ก็คนมันชอบ ก็ไอ้ฉลามดุหัวโจกเเห่งอาชีวะคนนี้มันชอบเธอ จะให้ทำยังไง
Voir plus“เค้าว่าช่วงนี้มีเด็กอาชีวะมาตีกันหน้ามหาลัยของเราบ่อยๆ ด้วยล่ะ”
“เอ้ะ น่ากลัวอ่ะ” ฉันทำสีหน้าหวาดหวั่นเมื่อได้ยินเพื่อนร่วมคณะที่มักจะเดินกลับด้วยกันบ่อยๆ โพล่งขึ้นมาในระหว่างที่เก็บกระเป๋าจากม้านั่ง เธอชื่อส้มหวาน เป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ถึงแม้ว่าเธอจะชอบทำตัวเหมือนผู้ชายไม่เข้ากับชื่อหวานๆ นั่นก็ตาม “แต่ปกติเราก็กลับบ้านกันปลอดภัยดีนะ”
“แน่ล่ะ เธอเคยสนใจใครที่ไหน มันตีกันอยู่อีกซอยเธอจะเห็นได้ยังไงล่ะนิ้ง” พูดแล้วก็หยิกแก้มฉันแรงๆ อย่างกลั่นแกล้งจนฉันต้องร้องเสียงอ่อยอย่างเจ็บปวด
แต่ก่อนจะไปพูดถึงเรื่องนั้น ฉันจะขอแนะนำตัวเองก่อนสักเล็กน้อยนะคะ
ฉันชื่อ ‘คะนิ้ง’ เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปี 2 คณะอักษรศาสตร์ เป็นคนเรียบร้อยและสดใส แล้วก็มีเพื่อนอยู่ไม่กี่คนในที่นี่ ซึ่งในกลุ่มเพื่อนๆ เหล่านั้นก็มีแค่ส้มหวานเท่านั้นล่ะที่ฉันไว้ใจที่สุด
ประวัติของฉันไม่มีอะไรน่าสนใจมากหรอกค่ะ ฉันอยู่หอนอกกับส้มหวาน เป็นผู้หญิงธรรมดาที่ใช้ชีวิตปกติเหมือนนักศึกษาทั่วๆ ไป
ใช่ค่ะ ฉันคือผู้หญิงปกติ
แต่... แต่ตอนนี้ชักเริ่มรู้สึกไม่ปกติเท่าไหร่แล้ว
“เธอชื่ออะไรวะ”
ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อเดินไปไม่กี่ก้าวก็ปะทะเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนขวางอยู่เกือบหน้าประตูของมหาวิทยาลัย เขาเป็นผู้ชายตัวสูงหน้าตาดุดัน ทำผมสีทองสว่าง ใส่เสื้อกล้ามสีดำและมีรอยสักเต็มทั้งสองแขน ท่าทางกร่างๆ เหมือนพวกอันธพาลหรืออะไรทำนองนั้นไม่มีผิดเลย
ให้ตายสิ
ตอนนี้ฉันกำลังจะกลับบ้าน แต่ดันมาเจอกับอะไรก็ไม่รู้
“เขาพูดกับใครอ่ะนิ้ง” ส้มหวานเอนตัวมากระซิบกระซาบกับฉัน ส่วนฉันก็สั่นหน้าหวือ ฉันไม่รู้อ่ะ เห็นเขามองหน้าฉันอยู่ แต่อาจมองเลยไปหาคนอื่นก็ได้
“อย่าไปสนใจเลย กลับบ้านกันเถอะส้ม” ฉันกระซิบกลับ แล้วตัดสินใจจูงมือส้มหวานเดินผ่านเขาไปโดยเว้นระยะห่างไว้ สงสัยเขาจะเรียกคนอื่นจริงๆ นั่นแหละ อาจจะมารับแฟนก็ได้ แต่ดูท่าทางกับลุคแบบนี้ผู้หญิงเขาน่าจะกลัวมากกว่านะเนี่ย
หมับ
แต่ทว่า
ฉันยังเดินไปไหนไม่ถึงสิบก้าวด้วยซ้ำ จู่ๆ ข้อมือก็ถูกคว้าและโดนกระชากอย่างแรง ฉันเซและหลุดมือจากส้มหวานไป แล้วหน้าก็ชนเข้ากับแผ่นอกของใครบางคนเต็มๆ
“จะ... เจ็บ” ฉันพึมพำแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วก็เห็นว่าเป็นผู้ชายคนนั้น คือเขากระชากฉันเข้ามาหา แถมยังใช้มืออีกข้างรั้งข้อมือฉันเอาไว้ด้วย นี่เราไม่เคยรู้จักกันเลยนะ เขามาทำแบบนี้กับคนที่ไม่รู้จักกันได้ยังไง “ปะ... ปล่อยนะ”
หากแต่เขาไม่ยอมฟังเสียงร้องของฉันเลย จู่ๆ ก็ดึงทึ้งฉันให้เดินตามไปหน้าตาเฉย ฉันมองส้มหวานที่ยืนอึ้งอยู่ พยายามจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่พอข้อมือถูกกำแน่นขึ้นก็เลยไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมาอีก
นะ... นี่เรากำลังถูกหาเรื่องเหรอ ฉันกำลังจะถูกเขาพาไปซ้อมเหมือนในข่าวสินะ
“ขึ้นมา”
ฉันเงยหน้ามองรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า อะไรเนี่ย จะถูกซ้อมไม่พอยังถูกลักพาตัวอีกเหรอ
“นะ... หนูจะกลับบ้าน”
“จะขึ้นมาดีๆ หรือจะให้ต้องใช้กำลัง!” ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ เขาก็ตะคอกใส่หน้า ตัวสั่นไปหมดในขณะที่ค่อยๆ นั่งลงบนเบาะหลัง แต่ยังไม่ทันได้หย่อนตัวลงร่างสูงก็ออกรถไปด้านหน้าอย่างแรงจนฉันร้องกรี๊ดแล้วกอดเอวเขาไว้แน่นโดยอัตโนมัติ
อะ... อะไรเนี่ย น่ากลัวมากเลย เริ่มจะกลัวแล้วนะ
ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังขับไปที่ไหน มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รถหยุดลงอย่างกะทันหัน ฉันได้กลิ่นบุหรี่และเสียงเซ็งแซ่ของกลุ่มคน พอลืมตาขึ้นอีกทีก็พบกับซอยที่คุ้นตา
เดี๋ยวนะ นี่มันซอยข้างมหาวิทยาลัยของฉันนี่
“เค้าว่าช่วงนี้มีเด็กอาชีวะมาตีกันหน้ามหาลัยของเราบ่อยๆ ด้วยล่ะ”
“แน่ล่ะ เธอเคยสนใจใครที่ไหน มันตีกันอยู่อีกซอยเธอจะเห็นได้ยังไงล่ะนิ้ง”
จู่ๆ คำพูดของส้มหวานก็ดังก้องขึ้นในสมอง
อีกซอย... เด็กอาชีวะ
งั้นก็แปลว่าเขา...!
หมับ
ฉันเบิกตากว้างเมื่อยังคิดไม่ทันจบดีจู่ๆ ทั้งตัวก็ถูกอุ้มแล้วยกสูงขึ้นจากเบาะรถมอเตอร์ไซค์ ฉันเห็นว่าคนอุ้มเป็นคนที่มีรอยสักเต็มทั้งสองแขนคนเมื่อกี้ หรือว่าเขาจะจับฉันทุ่มลงพื้นกันนะ?
กลัวจังเลย
“ตัวเบาว่ะ” ฉันได้ยินเสียงเขาพึมพำในลำคอ ในขณะที่ร่างสูงจะวางฉันลงอย่างเบามือ แต่เดี๋ยวนะ... เบามือเหรอ ไม่ทุ่มลงพื้นอย่างที่คิดด้วย “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจัดการไรเสร็จเราจะพาเธอไปส่งบ้าน”
จัดการอะไรเสร็จ พาไปส่งบ้านด้วย?
นะ... น่ากลัว!
“ไม่นะคะ หนูไม่ได้ทำอะไรให้คุณสักหน่อย” ฉันพูดเสียงสั่นแล้วถอยหลังไปอีกก้าว แต่ต่อมาก็ชนเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์ คราวนี้เลยเห็นพวกกลุ่มผู้ชายที่นั่งอยู่อีกทางหันมองมาทางนี้ มันเหมือนบ้านคูหาติดกันของคนไทยเชื้อสายจีนหรืออะไรสักอย่าง แถมชุดของพวกเขาก็ดูเหมือนชุดเด็กอาชีวะด้วย พวกเขาพูดอะไรกับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน แต่ฉันไม่รับรู้แล้ว ฉันกลัวจนหูอื้อล่ะ “ปะ... ปล่อยหนูไปเถอะนะ หนูไม่เคยหาเรื่องใครก่อนเลย แล้วหนูก็มั่นใจว่าไม่เคยมีเรื่องกับคุณด้วย”
“หาเรื่อง?” เขาหันมาให้ความสนใจกับฉันพร้อมกับทวนคำพูดของฉันอย่างงงๆ “พูดไร”
“หนูอยากกลับบ้าน พาหนูกลับเถอะ หนูสัญญาว่าจะไม่แจ้งตำรวจ นะ... อุ้บ” ฉันเบิกตากว้างเมื่อยังพูดไม่ทันจบก็โดนผู้ชายตรงหน้าเอามือมาปิดปากไว้ราวกับจะตัดรำคาญ ก่อนที่คนตัวสูงที่มีสีหน้าหงุดหงิดจะเริ่มง้างหมัด
ขะ... เขาจะต่อยฉันนี่ ใช่มั้ย?
ฮะ ฮือ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยหนูด้วย หนูต้องตาบวมไม่ก็ฟันหักไปมหาลัยพรุ่งนี้แน่ๆ หรือไม่หนูอาจจะต้องเขาโรงพยาบาลเพราะพวกของเขาเยอะเหลือเกิน หนูต้องตายแน่ๆ เลย ขอให้บุญที่เคยทำมาตั้งแต่ชาติที่แล้วรักษาและคุ้มครองหนูด้วย...
ปุบ
“เอาไป”
แต่แล้ว... ความคิดของฉันก็ถูกชะงักลงไปทั้งหมดเมื่อเห็นว่าทันทีหมัดของเขามาจ่ออยู่ตรงหน้า อะไรบางอย่างก็หล่นลงมาจากมือนั้นจนฉันรีบรับมันแทบไม่ทัน
แล้วมันก็คือ... โทรศัพท์?
โทรศัพท์ที่ไม่ได้ปิดหน้าจอ แถมยังมีเบอร์โทรแปะหราอยู่ด้วย
นี่มันอะไรกันเหรอ
“เบอร์เราเอง” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกใจ อะไรเนี่ย เขาไม่ต่อยฉันเหรอ? ก็เขาทำท่าเหมือนจะต่อยฉันนี่ “ดีจัง นึกว่าเธอจะปล่อยมันตกแตกซะแล้วว่ะ”
“คะ... คุณ” ฉันอึกอักนิดหน่อย “ไม่ต่อยหนูเหรอ”
“เฮ้ย ต่อยไม? เราไม่ได้จะหาเรื่องเธอ” เขาทำสีหน้าตกใจแล้วเริ่มเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ แล้วฉันก็แปลกใจกับท่าทีนั้นมาก แต่... เดี๋ยวนะ เขาไม่ได้คิดที่จะหาเรื่องฉัน แต่เขาทำท่าจะต่อยฉันนะ แต่สรุปคือเขาไม่ได้จะต่อยเหรอ แต่เขาแค่จะให้โทรศัพท์ฉันไว้ให้ยืนจ้องเบอร์โทรแค่นี้ใช่มั้ย?
เอ่อ... ฉันงงนะ สรุปนี่มันยังไงกันแน่เนี่ย
“แล้ว... แล้วถ้าคุณไม่ได้จะหาเรื่อง แล้วคุณ...”
“ไม่รู้เหรอ เรากำลังจีบเธออยู่ไง”
“...!”
“คือเธอแม่งโคตรน่ารัก” ฉันเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ เขาก็พูดตรงๆ ออกมาพร้อมกับคว้าต้นแขนของฉันเอาไว้ข้างหนึ่งเพื่อกันไม่ให้ฉันเดินหนีไปไหน ก่อนที่ประโยคต่อมาของเขาจะทำให้ฉันเหวอ “เราชอบเธอว่ะ อยากได้เธอเป็นเมีย”
“อะ... อะไรนะ”
“ขี้เกียจพูดซ้ำ เอาเบอร์เธอมาดิ ไม่ให้ดีๆ เราต่อยด้วยปากนะเว้ย” แค่พูดไม่พอ เขาเริ่มเดินต้อนฉันจนติดกับรถมอเตอร์ไซค์ พอฉันเอนตัวหนีเขาก็เอนตาม จนหน้าของเขาใกล้ฉันมาก ฉันเห็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนรอยยิ้มของคนไม่ดีอยู่ในระยะใกล้ พอเขาเอนตัวลงมาอีกนิดฉันเอาเอามือที่ถือโทรศัพท์มาดันไว้ทันที
“อะ... ออกไปก่อนได้มั้ย” ฉันอ้อนวอนเมื่อเริ่มเมื่อยตัว แล้วเซไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายผละออกอย่างว่าง่าย แต่ก็ถูกร่างสูงกว่าช้อนเอวไว้ได้ ก่อนที่เขาจะดึงทั้งตัวฉันให้ถลาไปชนกับอกของเขาอย่างจัง
“ตัวเล็กจัง” ฉันได้ยินเขาพึมพำในขณะที่จะกอดฉันไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วเริ่มบีบบังคับ “จะกดเบอร์ได้ยัง”
“ปะ... ปล่อยก่อนสิ”
“ไม่ เดี๋ยวเธอหนีเราไปทำไง”
“ไม่หนีหรอก”
“แต่เราอยากกอดเธอไง อย่าหวงดิ” ฉันมองหน้าเขาด้วยสีหน้าจนปัญญา ที่ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับเขาดี พอจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาจู่ๆ ทั้งตัวก็ถูกอุ้ม แล้วร่างสูงก็เอนตัวลงนั่งที่เบาะมอเตอร์ไซค์ ละ... แล้วจับฉันเอนทับเบาะที่อยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของเขาด้วย “กดเบอร์ตรงนี้ จะดู”
อะ... อะไรของเขาเนี่ย ฉันอายนะ พวกของเขาตรงนั้นก็มองมาทางนี้เหมือนกัน แถมไม่รู้จักกันด้วย เขามากอดฉันได้ยังไง
“คือ... ฉันจำเบอร์ตัวเองไม่ได้” และเพราะว่ากลัวมากนั่นแหละ ฉันก็เลยตัดสินใจที่จะโกหก
“นิสัยไม่ดี ขี้โกหก” แต่เขาดันรู้อ่ะ “บอกแล้วไงว่าไม่ให้ดีๆ จะต่อยด้วยปาก...”
“โอเค โอเคค่ะ แค่ให้เบอร์ใช่มั้ยล่ะ” ฉันรีบโพล่งตัดบทเขาอย่างลนลานเมื่อเห็นว่าเขาจะพูดประโยคน่าอายนั่นออกมาอีกแล้ว ก่อนที่จะรีบกดเบอร์โทรศัพท์ลงอย่างร้อนรน พอเขาเริ่มหัวเราะในลำคอ ฉันก็รีบหันกลับไปส่งโทรศัพท์ให้เขาทันที “พอใจแล้วนะ”
“อืม” เขาคว้าโทรศัพท์กลับมา แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยฉัน ร่างสูงยังคงกอดเอวฉันไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็กดโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ตัวฉันนี่เอง
มะ... เหมือนโดนกอดจากข้างหลังเลย น่ากลัวสุดๆ
“ปะ... ปล่อยสิ”
“ชื่อคะนิ้งใช่มั้ย?” แต่เขาไม่สนใจที่ฉันพูดเลย ร่างสูงโพล่งถามขึ้นมา แต่... เดี๋ยวนะ เขารู้จักชื่อฉันได้ยังไง “เราหาไลน์เธอจากเบอร์โทรศัพท์อ่ะ ชื่อน่ารักว่ะ”
อะ นี่เขา
“เอ่อ...”
“เรียกนิ้งนะ” เขาพูดแทรกขึ้นทันทีอย่างไม่คิดที่จะฟัง แล้วเอนหน้ามาซบที่ไหล่ของฉันพอฉันเอี้ยวตัวกลับมามอง เราสบตากันในระยะใกล้ แล้วฉันก็เบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็โดนผู้ชายรุกใส่ได้รุนแรงขนาดนี้ “เราชื่อฉลามดุ เรียกพี่หลามก็ได้”
“...”
“หรือจะเรียกพี่คะพี่ขาเราก็ไม่ว่าหรอก”
อะไรของเขาเนี่ย!
[พาร์ท : ฉลามดุ]“ใครต่อยท้องเมียมึง?”“ไอ้เหี้ยโช” ผมพูดชื่อมันตอนที่ขับรถไปรับไอ้เดี่ยวที่อู่เจ๊เพท หน้าผมตอนนี้มันตึงเครียดมากจนไอ้เดี่ยวไม่คิดที่จะกวนส้นอะไร มันเอารถใหญ่มา ผมเป็นคนขับ ในขณะที่ต่อมาเจ๊เพทจะขึ้นมานั่งด้วย“เด็กๆ ของอีอักใช่มั้ยวะ” เจ๊เพทถาม เธอดูแค้นแทนผมมาก “กูเล่นเอง ไอ้เด็กเวรนี่มันไม่คณามือหรอก”“กูเอาค้อนมา” ผมพูดสั้นๆ คิดไว้แล้วว่าจะเล่นมันยังไง“เฮ้ย เดี๋ยวก็ได้เข้าตารางไปเจอพ่อมึงอีกหรอก” ไอ้เดี่ยวปรามผมทันที แน่นอนว่ามันคงกลัวผมถูกจับขังดัดสันดานอีกเพราะมันรู้ว่าผมเวลาเอาจริงเป็นยังไง ผมยิ่งไม่ค่อยดีกับที่บ้าน ถ้าเจอเรื่องนี้อีกคงต่อไม่ติด“เออ อีหลาม ใจเย็นๆ ดีกว่านะ” เจ๊เพทก็คิดแบบนั้น เธอปรามผมเสียงเข้มขึ้นตอนที่ผมสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว “เรื่องนี้ให้พวกกูจัดการเหอะ”แต่ผมไม่สน เพราะมันกล้าเข้ามาถึงในห้องนิ้ง กล้าต่อยเธอ แปลว่ามันต้องเตรียมใจไว้แล้วไม่พิการมันก็ต้องตาย ผมคิดได้แค่นี้ผมถามสายที่อยู่แถวๆ นั้น มันบอกว่าหลังจากไอ้โชออกไปจากหอพักของคะนิ้ง มันก็ไปนอนค้างบ้านแฟนมันแถวๆ รัชดาพิเษกผมไม่ทำอะไรผู้หญิงหรอก ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้หน้าตัวเมี
[พาร์ท : ฉลามดุ]สมเพชตัวเองดีทำตัวอ่อนแอต่อหน้านิ้งเพื่ออะไร? ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันตอนนี้คนตัวเล็กหลับไปแล้ว เธอกอดผมเอาไว้แน่นจนผมไม่รู้ว่าเธออยากกอดผมจริงๆ หรือแค่ละเมอ ตอนแรกผมเจ็บที่เธอดูกลัวเรื่องที่ผมถาม มันทำให้ผมเคว้ง ผมไม่แน่ใจว่าควรบอกเรื่องนั้นดีมั้ย เพราะขนาดครอบครัวแท้ๆ ยังรับไม่ได้ แล้วคะนิ้งเป็นอะไรเธอไม่ใช่แฟนผมด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่รู้ว่าเธอจะชอบผมรึเปล่าเอาเป็นว่าผมจะไม่คาดหวังอะไร ถ้าถึงวันนั้นอดีตของผมมันแตกแล้วเธอรับมันไม่ไหว เธออยากจะเดินออกไป ผมจะไม่รั้งเธอไว้ผมเข้าใจ ทำใจไว้แล้วผมมองหน้าร่างเล็กตอนที่กำลังหลับสนิท คะนิ้งน่ารัก เธอเป็นผู้หญิงที่ผมอยากดูแล เป็นผู้หญิงที่ผมรักมาก ผมไม่เคยอยากปกป้องผู้หญิงคนไหนมากเท่าเธอมันไม่สำคัญว่าผมรักนิ้งมานานแค่ไหน ผมแค่คิดว่าเธอใช่สำหรับผม นอกนั้นแม่งก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จำเป็นแล้วผมลูบแก้มของเธอเบาๆ แล้วตัดสินใจดึงมือของเธอออกแล้วผุดลุกออกไป ผมคิดว่าตัวเองควรจะจัดการอะไรให้มันจบ ผมไม่อยากมานั่งอึดอัดเพราะไอ้เรื่องบัดซบนี่ แล้วผมจะบอกนิ้งทุกอย่างเองว่าทำไมผมถึงถามคำถามนั้นตอนนั้นก็คงต้องรอดูว่าเธอจะรับได้มั้ยผมกดส่ง
ฉันตัวชาไปหมดเมื่อเขาถามออกมาแบบนั้น ชะงักมือที่จะเช็ดผมของเขาไว้ ฉลามดุไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ฉันก็เลยไม่รู้ว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ ไม่รู้ว่าที่เขาพูดมันเรื่องจริงจังหรือแค่หยอกฉันเล่นกันแน่“ละ... ล้อเล่นเหรอ” ฉันพูดเสียงสั่น ผละมือออกในทันที ฉลามดุเงยหน้าขึ้นมองฉันที่มีท่าทีตื่นกลัว เขาชะงักไปนิดหน่อย ก่อนที่ต่อมาจะขบกรามแน่น“เออ ใช่ เราล้อเล่น” เขาพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ ฉันก็เลยถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่กลับเห็นว่าแววตาของเขาที่มองฉันมันกลับดูเจ็บปวด“อย่าล้อเล่นเรื่องแบบนี้อีกนะ” ฉันเอ็ดเขา ในขณะที่ฉลามจะหัวเราะออกมาอีก แต่มันดูเหมือนเขาฝืนทำซะมากกว่า“โอเค ไม่ทำแล้ว” เขาพูด ในขณะที่ฉันพยักหน้าแล้วทำท่าจะเช็ดผมให้เขา แต่ฉลามดุกลับผละตัวออกมา เขาหันเสี้ยวหน้าด้านข้างให้ฉัน แล้วพูดสั้นๆ “ไม่ต้องเช็ดแล้วนิ้ง เดี๋ยวมันก็แห้งเอง”ฉันไม่รู้ว่าเขาพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นทำไม ฉลามดุไม่มองหน้าฉันเลย เขาพิงศีรษะตัวเองลงกับพนักพิงด้านหลัง เงยหน้าขึ้นมองเพดานแล้วพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่นิ่งขึ้น “ไปนอนเหอะ เดี๋ยวเราจะนอนข้างนอก”“เป็นอะไรรึเปล่า” ฉันถามเขา แต่ฉลามดุไม่ตอบ เขาแค่หลับตาลง“แค่ง
ย้อนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน“แกก็น่าจะรู้นะฉลาม พ่อไม่ได้มีแกเพื่อให้มาก่อเรื่องซ้ำๆ ซากๆ”“ผมก็บอกแล้วว่าแค่ป้องกันตัว มันหมาหมู่กับผม จะให้ทำไง?” ผมย้อนถามพ่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าในชุดตำรวจเต็มยศ ห้องที่เรานั่งเผชิญหน้ากันคือห้องไว้สอบสวนคนร้าย ผมไม่คิดว่าพ่อจะเรียกผมมาคุยที่นี่ มันคือหลักฐานว่าไม่ว่ายังไงพ่อก็ยังคงมองผมเหมือนเดิมหกปีที่ผ่านมาพ่อไม่เคยไว้ใจผม ข้อนี้ผมรู้ดี“แกจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เหรอ ที่แก...”“มันผ่านไปแล้วพ่อ” ผมพูดแทรกขึ้นมาเพราะไม่อยากฟัง “ก็บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ผมชดใช้ทุกอย่างแล้ว”“แต่แกฆ่าคนตายนะฉลาม แกเป็นลูกของตำรวจแท้ๆ เป็นบุตรสีกากี แต่แกทำตัวแบบนั้น... แกคิดว่ามันจะเป็นแผลในชีวิตพ่อบ้างมั้ย?”พ่อผมค่อนข้างเป็นคนใจเย็นมากกว่าแม่ของผม เขาพยายามแล้วที่จะระงับอารมณ์แล้วคุยกับผมดีๆ แต่ผมก็รู้ว่าสายตาที่พ่อมองผมมันไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม... พ่อยังเห็นผมเป็นไอ้ลูกไม่รักดี เป็นฆาตกรฆ่าคนตายที่ทำให้ครอบครัวของเราถูกมองเสียๆ หายๆเพราะผมอยากให้พ่อแม่ยอมรับกับเรื่องบัดซบนี่ ผมเลยออกมาใช้ชีวิตคนเดียว เรียนอาชีวะ ซ่อมเครื่องยนต์ หาเงินส่งตัวเองเรียนโดยไม่ขอพ่อแม่สักบ
ผมหงุดหงิดเมื่อเปิดมาก็เห็นข้อความของพราวที่เด้งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อคืน รวมถึงที่เธอโทรมาหาผมทางไลน์เพราะผมเปลี่ยนเบอร์ใหม่หนีเธออีก ผมไม่ใช่คนใจดำกับผู้หญิง แต่บางครั้งอดีตที่เธอทำมันก็สอนให้ผมรู้ว่าต้องทำตัวยังไงกับพราวตอนที่เธอทิ้งผมไปหาไอ้อักระ ผมไม่แม้แต่จะรั้งทั้งๆ ที่เจ็บแทบตาย แต่พอเธอจะกลับมา ทำแบบนี้มันง่ายเกินไปมั้ยผมไม่ได้สนใจเธอแล้วผมรักนิ้งผมอ่านแต่ไม่ตอบ ถ้าเธอไม่คิดที่จะให้ไอ้อักระออกมาเคลียร์ก็ไม่มีเรื่องจำเป็นอะไรต้องพูดกันอยู่แล้ว เรื่องมันไว้เดี๋ยวผมจะจัดการเองผมถอนหายใจหนัก ในขณะที่เสียงไลน์ดังขึ้นอีกผมหยิบขึ้นมาดูอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อยากรู้ว่าพราวจะพิมพ์อะไรส่งมาอีก ถ้าจะขอโทษพร่ำเพรื่อผมจะบล็อกเธอซะแต่ข้อความที่ถูกส่งมาใหม่ของเธอกลับทำให้ผมขมวดคิ้วP’row : อยากเจอกูนักเหรอP’row : ที่ไหนดีล่ะผมแทบจะผุดลุกออกมาจากเตียงที่นอนอยู่ หายปวดหัวทันทีที่เห็นข้อความถูกส่งเข้ามาจากไลน์ของพราว แต่ผมรู้ว่าคนที่พิมพ์มาคือใครไม่ใช่พราวพี่หลามคนจริง : ที่เดิมไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากถ้าเป็นมัน ทันทีที่ผมส่งข้อความกลับไป โทรศัพท์ของผมก็ขึ้นว่ามีสายเรียกเข้าไม
ฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่อยู่ดีๆ น้ำตามันก็เอ่อคลออยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง เพราะจู่ๆ เขาก็ทำให้ฉันคิดถึงตัวเองตอนยังเด็กในชีวิตของฉันมีแต่คนรายล้อมมากมาย มีแต่คนรักฉันไม่เว้นแม้แต่คนที่ไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริงของฉัน ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ แต่ครอบครัวของพี่คะนองก็ต้อนรับฉันอย่างอบอุ่นเสมอแต่ไม่รู้ทำไม... ทุกครั้งฉันกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ตัวคนเดียวฉันรู้อยู่แก่ใจว่าถึงพวกเขาจะรักฉันยังไง... แต่ครอบครัวนั้นก็เป็นของพวกเขา ไม่ใช่ครอบครัวจริงๆ ของฉันสักหน่อยคุณแม่ทิ้งฉันไปตั้งแต่จำความได้ ในชีวิตของฉันมีแค่คุณพ่อที่แสนดีและอบอุ่น ฉันรักท่านมาก เรามีความทรงจำดีๆ ร่วมกันหลายเรื่อง... จนท่านจากไปฉันก็แค่คิดถึงท่าน ฉันก็แค่อยากกลับไปอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ พร้อมกับคุณพ่อเท่านั้นเอง“ฮึก... ฮือ” ฉลามดุเกลี่ยน้ำตาของฉันออกทันทีที่เห็นว่าฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ฉันเอามือทั้งสองข้างมาปิดหน้าไว้ ฉันไม่อยากให้เขาเห็นเลย“นิ้ง” ฉันได้ยินว่าเขาเรียกชื่อฉัน แต่ฉันกลับหยุดร้องไห้ไม่ได้ ฉันปล่อยโฮออกมาแล้วสะอึกสะอื้นเป็นเด็กๆ เอาหลังมือเช็ดน้ำตาจนแสบหน้าไปหมด ในขณะที่ต่อมาจะถูก
[พาร์ท : ฉลามดุ]“อาการคนแพ้เหล้านะเฮียแบบนี้”ผมถอนหายใจหนักเมื่อหลังจากที่นิ้งหยิบแก้วเหล้าผิดไปเธอก็ฟุบลงกระแทกโต๊ะทันทีจนผมตกใจ คิดว่าเธอเป็นอะไรไป ที่แท้ก็แค่แพ้เหล้าแต่ไม่รุนแรงมาก ผมพอเข้าใจที่เธอบอกว่ากินเหล้าไม่ได้แล้วตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเจอเธอตอนที่ผมออกไปเคลียร์กับพราว ผมไม่คิดว่าเธอจะได้ยิน แต่เอาจริงๆ ผมก็รู้สึกดีตั้งแต่เธอเลือกที่จะตามผมมาที่นี่แล้วว่ะ“แล้วจะเป็นไง” ผมถามต่อเพราะไม่เคยเจอ ที่รู้ก็เพราะพวกน้องๆ ของผมมันมีญาติบางคนที่มีอาการแบบนี้ มันรู้ดี เวลามีอะไรผมก็ถามตลอด “จะต้องถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลอะไรมั้ย?”“ไม่หรอก น้องผมเคยเป็นอ่ะเฮีย บางคนก็เหมือนแพ้อาหาร บางคนก็ง่วง อาการไม่เหมือนกัน” ผมหันไปสำรวจนิ้ง เธอไม่มีผื่นขึ้นแต่แค่ทำปากเหมือนพึมพำอะไรอยู่ตลอดเวลา ดูเผินๆ ก็เหมือนคนเมาปกติผมถอนหายใจสั้นๆ“เออ เข้าใจแล้ว”“ให้เค้าไปนอนข้างในมั้ยเฮีย?”“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูดูเอง” มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ผมพูดเพราะไม่อยากให้คนอื่นมากังวลแทน ในขณะที่ไอ้เดี่ยวมองผมสลับกับคะนิ้งที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะแล้วกระตุกยิ้ม“คนคุยๆ มึงน่ารักดีนะ” มันคงรู้ว่าเธอมาที่นี่กับผมเพราะอะไร “
ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นพราวที่ส่งมา เธอคือคนที่ผมเคยคบเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนนี้ก็หลายเดือนแล้วที่ผมไม่สนใจหรือไม่แคร์อะไรที่เกี่ยวกับเธอเลย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในตอนที่คบกันผมก็ให้เธอเต็มที่เกือบพอๆ กับนิ้งเธอบอกเลิกผมเพื่อไปหาคนใหม่ เรื่องสำคัญอยู่ที่ว่าไอ้เวรนั่นมันดันเป็นศัตรูเก่าของผม ถ้ายังจำที่เด็กมัธยมพวกนั้นพูดถึงกลุ่มสมิงดำได้ หัวหน้ากลุ่มนั้นมันชื่อว่า อักระ และหลังจากนั้นกลุ่มของมันก็หมดอิทธิพลไปด้วยฝีมือของผมกับไอ้เดี่ยวมันเป็นคนเดียวกับที่พราวทิ้งผมเพื่อไปหา แล้วก็เป็นคนเดียวกับที่ผมเล่นจนลูกน้องมันต้องไปให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล มันไม่ได้มาทำร้ายผมตรงๆ แต่ส่งลูกน้องมาเล่นสกปรกแทนถึงแขนผมจะเจ็บ แต่ถ้ามันยืนอยู่ตรงนี้ผมก็คงไม่ลังเลที่จะซัดหน้ามันเหมือนกันผมนั่งนิ่ง มองปฏิกิริยาของนิ้งที่นั่งอยู่ข้างหน้า เธอจ้องหน้าจอโทรศัพท์ในมือผม มองข้อความในนั้น แล้วเริ่มเม้มปากเธอกำลังคิดอะไรอยู่?ผมไม่รู้ ผมทำได้แค่หลบมือที่ถือโทรศัพท์ออกห่างจากใบหน้าเธอมาอยู่ตรงหน้าตัวเองเงียบๆ แล้วตอบข้อความของพราวพี่หลามคนจริง : ได้ วันนี้เลยดิแต่มันไม่จบแค่นั้นพี่หลามคนจริง : เอาไอ้อักระมาด้วยถ้า
[พาร์ท : ฉลามดุ]ผมจ้องหน้าผู้ชายที่อยู่ๆ ก็เข้ามาขัดจังหวะ ทำเหมือนรู้จักนิ้งไม่รู้ว่ามันเป็นใคร อยู่ดีๆ ก็เข้ามาพูดกับเธอ ผมเกือบจะได้หอมนิ้งอยู่แล้วถ้ามันไม่มาขวางซะก่อน และผมก็คิดว่าจะได้จ้องมันอยู่แบบนั้นถ้านิ้งไม่โพล่งขึ้นมา“คะเน” ผมทำหน้างงเมื่อเห็นว่าเธอมีสีหน้าดีใจ แถมยังเรียกชื่อเหมือนสนิทสนมกันมานาน “นั่งนี่สิจ้ะ เนกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อไหร่เหรอ?”“เมื่อคืนน่ะ กลับมาพร้อมกับนิน” ผู้ชายที่ดูท่าทางจะเหมือนเด็กเรียนยิ้มให้คะนิ้ง ก่อนที่ต่อมาจะหันมามองหน้าผมพร้อมกับหรี่ตามองเหมือนจะสำรวจอะไรบางอย่างแล้วนั่งลงข้างๆ นิ้งอย่างถือวิสาสะผมมองมันนิ่งอย่างดูเชิง มันหล่ออยู่ แถมยังดูเอาการเอางาน ดูเป็นเด็กเรียนหรืออะไรทำนองนั้นมากกว่าผม สังเกตจากลุคที่ดูสุภาพ ผู้ชายแบบนี้ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะชอบแต่ไม่รู้ว่านิ้งจะชอบแม่งไปด้วยอีกคนมั้ย“ใครอ่ะนิ้ง สักเต็มตัวเลย” แต่คิดได้ไม่นานก็โดนพูดถึง ผมมองมันสลับกับนิ้ง อยากให้เธอตอบว่าผมอ่ะว่าที่แฟน แต่มันก็แค่ความหวัง“อ๋อ... เพื่อนอ่ะ” นิ้งตอบไปแบบนั้น เธอดูเกร็งมากขึ้น ซึ่งผมพอเข้าใจนะ แต่ถ้าไอ้นี่ก็เป็นเพื่อนเธอเหมือนกัน นี่แม่งโคตรน่าโมโหเลยรู
Commentaires