าไปหาอะไรสักอย่าง”“งั้นเหรอครับ ขอไปทักทายสักหน่อยดีกว่าจะได้รู้ว่าหลานรักกลับมาแล้ว”แฟนมีตเดินตรงไปยังห้องรับรองที่เขาเป็นคนจัดเอาไว้เพื่อให้กิ่งแก้วใช้เป็นที่นอนชั่วคราวระหว่างรอต่อเติมบ้าน“น้ากิ่งเขาไม่อยู่แล้วนิครับ เสื้อผ้าก็ไม่มี”“หมายความว่ายังไงลูก”“เป็นไปได้ยังไงก็ก่อนที่พลอยจะเข้าไปล้างจานในครัวอายังเห็นเขาอยู่ในห้องเลยนะ”พลอยกับเวลรีบตามลูกชายเข้าไป ถึงได้เห็นว่าภายในห้องไม่มีแม้แต
“พาสต้าคุณโอเคหรือเปล่า”หลังจากที่น้ำหนาวและพายุขอตัวกลับ แฟนมีตก็รีบขึ้นมาดูอาการของพาสต้าทันที“ดีขึ้นแล้วครับ เป็นยังไงบ้างน้ำหนาวกับพายุได้เรื่องหรือเปล่า”“ยิ่งกว่าได้เรื่องอีก อย่างแรกผมกู้คืนคลิปวิดีโอจากในมือถือตัวเองได้แล้วนะ ตอนนี้ผมเก็บไฟล์ทั้งหมดใส่ไดร์ฟเรียบร้อยแล้ว”แฟนมีตพูดพร้อมกับโชว์แฟลชไดร์ฟสีดำในมืออันเป็นหลักฐานสำคัญ“ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องเครื่องติดตามพี่เพนเน่มีตัวส่งสัญญาณอีกหนึ่งตัวที่พายุเก็บเอาไว้ ตอนนี้กำลังดูว่าสัญญาณรถของพี่เพนเน่จะไปอยู่ที่ไหน”“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป”“หลังจากที่ผมแน่ใจแล้วว่าของทุกอย่างในโกดังมันถูกย้ายไปไว้ที่ไหน ผมจะส่งเรื่องทั้งหมดให้กับตำรวจและให้เขาเข้าไปจัดการ ถึงตอนนั้นคุณน่าจะเข้าไปใกล้ร่างของคุณได้แล้ว”แฟนมีตบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แต่พาสต้ากลับดูท่าทางคิดหนัก ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นสิ่งที่เขารอคอยมันมาตลอด แต่เวลานี้เขากลับดูไม่ได้ดีใจกับมันเสียเลย“คุณต้องรีบหาวิธีกลับเขาร่างให้เร็วที่สุด คุณสัญญากับผมได้ไหมพาสต้า”“สัญญาอะไรเหรอครับ”“คุณต้องกลับเข้าร่างของคุณให้ได้นะ มันไม่ใช่เพราะว่าผมอุตส่าห์ลงทุนช่วยคุณมาถึงตอนนี้”“แล้ว
“ตื่นแล้วเหรอแฟนมีต”“กี่โมงแล้ว”“น่าจะเกือบเที่ยงได้แล้วมั้ง”“อะไรนะ นี่ผมหลับไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ”แฟนมีตรีบเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนทันทีแม้จะยังรู้สึกเจ็บกับบาดแผลตามลำตัวอยู่เล็กน้อยก็ตาม“คงเพราะว่าคุณเพลียมากนั่นแหละ ตอนเช้าขอบฟ้าเข้ามาดูอาการคุณไปรอบหนึ่งแล้วนะเห็นบ่นว่าจะออกไปทำธุระข้างนอก ตอนนี้เลยไม่มีใครอยู่บ้านสักคน”พาสต้าจัดการไล่เรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในตอนที่แฟนมีตนอนหลับให้เขาฟัง“แล้วที่ร้านพี่เพนเน่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”“ผมไปมาแล้ว ร้านปิดแถมยังขึ้นป้ายว่าปิดไม่มีกำหนดอีกต่างหาก”“อะไรนะคนอย่างพี่เพนเน่เหรอจะมาปิดร้านอย่างไม่มีกำหนดแบบนี้”“ก็คงมาจากเรื่องที่คุณบุกเข้าไปในโกดังเขาเมื่อคืนนั่นแหละ ตอนนี้ที่โกดังไม่มีใครอยู่เลยสักคน”พาสต้าใช้เวลาในช่วงที่แฟนมีตได้พักผ่อนออกไปตรวจสอบทุกที่มาจนหมดเพราะไม่อยากรู้สึกว่าเขาปล่อยให้แฟนมีตมาจัดการเรื่องนี้อยู่คนเดียว และมันก็ทำให้เขารู้ว่าตอนนี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดพยายามทำลายหลักฐานเพื่อหนีความผิดในครั้งนี้“เป็นไปได้ยังไง?”“พวกเขาย้ายออกจากที่นั่นไปแล้ว ไปพร้อมกับอุปกรณ์ทั้งหมดของโกดังน่าจะขนออกไปต
“อาเวลครับแม่หลับไปแล้วหรือยังครับ”แฟนมีตไม่กล้ากลับไปที่บ้านของตัวเองในเวลานี้จึงตัดสินใจมาที่บ้านของขอบฟ้าแทน‘พลอยหลับไปแล้ว อาบอกว่ามีตจะไปค้างบ้านเพื่อนพลอยเขาพยายามโทรหามีตตั้งหลายสายแต่ก็ไม่มีคนรับ’“พอดีผมทำโทรศัพท์หายครับอา นี่ผมก็มายืมโทรศัพท์ไอ้ฟ้ามันจะโทรมาฝากอาบอกแม่ด้วยแล้วกันนะครับว่าผมขออยู่บ้านฟ้ามันสักสองสามวัน พอดีฟ้ามันให้มาช่วยงาน”‘แน่ใจนะมีตว่าเราไม่ได้เป็นอะไร’เพราะน้ำเสียงแฟนมีตที่ตะกุกตะกักผิดปกติ ทำให้เวลจับผิดได้ไม่ยากว่าคนปลายสายกำลังโกหกเขาอยู่“นะครับอาทำตามที่ผมบอก”‘ก็ได้ แต่จบเรื่องนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ’“ว่าแต่ทางนั้นมีอะไรน่าสงสัยหรือเปล่าครับ”เมื่อเห็นว่าเวลยอมให้ความร่วมมือ แฟนมีตจึงถามถึงเรื่องสำคัญที่ฝากเอาไว้ทันที‘ก็ไม่มีนะ กิ่งแก้วดูปกติดีไม่ได้ทำอะไร จะมีก็แค่เขาดูไม่ค่อยพอใจนิดหน่อยที่อามาอยู่ที่นี่’“จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมจะขอร้องให้อาหาเรื่องอยู่ที่บ้านนั้นกับแม่ไปก่อนจนกว่าผมจะกลับไป”‘มีตจะให้อาทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ’“ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ แล้วครับอา และผมก็มีอีกเรื่องสำคัญที่จะฝากให้อาช่วย”ด้วยทุกอย่างมันผิดจากแผนเดิมไปจนหมด และแ
แฟนมีตเดินลัดเลาะไปที่ด้านหลังของโกดังซึ่งอยู่ติดกับทุ่งนาของชาวบ้านรั้วสูงถูกพันเอาไว้ด้วยลวดหนาม เป็นหนทางเดียวที่เขาจะสามารถเข้าไปด้านในได้ และเขาต้องยอมเสี่ยงแฟนมีตสำรวจไปรอบๆ เพื่อความปลอดภัยว่าจะไม่มีใครมาเจอตัวของเขาก่อนที่เขาจะเข้าไปในโกดังได้หนามจากลวดเกี่ยวเข้าที่แขนและขาของชายหนุ่มจนเป็นรอยยาว โชคดีที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก จึงสามารถข้ามเข้ามาในฝั่งของโกดังได้อย่างปลอดภัย“คุณแม่มาถึงหรือยัง”“ด็อกเตอร์กำลังเดินทางมาครับ อีกประมาณ 15 นาทีจะถึง เห็นท่านแจ้งว่าวันนี้รถค่อนข้างติด”ผู้ชายวัยกลางคนเดินออกมาต้อนรับเพนเน่ที่ด้านหลังโกดังซึ่งถูกดัดแปลงให้เป็นที่จอดรถ ชายคนนั้นสวมชุดขาวคล้ายกับชุดป้องกันรังสีเหมือนในภาพยนต์ที่เคยเห็น“ก็จริง กว่าฉันจะมาถึงได้ก็เสียเวลาไปหลายนาทีอยู่ แล้วข้างในเป็นยังไงบ้าง”“ด็อกเตอร์สั่งปรับสูตรยาตัวใหม่ให้มีประสิทธิภาพที่แรงขึ้นกว่าเดิมสองเท่าครับ”“สองเท่าเองเหรอ?”“ใช่ครับ ฟังดูมันอาจจะน้อยนะครับคุณเพนเน่ แต่สองเท่าสำหรับยาสูตรนี้ถ้าหากเป็นคุณเพนเน่คนเดิมที่เพิ่งเคยใช้ยาตัวนี้เป็นครั้งแรกอาจจะไม่ต้องใช้ยาไปอีกเลยถึงสามเดือน”ผู้ดูแลอวดอ้างสรรพ
แฟนมีตหลับสนิทไปแล้ว ส่วนพาสต้ายังคงนอนตะแคงมองใบหน้าของเขาอยู่อย่างนั้นถ้าวันหนึ่งเขากลับเข้าร่างไปได้ เขาจะมีโอกาสมาอยู่แบบนี้อีกหรือเปล่า แฟนมีตจะหายไปจากชีวิตของเขาไหม หรือเขาจะต้องไปอยู่ที่ไหนกันแน่เรื่องที่เรนิสากับภานุทำเอาไว้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าความจริงถูกเปิดเผยพ่อกับแม่ของเขาก็คงต้องไปชดใช้ความผิดตามกฎหมายที่ไม่รู้ว่ามันจะหนักหนามากสักแค่ไหนแต่ที่แน่ๆ มันอาจจะนานมากพอที่จะทำให้ยาอายุวัฒนะที่อยู่ในร่างกายของคนพวกนั้นหมดฤทธิ์แล้วธรรมชาติก็จะได้กลับมาทำหน้าที่ของมัน..:“แม่คะ หนูรู้สึกว่ายารอบนี้ประสิทธิภาพมันลดลงนะคะ”เพนเน่กลับมาจากร้านกาแฟ เธอรีบตรงไปหาเรนิสาที่ห้องทำงานทันที หลังจากที่เธอเจอความผิดปกติบางอย่างในร่างกาย“เกิดอะไรขึ้น?”“คือหลังจากหนูรับยาไปได้ 1 สัปดาห์ร่างกายก็เริ่มรู้สึกอ่อนเพลียแล้วก็เหมือนมันจะมีอาการคล้ายๆ กับเวลายามันหมดฤทธิ์”“เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อตัวยานี้มันสามารถดูดซึมอยู่ในร่างกายถึง 1 เดือนหรือเพราะมีอะไรผิดพลาด”เรนิสาถอดแว่นตาออกก่อนจะเดินรอบๆ ตัวของลูกสาวเธอเพื่อสำรวจความผิดปกติที่เกิดขึ้น“หนูเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะแม่ แต่มันเป็นแบบน