บทที่ 2 (ไม่ใช่) สายมู
ลิฟต์ค่อยๆ เคลื่อนขึ้นสู่ชั้นพักฟื้น เสียงเครื่องยนต์เบาๆ ดังสม่ำเสมอราวกับกล่อมให้ใจเธอสงบลง แต่เปล่าเลย ใจยาหยีกลับสั่นไหวยิ่งกว่าเดิม
“หยี…” เสียงเรียกของลีทำให้เธอหันไปมอง แม้จะเจ็บแผลแต่เธอก็พยายามยิ้มให้เขา ดวงตาเธอมีทั้งความหวัง ความกลัว และความรักผสมกันอยู่ในนั้น “เจ็บไหม” เขาพูดพลางบีบมือเธอเบาๆ “แต่…เราต้องคุยกันเรื่องนี้นะ”
เธอยังไม่ทันได้ตอบคำถามประโยคแรกเลย หัวใจของยาหยีเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้น แต่เพราะลางสังหรณ์บางอย่าง
“พี่ลี หมายความว่ายังไงเหรอคะ?” เธอถามเบาๆ แม้จะรู้คำตอบอยู่ลึกๆ
เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว รอให้บุรุษพยาบาลเข็นเตียงของยาหยีเข้ามาในห้องพักฟื้นแล้ว เขาค่อยพูดต่อหน้าเธออีกครั้ง ในห้องที่มีแค่เขาและเธอ
“พี่ยังไม่พร้อมจะมีลูกตอนนี้…หยีเข้าใจใช่ไหม? งานพี่ยังไม่มั่นคง แถมเรายังไม่ได้วางแผนอะไรเลยด้วยซ้ำ” ประโยคนั้นเหมือนมีดที่บาดลงกลางใจเธอช้าๆ ไม่ใช่เพราะเธอไม่เข้าใจเหตุผล แต่เพราะมันขัดกับคำสัญญาเดิม…
‘พี่อยากแต่งงานกับหยีนะ อยากมีลูกด้วยกัน…หลายๆ คนเลย’
เสียงของลีเมื่อหลายเดือนก่อนยังชัดเจนในหัวเธอ รอยยิ้มอบอุ่นของเขาตอนพูดคำนั้นยังฝังอยู่ในใจ
ยาหยีเบือนหน้ากลับไปมองเพดาน สีหน้าคล้ายไม่รู้สึกอะไร แต่ดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆ เอ่อคลอ
“หยี…เข้าใจ” เธอตอบเบาๆ แทบจะกระซิบ แต่ลึกในอก เธอไม่ได้เข้าใจเท่าไรนัก แค่…ผิดหวัง ผิดหวังที่คนที่เคยอยากสร้างอนาคตร่วมกัน กลับกลัวอนาคตที่มาถึงเร็วกว่าที่คาดไว้ และเธอก็ไม่แน่ใจแล้ว ว่าเขายังอยากจะมีอนาคตร่วมกันอยู่ไหม…
หากไม่ใช่เพราะคำพูดในวันนั้น ที่จุดประกายความฝันที่อยากมีลูกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอคงไม่รบเร้าให้เขาพามาหาบ่อยๆ จนถึงวันเก็บไข่หรอก และหากความรู้สึกของเธอไม่ได้ผิดเพี้ยนไป พักนี้เธอรู้สึกว่าลีเปลี่ยนไป เขามักจะอ้างว่าตนติดงานบ่อยๆ กลับบ้านดึก และยัง…ติดโทรศัพท์มากกว่าเมื่อก่อน
ร้านกาแฟริมถนนที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล บรรยากาศอบอุ่นด้วยแสงแดดยามสาย ละอองกลิ่นกาแฟลอยคลุ้งอยู่ทั่วร้าน เสียงบดเมล็ดกาแฟและเสียงเครื่องชงดังเป็นจังหวะ ชีวินนั่งอยู่ที่มุมในสุดของร้าน มือถือแก้วอเมริกาโนร้อนๆ ไว้ในมือ ข้างหน้าเขามีโน้ตบุ๊กเปิดค้างไว้ แต่สายตากลับไม่ได้จับอยู่ที่หน้าจอเลย
ประตูร้านเปิดออก เสียงกระดิ่งเล็กๆ ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนพับถึงข้อศอกก้าวเข้ามา
“มาช้าเป็นนิสัยหรือไงวะ” ชีวินแซวทันทีที่เห็นเพื่อนรักเดินตรงเข้ามานั่งลงฝั่งตรงข้าม
“เมื่อคืนกูหนักไปหน่อย เลยมาตามนัดสาย” เดย์ตันตอบเรียบๆ พลางหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม ก่อนจะพิงหลังกับพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า
ชีวินเลิกคิ้ว
“อย่าบอกนะว่ามึงดื่มเหล้าแล้วมาเก็บน้ำเชื้อ?”
“อืม”
“มันจะแข็งแรงเหรอวะ”
“ผมว่าไม่เป็นอะไรหรอกครับคุณชีวิน ขนาดนายดื่มเยอะ หมอว่าน้ำเชื้อยังแข็งแรงดีทุกตัวเลยครับ” ลูกน้องของเดย์ตันเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างยิ้มๆ
“ก็แหงสิ เจ้านายของนายมันแข็งแรง อายุจะสี่สิบแล้วยังปึ๋งปั๋งอยู่เลย”
“ไอ้วิน ขอร้องอย่าประชด” เดย์ตันสายหน้าเบาๆ
“แล้วคิ้วชนกันแบบนี้ คิดมากเรื่องน้ำเชื้อหรือหาคนมาอุ้มท้องลูกมึงไม่ได้?”
“ก็ไม่เชิง” เดย์ตันตอบแล้วถอนหายใจยาว “แต่เออ…เรื่องนั้นก็ยังวนๆ อยู่ในหัว”
ชีวินหัวเราะในลำคอ พลางปิดโน้ตบุ๊ก
“ไม่แปลกใจเลย มึงมันพวกเก็บเรื่องเล็กมาเครียดได้ทั้งวัน”
“อืม…” เดย์ตันพยักหน้า “หมอบอกว่าคุณภาพดีเกินคาด เหมือนร่างกายกูพร้อมจะเป็นพ่อ”
ชีวินยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ แล้วยิ้มบางๆ
“ก่อนจะพร้อม หาแม่ของลูกก่อนดีไหม”
“ปากมึงนี่นะไอ้หมอ” ชีวินไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนเดย์ตันจะเงียบไปชั่วอึดใจ สายตาเหม่อมองไปยังถนนด้านนอกที่รถวิ่งผ่านช้าๆ “กูไม่แน่ใจว่าอยากมีลูกกับใคร หรืออยากมีไว้เฉยๆ เพราะกลัวไม่มีโอกาส”
ชีวินวางแก้วลงช้าๆ น้ำเสียงจริงจังขึ้นเล็กน้อย
“ถ้ามึงไม่พร้อม มึงจะไม่ไปเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก แต่ที่มึงทำ เพราะข้างในลึกๆ มึงกลัวพลาดโอกาสไปอีกครั้ง…ใช่ไหม?”
เดย์ตันเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ก็อาจจะใช่…”
แล้วภาพในหัวของเขาก็ย้อนกลับไปยังใบหน้าของคนรักเก่าเมื่อหลายสิบปีก่อน เขาส่ายหน้าเบาๆ ราวกับจะปัดภาพนั้นออกไป แต่ไม่สำเร็จ
ชีวินมองเพื่อนอย่างรู้ทันแล้วเปรยขึ้นเบาๆ
“กูไม่อยากพูดหรอกนะ…แต่มึงยังลืมเธอไม่ลงใช่ไหมเดย์”
เดย์ตันไม่ตอบ แต่สายตาที่นิ่งงันและแววลังเลในนั้นก็บอกชัดเจนเกินพอแล้ว
“กูบอกได้แค่ว่าไม่มีใครแทนที่เคทได้”
“ดักดานมากนะมึง”
“เออ! กูดักดานแล้วยังไงวะ อย่างน้อยๆ กูก็เลยรักเคทจนหมดหัวใจ”
“แล้วมึงไม่คิดจะมีรักใหม่เลย?”
“คิด! กูคิดเว้ย” ตอนแรกเขาขึงขังตอบกลับชีวิน ก่อนจะคู้ไหล่ลงจนหมดความสง่างาม แล้วขยับปากตอบเบาๆ “แต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเลย”
“เอางี้”
“อะไร ไม่เอา มึงจะแนะนำใครมาให้กู กูไม่เอา แม่งช่วงนี้ยิ่งยุ่งๆ อยู่ด้วย”
“ฟังก่อน”
ชีวินเริ่มเล่าให้เดย์ตันฟังถึงเรื่องที่เขาได้ยินหัวหน้าพยาบาลเล่ากันมา ว่ามีคนไปขอพรจากที่ไหนสักแห่งและสมหวังได้แฟนหล่อรวยมาก ซึ่งเดย์ตันทำท่าจะแย้งเพราะเขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้เท่าไรนัก
“ถ้ามันดีทำไมมึงไม่ไปขอเองวะ”
“กูไปขอแล้ว”
“มึงเนี่ยนะ ตลกแล้วไอ้หมอ มึงหล่อจะตาย ใครก็อยากได้มึงไหมวะ ไปขอทำไม”
“เออกูหล่อ ใครก็อยากได้กูทั้งนั้น แต่แค่อยากได้กูเฉยๆ ไง แต่ไม่อยากคบกับกูจริงๆ จังๆ”
“อ้าว เป็นงั้นไป”
“มึงลองดู เชื่อกูดิ ไม่แน่นะเว้ย…สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านอาจจะเห็นใจมึง ส่งเมีย ส่งลูกมาให้มึงพร้อมกันก็ได้”
“ตลกแล้วมึงไอ้วิน นี่มึงเป็นหมอจริงไหม งมงายฉิบหาย”
ตัดภาพมาที่ช่วงบ่ายของอีกวัน…
แดดร้อนเปรี้ยงจนพื้นซีเมนต์หน้าโรงพยาบาลแทบจะระเบิดเป็นไอร้อน เดย์ตันยืนทำหน้าหงุดหงิดอยู่หน้ารถตัวเอง ในมือถือพวงมาลัยดอกดาวเรืองพวกเท่าแขนกับธูปสามดอก พนักงานเวรเปลคนหนึ่งเดินผ่านมาเห็นเข้าก็ชะงักค้าง ทำหน้าสงสัยสุดขีด เติร์ดเองก็ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน ไม่รู้เจ้านายเขาคิดอะไรกันแน่ ถึงได้ให้เขาขับรถมาถึงที่นี่
“เอ่อ…นายครับ จะไปไหว้ศาลเจ้าตรงโน้นเหรอครับ?”
“ไม่ใช่ศาลเจ้า…ศาลต้นโพธิ์เว้ย” เดย์ตันกลอกตา ถอนหายใจใส่ตัวเองอย่างสมเพชนิดๆ “เออ กูมาลองดูหน่อย จะได้รู้ว่ามันมั่วหรือกูต้องพึ่งความสามารถตัวเองจริงๆ”
“นายไม่เชื่อเรื่องงมงายไม่ใช่เหรอครับ?”
“ก็ไม่เชื่อไง แต่มึงรู้ไหมเช้านี้กูกินอาหารคลีน วิ่งจ๊อกกิ้ง หยุดดูหมาแมวข้างทาง แล้วขับรถผ่านโรงพยาบาล กูเจอคนท้องสองคนเดินผ่านไปพร้อมกัน… นี่มันเป็นลางหรือเปล่าวะ?”
“…”! ลูกน้องหนุ่มยิ้มแหยๆ แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“ถ้ามีลูกมีเมียโดยไม่ต้องจีบใครก่อน มันก็คุ้มนะ คิดดูดิ ประหยัดแรง ประหยัดตังค์ ไม่ต้องซื้อดอกไม้ให้ใคร ไม่ต้องคุยแชตเยอะ”
ลูกน้องขำพรืด ยกมือไหว้พวงมาลัยดอกไม้ของเดย์ตันแทนอย่างล้อเลียน
“ขอให้สมหวังครับนาย ถ้าได้แฟนแล้วอย่าลืมเปิดวาร์ปนะครับ ลูกน้องจะได้เฮ!” เติร์ดส่ายหน้า ภาวนาให้เธอคนนั้นรับมือกับคนขี้หงุดหงิดอย่างเจ้านายเขาได้ก็พอ เพราะอย่างอื่นเขาไม่หวังอะไรแล้ว
เสือมันดุ ก็ต้องมีพี่เลี้ยงเสือที่ดุกว่า…
เดย์ตันยกยิ้มมุมปาก แล้วเอ่ยเสียงเข้ม
“ภายในสองเดือน…” เดย์ตันแสยะยิ้ม ขีดเส้นใต้ตัวเท่าช้าง ถ้าสองเดือนนี้ไม่มีแฟน เขาจะถือว่ามันงมงายและจะไม่เชื่ออะไรแบบนี้อีก!
สิ้นคำ เดย์ตันก็กระแทกเท้าเดินกลับเข้ารถ หัวฟัดหัวเหวี่ยงด้วยอากาศค่อนข้างร้อน ทั้งยังส่ายหน้านึกด่าตัวเองในใจที่ก่อนหน้านี้ยังหัวเราะเยาะเพื่อนอยู่แท้ๆ…แต่ตอนกลับเป็นแบบนั้นซะเอง
บทที่ 20 จ้างให้จบทางด้านลี หลังจากที่เรื่องราวระหว่างเขากับดอกส้ม ถูกเปิดเผยและเขาได้เห็นแววตาผิดหวังของยาหยีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ใจเขาก็ไม่สงบอีกเลยเขาตามหายาหยีทั่วทั้งเมือง โทรหาเธอแล้วโทรหาอีก แต่ไม่มีการรับสาย ไม่มีการตอบกลับข้อความแม้แต่นิดเดียว ลีเริ่มไปที่ร้านกาแฟที่เธอชอบนั่ง ร้านขนมที่เธอโปรด ไปจนถึงหน้าคอนโดของเธอ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่“หยี… ฟังพี่ก่อนก็ได้ ได้โปรด…” เขาพึมพำกับตัวเองทุกครั้งที่ได้ยินสัญญาณตัดสาย ความผิดพลาดของเขากำลังจะพรากผู้หญิงที่เขาควรรักษาเอาไว้ตั้งแต่แรกไปอย่างถาวรอีกมุมหนึ่งที่บ้านของเดย์ตันบรรยากาศเงียบเชียบยามสาย ลูกน้องคนสนิทของเขาเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ขณะเขานั่งอยู่ริมระเบียงในชุดลำลอง ถือแก้วกาแฟในมือ“นายครับ มีข่าวของผู้ชายคนนั้นคุณลีน่ะครับ”เดย์ตันละสายตาจากวิวเบื้องหน้า สายตาดุดันจับจ้องลูกน้องทันที“มันทำอะไร?”“เขาตามหาคุณยาหยีครับ เดินพล่านไปหลายที่เหมือนคนสติแตก พยายามขอให้คนช่วยติดต่อเธอ แต่ยังไม่เจอ เราลองสะกดรอยอยู่ห่างๆ แล้วครับ เขากำลังมุ่งหน้าไปที่คาเฟ่ที่คุณยาหยีเคยนั่งบ่อยๆ”เดย์ตันขมว
บทที่ 19 ความฝันของเดย์ตันเดย์ตันหัวเราะในลำคอเสียงทุ้มต่ำเจือความเจ้าเล่ห์อย่างจงใจ“ปากดีนะเรา” เขายักคิ้วหนึ่งข้าง ก่อนจะวางมือบนไหล่ยาหยี สีหน้าไม่ได้สะทกสะท้านต่อคำด่าทอของเธอยาหยีถอยหลังอีกก้าว แต่ก็ต้องหยุดเพราะแผ่นหลังชนกับแผงอกแกร่งพอดี ดวงตากลมเบิกกว้าง ใบหน้าสวยเลิ่กลั่ก“ต้องใกล้ขนาดนี้?”“ไม่ได้จะทำอะไร…” เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ริมฝีปากเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ “ก็แค่อยากสอนจับปืน แล้วก็อยากรู้ว่าลูกเริ่มดิ้นแล้วหรือยัง”ดวงตาของเดย์ตันอ่อนลงครู่หนึ่ง เขาเอื้อมมือแตะแผ่วเบาที่หน้าท้องเธออีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะจะแกล้ง ไม่ใช่เพราะหยอกเล่นหรือชวนทะเลาะ แต่เพราะเขาอยากรู้สึกถึงชีวิตเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวอยู่ในนั้นจริงๆยาหยีมองเขานิ่ง ลมหายใจติดขัดเพราะความรู้สึกตีกันวุ่นวายไปหมด เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้… และไม่คิดว่าในแววตาแข็งกร้าวของมาเฟียอย่างเขา จะมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ได้มากขนาดนี้ด้วย“เดย์…” เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว“หืม?” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วก็ยิ้ม… รอยยิ้มที่ไม่ได้ร้ายกาจ ไม่ได้กวนประสาท แต่นุ่มนวลจนใจเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล เธอรีบเบือนหน้
บทที่ 18 ยินดีนำเสนอหลายนาทีต่อมาบนเตียงกว้างกลางห้องนอน ยาหยีกำลังนอนหันหลังให้เดย์ตัน มือเล็กยังคงจับผ้าห่มไว้แน่นถึงแม้จะรู้ตัวว่าคนด้านหลังเดินเข้ามาแล้ว และเขาก็กำลังขยับขึ้นเตียงอย่างเงียบเชียบเสียงเตียงยุบลงเมื่อร่างสูงของเดย์ตันทิ้งตัวนอนลงข้างๆ เธอ ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจเสียงดัง ทำทีเป็นคนอ่อนล้าจากสงครามชีวิตทั้งวัน“เฮ้อ…หลังจะพังอยู่แล้ว ให้ลงไปนอนพื้นอีกคืนนี้หลังคงทรุดจริงๆ” เขาบ่นเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาสะกิดไหล่เล็กเบาๆ “ฉันจะเบียดหน่อยนะ ถ้าเผลอกอดเธอก็ขออภัยด้วย”ยาหยีไม่ตอบ เธอกัดฟันแน่นแล้วขยับตัวหนี แต่ไม่ทันไรแขนแข็งแรงก็คว้ารั้งตัวเธอมากอดไว้จากด้านหลังแน่น“อย่าดิ้น เดี๋ยวปวดหลังหนักกว่าเดิมอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู“เดย์ตัน!” ยาหยีสะดุ้ง หันกลับมามองเขาด้วยแววตาขุ่น แต่คนโดนดุกลับยิ้มกวน แถมยังยักคิ้วใส่“โกรธรึไง? เดี๋ยวจับพันผ้าห่มเหมือนดักแด้เลยเอาไหม ถ้าไม่ยอมให้ฉันนอนด้วย”“กล้าก็ลองดู!” เธอแหวกลับทันควัน“อย่าท้านะยาหยี…” เดย์ตันโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปจ้องตาเธอแบบท้าทาย “หลังฉันมันแย่จริงๆ นะ หมอเคยบอกว่าถ้าไม่ได้นอนบนที่นุ่มๆ จะกระทบกระเทือนถึงส
บทที่ 17 เคยเป็นทานตะวันของพระอาทิตย์เดย์ตันยืนอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ที่ตอนนี้ถูกยาหยียึดพื้นที่ไปแล้วเรียบร้อยก๊อก ก๊อก“เปิดประตู”“ไม่ ฉันบอกแล้วไงว่าอยากนอนคนเดียว”“ไม่ได้จะเข้าไปนอน แค่เอานมมาให้”ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงปลดล็อกประตูจะดังขึ้น ยาหยีไม่ได้เปิดประตูออกกว้าง เธอแค่แง้มออกแล้วยื่นหน้าออกมามองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก“กินให้หมด”“ฉันไม่หิว”“กิน เธอไม่หิวแต่ลูกฉันต้องการแคลเซียม”“นายนี่มันจุ้นจ้านจัง”“ก็ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะทำโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ อย่าลืมว่าเราตกลงกันไว้ยังไง” ยาหยีรับแก้วนมไปดื่มจนหมดภายในรวดเดียวแบ้วส่งแก้วเปล่าให้เดย์ตัน “ทำดีๆ ก็ทำได้ ทำไมต้องให้ฉันบังคับก่อน”“ออกไป”เธอปิดประตูดัง ปึ่ง! ใส่หน้าเดย์ตันจนปลายผมเขาพลิ้วไปตามแรงลมที่กระแทกหน้า“อดทน อดทน…จนกว่าลูกจะคลอด” เขาท่องคำนั้นแล้วหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง หวังให้ตัวเองใจเย็นลงไม่มากก็น้อยเดย์ตันเดินลงมาถึงเชิงบันได เขาก็เงยหน้าขึ้นมองชั้นสองอีกครั้ง“เอาแก้วไปเก็บ” เขาส่งแก้วเปล่าให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่เชิงบันได จากนั้นค่อยเดินไปที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับเปิดภาพยนตร์ดูจนถึงเช้าข
บทที่ 16 คุณพ่อบ้านมาเฟียช่วงเย็น…หลังจากกลับมาถึงบ้าน ยาหยีก็แทบหมดแรง เธอถอดรองเท้าแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียด มือข้างหนึ่งวางพัดลมมือถือไว้บนพุงน้อยๆ ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นนวดขมับเบาๆ“วันนี้เหนื่อยมากเลย…” เธอบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองเดย์ตันเหลือบตามองก่อนจะวางถุงของที่ซื้อมาจากห้างลงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบแล้วให้แม่บ้านนำไปเก็บ เขาไม่ได้ตอบอะไร ยังคงขรึมเหมือนเดิม แต่เพียงแค่เขาเดินไปทางห้องครัว แล้วเปิดตู้เย็น หยิบของสดออกมาอย่างคล่องแคล่ว มันก็เพียงพอจะบอกได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร“จะทำอะไรน่ะ?” ยาหยีเดินตามเขามาในห้องครัวด้วย เสียงแผ่วแต่ยังติดหงุดหงิดเบาๆ จากอารมณ์ล้า“เธอหิว” เขาตอบสั้นๆ ขณะหยิบกระเทียมมาปอก“ไม่ได้บอกนี่ว่าหิว…”“แต่เดินห้างตั้งหลายชั่วโมง เหงื่อออก หน้าเริ่มซีด ไม่ใช่หิวก็น้ำตาลตกมั้ง” เขาพูดเรียบๆ แต่ฟังแล้วเหมือนโดนอ่านใจหมดเปลือกยาหยีชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ“ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยเอง…”ในครัวนั้น เดย์ตันจัดการทุกอย่างอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงน้ำไหล เสียงหั่นผัก และเสียงกระทะร้อนที่กำลังผัดข้าวกับไข่และหมูบด เขาไม่ใช่คนพูดมากอยู่
บทที่ 15 เคยไว้ใจหลังจากเหตุการณ์ที่บ้านยาหยี เดย์ตันไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม เขาแค่ขับรถพายาหยีไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ยาหยีบอกว่าอยากซื้อของใช้ส่วนตัวและดูของสำหรับเด็กบางอย่างที่เธอยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้อะไรบ้าง พอได้มาเดินอยู่ท่ามกลางแสงไฟร้านค้าและเสียงคนพลุกพล่าน เธอก็เหมือนได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเดย์ตันเดินอยู่ข้างเธอ มือหนึ่งถือถุงของ ส่วนอีกมือก็แอบเผลอล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างประหม่า เขาไม่ใช่คนที่ถนัดการเดินชอปปิงตามห้าง แต่เขาเต็มใจทำมันเพราะอยากอยู่ดูเธอ…และเพราะลูก“อันนี้น่ารักไหม?” ยาหยีชูผ้าห่อตัวลายน้องเป็ดขึ้นมาให้เขาดู“ก็น่ารัก” เขาตอบเสียงเรียบ แต่พอเห็นว่าเธอกำลังจะวางคืนก็รีบพูดต่อ “ถ้าชอบก็ซื้อไว้เลย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”ยาหยีมองเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากขยับเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็เงียบ และใส่มันลงในตะกร้า แล้วทันใดนั้นเสียงใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“เดย์ตัน?”เขาชะงัก หันกลับไปตามเสียง และพบกับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสรัดรูปสีแดง เธอแต่งหน้าเป๊ะ ผมหยิกเป็นลอนดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า“ริต้า?” เขาพูดชื่อเธอช้าๆ สีหน้าไม่แป