Se connecterครืด ครืด~
เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงที่ดังขึ้นทำให้เดม่อนหยุดชะงักไปหลังจากที่นั่งรับประทานอาหารกับครอบครัวมาได้พักใหญ่ มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของใคร "ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์แปปหนึ่งนะครับ" ริมฝีปากหยักได้รูปเอ่ยบอกพ่อและแม่ของตนอย่างสุภาพซึ่งอนงค์ก็ตอบกลับมาทันทีอย่างรู้ทัน "เพื่อนเหรอลูก" "ครับ" "ฮ่าๆๆ ไปคุยสิ ถ้ายังไงก็ชวนเขามากินข้าวกับพวกเราด้วยก็ได้นะ" "ครับ" เดม่อนตอบกลับอย่างยิ้มๆ ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องเพื่อไปคุยโทรศัพท์ยังบริเวณด้านหลังของร้าน ติ้ด "มีอะไร" (ไม่อ่อนโยนแล้วเหรอครับคุณชายเดม่อน กูว่าถ้ามึงจะทำเสียงเบื่อขนาดนั้นไม่ต้องรับสายกูก็ได้นะ) นาวินเอ่ยอย่างประชดประชันให้กับน้ำเสียงเบื่อหน่ายของเพื่อนตัวเอง ซึ่งเขาและเดม่อนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่ และเขาก็รู้ตัวตนของเพื่อนรักตัวเองดี เพียงแค่เขาไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องของกันและกันก็เท่านั้น "มึงมีเรื่องอะไรก็พูดมา กูมากินข้าวกับที่บ้าน" (หืม? นี่กูโทรมาได้จังหวะพอดีเลยไหมเนี่ย ฝากสวัสดีคุณพ่อคุณแม่ด้วยสิ) "พ่อกับแม่อยู่ข้างใน" (อ๋อออ แอบมาคุย...) "มึงมีอะไรก็รีบพูดมา" น้ำเสียงกดต่ำของชายหนุ่มทำให้คนปลายสายหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มบทสนทนาเป็นเรื่องที่เขาเพิ่งรับรู้มา (กูโทรมาแสดงความยินดีกับว่าที่เจ้าบ่าวครับ แหม จะแต่งงานแต่ไม่บอกเพื่อนอย่างกูเลยนะ ได้ข่าวอีกฝ่ายน่ารักใช้ได้เลยนิ กลัวกูจะจีบเหรอ) "แค่หมั้นยังไม่ได้แต่ง" (แล้วมึงยอม? แบบนี้มันคลุมถุงชนปะวะ) "แม่อยากให้แต่ง เพราะครอบครัวรู้จักกัน" (หืม? คนอย่างมึงเนี่ยนะยอมง่ายขนาดนั้น กูไม่เชื่อหรอก ไปสืบมาแล้วเป็นยังไง บอกกูบ้างสิ) น้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นเกินเหตุของคนปลายสายทำให้เดม่อนลอบถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ แต่มันก็เป็นความจริงอย่างที่นาวินพูดที่ถึงแม้เขาจะยอมที่บ้านของตัวเองมากขนาดไหนแต่ถ้าคนนั้นเป็นคนไม่ดีเขาก็คงไม่ปล่อยให้เข้ามาทำลายความสุขของครอบครัวเขาเช่นเดียวกัน "ก็พอได้" (แค่พอได้เองเหรอ) "เห็นคนรอบตัวว่านิสัยดี แต่ก็มีพยศอยู่เหมือนกัน" (ฮ่าๆๆ แบบนี้คงต้องให้คุณชายอย่างมึงปราบแล้วล่ะ ถ้าดูตัวเสร็จเมื่อไรอย่าลืมพามาแนะนำนะ ดูในรูปโคตรสวยจนอยากเห็นตัวจริงเลย) ร่างสูงลอบถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายกดวางสายไปพลางนึกถึงบุคคลที่สามไปด้วย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรมากกว่านั้น เสียงโทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่นาวินแต่เป็นลูกน้องของเขาแทน ติ้ด "..." (นายครับ คือว่าตอนนี้...) คนปลายสายรีบรายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างยาวเหยียดเพื่อให้เจ้านายหนุ่มได้รับรู้ ใบหน้าคมคายไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเช่นเดิม หากแต่เขากลับเลือกที่จะทำบางอย่างทันทีหลังคุยกับลูกน้องเสร็จ แกร๊ก~ "แม่ครับ" เสียงเปิดประตูห้องอาหารวีไอพีดังขึ้นพร้อมกับเสียงเข้มของชายหนุ่มทำให้ดีนและอนงค์ต้องหันไปยังต้นทางของเสียงอัตโนมัติก่อนที่ลูกชายคนเดียวของพวกเขาจะเอ่ยออกมา "ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีมีธุระนิดหน่อย" "หืม? เกี่ยวกับที่เพื่อนโทรมาหรือเปล่า" อนงค์เอียงคอถามคนที่นั่งอยู่ด้วยความสงสัยให้กับท่าทางที่ดูร้อนรนของเขา "ประมาณนั้นครับ แม่ไม่ว่าอะไรใช่ไหม ไว้วันหลังผมจะมากินข้าวด้วยใหม่" "แม่ไม่ว่าหรอก ความจริงอีกเดี๋ยวพวกเราก็คงกลับแล้วล่ะ แต่ลูกระวังตัวด้วยนะ อย่ากลับดึกแม่เป็นห่วง" อนงค์จ้องมองใบหน้าหล่อที่สวมใส่กรอบแว่นด้วยความเป็นห่วงว่าลูกชายของตนอาจจะโดนพวกอันธพาลทำร้ายหรือไม่หากไปเที่ยวในเวลากลางคืนดึกๆ เพราะเธอก็เคยสั่งให้บอดี้การ์ดไปคุ้มกันทายาทเจ้าของโรงแรมอย่างเขาแล้ว แต่เดม่อนก็ไม่ยอมให้มีคนไปคอยดูแลเสียที "ผมจะระวังตัวครับ" ชายหนุ่มเอ่ยบอกผู้เป็นแม่เพียงเท่านั้นก่อนจะก้มหัวให้ทุกคนเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ@หนึ่งสัปดาห์ต่อมา"ฉวยจังเลยค่ะแด๊ดจี้" เสียงเล็กของเด็กน้อยเอ่ยบอกผู้เป็นพ่อที่กำลังอุ้มเธออยู่อย่างตื่นเต้นพร้อมกับกวาดสายตามองท้องทะเลสีครามด้วยแววตาที่เปล่งประกาย เพราะเดม่อนเพิ่งจะซื้อบ้านพักตากอากาศที่นี่เมื่อสัปดาห์ก่อน ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เดมี่ได้มาที่ทะเลแห่งนี้"ดีใจที่หนูชอบนะครับ""น้องเดมี่ชอบมากๆ เลยค่ะ" เดมี่ยิ้มตอบกลับจนตาหยีจนเดม่อนอดที่จะเลื่อนไปหน้าไปขโมยหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ไม่ได้ด้วยความเอ็นดู เพราะหน้าตาและนิสัยที่เหมือนกับเมเกรซเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ชายอย่างเขาตกหลุมรักเด็กน้อยคนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้"แล้วไหนช่างภาพที่จะถ่ายรูปล่ะคะ" เมเกรซในชุดกระโปรงสีขาวสะอาดที่เดินตามหลังของสองพ่อลูกเอ่ยถามสามีหนุ่มด้วยความสงสัยเพราะวันนี้เดม่อนบอกกับเธอว่าจะมีการถ่ายรูปครอบครัวด้วยกันทว่าพอมองไปก็เห็นแต่สถานที่ที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงามเท่านั้นแต่กลับไร้วี่แววของช่างถ่ายภาพที่เธอต้องการ"กลัวพี่จะหลอกอีกหรือไง สายตาของเกรซมันฟ้องนะ""มีสามีเจ้าเล่ห์เลยต้องระวังตัวไว้ค่ะ" เมเกรซยิ้มตอบกลับพ่อของลูกไปอย่างติดตลกเพราะไม่ว่าจะกี่ปีเดม่อนก็ยังทำตัวร้ายกาจกับเธอเสมอ ความเจ
@คอนโดเดม่อนพรึ่บ~"แด๊ดดี้ฟังเกรซก่อน..." เมเกรซที่ถูกเหวี่ยงเข้ามาในห้องนอนยืนมองร่างสูงด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา เพราะพอออกจากบ้านมาเดม่อนก็พาเธอมุ่งหน้ามายังคอนโดของเขาเลยทันที ซึ่งเมเกรซที่รู้อยู่แล้วว่าสถานที่นี้มีไว้สำหรับการลงโทษของเขาก็พยายามเอ่ยอย่างวิงวอนสุดฤทธิ์แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลกับชายหนุ่มแม้แต่น้อย"ถอดชุดออกสิครับ เราอยากสัมผัสอากาศเย็นไม่ใช่เหรอ" เดม่อนเอ่ยบอกเสียงเรียบพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะเลื่อนมือลงไปปลดเข็มขัดเป็นประการถัดมาในขณะที่เมเกรซยังคงกำชายกระโปรงแน่นด้วยความหวาดกลัว"ถอดออก" ปากหนากดเสียงต่ำจนร่างเล็กสะดุ้งเฮือก มือเรียวสั่นเทาค่อยๆ ถอดชุดของตัวเองออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนในที่สุดก็เผยให้เห็นร่างบางที่มีสิ่งปกปิดจุดสงวนเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่"ไม่ใส่เสื้อใน?" ชายหนุ่มกัดฟันแน่นด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นแล้วจ้องมองภรรยาสาวด้วยแววตาแข็งกร้าวเมื่อเห็นว่าเธอใช้เพียงแค่แผ่นซิลิโคนปกปิดหน้าอกขนาดใหญ่ไว้เท่านั้น"ถะ...ถ้าใส่แล้วมันจะเห็น...""แต่ยอมให้คนอื่นเห็นนมได้?""ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย..." เมเกรซก้มหน้างุดแล้วตอบกลับเสียงเบาในขณะที่เดม่อ
"หม่ามี๊ขาา วันนี้พาน้องเดมี่ไปเที่ยวหน่อยค่ะ" เด็กสาวตัวน้อยวิ่งมาสวมกอดผู้เป็นแม่ที่กำลังแต่งตัวอยู่อย่างออดอ้อนในขณะที่เมเกรซย่อตัวลงตรงหน้าของเธอเล็กน้อยแล้วอธิบายให้ลูกฟัง"ไปไม่ได้ค่ะ ถ้าเราหนีไปเที่ยวกันแด๊ดดี้ต้องดุมี๊แน่ๆ เลย""แต่วันนี้แด๊ดจี้ไปทามงาน""หืม? วันนี้เหรอคะ""แด๊ดจี้บอกน้องเดมี่ว่าจะกลับดึก ให้นอนก่อนได้เลยไม่ต้องรอค่ะ" เด็กสาวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเอ่ยบอกคนเป็นแม่ไปตามที่ได้ยินจนเมเกรซคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่เธอจะได้มีอิสระหลังจากที่ถูกคนตัวสูงควบคุมมาหลายปี"งั้นเราก็...ไปเที่ยวกันดีไหมคะ เดี๋ยวมี๊พาไปกินไอติมให้รางวัลคนเก่ง""คิกๆๆ ยักมี๊" เดมี่สวมกอดลำคอบางไว้อย่างอารมณ์ดีต่างจากเมเกรซที่ลอบยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจที่จะได้ทำตามใจตัวเอง ซึ่งมันก็มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่เดม่อนจะห้ามเธอก็คือเรื่องการแต่งตัวมือเรียวรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเพื่อเช็คกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ก่อนจะพบว่าไม่มีลูกน้องของเดม่อนยืนอยู่แบบทุกวันบ่งบอกว่าพวกเขาอาจจะออกไปพร้อมกับเดม่อน"สงสัยจะไปทำงานจริงๆ" ปากเล็กพึมพำเสียงเบาตามความคิดของตัวเอง เพราะตอนนี้เดม่อนก็ยังคงทำงานเกี่ยวก
@หลายปีต่อมา-คฤหาสน์เดม่อน"คูมย่าขาา~" เสียงใสของเด็กน้อยวัยสามขวบกว่าที่กำลังวิ่งเข้ามาในบ้านเอ่ยเรียกผู้เป็นย่าที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ ในขณะที่มือยังคงถือของกินมากมายที่กรองขวัญให้มา"คนเก่งของย่า เป็นยังไงบ้างคะ วันนี้ไปเที่ยวมาสนุกไหม" อนงค์รีบวางทุกอย่างในมือลงแล้วไปอุ้มหลานสาวตัวน้อยขึ้นมาแนบอกทันที พวงแก้มป่องที่อยู่เสมอกับใบหน้าทำให้เธออดไม่ได้ที่จะขโมยหอมแก้มเล็กนั้นฟอดใหญ่ การกระทำของเธอสร้างเสียงหัวเราะให้กับเด็กน้อยได้ไม่ยาก"คิกๆๆ""เรียกแต่ย่าอย่างเดียว ไม่เรียกปู่เลยเหรอ" ดีนที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนเอ่ยถามหลานสาวที่กำลังหยอกล้อกับอนงค์เสียงน้อยใจจนเด็กสาวต้องผละใบหน้าออกมา สองแขนเล็กยื่นไปตรงหน้าราวกับเป็นเชิงบอกว่าต้องการจะให้เขาอุ้มจนดีนอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้เหมือนกันให้กับความออดอ้อนของคนตัวเล็กที่มักจะทำให้พวกเขาตกหลุมรักได้เสมอ"จะน่ารักไปไหนเนี่ย หลานปู่""ไปเที่ยวบ้านพ่อกับแม่มาสนุกไหมลูก" อนงค์หันมาถามคุณแม่สาวที่ยืนอยู่ด้วยรอยยิ้ม เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ เมเกรซจึงพาลูกกลับไปที่บ้านของตัวเองเพื่อให้เมสันและกรองขวัญได้เล่นกับหลานบ้าง แต่ส่วนมากพวกเขามักจะมา
"ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ" เดม่อนที่เดินเลี่ยงออกมาเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ตรงระเบียงของห้องเสียงสุภาพ ในขณะที่เมสันปรายตามองไปยังชายหนุ่มรุ่นลูกด้วยสายตายากจะคาดเดาก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก"มีเรื่องอะไร""ผมอยากรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับเกรซครับ" ชายหนุ่มเอ่ยถามไปอย่างไม่อ้อมค้อมก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงด้านข้างของเขาในขณะที่เมสันตวัดสายตามองคนด้านข้างด้วยความไม่พอใจที่ดูเหมือนเดม่อนจะทำตัวไม่รู้จักผู้ใหญ่เกินไป"ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย""แล้วถ้าผมบอกว่าผมรู้เรื่องลูกชายของคุณสมบัติ คุณพ่อจะยอมคุยกับผมไหมครับ" ชื่อของคนที่คุ้นเคยและคำพูดที่ราวกับรู้เรื่องบางอย่างทำให้เมสันชะงักไปด้วยความประหลาดใจก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติตามเดิมเพื่อไม่ให้อีกคนรับรู้ความรู้สึกของตัวเอง"ฉันไม่เข้าใจว่านายพูดว่าอะไร""ผมว่าคุณพ่อน่าจะเข้าใจดีนะครับ เพราะถึงขนาดไปที่บ้านนั้นหลายครั้งเพื่อโน้มน้าวให้ลูกชายของเขามาแย่งเกรซไปจากผม" เดม่อนเอ่ยบอกเสียงเรียบอย่างไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาต่างจากเมสันที่มีสีหน้าตกใจอย่างชัดเจนเพราะไม่คิดว่าคนด้านข้างจะรู้ถึงสิ่งที่เขาทำ"หึ คิดว่าผมไม่รู้เหรอครับว่าคุณพ่อทำอะ
@หนึ่งสัปดาห์ต่อมา"เหนื่อยไหมคะพี่เดนส์" เมเกรซที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยถามแทรกสามีหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านหนังสือให้เธอฟังอยู่ ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมาเดม่อนก็คอยดูแลเธออย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดจนตอนนี้สภาพจิตใจของเมเกรซเริ่มดีขึ้นมาก เธอไม่กลัวการที่จะต้องเจอกับคนอื่นรวมถึงไม่ได้กลัวต่อเหตุการณ์นั้นเท่าเมื่อก่อนแล้ว อาจจะมีบ้างบางวันที่ฝันร้ายแต่เดม่อนก็จะคอยปลุกเธอจากความฝันนั้นและปลอบโยนเธออยู่ตลอด อีกทั้งเขายังช่วยเธอในเรื่องของมหาวิทยาลัยที่หญิงสาวได้หยุดเรียนไปด้วยส่วนเรื่องของคาร์เตอร์ เดม่อนไม่ได้ฆ่าเขาภายในวันเดียว แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะทรมานเขาในทุกวันจนในที่สุดร่างกายของคาร์เตอร์ก็ทนรับความเจ็บปวดไม่ไหวและหมดลมหายใจไปเมื่อสองวันก่อน และครั้งนี้ก็ไม่เหมือนกับเมื่อหลายปีที่แล้วเนื่องจากเดม่อนได้เข้าไปดูศพของชายหนุ่มแล้วจัดการเผาร่างนั้นด้วยตัวเอง เขาอยากจะเห็นคนที่ทำร้ายภรรยาของเขาตายไปต่อหน้าจริงๆ เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้นกับเมเกรซอีกทุกอย่างได้จบลงพร้อมกับอดีตมาเฟียหนุ่มที่ตายไป เช่นเดียวกับบาดแผลในจิตใจของเมเกรซที่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวัน"ทำไมถา







