จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ!
“อื้อ! อ่อย!”
“อ่อย!!!”
“ฮึ! ครางทำไมวะแค่จูบ แหกปากร้องอย่างกับโดนกระแทกเข้าไปทั้งดุ้น”
เขาจับไหล่ฉันแล้วกระชากให้ผละออกจากตัวก่อนที่จะพ่นคำพูดที่มันเลวร้ายยิ่งกว่าอะไรออกมาจากปาก
“...เลว” ด่าว่าเลวยังน้อยไปแต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะด่าคำไหนได้มากกว่านี้ เพราะยังไงมันก็คงไม่สะเทือนใจเขาหรอก
“ฮึ ๆ ๆ ฉันเลวได้มากกว่าที่คิดอีก โดยเฉพาะกับผู้หญิงอย่างเธอ!” เขาตะคอกใส่หน้าฉันอีกครั้งแล้วก็ใช้สองมือที่จับไหล่ฉันผลักฉันออกจนหลังฉันไปชนกับผนังแล้วเขาก็เดินไปทันที ทิ้งไว้แค่ฉันที่อยู่ในอารมณ์โกรธ โมโห สับสน แล้วก็สมเพชตัวเอง ทำไมคนที่ไม่เคยรู้จักกันถึงได้ทำอะไรแย่ ๆ แบบนี้ต่อกันด้วยนะ
“ฮึก!” ฉันพยายามกลั้นไม่ให้ร้องไห้แสดงความอ่อนแอแล้วค่ะ แต่ฉันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีเกาะป้องกันตัวจากอะไรเลย ไม่มีใครคอยปกป้องพอมาเจอกับคนเลวแบบนี้ฉันก็เลยทำได้แค่ร้องไห้เพราะความโกรธที่ไม่รู้จะระบายกับใคร
“ฮื่อ ๆ ๆ” ฉันเปิดประตูที่อยู่ใกล้ ๆ มันเป็นประตูที่เปิดออกไปเจอระเบียงที่ผู้ชายคนนั้นเปิดเข้ามานั่นล่ะ เปิดออกไปแอบร้องไห้แล้วก็ถูปากตัวเองซ้ำ ๆ เพื่อลบความสกปรกของเขา
แอด~
“ฮึก!” ฉันได้ยินเสียงเปิดประตูก็เลยรีบเช็ดน้ำตาแล้วก็ก้มหน้าจะเดินสวนคนที่มาใหม่ออกไปทันที
“...เป็นอะไรเจ้าขา” ฉันไม่ได้เงยหน้ามองหรอกค่ะว่าคนที่เข้ามาเป็นใครถึงได้รู้จักฉัน ฉันได้แต่ส่ายหน้าตอบเขาเท่านั้นไม่งั้นคนที่ถามฉันคนนี้คงรู้แน่ว่าฉันมายืนร้องไห้
“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” ฉันรีบตอบแล้วก็จะเปิดประตูแต่เขาคนนั้นรีบเอามือมาขวางไว้ก่อน
“เดี๋ยว...ร้องไห้นี่ ร้องไห้ทำไม” เขาก้มหน้าลงมามองหน้าฉันที่เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาแล้วฉันก็จำได้ว่าเขาคือหนึ่งในเพื่อนสนิทของพี่ชัตเตอร์ ทำไมวันนี้ฉันต้องเจอแต่ผู้ชายกลุ่มนี้ด้วยนะ
“ปะ เปล่าค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธแต่เขาเอามือมาประคองแก้มฉันไว้แล้วดันให้เงยหน้าซะก่อน
“เปล่าอะไร ร้องไห้ชัด ๆ” เสียงทุ้มที่ฟังดูมีอำนาจเหมือนพวกมาเฟียดังออกมาจากปากของเขาทำให้ฉันเลิกเถียงเขาแล้วก็ยืนกลั้นน้ำตาแทน
“...”
“เป็นอะไรใครรังแกไหนบอกพี่มาพี่จะไปจัดการให้” พี่เวกัสเอานิ้วเกลี่ยน้ำตาให้ฉัน พอมีคนมาอ่อนโยนกับตัวเองฉันก็เลยยิ่งน้ำตาไหล
“ฮึก! เปล่าค่ะไม่มีใครทำอะไร” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ เพื่อปฏิเสธ บอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของเขาที่ทำร้ายฉันเขาจะไปจัดการให้เหรอคะ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นคนขี้ฟ้อง พี่เวกัสกับฉันเราก็ไม่ได้สนิทกันแค่พี่เขาเคยชวนฉันคุยเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วตอนฉันเสิร์ฟเหล้าให้ก็แค่นั้น
“ถ้าไม่มีใครทำก็ไม่ต้องร้องไห้สิจริงไหม หรือถ้ามีใครทำก็แค่ต่อยหน้ามันให้คว่ำแค่นั้นเอง จะเก็บมาร้องไห้คนเดียวทำไมครับ” พี่เขาวางมือไว้บนหัวฉันข้างหนึ่งส่วนอีกข้างก็เอามันล้วงเข้าไปในกระเป๋าก่อนที่จะขยี้ผมฉันเบา ๆ แล้วยิ้มอบอุ่นให้ฉัน
“ฮึก! ต่อยคนมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ฉันพยายามเช็ดน้ำตาแล้วก็ยิ้มให้กับคำแนะนำของพี่เวกัส
“ไม่ง่ายหรอก แต่ก็ไม่ยาก ขนาดคนที่เขามารังแกเราเขายังไม่รู้สึกเลยว่าการรังแกเราเป็นเรื่องยาก แล้วเราจะคิดว่าการสู้กลับมันยากทำไมล่ะจริงไหม” นั่นสินะ ไม่เห็นจะยากเลยแค่ปกป้องตัวเอง แต่ฉันก็ไม่กล้าทำแบบนั้นอยู่ดีนั่นล่ะ
“ค่ะ แต่เจ้าขาก็ไม่กล้าอยู่ดี”
“ถึงเวลาที่ทนให้ใครรังแกไม่ไหวเดี๋ยวก็ฮึดสู้เอง ไม่ต้องรีบกล้าก็ได้แต่อย่าปล่อยให้ใครมารังแกบ่อย ๆ เข้าใจไหม” พี่เขายิ้มปลอบทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าฉันเจอกับอะไรมา แค่เห็นฉันร้องไห้เขาก็สามารถพูดปลอบโยนให้กำลังใจจนฉันรู้สึกดีได้
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ครับ แต่ถ้าสุดท้ายแล้วไม่กล้าตอบโต้คนที่คอยรังแกก็มาฟ้องพี่ได้นะ” พี่เวกัสยิ้มให้ฉันแต่ฉันใจเต้นแรงเพราะพี่เขาพูดเหมือนรู้ว่าฉันโดนรังแกมาเลย หรือว่าเมื่อกี้เขาแอบเห็นนะ
“คือ...” ฉันอยากจะเอ่ยปากถามแต่ก็ยังไม่กล้าพออยู่ดี
“แล้วจะไม่บอกพี่หน่อยเหรอว่าไปโดนใครแกล้งมาถึงได้แอบมาร้องไห้คนเดียว” ฉันอ้ำอึ้งพี่เวกัสก็เลยเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา และคำถามของเขาก็ทำให้ฉันโล่งใจเพราะเขาคงไม่มาเห็นตอนที่ฉันโดนผู้ชายคนนั้นรังแกแน่นอนถึงได้ถามแบบนี้
“แค่เรื่องเล็ก ๆ น่ะค่ะไม่มีอะไรหรอกเจ้าขาโกรธก็เลยร้องไห้” ฉันยิ้มตอบพี่เวกัส ไม่บ่อยหรอกค่ะที่ฉันพูดโกหกแบบนี้ถ้าเลือกได้ฉันจะไม่โกหกใครเลยด้วยซ้ำ แต่บางเรื่องมันก็ไม่ควรพูดออกไป เลี่ยงไม่พูดถึงคงจะดีกว่า
“อื้ม ถ้างั้นอยากยืนร้องไห้ต่อไหมถ้ายังไม่สบายใจ หรือว่าไปล้างหน้าล้างตาดี”
“ไป...” แอด~
ฉันกำลังจะตอบพี่เวกัสว่าไปล้างหน้าล้างตาดีกว่าเพราะหายมานานเกรงใจฟลุ๊คแล้วแต่ประตูมันถูกเปิดซะก่อน แล้วคนที่เปิดก็ก้าวเข้ามาก่อนที่จะชะงักเพราะเห็นฉันยืนอยู่โดยที่ยังมีมือพี่เวกัสวางไว้บนหัวเหมือนเดิม
“...ฮึ!”
ปัง!
เขา...ผู้ชายที่ทำตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษใส่ฉันมาหมาด ๆ เป็นคนเปิดประตูเข้ามาแล้วก็มองฉันกับพี่เวกัสด้วยสายตาว่างเปล่าเดาอารมณ์ไม่ถูก จากนั้นเขาก็แค่แค่นเสียงเหมือนจะเยาะเย้ยแล้วก็ปิดประตูใส่หน้าฉันกับพี่เวกัสเสียงดังลั่น
“ฮึ! ไอ้เหี้ยนี่สันดานแย่ที่สุดในกลุ่มพี่แล้ว ทางที่ดีอย่าไปอยู่ใกล้มันนะเจ้าขา เลี่ยงได้ก็เลี่ยง หนีได้ก็หนี” พี่เวกัสมองที่ประตูแล้ว็บอกฉันที่ยืนขาสั่นเพราะเห็นผู้ชายคนนั้น
“...ค่ะ”
“ครับผม พี่ว่าเจ้าขาไปล้างหน้าล้างตาดีไหมจะได้สบายตัว ร้องไห้จนตาบวมไปหมดแล้วเดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เวกัสเดี๋ยวเจ้าขาไปเองดีกว่า ขอบคุณพี่เวกัสมาก ๆ เลยนะคะที่ปลอบเจ้าขา”ฉันยิ้มขอบคุณพี่เขาเพราะถ้าไม่ได้พี่เขามาปลอบป่านนี้ฉันก็คงจะยังร้องไห้ไม่หยุดแน่ ๆ
“อื้ม มีอะไรไม่สบายใจบอกพี่ได้นะ คิดว่าพี่เป็นพี่ชายคนหนึ่งก็ได้”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ทีแรกฉันก็กลัวพี่เขานะคะ กลัวเขาทั้งกลุ่มนั่นแหละแต่พอได้คุยกันในตอนนี้ฉันก็รู้สึกว่าพี่เวกัสเหมือนพี่ชายคนหนึ่งจริง ๆ สายตาของเขาไม่มีแววตาที่แสดงออกในทางชู้สาวเลยสักนิด มีแค่แววตาอบอุ่นที่มองฉันเหมือนมองน้องสาวคนหนึ่งมากกว่า
ฉันแยกจากพี่เวกัสไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็ขึ้นไปทำงานต่อ เตรียมใจอยู่พักใหญ่ ๆ เลยล่ะค่ะว่าต้องเจอผู้ชายคนนั้นเพราะโต๊ะที่ฉันรับผิดชอบเสิร์ฟก็คือโต๊ะของเขา
แต่พอขึ้นไปพี่พัดลมก็เดินมาบอกฉันว่าไม่ต้องทำแล้วให้ไปพักผ่อนเพราะฉันไม่สบาย ทีแรกก็งง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นฉันไม่ได้บอกใครว่าไม่สบายสักหน่อย จะอ้าปากค้านพี่พัดลมแต่พี่เขาก็พูดแทรกตลอดแถมยังดันหลังฉันให้ไปพัก แล้วสายตาฉันก็ดันมองไปเห็นพี่เวกัสที่มองมาพร้อมกับรอยยิ้มพอดีก็เลยพอจะเข้าใจว่าพี่เวกัสคงจัดการให้ ฉันก็เลยยอมไปพักเพราะฉันก็ไม่พร้อมจะไปเจอคน ๆ นั้นเหมือนกัน
-02.30 น.-
ฉันเผลอหลับไปจนเวลานี้ตี 2 ครึ่งแล้ว แอบรู้สึกผิดเหมือนกันนะคะฉันไม่ได้เป็นอะไรแต่มานอนหลับสบายทั้งที่คนอื่นเขาทำงานกันหัวหมุน ตอนแรกว่าจะรอสนามปิดแล้วรีบขึ้นไปช่วยคนอื่นเคลียร์ทำความสะอาดพื้นที่แต่ดูเวลามันไม่ทันแล้วล่ะ ถ้าจะทำตอนนี้ก็คงมีอย่างเดียวคือเข้าไปเสิร์ฟต่อในปาร์ตี้ส่วนตัวของเจ้าของสนามซึ่งฉัน...ไม่ไปแน่ ๆ เพราะคนเสิร์ฟในนั้นต้องให้หัวหน้าเป็นคนเรียก และถึงเข้าไปได้ฉันก็ไม่ไป เข้าไปก็ต้องเจอผู้ชายคนนั้นน่ะสิคะ
“มึง เข้าไปแทนกูหน่อย”
“บ้า! เข้าไปได้ไงเฮียเขาไม่ได้เรียกกู”
“แต่กูไม่อยากเข้า วันนี้เมาท่าทางอารมณ์ไม่ดีกูโดนหนักแน่ ๆ”
“หูย~ กูก็อยากจะแซบนะแต่ขอแซบตอนไม่เมาดีกว่า กูจำได้ว่าจุกแค่ไหน” ฉันเดินมาทางห้องอะไรก็ไม่รู้ที่มีพวกพริตตี้ของสนามยืนคุยกันอยู่ 2-3 คน ที่ตึกออฟฟิตข้างสนามมีห้องเยอะแยะเต็มไปหมดฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าแต่ละห้องคือห้องอะไรบ้าง แค่ทำหน้าที่ของตัวเองก็เหนื่อยแล้ว
“ก็ใช่ไงถ้าไม่เมากูเข้าไปรอตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว แต่นี่เมาไงมึง ฮือ~ กูตายแน่ ๆ” ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะคะแต่พวกเธอ 3 คนคุยกันดังพอสมควร แต่ฉันก็จับประเด็นไม่ได้หรอกว่าคุยเรื่องอะไรกัน ไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ และไม่อยากเสียมารยาทก็เลยรีบเดินผ่าน
“น้อง ๆ เดี๋ยวก่อน” ฉันรีบเดินผ่านแต่ผ่านมาได้ไม่ถึง 2 เมตรก็มีหนึ่งคนที่เรียกฉัน
“คะ เรียกหนูเหรอคะ”
“อื้ม เรียกเรานั่นแหละ เป็นพริตตี้ที่นี่รึเปล่า เด็กใหม่เหรอพี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย”
“เปล่าค่ะ เป็นเด็กเสิร์ฟค่ะ” ฉันยิ้มให้พี่ผู้หญิงคนนั้นที่ถามฉันแล้วก็มองหน้าฉันอยู่ตลอดเวลาจนฉันเริ่มเกร็ง
“สวยขนาดนี้เป็นเด็กเสิร์ฟ! น้องขาทำไมไม่มาเป็นพริตตี้รับรองรุ่งแน่ ๆ”
“เอ่อ...คือ” ฉันไม่รู้จะตอบยังไงเพราะฉันเป็นคนที่ค่อนข้างเกร็งทุกครั้งเวลาเจอผู้หญิงแรง ๆ กลัวพูดจาไม่เข้าหูแล้วจะโดนมองแรงใส่
“เออแต่ช่างเถอะไม่เป็นก็ดีแล้วจะได้ไม่มาแย่งซีนพวกพี่ แล้วนี่จะไปไหนจ้ะจะกลับแล้วเหรอ”
“ค่ะ จะกลับแล้วค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบ
“อย่าเพิ่งกลับได้ไหมพี่มีงานให้ช่วยหน่อย”
“อีจอย! อย่าบ้า!” พอพี่คนที่ถามฉันพูดจบเพื่อนเขาอีกคนก็เรียกเขาด้วยน้ำเสียงตกใจจนฉันงง
“เออน่า ก็กูไม่สะดวกให้น้องเขาทำแทนก็ได้ งานง่าย ๆ ได้เงินเยอะ หรือมึงจะทำแทนกู” พี่เขาหันไปคุยกับเพื่อน พอเจอคำถามสุดท้ายเพื่อนของเขาก็เลยเงียบไป
“เอ่อ มีอะไรรึเปล่าคะ” ฉันสงสัยค่ะไม่เข้าใจก็เลยทำใจกล้าถามออกไป
“ไม่มีอะไรจ้า คืองี้ พอดีว่ามีเพื่อนเฮียเตอร์อ่ะเขาอารมณ์ไม่ดีก็เลยมาดื่มเหล้าคนเดียวในห้องนี้ เหวี่ยงพี่ตลอดเลยจะให้เพื่อนเข้าไปทำแทนก็ไม่มีใครว่างทำ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากทำนะแต่พี่เป็นเมนส์ด้วยอ่ะพี่กลัวพี่ปรี๊ดแตกใส่ลูกค้า คือไหน ๆ น้องก็เป็นเด็กเสิร์ฟอยู่แล้วพี่ว่าน่าจะรับอารมณ์ลูกค้าได้ดีกว่าพริตตี้แบบพี่ใช่ไหมล่ะ เข้าไปชงเหล้าแทนพี่หน่อยได้ไหมพี่ให้ 3 พันเลย ตี 4 เขาก็หยุด...ดื่มแล้ว พี่ยอมจ่ายเยอะเลยดีกว่าพี่เสี่ยงตกงาน”
“เอ่อ...” ฉันอยากจะปฏิเสธพร้อมกับรับข้อเสนอไปพร้อมกัน เข้าไปชงเหล้าถึงตี 4 ได้ 3 พัน ตอนนี้เกือบจะตี 3 แล้วด้วยแค่แป๊บเดียวได้เงินตั้งเยอะ แต่มันติดตรงที่เข้าไปเสิร์ฟในห้องอะไรก็ไม่รู้สองต่อสองนี่สิคะ
“นะ ๆ ช่วยพี่หน่อยนะ คือน้องเข้าใจอารมณ์มนุษย์เมนส์ใช่ไหม มันหงุดหงิดง่ายอ่ะ พี่กลัวพี่ทนลูกค้าไม่ไหวแล้วไปเหวี่ยงกลับมีหวังพี่โดนไล่ออกแน่ ๆ ช่วยพี่หน่อยนะคะ นะ ๆ” พี่เขาจับมือฉันไปกุมไว้แล้วก็ทำตาปริบ ๆ อ้อนวอน
“คือ...”
“นะคะน้อง นะ ๆ ๆ”
“เอ่อ...”
“ช่วยพี่หน่อยนะคนสวยพี่ปวดท้องเมนส์ด้วย”
“...ก็ได้ค่ะ” ฉันรับปากไปแล้วเผลอหลุดปากรับปากแค่เพราะเห็นแววตาอ้อนวอนของพี่ผู้หญิงที่ไม่ได้รู้จักกันด้วยซ้ำ เอาน่ะพัดลมแค่เข้าไปชงเหล้าเอง ได้เงินตั้งเยอะ 3 พันกับชั่วโมงกว่า ๆ หาได้ง่าย ๆ ที่ไหนล่ะ
“เยส! ถ้างั้นเข้าไปเลยค่ะคนสวยเข้าไปเลยลูก” พี่เขายิ้มดีใจอย่างกับถูกหวยแล้วก็รีบเปิดประตูดันฉันเข้าไปในห้องที่เปิดไปสีแดงสลัวเอาไว้
“เออ...พี่คะหนูยังไม่ได้เก็บกระ...”
“เอามา ๆ เดี๋ยวพี่เอาไปเก็บให้ ล็อกเกอร์พนักงานเนอะ ของไม่หายแน่นอนไว้ใจพี่ได้ อ้อ เงินเดี๋ยวพี่ใส่ไว้ในกระเป๋าเลยนะ” พี่เขาแย่งกระเป๋าของฉันไปทันที
“แต่...”
“เข้าไปเถอะลู้ก~ ไป ๆ” พี่เขาส่ายหน้าให้ฉันแล้วก็ผลักหลังฉันเข้าไปในนั้นก่อนที่จะปิดประตูทันที ฉันได้แต่งงแล้วก็หันกลับไปที่ประตูเพื่อจะเปิดออกไปหาพี่คนนั้นก่อนเพราะเห็นพี่เขาบอกว่าลูกค้าเหวี่ยงหนักฉันแค่จะถามเองค่ะว่าลูกค้าชอบเครื่องดื่มแบบไหนเวลาเสิร์ฟจะได้ถูกใจไม่โดนเหวี่ยงเพิ่ม
“เข้ามาแล้วก็มารินเหล้าสักที!” แต่แค่มือฉันจับลูกบิดฉันก็สัมผัสได้แล้วล่ะค่ะว่าลูกค้าที่พี่เขาบอกอารมณ์ไม่ดีแค่ไหน เล่นตะคอกจนลั่นห้องทันทีที่เข้ามาขนาดนี้ ความคิดที่จะออกไปถามเลยต้องหยุดเอาไว้แล้วรีบเดินไปชงเหล้าไม่งั้นลูกค้าคนนี้คงได้อาละวาดที่ไม่ทำตามคำสั่งแน่ ๆ แค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าเมาหนัก
ฉันเดินมาที่โต๊ะเล็ก ๆ สำหรับชงเหล้าโชคดีที่มันมีแค่ขวดเตกีล่าขวดหรูราคาแพงอยู่ขวดเดียวเลยไม่ต้องชงอะไร ฉันเลยเดินไปที่โซฟาที่ลูกค้าคนนั้นนั่งก้มหน้ากุมขมับอยู่เพื่อหยิบแก้วเหล้าไปรินมาเสิร์ฟเขาใหม่
หมับ!
“ว้าย! ทำอะไรคะ” ฉันร้องด้วยความตกใจเพราะแค่ก้มลงไปหยิบแก้วเขาก็จับข้อมือฉันแล้วก็ชากไปหาแล้ว
“ไม่อยากกินเหล้าแล้ว เอาเธอเลยดีกว่าเผื่ออารมณ์จะดีขึ้น” เขาพูดอะไรนะ! ใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม และพอมองหน้าเขาฉันถึงได้รู้ว่าลูกค้าคนนี้เป็นใคร
ผู้ชายคนนั้นไงคะ ผู้ชายที่ทำตัวเลวกับฉันทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน!
“ปะ ปล่อย จะทำอะไร ปล่อย!” ฉันพยายามบิดตัวออกทันทีที่ได้สติแต่เขากลับคร่อมฉันเอาไว้
“อื้อ! ขัดขืนทำไมวะ บอกคนที่ไปตามแล้วไงว่าเข้ามาแล้วต้องพร้อมให้ฉันเอา” ฉันไม่เข้าใจว่าเขาพูดบ้าอะไร ฉันรู้แค่ว่าเขากำลังเมามากและเขากำลังจะขืนใจฉัน
“ไม่! อย่าทำบ้า ๆ นะฉันแค่เข้ามาเสิร์ฟไม่ได้เข้ามาให้นายทำอะไรแบบนี้ ปล่อย!” ฉันขึ้นเสียงใส่เขา แต่พอขึ้นเสียงจบก็โดนเขาตรึงข้อมือทั้งสองข้างกดลงไปที่โซฟาจนรู้สึกเจ็บถึงกระดูก
“จะโวยวายทำไมวะ!” ดูหน้าเขาก็รู้ค่ะว่าเมามาก เมาจนเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เขาคร่อมอยู่คือฉัน
“คุณ คุณเมามากแล้วนะ คุณดูหน้าฉันดี ๆ ก่อนได้ไหม” ฉันพยายามลดเสียงลงแล้วพูดเรียกสติเขา ท่าทางเขารังเกียจฉันจะตายถ้าได้ดูดี ๆ แล้วเห็นว่าเป็นฉันเขาคงมีสติมากพอจนทำอะไรต่อไม่ลงหรอก
พอฉันบอกเขาก็นิ่งแล้วหรี่ตามองพร้อมกับโน้มหน้าลงมานิดหน่อยเหมือนจะมองใกล้ ๆ
“จะ จำฉันได้แล้วใช่ไหม ปล่อยฉันเถอะนะคะ”
“...สวยว่ะ โคตรชอบเลยสวย ๆ หวาน ๆ แบบนี้ มัน...น่าเอาที่สุด”
“คะ คุณ อื้อ!” ฉันมีสติอีกครั้งก็ตอนที่เขาปิดปากฉันด้วยปากของเขาแล้ว พอจะดิ้นหนีก็โดนมือที่แข็งเหมือนคีมเหล็กบีบเอาไว้จนไปไหนไม่ได้ แถมเขายังทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดทับลงมาที่ตัวฉัน
“อื้อ อื้อ!” ฉันพยายามร้องแต่เขาก็เอาแต่จูบรุนแรง จูบครั้งที่สองในชีวิตห่างจากครั้งแรกไม่กี่ชั่วโมง แต่ความหยาบคายไม่ต่างกันเลยสักนิด! เขาพยายามสอดลิ้นเข้ามาแต่ฉันก็พยายามเม้มเอาไว้ พอทำไม่ได้เขาก็ใช้ปากและฟันทั้งขบทั้งกัดริมฝีปากของฉันจนฉันได้รสคาวของเลือด
“โว้ย! จะเล่นตัวทำไมวะ!” พอจูบไม่ได้เขาก็ผละออกแล้วขยับตัวนั่งทับฉันก่อนจะตะคอกใส่ฉันเสียงดังลั่นห้อง
“ฮื่อ ๆ ๆ ปล่อยฉันเถอะนะ” ฉันกลัว กลัวมากเพราะแค่จากที่โดนเขาพยายามปล้ำจูบก็รู้ตัวแล้วว่าฉันแทบจะสู้เขาไม่ได้เลย
“ปล่อย? ฉันเรียกเธอมาเอาจะเล่นตัวเพื่ออะไรวะ! ฉันไม่ชอบผู้หญิงขี้แอ๊บบอกแล้วไง!”
“ฉัน ฮื่อ ๆ ๆ ฉันไม่ได้ขายตัว กรี๊ด!!!” / แคว๊ก!
ฉันกรี๊ดเสียงดังเพราะเขาปล่อยมือฉันแล้วฉีกเสื้อเชิ้ตของฉันทีเดียวจนมันขาดเป็นทางยาว
“ปล่อย! ไอ้เลว ปล่อย! ฉันไม่ได้ขายตัว!”
“ไม่ขายตัว? ใครไม่ขายบ้างถ้าเข้ามาหาฉันในนี้ เงียบ ๆ แล้วนอนให้ฉันระบายอารมณ์ดีกว่า เพราะยิ่งฉันอารมณ์เสียเธอยิ่งเจ็บ!”