“เราแอดไลน์เธอไปแล้ว รับตอนนี้เลยดิ”
ฉันอ้าปากค้าง มองเขาที่นั่งซ้อนหลังอย่างไม่รู้จะทำยังไง เพราะตั้งแต่ที่ เอ่อ... ฉลามดุพูดให้ฉันเรียกชื่อเขาแบบนั้นแล้ว ฉันก็ได้แต่ก้มหน้างุดมองโทรศัพท์ของเขาอย่างไม่กล้าสบตาคนข้างหลังอีกเลย ก็ดูเขาสิ เจอกันยังไม่ถึงชั่วโมง (หรือถึงแล้วนะ) เขาก็เล่นรุกฉันแรงขนาดนี้แล้ว
และพอเห็นว่าฉันไม่ตอบอีก เขาก็เลยสะกิดไหล่ฉันเบาๆ “เหม่ออะไรนิ้ง”
“อะ... เปล่า” อะไรเนี่ย เรียกชื่อเหมือนสนิทสนมกันแบบนั้นอ่ะ “ชื่อไลน์อะไรเหรอคะ”
“อะไร หน้าเราก็อยู่นี่ เธอมองหน้าเราดิ ไลน์เราก็หน้าเรานี่แหละ” เขาพูดอย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่การที่คว้าคางฉันให้หันไปมองหน้าดุๆ ของเขาตามคำพูดด้วยมันคืออะไรกันอ่ะ! ฉันไม่ได้อยากดูหน้าเขาซะหน่อย ฉันจำหน้าเขาได้นะ ฮือ “เอ้า มองให้พอใจ”
“ปล่อยคางนะ” ฉันพูดเสียงสั่นๆ แล้วร่างสูงก็ทำสีหน้าแปลกใจ แต่ก็ยอมปล่อยอย่างว่าง่าย “คะ คุณก็บอกชื่อไลน์มาก็จบแล้ว”
“ชื่อไลน์ ‘พี่หลามคนจริง’ ไง” ฉันหน้าแดงไปหมดเมื่อได้ยินชื่อไลน์ของเขา อะ... อายแทน อายแทนจริงๆ เลย กล้าตั้งชื่อแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย
ฉันหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา ในขณะที่จะปลดล็อกหน้าจอโดยมีสายตาของฉลามดุจ้องเขม็งอยู่ตลอดเวลา ฉันกดเข้าไลน์แล้วสไลด์หาคนที่แอดไลน์มา ซึ่งมันมีมากซะจนฉันตาลายไปหมด
ฉันไม่ค่อยได้เข้าไลน์น่ะ ฉันเลยไม่รู้ว่าจะลบคำขอพวกนั้นยังไง ก็ที่แอดมามีแต่เพื่อนผู้ชายในมหาลัยเดียวกันทั้งนั้น
“อะไรวะ ผู้ชายทั้งนั้นเลย” ฉันได้ยินเสียงฉลามดุพึมพำอยู่ข้างๆ หูอย่างหัวเสีย “ที่มหาลัยเธอฮอตขนาดนี้เลยปะ”
“หา?”
“ประมาณว่า มีผู้ชายมาจีบ ขอเบอร์ ขอไลน์ แบบที่เรากำลังทำอยู่งี้ไง มีเยอะมั้ย”
“กะ... ก็” ฉันอึกอัก ถึงจะลำบากใจแต่ก็ตอบไปตามความจริง “ก็เยอะนะ แต่ส่วนมากเค้าจะทักเข้ามาในแชท...”
“ไม่ต้องไปตอบพวกแม่ง!!” ฉันสะดุ้งเมื่อจู่ๆ เขาก็กระแทกเสียงแทรกขึ้นมาอย่างกรรโชก ก่อนที่ฉลามดุจะเบิกตากว้างเหมือนเขาลืมตัว แล้วตบปากตัวเองแรงๆ “โทษที คือเราหวงเธอ แต่เราลืมไปว่าเรายังจีบเธอไม่ติด”
ตะ... ตรงดีจัง
“... แต่หนูก็ต้องตอบไปตามมารยาทน่ะ พวกเค้าเป็นเพื่อนที่มหาลัยทั้งนั้นเลย”
“ไม่ต้องตอบเลยทีหลังอ่ะ” ฉันมองเขาอย่างตกใจเมื่อร่างสูงคว้าโทรศัพท์ไปจากมือฉัน แล้วมองรายชื่อคนแอดไลน์ฉันบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างเข่นเขี้ยว “ศัตรูหัวใจเยอะจังวะ หงุดหงิด”
“เอ่อ... โทรศัพท์” ฉันพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วเขาก็มองฉันแล้วกัดฟันกรอด
ฉลามดุส่งโทรศัพท์ให้ฉันทันที ก่อนที่เขาจะกอดอก “เราถือว่าเรายังจีบเธอไม่ติดเลยคืนให้นะ ลองเธอได้เป็นแฟนเราดิ”
“...”
“ไอ้ที่สะเหล่อแอดๆ เข้ามาในนี้ เราจะไปเอาเรื่องแม่งเรียงตัวเลย”
จะโหดเกินไปแล้ว
“ขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนั้นเลยนะ” ฉันพูดกับเขาเสียงอ่อนเพราะอีกฝ่ายนั้นดูจะเป็นคนไม่ยอมคนใช้ได้เลยทีเดียว และก็ดูเหมือนที่พูดไปจะมีโอกาสเป็นจริงด้วยก็เลยห้ามไว้ก่อน ฉลามดุก็เลยคลายมือที่กอดอกออก แล้วฉีกยิ้มกว้างให้
“ได้ดิ เพื่อเธอเราทำได้ทุกอย่าง” ฉันควรจะดีใจดีมั้ยเนี่ย “แล้วรับแอดเรายัง”
“ระ... รับแล้ว”
“น่ารักมากครับผม!” ฉันสะดุ้งเมื่อจู่ๆ เขาก็ตะโกนออกมาแล้วกอดคอฉันจากด้านหลังอย่างแรง ฉันเบิกตากว้าง ก่อนที่จะอ้าปากค้างอีกรอบเมื่อพวกของเขาที่นั่งจับกลุ่มมองเงียบๆ นั้นเริ่มโห่ร้องส่งเสียงแซวกันเสียงดัง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขานั่งเงียบกันสุดๆ
“ไอ้หลามได้เมียใหม่แล้วเหรอมึง!!” ฉันได้ยินเสียงหนึ่งในนั้นแซวขึ้นมาเสียงดังมาก แล้วก็หน้าร้อนจัดอย่างอับอาย
พวกเขานี่มัน...
พลั่ก!
“เมียใหม่ห่าไร! มึงจะพูดไรให้เกียรติเค้าหน่อย” แต่แล้วฉันก็ต้องตกใจเมื่อร่างสูงที่นั่งอยู่ด้านหลังปาหมวกกันน็อคใส่หัวเจ้าตัวที่พูดประโยคนั้นอย่างรวดเร็ว เขาดูมีท่าทีจริงจังจนฉันแปลกใจ
“ทำเป็นซีเรียสไปได้ไอ้หลาม” เพื่อนของเขาวางหมวกกันน็อคไว้บนโต๊ะแล้วหัวเราะ “กูพูดเล่นๆ กัน”
“กูไม่เล่น” ฉลามดุทำหน้าไม่พอใจ เขาคว้าเอวฉันแล้วดันออกจากตักเขาอย่างเบามือในขณะที่จะสตาร์ทรถโดยไม่พูดอะไร ฉันมองเขาอย่างงุนงง ไม่เข้าใจอารมณ์เขาเลยว่าคิดอะไรอยู่ จนกระทั่งร่างสูงเอาหมวกกันน็อคอีกใบมาใส่ศีรษะของฉัน “ขอโทษที่ตอนพามาไม่ใส่ให้นะ พอดีซอยมันอยู่ใกล้ๆ”
เสียงของเขาอ่อนลงกว่าตอนคุยกับเพื่อนอย่างเห็นได้ชัดเลยอ่ะ
“ละ... แล้วคุณไม่ใส่เหรอ?” ฉันถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เราขี้เกียจเดินไปหยิบ รำคาญไอ้พวกเวรนั่น” เขาพูดแล้วดันไหล่ฉันให้ถอยหลังไป ในขณะที่จะกลับตัวรถ “ถ้าเกิดรถคว่ำขึ้นมา คนที่เราไม่อยากให้ตายก็คือเธอ”
ฉันหน้าร้อนวูบ ยอมรับนะว่ามันก็ดีที่เขาพูดแบบนี้ แต่ฉันก็ยังกลัวเขาอยู่ดี
“... แล้วจะพาหนูไปที่ไหนเหรอ”
“ส่งบ้านไง” เขาเคลื่อนตัวรถมาขนาบข้างฉันที่ยืนอยู่ แล้วพยักเพยิดไปที่เบาะหลัง “ขึ้นดิ ฝากโทรศัพท์เราด้วยนะ”
ฉันมองหน้าเขาผ่านหมวกกันน็อค พอเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นฉันก็รีบมุดหน้าแล้วเดินหนีขึ้นไปบนเบาะหลังในท่านั่งแบบผู้หญิงทันที เพราะวันนี้ฉันใส่กระโปรงพลีทที่ค่อนข้างเลยเข่ามาหน่อยน่ะค่ะ ตอนออกตัวครั้งแรกมันแรงหน่อยฉันก็เลยหงายหลังไปนิดนึง ฉันตกใจจนต้องคว้าชายเสื้อเขาเอาไว้ ในขณะที่จะได้ยินเสียงแซวของพวกเพื่อนๆ เขาอีกครั้ง
หูฉันอื้อไปหมดเพราะความอาย แต่ได้ยินว่าสีขาวๆ อะไรสักอย่างนี่แหละ จนฉลามดุต้องตวาดขึ้นมาเสียงดังลั่น
“ห้ามมองกางเกงในนิ้งนะเว้ย!!”
ฉันก็เลยถึงบางอ้อทันทีเลย โอ้ย
“บ้านอยู่นี่เหรอ”
เสียงของคนตังโตดังขึ้นหลังจากเขาขับออกมาด้วยความเร็วสูงแล้วไม่นานก็ถึงหอของฉัน ฉันกลัวจนเกาะชายเสื้อเขาไม่ปล่อยเลยเพราะเขาขับเร็วมาก ฉลามดุแหงนหน้ามองหอฉัน ในขณะที่ฉันจะแกะหมวกกันน็อคออก แต่มือไม้มันสั่นจนแกะไม่ออกสักที
“อะ... อะไรเนี่ย” ฉันพึมพำอย่างขัดใจแล้วพยายามแกะอย่างสุดความสามารถแต่มันก็ไม่ออก จนฉลามดุต้องหันมามอง แล้วเขาก็เอื้อมมือมาปลดตัวล็อคใต้คางให้ฉันอย่างง่ายดาย
“เอ้า” ร่างสูงดึงมันออกจากหัวฉัน ส่วนฉันก็ได้แต่มองเขาหน้าเหวอๆ “ผมยุ่งหมดแล้ว”
พูดจบร่างสูงก็ทำในสิ่งที่ทำให้ฉันต้องนิ่งอึ้งไป เขาเอื้อมมือมาสางผมให้ฉันอย่างลวกๆ ก่อนที่ฉลามดุจะรู้สึกตัว เขาสบตากับฉันที่ยืนมองเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วจู่ๆ หูของเขาก็แดงเถือกขึ้นมา
“อ่า โทษ เราติดตอนที่เคยทำให้น้อง” ฉันมองเขาอย่างงุนงง แล้วจู่ๆ เขาก็เริ่มพูดแก้ตัวด้วยท่าทีลนลาน “คือหมายถึงน้องสาวแท้ๆ ไง เราไม่มีใครหรอก เราโคตรจริงใจกับเธอ”
ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
“อะ... โอเคจ้ะ” ฉันพูดเสียงสั่นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อแถมยังกลัวเขาอยู่ด้วย ในขณะที่ส่งโทรศัพท์คืนให้ร่างสูงแล้วมองหน้าเขาอย่างชั่งใจ ถึงมันจะไม่ควรพูดคำนี้เพราะเขาเป็นคนลากฉันออกมาเองก็เถอะ แต่ว่า... “ขอบคุณนะ”
เขาก็เป็นคนดีนะ
“ว่าไงนะ” แต่ดูเหมือนฉลามดุจะไม่เข้าใจ พอฉันพูดขอบคุณเขาก็ทำท่าทางเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง “พูดใหม่ได้ปะ”
“ขอบคุณนะ” ฉันมองเขาแล้วพูดซ้ำอีกครั้ง แล้วจู่ๆ ร่างสูงก็นิ่งไป
ก่อนที่เขาจะ...
“น่ารักว่ะ! อยากตะโกนบอกว่าชอบเธอดังๆ ตอนนี้เลยถ้าทำได้!!” ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างหันมามองเขาอย่างตกใจ ฉันเองก็เหมือนกัน อะไรของเขา บอกว่าชอบดังๆ อะไรของเขากัร! “ฟังดูน้ำเน่า แต่ตอนนี้เราชอบเธอมากกว่าเดิมอีก”
“...!”
“ต้องเอาเธอมาเป็นเมียให้ได้เลย คอยดูดิวะ” พูดแล้วร่างสูงที่นั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ก็สตาร์ทเครื่อง เขายิ้มให้ฉัน ในขณะที่จะใส่หมวกกันน็อค “ไว้เจอกันนะน้องนิ้งของพี่หลาม”
“อะ... เดี๋ยว” โดยไม่สนใจคำพูดของฉัน ฉลามดุก็ออกตัวรถไปอย่างรวดเร็วทันที ฉันได้ยินเขาตะโกนวี๊ดวิ้วเหมือนดีใจลั่นซอยด้วย พอเป็นแบบนั้นฉันก็อับอายจนก้มหน้างุดเพราะมีแต่คนมอง แล้วรีบเดินหนีขึ้นหอของตัวเองทันที
แต่... เดี๋ยวนะ
น้องนิ้งของพี่หลามอะไรของเขาเนี่ย!
“นิ้ง!! โอ้พระเจ้า ส้มนึกว่านิ้งโดนไอ้นักเลงนั่นรุมยำไปแล้ว”
ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไปตัวของฉันก็แทบจะถลาไปด้านหลังเพราะโดนส้มหวานที่นั่งกระดิกเท้ายิกๆ ตีหน้าเครียดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโผเข้ามาหา เธอร้องไห้ด้วย แถมยังถือโทรศัพท์ไว้ในมือไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก
“นิ้งปลอดภัยดีจ้ะส้ม” ฉันยิ้ม แล้วเธอก็ปล่อยโฮออกมา
“บ้าไปแล้ว! ส้มกำลังจะโทรแจ้งตำรวจเลยเมื่อกี้น่ะ ตอนที่เธอโดนไอ้หมอนั่นจับตัวไปส้มนี่เดินหานิ้งทุกซอยเลยนะ แต่ไม่เจอนิ้งเลย ส้มเกือบจะเป็นบ้า!”
“โอ๋ๆ ใจเย็นๆ นะส้ม นิ้งอยู่ซอยข้างมหาลัยนี่แหละ”
“จริงอ่ะ ส้มก็เดินไปที่ซอยนั้นนะ ทำไมส้มไม่เจอนิ้งเลย” ส้มหวานมีสีหน้าแปลกใจมาก เธอปล่อยตัวฉันด้วยน้ำตาแล้วเริ่มสำรวจไปรอบตัวของฉันทันที “เอ้ะ ปลอดภัยดี แล้ว... ไอ้นักเลงนั่นล่ะ?”
“เข้าห้องก่อนนะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” ฉันพูด แล้วส้มหวานก็ปาดน้ำตาออก เธอพยักหน้าในขณะที่ปิดประตูลงอย่างว่าง่าย เราเดินเข้าไปนั่งในห้อง แล้วฉันก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง
จนฉันเล่าจบ ส้มหวานที่มีสีหน้านิ่งอึ้งตั้งแต่เริ่มเรื่องก็โพล่งขึ้นมา
“เถื่อนจัดปลัดบอก!” เธอหัวเราะออกมาหลังจากนั้น “เป็นการจีบที่แปลกประหลาดมากอ่ะ”
“ไม่เห็นน่าขำเลย” ฉันทำหน้ามุ่ย แล้วส้มที่มีสีหน้าดีขึ้นมากก็มองฉันยิ้มๆ
“ก็ดูหมอนั่นไม่มีพิษมีภัยอะไรนะ เทียบกับคนอื่นๆ ที่มาจีบนิ้งด้วยการทักแชทล่ะก็” พูดแล้วเธอก็ทำหน้าแหยะ “แบบนี้น่าตื่นเต้นกว่าเยอะ”
“งั้นเหรอ” ฉันนิ่งคิดตามคำพูดเธอไปด้วย “แต่เค้าดูน่ากลัวอ่ะ”
“ก็ต้องดูไปเรื่อยๆ” ส้มหวานพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น “ผู้ชายช่วงมาจีบแรกๆ มันก็มาดีทุกคนแหละ ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะมาแบบไหน เธอต้องดูเขาไปเรื่อยๆ ไงล่ะนิ้ง”
“แต่เขาดูไม่น่าคบหาเลยนี่นา” ฉันพูดแล้วก็นึกถึงตอนที่เขาดึงฉันมานั่งซ้อนตักที่รถมอเตอร์ไซค์ แล้วอยู่ๆ ก็โอเวอร์โหลดเลย หน้าก็ร้อนขึ้นมาแทบแดดิ้น “ฮือ ไม่ไหวหรอก”
“เอ้ะ นิ้งนี่! ก็อย่าไปคิดอะไรมาก” ส้มหวานพูดแล้วเขย่าไหล่ฉันที่เริ่มทำสีหน้าไม่มั่นใจ “นานๆ ทีจะมีคนกล้ามาจีบเธอตรงๆ มากกว่าการขอไลน์จากเพื่อนแล้วทักแชทเธอมานะนิ้ง เธอต้องลองดู มันน่าตื่นเต้นดีออกว่าเขาจะมาไม้ไหนบ้าง”
“หืม...”
ติ๊ง
ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบส้มหวานกลับไปด้วยซ้ำ อยู่ๆ เสียงไลน์เข้าจากโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น ฉันสบตากับส้มหวาน แล้วเธอก็พยักเพยิดให้ฉันหยิบขึ้นมาเปิดดู
เอ้ะ หรือว่า
พี่หลามคนจริง : ทำไรอ่ะ
พี่หลามคนจริง : คิดถึง
ฉันแทบจะปล่อยโทรศัพท์ลงพื้นตั้งแต่วินาทีนั้น
“ส้ม” ฉันเรียกเธอเสียงกล้าๆ กลัวๆ “เขาทักมาอ่ะ”
“เฮ้ย! เอามาดูๆๆ” เธอมีท่าทางตื่นเต้นในขณะที่หยิบโทรศัพท์ฉันไปดูบ้าง “คิดถึง? แม่เจ้า เปิดข้อความแรกมาจัดหนักปลัดยังบอกว่าสุดจัดเลยอ่ะ”
“ตอบไปว่ายังไงดี” ฉันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วส้มหวานก็หันมามองฉันด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“คิดถึงเหมือนกันค่ะพี่หลาม งี้ดีมะ?”
“ส้ม! นิ้งไม่ตลกนะ” ฉันพูดอย่างขัดใจ แล้วดึงโทรศัพท์กลับมาเพื่อตอบกลับไป
พี่หลามคนจริง : อ่านแล้วไม่ตอบ ยุ่งอยู่เหรอ
Ka ning : เปล่าอ่ะ
ฉันไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรแล้วจริงๆ นะ
ติ๊ง
พี่หลามคนจริง : นึกว่ามากวนเธอ
พี่หลามคนจริง : คิดถึงชิบหายเลย อยากเจออีก
Ka ning : ไม่กวนๆ
พี่หลามคนจริง : ไรวะ ไม่คิดจะบอกคิดถึงกลับบ้างเหรอ
โอ้ย ทำไมเขาต้องพิมพ์อะไรแบบนี้มาด้วยนะ!
Ka ning : เพิ่งคุยกันวันแรกเอง
พี่หลามคนจริง : ก็เข้าใจ แต่อยากฟังอ่ะ
“แน่ะๆ ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ใหญ่เลย” ส้มหวานยิ้มแซวฉันที่นั่งกดโทรศัพท์ตอบข้อความเขา ฉันหน้าแดงไปหมด สารภาพเลยล่ะว่าฉันไม่เคยคุยอะไรแนวนี้กับผู้ชายที่มาจีบเลย แล้วก็มีใครพิมพ์คำว่าคิดถึงมาโต้งๆ แบบนี้ด้วย
ฉันไม่ชินอ่ะ
ติ๊ง
พี่หลามคนจริง : ไม่ตอบ งั้นทำไรอยู่
ฉันเม้มปาก ไม่อยากโดนส้มหวานล้ออีก ก็เลยตัดสินใจตัดบท
Ka ning : จะนอนแล้วล่ะ
พี่หลามคนจริง : เฮ้ย นอนเร็วจังอ่ะ
Ka ning : อื้อ ฝันดีนะ
ไม่รู้ว่าจะเย็นชาไปรึเปล่านะ
ฉันส่ายหน้าให้ตัวเองแล้ววางโทรศัพท์ลงกับที่นอน ส้มหวานมองฉันกลับ แล้วฉันก็ยิ้มเจื่อนๆ ให้เธอ ก่อนที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อที่จะไปอาบน้ำ แล้วก็นอนหลับตามที่พิมพ์ส่งให้เขา
แต่พออาบเสร็จแล้วออกมาจากห้องน้ำนี่สิ
ติ๊ง
ติ๊ง
ติ๊ง
ฉันตกใจเมื่อได้ยินเสียงไลน์เข้าซ้อนกันสามครั้ง หันไปมองส้มหวานที่หลับปุ๋ยไปแล้วก็เลยถอนหายใจ เธอคงไม่มายุ่งอะไรกับโทรศัพท์ฉันหรอก แต่คงเป็นฉลามดุนั่นแหละที่ส่งมา ก็ฉันบอกว่าฝันดีแล้วนี่นา เขายังจะมาต่ออะไรอีก
ฉันกดเปิดไลน์ดู แล้วก็ถึงกับเหวอเมื่อเห็นข้อความของเขา
พี่หลามคนจริง : รีบนอนไปไหนวะ
พี่หลามคนจริง : อย่าเพิ่งนอนดิ
พี่หลามคนจริง : เงียบ หนีไปนอนเหรอ
พี่หลามคนจริง : ใครให้นอนวะถามจริง ไม่ให้นอน
พี่หลามคนจริง : บอกว่าไม่ให้นอนไง
อะ โอ้ย ฉันจะบ้าตาย
ติ๊ง
แต่สงสัยว่ามันขึ้นว่าอ่านแล้วในไลน์ของเขาเพราะฉันเปิดอ่านข้อความ ฉลามดุเลยรีบส่งข้อความใหม่มาอย่างรวดเร็ว
พี่หลามคนจริง : อ่านแล้ว ดีมาก
พี่หลามคนจริง : อย่าเพิ่งไปนอนได้มั้ย เราขาดเธอไม่ได้
ขาดเธอไม่ได้?
ฮือ ทำไมเขาถึงชอบพิมพ์อะไรแบบนี้มานะ มันจั๊กจี้ยังไงไม่รู้
Ka ning : ง่วงนอนแล้ววว
ฉันพิมพ์ตัดบทไปอีกครั้ง แล้วเขาก็เงียบไปพักใหญ่ มันขึ้นว่าเขาอ่านแล้ว แต่เขากลับไม่ตอบ
เอ้ะ เขาเป็นอะไรรึเปล่า?
แล้วฉันจะไปสนใจเขาทำไมเนี่ย!
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะไม้ตรงหัวเตียง สางผมตัวเองลวกๆ แล้วล้มตัวลงนอน ฉันหลับตาลงแล้วทำท่าจะปิดโคมไฟที่หัวเตียงเพราะไฟนีออนส้มหวานปิดมันไปแล้ว
แต่ทว่า
ติ๊ง
เสียงไลน์ที่ดังขึ้นทำให้ฉันรีบลุกจากเตียงไปหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูแทบไม่ทัน ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ฉันไม่ได้รอข้อความเขาสักหน่อย แล้วทำไม...
พี่หลามคนจริง : เดี๋ยวโทรไปร้องเพลงกล่อม
ทะ... ทำไม!
ครืด ครืด
“...!”
ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกว่าโทรศัพท์สั่นทันทีที่ฉลามดุส่งข้อความนั้นมา และเพราะอารามตกใจ นิ้วฉันเลยเผลอไปโดนปุ่มกด... รับ!
ให้ตายเถอะ จะทำยังไงดี
“เราจะมั่นใจได้ยังไง... ว่าเราจะไม่ร้องไห้เพราะฉลามอีกอ่ะ?” เพราะฉันใจอ่อนง่ายทุกครั้งพอเป็นเขา ทะเลาะกันหนักๆ ฉลามก็แค่เดินมาพูดอะไรสักอย่าง จนฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น แต่ก็ไม่เคยแสดงออกมาจริงๆ เลยว่ามันจะดีขึ้นกว่าเดิม “... เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น”“...”“ฮึก... ฉลามจะให้เราเชื่อได้จากตรงไหนเหรอ” สุดท้ายฉันก็แพ้ให้ความอ่อนแอขี้แยของตัวเอง ฉันร้องไห้ออกมาตรงนั้นเพราะเจ็บจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว น้ำตาบังฉันจนมองไม่ออกว่าฉลามกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่“ไปคุยที่รถได้มั้ยวะ”ฉันได้ยินเสียงเขาตอบกลับมา ก่อนที่ข้อมือฉันจะถูกเขาจูงให้เดินตามไปด้วยกัน ฉันสะอื้นออกมาตอนที่ถูกใส่หมวกกันน็อคแล้วติดที่ล็อคตรงใต้คางให้ แล้วฉลามก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ของเขา“ระ... เราไม่กลับกับฉลามนะ ไม่เอา” ฉันพูดทั้งน้ำตา แล้วเขาก็จ้องหน้าฉันนิ่ง ตอนแรกฉันก็คิดว่าฉลามจะขับรถออกไปเลย ไม่ก็ว่าฉันว่างี่เง่า ดื้อ เป็นผู้หญิงน่ารำคาญ แต่ต่อมาทั้งตัวของฉันก็ถูกเขาดึงเข้ามากอดไว้“กลับเหอะ” เขากระซิบเสียงหนักข้างหูฉันที่เบิกตาโต แล้วกอดฉันแน่นขึ้น“...”“มีเรื่องจะคุย”สุดท้ายฉันก็นั่งรถไปกับเขา
[... โห ปกติพี่บอกรักนิ้งยังงี้เลยเหรอ]ผมนิ่งไปหลังจากที่พูดกับนิ้งไปตรงๆ แล้วเสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่นิ้งแต่เป็นส้ม“นิ้งไม่อยู่เหรอวะ” ผมถามตรงประเด็นทันที แล้วปลายสายก็ตอบกลับมา[ใช่ค่ะพี่ วันนี้ส้มหยุดอ่ะเลยได้นอนอยู่ที่ห้อง นิ้งเค้าไปเรียน สงสัยจะลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง]“...”[ว่าแต่นี่พี่โทรมาง้อนิ้งเหรอ ดีแล้วแหละ]“แล้วนิ้งยังอยู่นั่นปะ เลิกกี่โมง? วันนี้เรียนวิชาไร?” ผมไม่สนเรื่องยิบย่อยแล้วถามกลับไป ส้มเงียบไป ส่วนผมก็ร้อนใจแทบบ้า จนเธอตอบกลับมา[น่าจะใกล้เลิกแล้วอ่ะพี่ วันนี้เรียนวิชาเดียว] เธอบอก แล้วผมก็ทำท่าจะกดตัดสายแล้วใส่กางเกงจะได้ไปรับเธอที่มหาลัยก่อนที่เธอจะกลับไปก่อน ผมกลัวว่าจะไม่ทัน [แต่พี่หลาม ส้มมีอะไรจะบอกแหละ]“ไว้วันหลังได้ปะ พี่รีบว่ะ”[แต่เป็นเรื่องนิ้งนะ พี่หลามไม่ฟังหน่อยเหรอ] ผมนิ่งไป แล้วรูดซิปกางเกงขึ้น“งั้นพูดมา”[ถ้าพี่หลามจะไปง้อนิ้งรอบนี้อ่ะ ส้มว่าต้องมีแต่ใจล้วนๆ เลยอ่ะ]“...”[นิ้งอ่ะน้อยใจพี่มากเลย ส้มก็ไม่ได้จะบอกว่าพี่ผิดฝ่ายเดียวหรอกนะ ส้มรู้ว่าบางทีคนเป็นแฟนกันก็ชอบใช้อารมณ์เหนือเหตุผล] ผมยืนฟังที่เธอพูดเงียบๆ [ส้มรู้ว่าพี่หลามรักนิ้งมาก
“มึงรู้ปะเจ๊” ผมกระดกแก้วที่สามรวดเดียวแล้วเอียงหน้าไปคุยกับมัน “ตั้งแต่เกิดมา กู... ไม่เคยเจ็บเหี้ยๆ ขนาดนี้กับผู้หญิงคนไหนเลยว่ะ”“เฮ้ย อีหลาม มึงเมายังวะเนี่ย” เจ๊ตบหน้าผม แล้วผมก็ปัดมือมันออก“กูไม่เมา” ผมพูดตรงๆ มันแค่มึนๆ แต่ที่ผมพูดเพราะแม่งเฮิร์ท “กูเจ็บตั้งแต่คำที่เค้าบอกว่ากูไม่เคยเข้าใจเค้า กูเอาแต่ใจ ชอบพูดเหี้ยๆ กับเค้า”“...”“แม่งก็จริงว่ะ กูแม่งเหี้ยแบบนั้นแหละ ผู้หญิงมันเลยชอบทิ้งกูไปไง” ผมพูดแล้วแค่นหัวเราะ “แล้วเดี๋ยวกูก็จะถูกนิ้งทิ้งอีก กูแม่งทำห่าไรก็ล้มเหลวไปหมด”“แล้วมึงรู้ได้ไงว่าน้องจะทิ้งมึง?”“กูแค่คิด ใครแม่งจะทนกับคนอย่างกูวะ”“โอ้ย อีหลาม มึงคิดว่าน้องเค้าเป็นคนแบบอีพวกนั้นรึไงวะ มีสติหน่อย สมองมึงรวนแล้วเหรอ”เจ๊พูดแล้วตบหน้าผมซ้ำอีกให้ตื่น แต่แม่งหยุดไม่ได้แล้วว่ะ ผมกดดัน ผมไม่รู้ว่าต้องทำไง ผมคิดเรื่องเธอในหัวเยอะมาก ที่ผ่านมาในหัวผมมีแต่เรื่องที่ผมเป็นคนแบบนี้แล้วกลัวนิ้งจะทนไม่ไหว ผมรู้ตัวเอง หลังจากทะเลาะตอนนั้นผมก็อยากดีกว่านี้ แต่แม่ง...“คงงั้นมั้ง” ผมตอบลอยๆ แล้วหัวเราะส่งๆ“อีหลาม มึงฟังกูนะ เรื่องพวกนี้มันต้องคุย มึงมานั่งคิดว่าเค้ามองมึงแบบนั
ทันทีที่ฉันพูดจบประโยคนั้น ฉลามก็เงียบไป เขาเงียบไปนานมากจนฉันใจโหวงๆ ฉันถือสายรอเขาตอบกลับมาอยู่แบบนั้นสักพัก ใจเต้นรัวไปหมดเพราะอยากรู้ว่าเขาจะตอบอะไรกลับมา จนสุดท้าย...[โอเค เข้าใจล่ะ] ฉันสะดุ้งน้อยๆ ตอนที่จู่ๆ เขาก็สวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแปลกๆ [เราแม่งเหี้ยเองว่ะ]“...”[ถ้านิ้งไม่อยากให้เราขับตามเราไม่ไปก็ได้]“...”[แค่นี้นะ]ติ๊ดฉันชะงักไปเมื่อเขาตัดสายฉันทันทีที่พูดจบประโยคนั้น ใจฉันหายวูบไปเลย แล้วมันก็เป็นแบบนั้นไปตลอดทาง... หรือมันจะถึงทางตันแล้วนะผ่านมาสองวันได้แล้วหลังจากนั้น... เราแทบไม่เจอหน้ากันเลยฉันกลับมาถึงห้องกับส้มหวานอย่างปลอดภัยจนถึงเช้าวันต่อมา ฉลามไม่โทรมาหา เขากลับมารึยังฉันก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากนี้เราทั้งคู่จะยังเหมือนเดิมอยู่มั้ย ก่อนจะวางสายไปเสียงเขานิ่งมากจนผิดปกติเลย ตอนไปมหาลัยส้มก็ไปส่งเราเลยยิ่งไม่ได้เจอกันเข้าไปใหญ่แต่ฉันรู้แค่ว่าเขากลับมาทำงานแล้วหลังจากที่ได้โทรคุยกับพี่เพทายนั่นล่ะ[อีหลามอ่ะนะ? ก็มาทำงานปกตินี่ ช่วงนี้มันก็อยู่ไม่นานด้วย มันไปสมัครงานเพิ่ม] ฉันนิ่งไปนิดหน่อยตอนที่พี่เพทายอธิบายมาแบบนั้นหลังจากที่เธอโทรม
“ฉะ... ฉลามใจเย็นก่อนได้มั้ย” ฉันแทรกขึ้นมา แล้วเม้มริมฝีปากแน่น “เราไม่ได้อยู่ในรถผู้ชายคนไหนหรอก เรากลับกับส้ม เค้าเป็นเพื่อนส้ม”[...]“แล้วที่เราต้องกลับแบบนี้เพราะเราทะเลาะกันไม่ใช่เหรอ ฉลามก็ไล่เราด้วย... เราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ทำไมอ่ะ”[ก็นิ้งจะไปเองปะ?]“อื้อ... ใช่ เราจะไปเองแหละ เพราะงั้นเราก็จะไปจริงๆ แล้ว” ฉันโพล่งขึ้นมาเพราะเห็นว่าฉลามเองก็ไม่ใจเย็นที่จะคุยกับฉันเลย ฉันเองที่พยายามจะเย็นในตอนแรกๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน[ก็บอกว่าให้มันวนรถกลับมาไง]“เราเลยมาแล้วนะ วนกลับไม่ได้หรอก”[นิ้ง กลับมา]“...”[ได้ยินมั้ยวะ บอกให้กลับมาไง]ใจฉันวูบไป ความรู้สึกน้อยใจตีตื้นขึ้นมา เพราะฉลามไม่เคยฟังฉันเลย จะเอาแต่ใจตัวเองอยู่อย่างเดียว เขาบังคับให้ฉันทำนู่นทำนี่ตามใจเขา บอกให้ฉันเข้าใจเขา แต่พอถึงทีฉันบ้าง เขากลับไม่เคยเข้าใจอะไรเลย“... ฉลามเห็นเราเป็นอะไรเหรอ?” ฉันโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ไล่เรากลับ พอเราจะกลับจริงๆ ก็มารั้งเรา... ก่อนหน้านี้ก็อยากให้เรากลับไม่ใช่เหรอ”[ก็มันแม่ง...]“หลายครั้งแล้วนะที่เรายอมลงให้ฉลามตลอด เวลาฉลามหงุดหงิดใส่เราก็พยายามอดทน... เราก็แค่ไม่อยากเลิก อยากอ
[SALAMDU : SIDE]“ทำไมไม่รับสายวะ”ผมพึมพำอย่างหงุดหงิดตอนที่กดโทรศัพท์เข้าเบอร์นิ้งจนจะสามสิบสายได้แล้ว แต่เธอก็ไม่รับ ผมกดตัดสายแล้วโทรออกอยู่ซ้ำๆ ตอนที่พิงรถอยู่ด้านนอกแล้วจุดบุหรี่สูบ พ่นควันออกมาตอนที่เห็นว่าฟ้าเริ่มมืด ผมเงยหน้าขึ้นมอง แล้วดูดมวนบุหรี่อัดควันเข้าปอดตอนที่กดโทรหาเธออีกพอเธอตัดสายไปอีกผมก็พ่นควันบุหรี่ออกมาแรงๆ อย่างขัดใจ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในรถแล้วเปิดกระจกไว้จะได้ดูดบุหรี่ด้านนอก พร้อมกับขับวนหาเธอแถวๆ นั้นไปด้วยผมเห็นมีคนนั่งรถเข้ามา แต่เดินเข้าไปดูแล้วไม่ใช่ผมโทรไปหาไอ้โป้งให้บอกเบอร์โรงแรมห่านั่นให้ผมแล้วเพราะก่อนออกมาผมรีบจัดเลยลืมถามมา แล้วมันก็เป็นคนโทรจองให้ ก่อนหน้านั้นผมโทรถามเบอร์รถโรงแรมคันอื่นแล้วไล่โทรไปทุกสาย แต่มีสองเบอร์ที่โทรไม่ติด นอกนั้นก็ไม่ใช่ผมขับออกไปวนหานิ้งที่สถานีขนส่งไรนี่สองสามรอบได้ เพราะเธอเองก็ไม่น่าจะไปที่ไหนได้นอกจากที่นี่ ตอนนี้ก็อีกรอบ แต่พอไม่เจอผมก็จอดรถทิ้งไว้แถวๆ นั้นแล้วเดินไปนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆ เพราะผมไม่รู้จะทำไงพอบุหรี่มันหมดมวนผมก็ทิ้งลงพื้นแล้วใช้ส้นตีนขยี้ ก่อนที่จะหยิบมวนใหม่มาจุดสูบอีกเพราะผมเครียด เกือบจ