สุดท้ายฉันก็จนใจ ไม่กล้าตัดสายด้วย เลยเอาโทรศัพท์มาแนบหู
[เฮ้ย รับแล้ว! เฮ้ย เค้ารับโทรศัพท์กูว่ะไอ้เดี่ยว!] ฉันเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูทันทีที่กดรับสายเสียงตะโกนท่าทางดีใจสุดๆ ของฉลามดุก็ดังขึ้นลั่นโทรศัพท์เหมือนเด็กเวลาที่ได้รถบังคับที่ถูกใจ ก่อนที่เหมือนจะเป็นเสียงของเขาที่ตีกันกับใครสักคน มีเสียงปาข้าวของด้วย จนกระทั่งเสียงทุ้มกลับมาทักอีกครั้ง [ไง]
“อะ... โทรมามีอะไรเหรอ” เสียงของฉันสั่นและเบามาก ฉันได้ยินเขาหัวเราะ แล้วพอฉลามดุตอบกลับมาเท่านั้นแหละ
[คิดถึงจะตาย] ฉันก็... อยู่ดีๆ ก็ตัวชาไปหมดเลย [เราไม่ชอบพิมพ์ข้อความ ชอบคุยต่อหน้ามากกว่าไง]
“...”
[แต่พอเธอกลับห้องเราก็ไม่รู้จะเจอหน้ายังไง ก็เลยโทรหา] ฉันฟังเสียงเขาเงียบๆ เพราะอายจนไม่กล้าที่จะพูดอะไร จนเสียงทุ้มต่ำดูเท่นิดๆ ของเขาดังขึ้นอีก [ไม่นอนเหรอนิ้ง]
“ก็คุณโทรมา...” ฉันพูดเสียงอ่อน แล้วเขาก็หัวเราะในลำคอ
[เฮ้ย เราก็แค่จะมากล่อมเธอนอนไง] เขาพูด [เผื่อจะฝันถึงเราไรงี้]
“มะ... ไม่ฝันหรอก”
[เออก็ได้ ไม่ฝันก็ไม่ฝันวะ] เสียงของเขากลั้วหัวเราะอยู่ตลอดเวลาเหมือนเจ้าตัวมีความสุขมากมาย ก่อนที่เสียงเขาจะห่างออกไปเหมือนกำลังคุยกับเพื่อน [เฮ้ย เหี้ยเดี่ยว มึงเอากีต้าร์กูมานี่]
“...”
[กูจะเล่นให้ว่าที่แฟนกูฟัง] ฉันหน้าร้อนขึ้นมาเมื่อได้ยินเขาตอบเพื่อน ฉันไม่ได้ยินเสียงเพื่อนเขาหรอก แต่ได้ยินเสียงเขาเต็มๆ เลย ว่าที่แฟนอะไรกันน่ะ [เออ อย่าแซว เดี๋ยวกูตบคว่ำ]
“...”
[มึงจะให้หรือไม่ให้ อย่ามาล้อเลียนดิ๊] เขาตวาดด้วย [นิ้งรอนานแล้ว มึงนี่แม่ง...!]
ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเหมือนปลายสายขว้างอะไรสักอย่างไปหาเพื่อนเขาจนมันกระแทกอะไรก็ไม่รู้เสียงดังมาก เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นอีกหลังจากนั้น เหมือนเขาวางโทรศัพท์แล้วเดินห่างออกไปเอาเรื่องเพื่อนเขาเลย จนกระทั่งฉันได้ยินเสียงเขาเอาโทรศัพท์มาแนบหู มันเป็นเสียงตะกุกตะกัก แล้วก็ไม่รู้ทำไมฉันถึงต้องรอเขากลับมาคุยด้วยนะ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ
[มาแล้ว] ฉันได้ยินเสียงเขาดีดกีต้าร์คลอเบาๆ แล้วพูดเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น [ง่วงนอนยัง]
“เอ่อ...” ฉันตัดสินใจที่จะโกหก “ง่วงแล้วล่ะ”
ที่ไหนกันล่ะ ฉันตาสว่างตั้งแต่เขาโทรมาหาแล้ว
[งั้นเดี๋ยวร้องเพลงกล่อม เอาปะ?]
ฉันนิ่งไป
“เล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอ” ฉันตัดสินใจถามเขาตามที่สงสัย
[เอากีต้าร์มาเล่นขนาดนี้คงเล่นไม่เป็นมั้ง] ฉันชะงักไปเมื่อเขากวนประสาท แล้วไม่ได้ตอบอะไรกลับไปจนเขาต้องพูดขึ้นมาอีก [โทษที ไม่แกล้งล่ะ โกรธเหรอ]
“กะ... ก็ไม่ได้โกรธค่ะ”
[โอเค ไม่ได้โกรธก็ไม่ได้โกรธ]
เขาว่าง่ายจังนะ
[เพลงไรดี] พอเห็นว่าฉันเงียบไป อีกฝ่ายก็พูดเหมือนกำลังถามตัวเอง แล้วก็เริ่มดีดกีต้าร์คลอขึ้นมาเบาๆ เป็นเพลงจังหวะช้าๆ ในขณะที่จะพึมพำในลำคอ แต่ฉันกลับได้ยิน [ไม่กล้าร้องว่ะ... ช่วงนี้ไม่ได้วอร์มเสียงเลย เพี้ยนสะเด็ด]
ฉันเกือบจะหลุดขำ แต่ก็กลั้นเอาไว้ทัน
“...”
[อย่าเงียบดิวะเธอ แนะเพลงหน่อย]
“เอ่อ... เพลงอะไรก็ได้จ้ะ”
[เพลงนี้มั้ย] เขาโพล่งแทรกขึ้นมา แล้วเริ่มเล่นเพลงที่ฉันไม่รู้จัก ฉันค่อยๆ ล้มตัวลงนอนเบาๆ เพราะกลัวจะทำส้มหวานตื่น แล้วฟังเสียงกีต้าร์ที่เขาเล่น ถือว่าใช้ได้เลยล่ะ ในขณะที่ฉันจะค่อยๆ หลับตาลง [... ดีมั้ย]
ฉันได้ยินเสียงเขานะ แต่ฉันเริ่มง่วงแล้วล่ะ
[นิ้ง หลับยังวะเนี่ย เงียบเลย]
“... อื้อ” ฉันครางกลับไป แล้วเขาก็หัวเราะกลับมา
[เสียงตอนเธอละเมอน่าจับฟัดจังอ่ะ]
ฉันได้ยินเขาพูดเรื่องน่าอายด้วย แต่ฉันไม่มีอารมณ์จะมาโวยวายเขาแล้ว ตาของฉันหนักอึ้ง ในขณะที่จะได้ยินเสียงเขาดังก้องอยู่ในหู ฉลามดุเรียกชื่อฉันอยู่สองสามครั้ง
ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงไปซะดื้อๆ
[พาร์ท : ฉลามดุ]
อะไรวะ เงียบเลย
นิ้งหลับไปแล้ว?
“เล่นเพลงอะไรของมึงเนี่ยไอ้หลาม เลี่ยน” ผมผละจากโทรศัพท์ไปยังหน้าไอ้เดี่ยว มันเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายของผมเอง รักกันมาก แต่ดูมันพูดกับกูดิ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ผมจะเอากีต้าร์มาเล่นให้นิ้งฟังเผื่อได้คะแนนหัวใจ แต่มันก็กวนส้นอยู่ได้ “มัวแต่คุยกับแฟน ลืมเพื่อนเลยนะมึง”
“หลับไปล่ะ” ผมพูดสั้นๆ แล้วตัดสินใจไม่ตัดสาย คืออาจฟังดูโรคจิตนิดหน่อย แต่ผมอยากฟังเสียงหายใจของเธอตอนนอนไง “ผู้หญิงอะไรน่ารักชิบหายเลย”
“มึงจะพูดว่าน่าปล้ำว่างั้นเหอะ”
“ไอ้เหี้ย” ผมทำสีหน้าถมึงทึง แต่ในใจก็คิดงั้น ถึงมันจะดูคิดถลำลึกไปนิด “โคตรเซ็ง นิ้งนอนเร็วกว่าที่กูคิดอ่ะ กูกะจะคุยนานๆ”
อันนี้จากใจจริง ผมอุตส่าห์หน้าด้านโทรไปหาเธอทั้งๆ ที่เพิ่งคุยกันวันแรก ถึงจะตกใจที่นิ้งรับสายก็เหอะ แต่ก็ดีแล้วไง เธออาจมีใจให้ผมนิดๆ แล้วก็ได้
ผมคิดแล้วถอดเสื้อเปลี่ยนเป็นเสื้อกล้ามที่ผมมักใส่นอนเป็นประจำ แล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นไปล้มตัวนอนบนเตียง หาหูฟังด้วย จะได้ฟังเธอตอนหลับ นี่ถ้าตอนนี้คนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมไม่ใช่ไอ้เดี่ยวแต่เป็นคะนิ้งล่ะก็ ผมคงนอนหลับฝันดีแน่ๆ
“มึงเคยอินดี้นึกอยากฟังเพลงก่อนนอนด้วยเหรอวะ” เพื่อนรักชิบหายมองหน้าผมในขณะที่มันนอนเล่น GTA V อยู่ ผมไหวไหล่ แล้วเสียบหูฟังอย่างรวดเร็ว
“กูจะฟังเสียงหายใจนิ้งตอนนอน” มันทำหน้าขยะแขยงทันทีที่ผมพูดจบ
“ไอ้หลาม ไอ้วิตถารโรคจิต”
“กูจะไม่ตัดสายแน่”
“ไอ้กาเมสุมิจฉา”
“เออ รู้ว่าเคยบวช แต่ไม่อยากฟัง” ผมทำสีหน้าหาเรื่องเพื่อบอกว่าผมเอาจริง ไอ้เดี่ยวก็เลยยักไหล่อย่างกวนประสาทแล้วยอมสงบปากสงบคำเล่นเกมต่อไปเงียบๆ แต่โดยดี
ผมหันไปใจจดใจจ่อกับสายของคะนิ้งต่อ แล้วผมก็ได้ยินเสียงหายใจของเธอดังเล็ดลอดเข้ามา มันเหมือนเสียงลมว่ะ แผ่วๆ น่ารักๆ พูดแล้วก็อยากให้คนที่นอนอยู่ข้างๆ เป็นเธอจริงๆ เลยว่ะ เชื่อดิ ผมจะจับหอมซ้ายหอมขวา ซบจนข้ามคืน
พูดแล้วก็นึกถึงตอนที่เจอเธอวันแรก
คือวันนั้นผมมีเรื่องไง สะสางกับอริเก่าที่เทคนิกฝั่งตรงข้ามเล็กน้อย ตะลุมบอนกันเสร็จอะไรเสร็จก็เดินกลับบ้านเพราะผมไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์ลูกรักผมมาด้วย ผมจำได้ว่าผมเห็นเธอเดินกลับบ้านกับเพื่อน ก็เห็นเธอเดินแค่กับยัยคนนั้นคนเดียวนั่นแหละ คือรู้อะไรมั้ย ตอนที่เธอเดินผ่านผมแล้วมันเป็นจังหวะที่เธอคุยอะไรไม่รู้แล้วหัวเราะ
เชื่อมั้ย นาทีนั้นเหมือนเห็นตุ๊กตาเดินได้ ถึงสภาพตอนนั้นจะร่อแร่ แต่ก็แทบละลาย
ผู้หญิงอะไรวะ น่ารักขยี้ใจสิ้นดี
แล้วตั้งแต่วันนั้นผมก็แอบมาด้อมๆ มองๆ เธอแถวๆ หน้ามหาลัยอยู่บ่อยๆ คือเข้าใจฟิลรักแรกพบมั้ย แบบเห็นแล้วคิดเลยว่าคนนี้แหละแม่ของลูกในอนาคต ผมมองเธอมาประมาณเดือนกว่าๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว จนวันนี้ไม่รู้เกิดความกล้าเหี้ยอะไรขึ้นมาถึงไปยืนดักอยู่ในมหาลัย แล้วตัดสินใจเรียกชื่อเธอ จนกระทั่งมาขอเบอร์ (แบบบีบบังคับนิดๆ)
พอได้คุยผมก็ยิ่งรักยิ่งหลงเข้าไปอีก แล้วพอเธอหลับไปทั้งๆ ที่คุยกับผมนะ
คือเหมือนเธอแม่งไว้ใจผมอ่ะ เหี้ย เขินว่ะ คิดเองเขินเอง
ผมหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งแบบโงหัวไม่ขึ้นแค่เพราะเห็นเธอยิ้ม แค่นิ้งมายืนอยู่ตรงหน้า ผมแม่งก็อยากจะดิ้นตรงหน้าเธอเลย
อย่า... อย่าให้เจออีกทีนะเว้ย
น่ารักขนาดนี้ ถ้าจีบไม่ติด ไม่ได้คบเป็นแฟนคงเสียชาติเกิด
[จบพาร์ท : ฉลามดุ]
ฉันว่าฉันคิดดีแล้วล่ะเพราะหลังจากที่ฉันโทรไปบอกฉลามดุว่าจะเป็นแฟนกับเขา ฉลามก็ตัดสายใส่ทันทีเลย ฉันเองก็เขินจนไม่กล้าคุยต่อแล้วเหมือนกัน มันยากนะที่ต้องขอใครสักคนเป็นแฟนก่อนแบบนี้ ยิ่งกับอีกฝ่ายที่เป็นคนแบบเขาด้วยฉันไม่เคยพูด ไม่เคยคบกับใคร ก็เลยอายจนต้องซุกหน้าลงกับหมอนที่ตัวเองกอดอยู่แบบนั้นส้มหลับไปแล้ว เธอเพิ่งได้กลับมาค้างที่ห้องก็วันนี้ แต่เพราะทำกิจกรรมมาหนักก็เลยหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ประตูห้องปิดอยู่ ส่วนฉันก็นั่งอยู่ที่โซฟาข้างนอกห้อง ที่ฉันเงียบไปไม่ยอมคุยกับเขาก็เพราะตอนที่ไปเที่ยวกับเขาฉันมีความสุขมากจนเก็บอาการไม่อยู่แล้ว ฉันชอบฉลามดุ แล้วก็ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยฉันนั่งทำใจให้หายเขินอยู่นานมาก จนประตูห้องเหมือนถูกใครเคาะ เสียงค่อนข้างดังก็อกๆๆ!ฉันชะงักไป สงสัยนิดหน่อยว่าเป็นใคร ตอนเปิดประตูออกไปตัวก็แทบจะถลาไปด้านหลังเพราะถูกคนๆ นั้นโถมตัวเข้ามาหาทันทีฉันรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ท่วมตัวเขา ใจเต้นขึ้นมาทันทีพอเห็นว่าเป็นเสื้อยืดที่คุ้นเคย พอเขาผละออก ฉันก็ตกใจที่เห็นว่าเป็นฉลามเขา...“พูดจริงเหรอนิ้ง!” เขาผละออกมาแล้วคว้าไหล่ฉันมาเขย่าทันที ฉันเอ๋อไป ก็พอรู้อยู่นะว่าฉลาม
[พาร์ท : ฉลามดุ] “ฉลาม นิ้งอยากกินไอติม” ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานๆ ของนิ้งดังขึ้นตอนที่เดินดูอะไรเล่นๆ ไปเรื่อยหลังจากกินอะไรเสร็จ ตอนแรกเธอบอกไม่อยากได้ถึงผมบอกว่าอยากจะซื้อให้เธอแค่ไหน ตอนที่เดินดูก็ทำเป็นไม่มองอะไร ผมก็รู้ว่าเธอขี้เกรงใจนะ แต่แล้วไง? ผมเลี้ยงเธอได้หมดอ่ะ แค่ออกปากขอ “ไอติม?” ผมเลิกคิ้วมองเธอที่เดินนำผมไปใต้ร่มร้านไอติมโบราณข้างหน้า คะนิ้งทำสีหน้าสดใสแบบที่ผมไม่ค่อยเห็น ผมก็เลยก้มหัวเข้าไปใต้ร่มบ้าง แต่เพราะตัวสูงถ้ายืดตัวหัวแม่งก็จะชนร่มผมก็เลยก้มตัวไปเกยคางไว้ที่ไหล่เธอแทน “เอาอันไหน” “เอากะทิได้มั้ย?” ร่างเล็กเอี้ยวตัวมาขออนุญาตจากผมทางสายตา ผมหัวเราะ มีหันมาขอจากผมด้วย น่ารักว่ะ “สั่งดิ” “นิ้งขอกะทิอันนึงนะคะ” เธอคลี่ยิ้มหวานให้ผมแล้วหันไปสั่งทันที ผมเหลือบมองเธอจากทางด้านข้าง พอป้าที่ขายคิดเงินผมก็ชิงจ่ายให้เธอก่อน คะนิ้งชะงักไป เธอหันมาหาผมเหมือนเก้อๆ ตอนที่เดินออกมา “อะ... ขอบคุณนะ” “เล็กน้อย” ผมยักไหล่ มากกว่านี้ผมก็ซื้อให้ได้ “ไปดูอย่างอื่นเหอะ” “อื้อ” คะนิ้งพยักหน้าแล้วก็เริ่มกินไอติมเหมือนเด็ก ผมมองเธออย่างเอ็นดู ก่อนที่จะยกแขนขึ้นพาดคอเธอดึงให
“ก็ดูแม่งพูดดิ ไม่ให้เราโมโหได้ไง”ฉันยืนกอดอกหลวมๆ อยู่ตรงหน้าเขา ตอนนี้เราขับมาถึงเยาวราชแล้ว ฉันทนเก็บความไม่พอใจที่เขาไปหาเรื่องนักศึกษาสองคนนั้นไว้ตลอดทาง แต่พอมาถึงแล้วลงจากรถ ฉันแค่พูดออกมาคำเดียว ฉลามก็มีท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันที“แต่ฉลามก็ไม่ควรไปหาเรื่องเขานี่” ฉันปรามเขา เพราะคิดว่านิสัยคิดแล้วจะบวกอย่างเดียวของเขานั่นแหละที่เป็นปัญหาสุดๆ ในตอนนี้ แล้วร่างสูงก็ทำสีหน้าหงุดหงิด“ทำไม ปกป้องมันว่างั้น?” ฉันเหวอจนต้องคลายมือที่กอดอกลง นะ... นี่เขาเอาอะไรมาพูดเนี่ย “สงสัยผู้หญิงแม่งจะชอบจริงๆ ไอ้พวกผู้ชายสำอางค์ๆ งั้นอ่ะ”“อะ... อะไรนะ”“นิ้งก็ชอบอ่ะดิ ดูโกรธเราจัง” ฉันอ้าปากค้าง พูดไม่ออกเมื่อเขาพูดแทรกขึ้นมาทุกประโยค แถมยังมองฉันแบบผิดๆ อีก “เราจะบอกไรให้นะ ไอ้พวกนั้นอ่ะ พอบทหน้าสิ่วหน้าขวานมาไม่มีใครช่วยเธอได้สักคนหรอก”“...”“อย่างมากก็คง พี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ เหมือนเมื่อกี้ที่พูดกับเราไง” ฉันมองฉลามอย่างจนใจ ไม่รู้จะพูดกลับไปยังไงดี ฉันก็แค่จะเตือนเขาเฉยๆ ว่าผู้ชายสองคนนั้นไม่ได้จะทำอะไรเราเลย อยู่ดีๆ ก็ไปหาเรื่องจะต่อยเขามันไม่ดีนะ แต่ก็ดูเขาสิ “พวกขี้แพ้ก็งี้”“ฉลาม” ฉันป
ฉลามยืนอยู่ตรงหน้าฉันพอมองเลยตัวใหญ่ๆ ของเขาไปก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นเคย ฉันยังอึ้งอยู่ก็เลยได้แต่มองเขาตาปริบๆ จนร่างสูงโอบเอวฉันดึงให้เข้ามาหาด้วยแขนข้างที่ไม่ได้ดามเฝือกเอาไว้นักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าประตูมหาลัยต่างก็มองมาที่เราอย่างสนใจ เพราะผ้าพันแผลที่ศีรษะ ผ้าก็อซ และที่ดามแขนของฉลามดุมันสะดุดตาทุกคนมาก และหลังจากที่ฉันรู้สึกตัว ฉันก็พยายามดันเขาออกทันที“มะ... มาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย” คนตัวโตทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนที่จะตอบหน้าตาย“หนีมาหา” เขาพูดอย่างไม่สำนึกแล้วเกยคางไว้ที่ศีรษะของฉัน “คิดถึงนิ้งไง”“ปล่อยเลย” ฉันทำหน้ามุ่ย แล้วตีแขนเขาข้างที่ไม่เจ็บ “หนีออกมาทำไม ยังไม่หายดีเลยนะ แถมยังให้พี่เพทายมาจ่ายค่ารักษาให้อีก ทำไมถึงชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่เรื่อยเลย”ฉลามดุทำหน้าเบ้ เขาคว้าข้อมือฉันแล้วทำตัวเหมือนเด็กที่กำลังถูกดุ“บ่นเราอีกล่ะ” แล้วต่อมาก็เปลี่ยนมาทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม “เป็นห่วงอ่ะดิ”“ก็ต้องเป็นห่วงสิ” ฉันตอบไปตามความจริง อีกฝ่ายชะงักไป ฉันถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองชักจะเปิดเผยความรู้สึกมากเกินไปแล้ว ก็เลยทำกระแอมกระไอแล้วแก้ตัว “ไม่ใช่แค่เรานะ พี่เพทายก็เ
ตอนนี้ก็ผ่านมาสามวันแล้วที่ฉันมาเยี่ยมเขาวันนี้ฉันอยู่ที่มหาลัย ทุกครั้งที่ฉันอยู่ที่นี่ฉลามจะชอบโทรมาตามว่าอยู่ไหน เขาอยากให้ไปหาที่โรงพยาบาล อยู่คนเดียวมันเหงา ฉันเองพอโดนเขารบเร้ามากๆ เข้าก็ใจอ่อนชอบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลทุกที แล้วฉันก็คิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันลงตัวมากขึ้นกว่าเดิมแล้วนะ จากที่ตอนแรกฉันยังกลัวเขาอยู่ แต่พอเปิดใจรับเขา ฉันก็คิดว่าทุกอย่างมันดีขึ้นมากๆ เลยจะว่าไปแล้วฉันยังไม่ได้ให้คำตอบเลยว่าจะเป็นแฟนกับเขารึเปล่า นั่งคิดนอนคิดมาหลายวันแล้วล่ะ ฉันคิดว่าฉันยังมีความสุขที่ระหว่างเรามันเป็นแบบนี้ แต่มันก็ต้องคืบหน้าบ้างล่ะเนอะแต่เพราะฉันยังไม่เคยมีแฟน แล้วฉันก็ยังไม่ชินกับการที่จะต้องเป็นแฟนใคร มันก็เลย... ลำบากใจนิดหน่อยแฮะครืด ครืดฉันสะดุ้งเมื่อเปิดหนังสืออ่านแล้วก็นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวไม่ทันไรโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ ตัวก็มีสายเรียกเข้า พอเปิดขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นฉลามคนเดียวคนเดิม ฉันคลี่ยิ้ม คงจะโทรมาตามฉันอีกแล้วล่ะมั้ง“ฮัลโหล” ฉันกดรับแล้วทักปลายสายทันที ก่อนที่ต่อมาจะได้ยินเสียงโอดครวญดังลอดเข้ามา[นิ้ง คิดถึงว่ะ] ฉันเขินที่เขาพูดออกมาตรงๆ ถึงจะได้ย
“พูดแล้วนะ” ผมพูดชิดกับใบหน้าของเธอ ตอนนี้คะนิ้งอยู่ในอ้อมกอดของผม “พูดแล้วนะว่าจะเป็นแฟนเรา”“...”“เราให้เวลาเธอคิดได้ทั้งชีวิตอ่ะ แค่เธออย่าทิ้งเราก็พอ” ผมพูดแล้วยิ้มแฉ่ง คะนิ้งมองหน้าผม อยู่ดีๆ เธอก็หลุดยิ้มออกมา แล้วพยักหน้ารับตอนนั้นแหละ ผมรู้สึกเหมือนได้ตายแล้วเกิดใหม่เลยว่ะ“เราไม่ทิ้งฉลามหรอก” เธอพูดแค่นั้น แล้วซุกใบหน้าลงกับอกผมเหมือนเขิน ผมแม่ง... อารมณ์เหมือนถูกหวยสักสิบล้านอ่ะ ผมกอดเธอเอาไว้แน่น ยิ่งนิ้งยอมนั่งนิ่งๆ ให้ผมกอดไม่ขัดขืนนี่ผมแบบ... อธิบายไม่ถูกว่ะ มีความสุขโคตรตายตาหลับแล้วกูวันนี้“นิ้ง เราแม่งโคตรรักเธอเลยอ่ะ” ผมพูดอย่างตื้นตัน ชีวิตผมมาถึงจุดที่ผมคิดว่ามันโอเคแล้ว ตอนที่ผมเริ่มตามจีบเธอผมคิดถึงแต่เรื่องของนิ้ง ในหัวของผมไม่เคยมีเรื่องใครอยู่ในหัวเลย จะเรียกว่ารักเธอชิบหายหรือหลงหัวปักหัวปำก็คงคล้ายๆ กันมั้งคอยดู ถ้าวันไหนนิ้งยอมตกลงคบกับผมนะ ผมแม่งจะปิดซอยเลี้ยงฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืน แดกให้สุด ไม่เมาไม่เลิก แดกให้ตาย คาอกเธอได้เลยยิ่งดี“อื้อ ปะ... ปล่อยได้แล้ว” ดูเหมือนนิ้งจะเขิน เธอดันผมออก แต่ผมกลับทำหน้าเสียดายใส่เธอ ก็เลยโดนตีที่แขนข้างที่เจ็บเบาๆ นิ้ง