บทที่ 3 แผนเซอร์ไพรส์แฟน
หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง
ในเช้าวันที่ฟ้าครึ้มเล็กน้อย ยาหยีนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนของเธอเอง แสงธรรมชาติส่องลอดผ้าม่านลงมากระทบกรอบหน้าเรียวสวยที่ฉาบด้วยสีหน้าจริงจังผิดแผกไปจากทุกวัน มือบางถือปากกากล่องหนึ่งไว้แน่น สายตาจับจ้องไปยังสมุดโน้ตบนตักที่เต็มไปด้วยลายมือหวัดๆ ของเธอเอง
บันทึกแผนการอย่างละเอียด
ทุกขั้นตอน… ทุกความเสี่ยง… และทุกโอกาส
“เขาเคยบอกว่าอยากมีลูกนี่นา… แค่ยังไม่พร้อมตอนนี้” เธอพึมพำกับตัวเอง เสียงเบาจนเหมือนกลัวกำแพงได้ยิน
แต่ยาหยีไม่อยากรอ ‘ตอนนั้น’
เพราะเธอรู้ดีว่า ‘ตอนนั้น’ ของลี… อาจไม่มีวันมาถึง
เธอเดินไปหยิบแฟ้มเอกสารจากชั้นหนังสือ ในนั้นเป็นเอกสารจากคลินิกที่ทั้งคู่เคยไปด้วยกันเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ภาพใบหน้าของลีในวันนั้นยังชัดในหัว รอยยิ้มเจื่อนๆ ตอนที่หมอบอกว่าไข่ของยาหยีอยู่ในสภาพดีมาก และน้ำเชื้อของลีก็แข็งแรงพร้อมสมบูรณ์แบบพอๆ กัน
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เธอยิ้มจางๆ พลางก้มมองหน้าท้องแบนราบของตัวเอง “แค่เอาของของเรา… รวมกัน แล้วใส่กลับมาที่ฉันเอง”
แพทย์หญิงคนหนึ่งที่คลินิกเคยพูดไว้
‘เทคนิค ICSI (อิ๊กซี่) สมัยนี้ ความแม่นยำสูงมากค่ะคุณยาหยี ใส่ไข่ตัวเอง ผสมเชื้อแฟน แล้วฝังกลับ ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าเซอร์ไพรส์หรือวางแผน’
เซอร์ไพรส์เหรอ… ใช่สิ เธอกำลังจะทำให้ลีดีใจจนพูดไม่ออก
ยาหยีลุกขึ้นยืนตรงหน้ากระจก สูดลมหายใจลึกไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด… แต่เพราะตื่นเต้น
เธอจินตนาการถึงตอนที่ทดสอบแล้วขึ้นขีดสอง ลีอาจจะช็อก อาจจะเงียบไปพักใหญ่ หรืออาจจะดีใจจนเผลอน้ำตาไหลก็ได้
“เรามีลูกด้วยกันแล้วนะ” เธอจะพูดแบบนั้น ในวันที่เขายังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าได้ให้ชีวิตแก่ใครคนหนึ่งไปแล้ว
เซอร์ไพรส์ครั้งนี้ ไม่ใช่ดอกไม้ ไม่ใช่ของขวัญ แต่คือ ชีวิต ชีวิตน้อยๆ ที่ยาหยีเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนทุกอย่าง… รวมถึงใจของลีด้วยเช่นกัน
วันเสาร์อากาศโปร่ง แดดไม่จัด ลมพัดเบาๆ กำลังสบาย
ลีขับรถพายาหยีออกนอกเมืองเล็กน้อย โดยไม่รู้เลยว่าเธอมีแผนบางอย่างในใจ เขาแค่คิดว่าวันนี้เป็นการพักผ่อนตามคำขอของแฟนสาวเท่านั้น ยาหยีไม่พูดอะไรมากนักระหว่างทาง แค่ยิ้มเป็นระยะๆ ขณะเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ
“ถึงแล้วค่ะ” ยาหยีเอ่ยเสียงใสขณะชี้ไปยังอาคารขนาดกลางหลังหนึ่งที่ล้อมด้วยรั้วไม้เตี้ย ด้านหน้าเป็นสนามหญ้ากว้างและมีเสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังลอดออกมา
ลีเลิกคิ้วสูงก่อนหันมามองหน้ายาหยี
“นี่มัน… สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า?”
“อื้อ” หญิงสาวยิ้มพลางเปิดประตูรถ “หยีอยากมาที่นี่นานแล้ว ลองไปดูไหมว่า…เราเหมาะจะเลี้ยงเด็กไหม”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจแล้วพยักหน้า
“ก็ได้ ไหนๆ ก็มาแล้ว”
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในบริเวณอาคาร เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ก็ประดังเข้ามา เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งมาคล้องแขนยาหยีทันที ส่วนลีโดนเด็กชายสามคนล้อมหน้าล้อมหลังให้ช่วยประกอบเลโก้ขนาดใหญ่
“พี่ครับ! ทำอันนี้ให้หน่อยครับ!”
“พี่ๆ อุ้มผมหน่อย!”
ลีมองเด็กน้อยหน้าใสที่ยื่นของเล่นมาให้พร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสา ก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงช่วยเด็กๆ อย่างเก้ๆ กังๆ แต่ไม่นานนักเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเด็กคนหนึ่งปีนขึ้นหลังเขาอย่างไร้พิธีการ
ยาหยีมองภาพนั้นด้วยหัวใจพองโต
เขาหัวเราะ… เขายิ้ม
เขาไม่ได้ขัดขืนแม้จะโดนเด็กเกาะเต็มตัว
เขาดูเป็น ‘พ่อ’ มากกว่าที่เคยคิดด้วยซ้ำ
“นี่…พี่ลี” เธอเดินเข้าไปใกล้พร้อมเอ่ยเสียงนุ่ม
เขาเงยหน้าขึ้นมามอง ขณะมีเด็กซุกอยู่ที่อกหนึ่งคนและอีกสองคนจับมือเขาแน่น
“ถ้าวันหนึ่งเรามีเด็กแบบนี้วิ่งอยู่ในบ้าน… พี่จะว่าไง?”
ลีชะงักไปเล็กน้อย ดวงตานิ่งลงชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มบางๆ
“ถ้ามันเกิดขึ้นโดยที่เราพร้อม…ก็คงดี”
ยาหยีพยักหน้า ยิ้มรับคำตอบนั้น แต่ในใจกลับสะเทือนเบาๆ
“แล้วถ้ามันเกิดขึ้นก่อน ที่พี่คิดว่าพร้อมล่ะพี่ลี…”
เธอไม่พูดต่อ ปล่อยให้รอยยิ้มกลบเกลื่อนแผนการในใจ
วันนี้แค่พาเขามาดูความเป็นไปได้ ส่วนพรุ่งนี้… เธอจะสร้าง ‘ความเป็นจริง’ ขึ้นมาเอง
เย็นวันนั้น หลังจากที่ลีขับรถพายาหยีกลับมาส่งที่บ้าน เธอก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็ก เดินออกจากบ้านไปยังคาเฟ่เล็กๆ ใกล้ๆ หมู่บ้าน ที่นัดกับเพื่อนสนิทเอาไว้
ดอกส้มนั่งรออยู่ก่อนแล้วในมุมด้านในสุดของร้าน โต๊ะที่เธอจองไว้มีเพียงสองที่นั่ง พร้อมเครื่องดื่มสีสวยตรงหน้า หญิงสาวเจ้าของผิวขาวอมชมพูและดวงตาดุกดิกคนนั้นโบกมือทันทีที่เห็นยาหยีเดินเข้ามา
“เห้ย มานี่เร็ว ฉันรอจะฟังอยู่นานแล้ว!”
ยาหยียิ้ม ม้วนตัวลงนั่งอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียด เหมือนกำลังจะบอกความลับใหญ่หลวง
“หยีจะมีลูก…”
ดอกส้มชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง
“หา? เดี๋ยว! ใครท้อง ใครมีลูกนะ?”
“หยีไง” ยาหยีเอ่ยนิ่งๆ พลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบ “แต่ยังไม่ใส่ตัวอ่อนเข้าไปในตัวนะ ตอนนี้แค่ผสมไว้แล้ว”
“…ผสม?”
“กับน้ำเชื้อพี่ลีไง”
ดอกส้มทำตาค้าง ปากอ้าค้างไปสามวินาทีเต็ม ก่อนจะทุบโต๊ะเบาๆ ด้วยฝ่ามือ
“หยี! นี่เธอคิดดีแล้วเหรอเนี่ย?”
“คิดว่าคิดดีแล้วนะ” ยาหยียังพูดด้วยเสียงราบเรียบ ดวงตากลับทอแววแน่วแน่ “หยีจริงจัง หยีพร้อมจะเป็นแม่แล้ว”
“แต่พี่ลีเขายังไม่พร้อมนี่…” ดอกส้มลดเสียงลง ก่อนจะเอนตัวเข้ามาใกล้ “นี่เธอคิดจะ ‘ใส่ตัวอ่อน’ เข้าไปแบบไม่บอกเขาเหรอ?”
“ก็ไม่เชิง” เธอตอบทันที ไม่มีแววลังเล “ใกล้ถึงวันเกิดพี่ลี หยีแค่อยากเซอร์ไพรส์ หยีไม่ต้องการให้เขาเห็นด้วยตั้งแต่ต้น หยีแค่…อยากให้เขาเห็นลูกก่อน แล้วค่อยรู้ว่าความรักมันไม่ต้องพร้อมเสมอไป”
“ยาหยี…”
“หยีรู้ว่าเขารักหยีมาก” น้ำเสียงของยาหยีเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย “แต่เขากลัว เขายังคิดว่าอนาคตต้องมีแผน ต้องมั่นคง ต้องเพียบพร้อมไปหมด หยีแค่จะเปลี่ยนความกลัวของเขาให้กลายเป็นความรักที่จับต้องได้”
ดอกส้มเงียบไปพักหนึ่ง มองเพื่อนสาวตรงหน้าเหมือนกำลังชั่งใจ เธอรู้จักยาหยีดี รู้ว่าเมื่อหญิงสาวคนนี้ตัดสินใจอะไรแล้ว แทบไม่มีใครเปลี่ยนใจได้
“แล้วถ้าเขารู้ทีหลังล่ะ?”
“…ก็หวังว่าเขาจะรักลูกเราพอๆ กับที่รักหยี” ยาหยีตอบพร้อมรอยยิ้มจางๆ
ดอกส้มสบตาเพื่อนแล้วถอนหายใจอย่างระอาปนห่วง
“ยายบ้า…ฉันจะไม่ห้ามเธอ แต่จะอยู่ข้างเธอถ้าอะไรๆ มันไม่เป็นไปอย่างที่คิดนะ”
ยาหยีจับมือเพื่อนแน่น เธอยิ้มบางๆ ก่อนตอบกลับ
“ขอบใจนะดอกส้ม…หยีแค่อยากเป็นแม่ และหยีอยากให้พ่อของลูก…เป็นเขา คนเดียวเท่านั้น”
บทที่ 20 จ้างให้จบทางด้านลี หลังจากที่เรื่องราวระหว่างเขากับดอกส้ม ถูกเปิดเผยและเขาได้เห็นแววตาผิดหวังของยาหยีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ใจเขาก็ไม่สงบอีกเลยเขาตามหายาหยีทั่วทั้งเมือง โทรหาเธอแล้วโทรหาอีก แต่ไม่มีการรับสาย ไม่มีการตอบกลับข้อความแม้แต่นิดเดียว ลีเริ่มไปที่ร้านกาแฟที่เธอชอบนั่ง ร้านขนมที่เธอโปรด ไปจนถึงหน้าคอนโดของเธอ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่“หยี… ฟังพี่ก่อนก็ได้ ได้โปรด…” เขาพึมพำกับตัวเองทุกครั้งที่ได้ยินสัญญาณตัดสาย ความผิดพลาดของเขากำลังจะพรากผู้หญิงที่เขาควรรักษาเอาไว้ตั้งแต่แรกไปอย่างถาวรอีกมุมหนึ่งที่บ้านของเดย์ตันบรรยากาศเงียบเชียบยามสาย ลูกน้องคนสนิทของเขาเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ขณะเขานั่งอยู่ริมระเบียงในชุดลำลอง ถือแก้วกาแฟในมือ“นายครับ มีข่าวของผู้ชายคนนั้นคุณลีน่ะครับ”เดย์ตันละสายตาจากวิวเบื้องหน้า สายตาดุดันจับจ้องลูกน้องทันที“มันทำอะไร?”“เขาตามหาคุณยาหยีครับ เดินพล่านไปหลายที่เหมือนคนสติแตก พยายามขอให้คนช่วยติดต่อเธอ แต่ยังไม่เจอ เราลองสะกดรอยอยู่ห่างๆ แล้วครับ เขากำลังมุ่งหน้าไปที่คาเฟ่ที่คุณยาหยีเคยนั่งบ่อยๆ”เดย์ตันขมว
บทที่ 19 ความฝันของเดย์ตันเดย์ตันหัวเราะในลำคอเสียงทุ้มต่ำเจือความเจ้าเล่ห์อย่างจงใจ“ปากดีนะเรา” เขายักคิ้วหนึ่งข้าง ก่อนจะวางมือบนไหล่ยาหยี สีหน้าไม่ได้สะทกสะท้านต่อคำด่าทอของเธอยาหยีถอยหลังอีกก้าว แต่ก็ต้องหยุดเพราะแผ่นหลังชนกับแผงอกแกร่งพอดี ดวงตากลมเบิกกว้าง ใบหน้าสวยเลิ่กลั่ก“ต้องใกล้ขนาดนี้?”“ไม่ได้จะทำอะไร…” เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ริมฝีปากเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ “ก็แค่อยากสอนจับปืน แล้วก็อยากรู้ว่าลูกเริ่มดิ้นแล้วหรือยัง”ดวงตาของเดย์ตันอ่อนลงครู่หนึ่ง เขาเอื้อมมือแตะแผ่วเบาที่หน้าท้องเธออีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะจะแกล้ง ไม่ใช่เพราะหยอกเล่นหรือชวนทะเลาะ แต่เพราะเขาอยากรู้สึกถึงชีวิตเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวอยู่ในนั้นจริงๆยาหยีมองเขานิ่ง ลมหายใจติดขัดเพราะความรู้สึกตีกันวุ่นวายไปหมด เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้… และไม่คิดว่าในแววตาแข็งกร้าวของมาเฟียอย่างเขา จะมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ได้มากขนาดนี้ด้วย“เดย์…” เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว“หืม?” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วก็ยิ้ม… รอยยิ้มที่ไม่ได้ร้ายกาจ ไม่ได้กวนประสาท แต่นุ่มนวลจนใจเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล เธอรีบเบือนหน้
บทที่ 18 ยินดีนำเสนอหลายนาทีต่อมาบนเตียงกว้างกลางห้องนอน ยาหยีกำลังนอนหันหลังให้เดย์ตัน มือเล็กยังคงจับผ้าห่มไว้แน่นถึงแม้จะรู้ตัวว่าคนด้านหลังเดินเข้ามาแล้ว และเขาก็กำลังขยับขึ้นเตียงอย่างเงียบเชียบเสียงเตียงยุบลงเมื่อร่างสูงของเดย์ตันทิ้งตัวนอนลงข้างๆ เธอ ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจเสียงดัง ทำทีเป็นคนอ่อนล้าจากสงครามชีวิตทั้งวัน“เฮ้อ…หลังจะพังอยู่แล้ว ให้ลงไปนอนพื้นอีกคืนนี้หลังคงทรุดจริงๆ” เขาบ่นเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาสะกิดไหล่เล็กเบาๆ “ฉันจะเบียดหน่อยนะ ถ้าเผลอกอดเธอก็ขออภัยด้วย”ยาหยีไม่ตอบ เธอกัดฟันแน่นแล้วขยับตัวหนี แต่ไม่ทันไรแขนแข็งแรงก็คว้ารั้งตัวเธอมากอดไว้จากด้านหลังแน่น“อย่าดิ้น เดี๋ยวปวดหลังหนักกว่าเดิมอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู“เดย์ตัน!” ยาหยีสะดุ้ง หันกลับมามองเขาด้วยแววตาขุ่น แต่คนโดนดุกลับยิ้มกวน แถมยังยักคิ้วใส่“โกรธรึไง? เดี๋ยวจับพันผ้าห่มเหมือนดักแด้เลยเอาไหม ถ้าไม่ยอมให้ฉันนอนด้วย”“กล้าก็ลองดู!” เธอแหวกลับทันควัน“อย่าท้านะยาหยี…” เดย์ตันโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปจ้องตาเธอแบบท้าทาย “หลังฉันมันแย่จริงๆ นะ หมอเคยบอกว่าถ้าไม่ได้นอนบนที่นุ่มๆ จะกระทบกระเทือนถึงส
บทที่ 17 เคยเป็นทานตะวันของพระอาทิตย์เดย์ตันยืนอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ที่ตอนนี้ถูกยาหยียึดพื้นที่ไปแล้วเรียบร้อยก๊อก ก๊อก“เปิดประตู”“ไม่ ฉันบอกแล้วไงว่าอยากนอนคนเดียว”“ไม่ได้จะเข้าไปนอน แค่เอานมมาให้”ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงปลดล็อกประตูจะดังขึ้น ยาหยีไม่ได้เปิดประตูออกกว้าง เธอแค่แง้มออกแล้วยื่นหน้าออกมามองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก“กินให้หมด”“ฉันไม่หิว”“กิน เธอไม่หิวแต่ลูกฉันต้องการแคลเซียม”“นายนี่มันจุ้นจ้านจัง”“ก็ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะทำโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ อย่าลืมว่าเราตกลงกันไว้ยังไง” ยาหยีรับแก้วนมไปดื่มจนหมดภายในรวดเดียวแบ้วส่งแก้วเปล่าให้เดย์ตัน “ทำดีๆ ก็ทำได้ ทำไมต้องให้ฉันบังคับก่อน”“ออกไป”เธอปิดประตูดัง ปึ่ง! ใส่หน้าเดย์ตันจนปลายผมเขาพลิ้วไปตามแรงลมที่กระแทกหน้า“อดทน อดทน…จนกว่าลูกจะคลอด” เขาท่องคำนั้นแล้วหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง หวังให้ตัวเองใจเย็นลงไม่มากก็น้อยเดย์ตันเดินลงมาถึงเชิงบันได เขาก็เงยหน้าขึ้นมองชั้นสองอีกครั้ง“เอาแก้วไปเก็บ” เขาส่งแก้วเปล่าให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่เชิงบันได จากนั้นค่อยเดินไปที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับเปิดภาพยนตร์ดูจนถึงเช้าข
บทที่ 16 คุณพ่อบ้านมาเฟียช่วงเย็น…หลังจากกลับมาถึงบ้าน ยาหยีก็แทบหมดแรง เธอถอดรองเท้าแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียด มือข้างหนึ่งวางพัดลมมือถือไว้บนพุงน้อยๆ ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นนวดขมับเบาๆ“วันนี้เหนื่อยมากเลย…” เธอบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองเดย์ตันเหลือบตามองก่อนจะวางถุงของที่ซื้อมาจากห้างลงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบแล้วให้แม่บ้านนำไปเก็บ เขาไม่ได้ตอบอะไร ยังคงขรึมเหมือนเดิม แต่เพียงแค่เขาเดินไปทางห้องครัว แล้วเปิดตู้เย็น หยิบของสดออกมาอย่างคล่องแคล่ว มันก็เพียงพอจะบอกได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร“จะทำอะไรน่ะ?” ยาหยีเดินตามเขามาในห้องครัวด้วย เสียงแผ่วแต่ยังติดหงุดหงิดเบาๆ จากอารมณ์ล้า“เธอหิว” เขาตอบสั้นๆ ขณะหยิบกระเทียมมาปอก“ไม่ได้บอกนี่ว่าหิว…”“แต่เดินห้างตั้งหลายชั่วโมง เหงื่อออก หน้าเริ่มซีด ไม่ใช่หิวก็น้ำตาลตกมั้ง” เขาพูดเรียบๆ แต่ฟังแล้วเหมือนโดนอ่านใจหมดเปลือกยาหยีชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ“ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยเอง…”ในครัวนั้น เดย์ตันจัดการทุกอย่างอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงน้ำไหล เสียงหั่นผัก และเสียงกระทะร้อนที่กำลังผัดข้าวกับไข่และหมูบด เขาไม่ใช่คนพูดมากอยู่
บทที่ 15 เคยไว้ใจหลังจากเหตุการณ์ที่บ้านยาหยี เดย์ตันไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม เขาแค่ขับรถพายาหยีไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ยาหยีบอกว่าอยากซื้อของใช้ส่วนตัวและดูของสำหรับเด็กบางอย่างที่เธอยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้อะไรบ้าง พอได้มาเดินอยู่ท่ามกลางแสงไฟร้านค้าและเสียงคนพลุกพล่าน เธอก็เหมือนได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเดย์ตันเดินอยู่ข้างเธอ มือหนึ่งถือถุงของ ส่วนอีกมือก็แอบเผลอล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างประหม่า เขาไม่ใช่คนที่ถนัดการเดินชอปปิงตามห้าง แต่เขาเต็มใจทำมันเพราะอยากอยู่ดูเธอ…และเพราะลูก“อันนี้น่ารักไหม?” ยาหยีชูผ้าห่อตัวลายน้องเป็ดขึ้นมาให้เขาดู“ก็น่ารัก” เขาตอบเสียงเรียบ แต่พอเห็นว่าเธอกำลังจะวางคืนก็รีบพูดต่อ “ถ้าชอบก็ซื้อไว้เลย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”ยาหยีมองเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากขยับเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็เงียบ และใส่มันลงในตะกร้า แล้วทันใดนั้นเสียงใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“เดย์ตัน?”เขาชะงัก หันกลับไปตามเสียง และพบกับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสรัดรูปสีแดง เธอแต่งหน้าเป๊ะ ผมหยิกเป็นลอนดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า“ริต้า?” เขาพูดชื่อเธอช้าๆ สีหน้าไม่แป