Mag-log inก็คนมันชอบ ก็ไอ้ฉลามดุหัวโจกเเห่งอาชีวะคนนี้มันชอบเธอ จะให้ทำยังไง
view more“เค้าว่าช่วงนี้มีเด็กอาชีวะมาตีกันหน้ามหาลัยของเราบ่อยๆ ด้วยล่ะ”
“เอ้ะ น่ากลัวอ่ะ” ฉันทำสีหน้าหวาดหวั่นเมื่อได้ยินเพื่อนร่วมคณะที่มักจะเดินกลับด้วยกันบ่อยๆ โพล่งขึ้นมาในระหว่างที่เก็บกระเป๋าจากม้านั่ง เธอชื่อส้มหวาน เป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ถึงแม้ว่าเธอจะชอบทำตัวเหมือนผู้ชายไม่เข้ากับชื่อหวานๆ นั่นก็ตาม “แต่ปกติเราก็กลับบ้านกันปลอดภัยดีนะ”
“แน่ล่ะ เธอเคยสนใจใครที่ไหน มันตีกันอยู่อีกซอยเธอจะเห็นได้ยังไงล่ะนิ้ง” พูดแล้วก็หยิกแก้มฉันแรงๆ อย่างกลั่นแกล้งจนฉันต้องร้องเสียงอ่อยอย่างเจ็บปวด
แต่ก่อนจะไปพูดถึงเรื่องนั้น ฉันจะขอแนะนำตัวเองก่อนสักเล็กน้อยนะคะ
ฉันชื่อ ‘คะนิ้ง’ เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปี 2 คณะอักษรศาสตร์ เป็นคนเรียบร้อยและสดใส แล้วก็มีเพื่อนอยู่ไม่กี่คนในที่นี่ ซึ่งในกลุ่มเพื่อนๆ เหล่านั้นก็มีแค่ส้มหวานเท่านั้นล่ะที่ฉันไว้ใจที่สุด
ประวัติของฉันไม่มีอะไรน่าสนใจมากหรอกค่ะ ฉันอยู่หอนอกกับส้มหวาน เป็นผู้หญิงธรรมดาที่ใช้ชีวิตปกติเหมือนนักศึกษาทั่วๆ ไป
ใช่ค่ะ ฉันคือผู้หญิงปกติ
แต่... แต่ตอนนี้ชักเริ่มรู้สึกไม่ปกติเท่าไหร่แล้ว
“เธอชื่ออะไรวะ”
ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อเดินไปไม่กี่ก้าวก็ปะทะเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนขวางอยู่เกือบหน้าประตูของมหาวิทยาลัย เขาเป็นผู้ชายตัวสูงหน้าตาดุดัน ทำผมสีทองสว่าง ใส่เสื้อกล้ามสีดำและมีรอยสักเต็มทั้งสองแขน ท่าทางกร่างๆ เหมือนพวกอันธพาลหรืออะไรทำนองนั้นไม่มีผิดเลย
ให้ตายสิ
ตอนนี้ฉันกำลังจะกลับบ้าน แต่ดันมาเจอกับอะไรก็ไม่รู้
“เขาพูดกับใครอ่ะนิ้ง” ส้มหวานเอนตัวมากระซิบกระซาบกับฉัน ส่วนฉันก็สั่นหน้าหวือ ฉันไม่รู้อ่ะ เห็นเขามองหน้าฉันอยู่ แต่อาจมองเลยไปหาคนอื่นก็ได้
“อย่าไปสนใจเลย กลับบ้านกันเถอะส้ม” ฉันกระซิบกลับ แล้วตัดสินใจจูงมือส้มหวานเดินผ่านเขาไปโดยเว้นระยะห่างไว้ สงสัยเขาจะเรียกคนอื่นจริงๆ นั่นแหละ อาจจะมารับแฟนก็ได้ แต่ดูท่าทางกับลุคแบบนี้ผู้หญิงเขาน่าจะกลัวมากกว่านะเนี่ย
หมับ
แต่ทว่า
ฉันยังเดินไปไหนไม่ถึงสิบก้าวด้วยซ้ำ จู่ๆ ข้อมือก็ถูกคว้าและโดนกระชากอย่างแรง ฉันเซและหลุดมือจากส้มหวานไป แล้วหน้าก็ชนเข้ากับแผ่นอกของใครบางคนเต็มๆ
“จะ... เจ็บ” ฉันพึมพำแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วก็เห็นว่าเป็นผู้ชายคนนั้น คือเขากระชากฉันเข้ามาหา แถมยังใช้มืออีกข้างรั้งข้อมือฉันเอาไว้ด้วย นี่เราไม่เคยรู้จักกันเลยนะ เขามาทำแบบนี้กับคนที่ไม่รู้จักกันได้ยังไง “ปะ... ปล่อยนะ”
หากแต่เขาไม่ยอมฟังเสียงร้องของฉันเลย จู่ๆ ก็ดึงทึ้งฉันให้เดินตามไปหน้าตาเฉย ฉันมองส้มหวานที่ยืนอึ้งอยู่ พยายามจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่พอข้อมือถูกกำแน่นขึ้นก็เลยไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมาอีก
นะ... นี่เรากำลังถูกหาเรื่องเหรอ ฉันกำลังจะถูกเขาพาไปซ้อมเหมือนในข่าวสินะ
“ขึ้นมา”
ฉันเงยหน้ามองรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า อะไรเนี่ย จะถูกซ้อมไม่พอยังถูกลักพาตัวอีกเหรอ
“นะ... หนูจะกลับบ้าน”
“จะขึ้นมาดีๆ หรือจะให้ต้องใช้กำลัง!” ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ เขาก็ตะคอกใส่หน้า ตัวสั่นไปหมดในขณะที่ค่อยๆ นั่งลงบนเบาะหลัง แต่ยังไม่ทันได้หย่อนตัวลงร่างสูงก็ออกรถไปด้านหน้าอย่างแรงจนฉันร้องกรี๊ดแล้วกอดเอวเขาไว้แน่นโดยอัตโนมัติ
อะ... อะไรเนี่ย น่ากลัวมากเลย เริ่มจะกลัวแล้วนะ
ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังขับไปที่ไหน มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รถหยุดลงอย่างกะทันหัน ฉันได้กลิ่นบุหรี่และเสียงเซ็งแซ่ของกลุ่มคน พอลืมตาขึ้นอีกทีก็พบกับซอยที่คุ้นตา
เดี๋ยวนะ นี่มันซอยข้างมหาวิทยาลัยของฉันนี่
“เค้าว่าช่วงนี้มีเด็กอาชีวะมาตีกันหน้ามหาลัยของเราบ่อยๆ ด้วยล่ะ”
“แน่ล่ะ เธอเคยสนใจใครที่ไหน มันตีกันอยู่อีกซอยเธอจะเห็นได้ยังไงล่ะนิ้ง”
จู่ๆ คำพูดของส้มหวานก็ดังก้องขึ้นในสมอง
อีกซอย... เด็กอาชีวะ
งั้นก็แปลว่าเขา...!
หมับ
ฉันเบิกตากว้างเมื่อยังคิดไม่ทันจบดีจู่ๆ ทั้งตัวก็ถูกอุ้มแล้วยกสูงขึ้นจากเบาะรถมอเตอร์ไซค์ ฉันเห็นว่าคนอุ้มเป็นคนที่มีรอยสักเต็มทั้งสองแขนคนเมื่อกี้ หรือว่าเขาจะจับฉันทุ่มลงพื้นกันนะ?
กลัวจังเลย
“ตัวเบาว่ะ” ฉันได้ยินเสียงเขาพึมพำในลำคอ ในขณะที่ร่างสูงจะวางฉันลงอย่างเบามือ แต่เดี๋ยวนะ... เบามือเหรอ ไม่ทุ่มลงพื้นอย่างที่คิดด้วย “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจัดการไรเสร็จเราจะพาเธอไปส่งบ้าน”
จัดการอะไรเสร็จ พาไปส่งบ้านด้วย?
นะ... น่ากลัว!
“ไม่นะคะ หนูไม่ได้ทำอะไรให้คุณสักหน่อย” ฉันพูดเสียงสั่นแล้วถอยหลังไปอีกก้าว แต่ต่อมาก็ชนเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์ คราวนี้เลยเห็นพวกกลุ่มผู้ชายที่นั่งอยู่อีกทางหันมองมาทางนี้ มันเหมือนบ้านคูหาติดกันของคนไทยเชื้อสายจีนหรืออะไรสักอย่าง แถมชุดของพวกเขาก็ดูเหมือนชุดเด็กอาชีวะด้วย พวกเขาพูดอะไรกับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน แต่ฉันไม่รับรู้แล้ว ฉันกลัวจนหูอื้อล่ะ “ปะ... ปล่อยหนูไปเถอะนะ หนูไม่เคยหาเรื่องใครก่อนเลย แล้วหนูก็มั่นใจว่าไม่เคยมีเรื่องกับคุณด้วย”
“หาเรื่อง?” เขาหันมาให้ความสนใจกับฉันพร้อมกับทวนคำพูดของฉันอย่างงงๆ “พูดไร”
“หนูอยากกลับบ้าน พาหนูกลับเถอะ หนูสัญญาว่าจะไม่แจ้งตำรวจ นะ... อุ้บ” ฉันเบิกตากว้างเมื่อยังพูดไม่ทันจบก็โดนผู้ชายตรงหน้าเอามือมาปิดปากไว้ราวกับจะตัดรำคาญ ก่อนที่คนตัวสูงที่มีสีหน้าหงุดหงิดจะเริ่มง้างหมัด
ขะ... เขาจะต่อยฉันนี่ ใช่มั้ย?
ฮะ ฮือ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยหนูด้วย หนูต้องตาบวมไม่ก็ฟันหักไปมหาลัยพรุ่งนี้แน่ๆ หรือไม่หนูอาจจะต้องเขาโรงพยาบาลเพราะพวกของเขาเยอะเหลือเกิน หนูต้องตายแน่ๆ เลย ขอให้บุญที่เคยทำมาตั้งแต่ชาติที่แล้วรักษาและคุ้มครองหนูด้วย...
ปุบ
“เอาไป”
แต่แล้ว... ความคิดของฉันก็ถูกชะงักลงไปทั้งหมดเมื่อเห็นว่าทันทีหมัดของเขามาจ่ออยู่ตรงหน้า อะไรบางอย่างก็หล่นลงมาจากมือนั้นจนฉันรีบรับมันแทบไม่ทัน
แล้วมันก็คือ... โทรศัพท์?
โทรศัพท์ที่ไม่ได้ปิดหน้าจอ แถมยังมีเบอร์โทรแปะหราอยู่ด้วย
นี่มันอะไรกันเหรอ
“เบอร์เราเอง” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกใจ อะไรเนี่ย เขาไม่ต่อยฉันเหรอ? ก็เขาทำท่าเหมือนจะต่อยฉันนี่ “ดีจัง นึกว่าเธอจะปล่อยมันตกแตกซะแล้วว่ะ”
“คะ... คุณ” ฉันอึกอักนิดหน่อย “ไม่ต่อยหนูเหรอ”
“เฮ้ย ต่อยไม? เราไม่ได้จะหาเรื่องเธอ” เขาทำสีหน้าตกใจแล้วเริ่มเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ แล้วฉันก็แปลกใจกับท่าทีนั้นมาก แต่... เดี๋ยวนะ เขาไม่ได้คิดที่จะหาเรื่องฉัน แต่เขาทำท่าจะต่อยฉันนะ แต่สรุปคือเขาไม่ได้จะต่อยเหรอ แต่เขาแค่จะให้โทรศัพท์ฉันไว้ให้ยืนจ้องเบอร์โทรแค่นี้ใช่มั้ย?
เอ่อ... ฉันงงนะ สรุปนี่มันยังไงกันแน่เนี่ย
“แล้ว... แล้วถ้าคุณไม่ได้จะหาเรื่อง แล้วคุณ...”
“ไม่รู้เหรอ เรากำลังจีบเธออยู่ไง”
“...!”
“คือเธอแม่งโคตรน่ารัก” ฉันเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ เขาก็พูดตรงๆ ออกมาพร้อมกับคว้าต้นแขนของฉันเอาไว้ข้างหนึ่งเพื่อกันไม่ให้ฉันเดินหนีไปไหน ก่อนที่ประโยคต่อมาของเขาจะทำให้ฉันเหวอ “เราชอบเธอว่ะ อยากได้เธอเป็นเมีย”
“อะ... อะไรนะ”
“ขี้เกียจพูดซ้ำ เอาเบอร์เธอมาดิ ไม่ให้ดีๆ เราต่อยด้วยปากนะเว้ย” แค่พูดไม่พอ เขาเริ่มเดินต้อนฉันจนติดกับรถมอเตอร์ไซค์ พอฉันเอนตัวหนีเขาก็เอนตาม จนหน้าของเขาใกล้ฉันมาก ฉันเห็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนรอยยิ้มของคนไม่ดีอยู่ในระยะใกล้ พอเขาเอนตัวลงมาอีกนิดฉันเอาเอามือที่ถือโทรศัพท์มาดันไว้ทันที
“อะ... ออกไปก่อนได้มั้ย” ฉันอ้อนวอนเมื่อเริ่มเมื่อยตัว แล้วเซไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายผละออกอย่างว่าง่าย แต่ก็ถูกร่างสูงกว่าช้อนเอวไว้ได้ ก่อนที่เขาจะดึงทั้งตัวฉันให้ถลาไปชนกับอกของเขาอย่างจัง
“ตัวเล็กจัง” ฉันได้ยินเขาพึมพำในขณะที่จะกอดฉันไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วเริ่มบีบบังคับ “จะกดเบอร์ได้ยัง”
“ปะ... ปล่อยก่อนสิ”
“ไม่ เดี๋ยวเธอหนีเราไปทำไง”
“ไม่หนีหรอก”
“แต่เราอยากกอดเธอไง อย่าหวงดิ” ฉันมองหน้าเขาด้วยสีหน้าจนปัญญา ที่ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับเขาดี พอจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาจู่ๆ ทั้งตัวก็ถูกอุ้ม แล้วร่างสูงก็เอนตัวลงนั่งที่เบาะมอเตอร์ไซค์ ละ... แล้วจับฉันเอนทับเบาะที่อยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของเขาด้วย “กดเบอร์ตรงนี้ จะดู”
อะ... อะไรของเขาเนี่ย ฉันอายนะ พวกของเขาตรงนั้นก็มองมาทางนี้เหมือนกัน แถมไม่รู้จักกันด้วย เขามากอดฉันได้ยังไง
“คือ... ฉันจำเบอร์ตัวเองไม่ได้” และเพราะว่ากลัวมากนั่นแหละ ฉันก็เลยตัดสินใจที่จะโกหก
“นิสัยไม่ดี ขี้โกหก” แต่เขาดันรู้อ่ะ “บอกแล้วไงว่าไม่ให้ดีๆ จะต่อยด้วยปาก...”
“โอเค โอเคค่ะ แค่ให้เบอร์ใช่มั้ยล่ะ” ฉันรีบโพล่งตัดบทเขาอย่างลนลานเมื่อเห็นว่าเขาจะพูดประโยคน่าอายนั่นออกมาอีกแล้ว ก่อนที่จะรีบกดเบอร์โทรศัพท์ลงอย่างร้อนรน พอเขาเริ่มหัวเราะในลำคอ ฉันก็รีบหันกลับไปส่งโทรศัพท์ให้เขาทันที “พอใจแล้วนะ”
“อืม” เขาคว้าโทรศัพท์กลับมา แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยฉัน ร่างสูงยังคงกอดเอวฉันไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็กดโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ตัวฉันนี่เอง
มะ... เหมือนโดนกอดจากข้างหลังเลย น่ากลัวสุดๆ
“ปะ... ปล่อยสิ”
“ชื่อคะนิ้งใช่มั้ย?” แต่เขาไม่สนใจที่ฉันพูดเลย ร่างสูงโพล่งถามขึ้นมา แต่... เดี๋ยวนะ เขารู้จักชื่อฉันได้ยังไง “เราหาไลน์เธอจากเบอร์โทรศัพท์อ่ะ ชื่อน่ารักว่ะ”
อะ นี่เขา
“เอ่อ...”
“เรียกนิ้งนะ” เขาพูดแทรกขึ้นทันทีอย่างไม่คิดที่จะฟัง แล้วเอนหน้ามาซบที่ไหล่ของฉันพอฉันเอี้ยวตัวกลับมามอง เราสบตากันในระยะใกล้ แล้วฉันก็เบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็โดนผู้ชายรุกใส่ได้รุนแรงขนาดนี้ “เราชื่อฉลามดุ เรียกพี่หลามก็ได้”
“...”
“หรือจะเรียกพี่คะพี่ขาเราก็ไม่ว่าหรอก”
อะไรของเขาเนี่ย!
“เราชอบกันทั้งคู่ โอเคปะ” ฉันนิ่งไป จนเขาผละมือออก ฉันถึงได้คลี่ยิ้มกว้างออกมา“งั้นเราก็ดีกันแล้วใช่มั้ยอ่ะ”“จำไม่เห็นได้ว่าโกรธเธอตอนไหน” ฉันทำหน้าเอ๋อออกมาทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขา “เราก็ไม่ได้ทะเลาะกันปะ”“อะ... แต่ว่าตอนนั้นฉลามไม่คุย...”“มันก็เรื่องตอนนั้น” เขาตัดบททันที แล้วฉันก็เม้มริมฝีปากเพราะพูดไม่ออก จนเขาเริ่มเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วเธอหิวไรปะ?”ฉันสั่นหน้าเบาๆ“... ไม่เลย”“แล้วหิวเราปะ” ฉันทำหน้าตื่นออกมาทันทีที่เห็นว่าถูกฉลามหยอกเล่น แล้วพอเห็นว่าเขายิ้มอยู่ฉันถึงได้ทำหน้ามุ่ย แต่ก็แอบดีใจที่เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว“เล่นแบบนี้ทุกทีเลย”“ก็นะ” เขาไหวไหล่ ดูมีความสุขที่ได้แกล้งฉัน ก่อนที่จะลูบผมฉันแล้วยันตัวลุกขึ้น “ไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวถึงเวลาเราไปส่ง”ฉันมองเขานิ่ง แล้วฉลามก็หันกลับมามอง เขาเลิกคิ้วถาม “มองทำไม?”ฉันไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ขยับตัวเข้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ“ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดกับฉลามที่ชะงักไปกับการกระทำนั้นของฉัน ก่อนที่จะค่อยๆ ขยับตัวลงไปจากเตียงเพื่อไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อเข้าไปอาบน้ำตามที่เขาบอก“เอาเวลาไปรักมันเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ดีกว่า”พี่เพทายพูดถูกจริงๆ น
[SALAMDU : SIDE]หลังจากเลิกงานผมก็ตามมานอนห้องนิ้งเหมือนเดิมเห็นเธอกับเจ๊ดูคุยไรกันปกติดีผมก็โล่งหน่อย คิดว่านิ้งจะคิดมากเรื่องหยก แต่ดูแล้วตอนขับมาส่งที่นี่เธอก็คุยกับผมดี ถึงจะดูเกร็งๆ ตอนคุย แต่เซ้นส์ผู้ชายมันบอกว่าเธอไม่ได้โกรธไร ผมเลยนอนห้องเธอได้สบายใจนิ้งหายไปอาบน้ำเพราะเธอรอผมอาบก่อน ผมก็งงๆ เหมือนกัน แต่ช่างแม่ง วันนี้เหนื่อย ผมว่าจะนอนเร็วหน่อยผมพลิกตัวนอนตะแคงตอนที่รู้สึกมึนๆ แต่วันนี้ก็แดกเหล้าไม่เยอะ นิ้งอยู่ อีกอย่างผมต้องขับรถไปส่งเธอ ถ้าขับไปคนเดียวก็ไม่เท่าไหร่ แต่มีนิ้งด้วยผมเลยต้องมีขีดจำกัดของตัวเองผมว่าจะหลับอยู่แล้วว่ะ ถ้าไม่รู้สึกเหมือนมีคนขึ้นเตียงมาคร่อมไว้พอลืมตาขึ้นมามองก็เห็นว่าเป็นนิ้ง แต่ที่ผมตกใจคือพอหรี่ตามองลงไปก็เห็นว่าเธอใส่ชุดผมอยู่ แต่กางเกงไม่ใส่งั้นข้างล่างแม่งก็...“จะนอนแล้วเหรอ” นิ้งถามผม แล้วผมก็จ้องหน้าเธอนิ่ง ก่อนที่จะพยักหน้า“อ่า”“... ทำไมรีบนอนอ่ะ”“เหนื่อยว่ะ” ผมตอบ ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าเสื้อผมมันใส่ทำงานมา เหม็นเหงื่อตายห่า “แล้วใส่เสื้อเราทำไม ไม่เหม็นไง?”เธอสั่นหน้า“สะ... เสื้อของฉลามเราไม่รังเกียจหรอก” ร่างเล็กพูดเสียงเบา
[SALAMDU : SIDE]ผมไม่คิดว่าหยกจะตามมาถึงที่นี่ไอ้พวกรุ่นน้องแม่งก็ปากสว่าง เอาจริงๆ หยกมันสนิทกับไอ้วิน ไอ้เหี้ยนี่กว้างขวางจะตายห่า ที่ผมรู้จักหยกส่วนหนึ่งก็เพราะมัน“อะไรของมึงหยก”นิ้งมองผมหน้าตื่นทันทีตอนที่ผมสวนกลับไปก่อนที่มันจะได้เดินเข้ามา เพราะผมกลัวว่าหยกมันจะทำตัวแบบเมื่อก่อน ที่พอไม่ชอบหน้าใครก็ตบ ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงเวลาคบกับแฟนคนไหน แต่เธอชอบเอาปัญหาห่าเหวนั่นมาใส่ให้ผมเองผมว่ากลับไปคราวนี้คงได้เคลียร์กับนิ้งยาว ตอนแรกมันกำลังดีๆ“แค่มาหามึงมันต้องมีอะไรด้วยเหรอวะ?”“...”“ถ้ากูไม่ถามไอ้วินคงไม่รู้หรอกว่ามึงอยู่ห้องนี้ มันบอกมึงอยู่กับเมีย” มันพูดอย่างหงุดหงิดแล้วปิดประตู ก่อนที่จะเหลือบมองร่างเล็กที่นั่งข้างๆ ผม “นี่ ออกไปก่อนได้ปะ จะคุยกับผัวเก่า”“หยก” ผมกัดฟันเรียกชื่อเธอ นิสัยไม่เปลี่ยนเลยว่ะ “มึงออกไปคุยกับกูข้างนอกเหอะ”“เดี๋ยวนี้หาได้อย่างนี้เหรอ ผิดกับเมื่อก่อนนะหลาม” มันไม่สนที่ผมพูดแล้วมองนิ้งแล้วฉีกยิ้ม “ไม่เชื่อเลยว่าเคยมาเอากู”“ออกไปคุยกับกูข้างนอก” ผมบีบมือนิ้งที่เริ่มทำหน้าซีดแล้วลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด ผมไม่ชอบให้ใครทำท่าทางแบบนี้ใส่นิ้งไง โคตรไ
“เฮ้ย มีคนตามน้องนิ้งมาเหรอวะ”“เออ” ผมตอบสั้นๆ ตอนที่เจ๊ส่งไฟแช็คมาให้ผมต่อบุหรี่ตอนที่ผมล้วงซองมันขึ้นมา ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่บ้านมัน วันนี้มันอยู่คนเดียว ไม่ได้ไปที่อู่ ผมก็รู้อยู่ถึงได้มาที่นี่ ความจริงกะจะมาอยู่แล้ว แต่ติดที่เจอหยกก่อน “แต่กูยังไม่ได้บอกนิ้ง”“เออ อันนี้กูเข้าใจ” มันพยักหน้า “แล้วได้เจอตัวปะ”“ยังว่ะ กูไปดูกล้องวงจรปิดมา แต่ไม่มีใครมีพิรุธ”“...”“กูคิดว่าอย่างน้อยก็ไปนอนห้องนิ้งทุกวันกันไว้ มีกูอยู่ดีกว่า”“อันนั้นก็ใช่” มันพยักหน้าอีก “แล้วงานช่วงดึกทำไง?”“กำลังคิดอยู่” ผมตอบแล้วจุดบุหรี่ดูดเงียบๆ “เอาเค้ามาทำงานด้วยดีมั้ยวะ ไม่อยากให้อยู่ห้องคนเดียว”“ก็ดี เดี๋ยวกูว่างกูจะแวะเข้าไปดูด้วย” มันเห็นด้วยกับความคิดผม “ถ้าน้องง่วงก็นอนที่ห้องพักได้ ถ้าเป็นผับไอ้วินใกล้บ้านกู กูแวะไปได้”“เออ” ผมตอบแค่นั้นพอเห็นว่าได้คำตอบที่พอใจมาง่ายๆ ก่อนที่จะพ่นควันออกมา ผมเห็นว่าเจ๊มองผมอยู่ ก็เลยจ้องกลับไปบ้าง “มองไร”“หัวมึงแตกเหรอวะ” มันถามแล้วมองแผลที่หัวผมที่นิ้งติดพลาสเตอร์ให้ ผมลูบหัวตัวเองนิดหน่อย แล้วครางรับสั้นๆ“ใช่”“เป็นไร? โดนดักตีหัวมาว่างั้น”“เปล่า อันนี้กูหาเรื่
ใจฉันกระตุกไปหมด แล้วก็หน้าแดงก่ำออกมา“อะ... อะไรอ่ะ อื้อ” ฉันสะดุ้งเฮือกตอนที่ถูกจูบอีกครั้ง แต่คราวนี้ลึกซึ้งมากขึ้น ฉลามไล้ริมฝีปากฉันด้วยปากเขา มันเหมือนที่เขาทำในทุกๆ ครั้ง มือของฉันถูกเลื่อนไปจนถึงตรงนั้น ฉันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ในขณะที่กำลังถูกฉลามจูบหูฉันอื้อไปหมด ในขณะที่มือของตัวเองจะโดนอะไรตรงนั้น หน้าฉันร้อนจนชา ฉันไม่ได้ซื่อจนไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรอีกแล้ว เพราะมันเคยอยู่ในตัวฉัน ฉันจำได้ว่ามันเท่าไหน... และเจ็บแค่ไหนตอนที่อยู่ในนั้น“ถ้ายังไม่ห้าม เธอคงต้องทำให้เราด้วยว่ะ” ฉันสะดุ้งเฮือก เพราะคำพูดของฉลามดูมีความหมายแอบแฝง แต่ครั้งนี้ล่ะที่ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ “แต่ไม่ให้จับเฉยๆ”“...”“จะให้ใช้อย่างอื่น” เขากระซิบเสียงหนักตอนที่ขยับเข้ามาจนชิดกับใบหน้าของฉัน แล้วหรี่ตาลงมอง “อย่างเช่นปากเธอ”“...!”“ลองดูปะ” เขาถาม แล้วฉันก็รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยแปลกๆ“จะ... จะให้เราทำอะไรอ่ะ” ฉันถามไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ ฉลามนิ่งไป ก่อนที่เขาแค่นหัวเราะ“เธอไม่รู้เหรอวะ”“...”“ปกติเราใส่ทางนี้ใช่ปะ” เขาเริ่มพูดความหมายแฝงแล้วก้มลงมองที่ตรงนั้นของฉัน ฉันเบิกตากว้างทันที แล้วรีบเอามือ
ฉันไม่รู้ว่าฉลามเป็นอะไร ก็เห็นว่าตอนแรกเขาดูจะไม่อยากมานอนกับฉันนี่นา เห็นบอกว่าอยากให้ฉันโตขึ้นก็เลยจะให้นอนคนเดียวแต่อยู่ดีๆ ก็บอกว่าจะมานอนด้วยกันทุกวันถ้าวันไหนส้มไม่อยู่... บางทีฉันก็ตามอารมณ์เขาไม่ค่อยทันจริงๆ อ่ะตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของตัวเอง ความจริงตอนแรกว่าจะอ่านหนังสือ แต่พอเห็นว่าฉลามไม่ยอมเข้ามาในห้อง ไม่ยอมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ เอาเสื้อพาดไหล่ใส่แค่กางเกงยีนส์อยู่เหมือนเดิมแบบนั้น เขาเอาแต่นั่งแต่ขอบโซฟาแล้วจ้องไปที่บานประตูหน้าห้องเขม็ง ฉันก็เลยถึงได้นั่งมองเขาจากข้างในบ้างฉลามดูแปลกๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วจริงๆ ฉันก็รู้นะว่าสิ่งที่เขาสอนก่อนหน้านั้นมันแรงมาก มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ในตอนนั้น แต่อยู่ดีๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัวฉันว่าฉลามก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เขาแค่สอนฉันในแบบของเขา ฉันไม่ได้ยอมเขาเพราะว่าฉันรักอย่างเดียวนะ แต่เพราะว่าฉันเข้าใจเขา แล้วก็รับรู้ได้จากการกระทำเหล่านั้นว่ามันไม่มีสิ่งใดแอบแฝงนอกจากความเป็นห่วงฉันคิดว่าฉลามจะไม่ทำร้ายฉันแน่นอน... ก็แค่คิดแบบนั้นเท่านั้นเอง สุดท้ายก็เลยไม่คิดมากอะไร“ฉะ... ฉลาม” ร่างสูงหันกลับมามองทันที ฉ
Mga Comments