มีเหตุผลอะไรที่เด็กมัธยมอย่างเธอจะขายตัว เพราะความจนมันน่ากลัวทำให้เธอต้องถีบตัวเอง ศักดิ์ศรีกินไม่ได้แต่เงินรักษาแม่ได้ ไมาอยากขายศักดิ์ศรีแต่ถ้าแลกกับเงินเธอต้องทำ
Lihat lebih banyak“วันนี้เจ๊ให้แกสี่ร้อยนะจันทร์เจ้า” เสียงของเจ๊เพ็ญเจ้าของร้านอาหารที่เด็กสาวอย่าง จันทร์เจ้า กำลังทำงานอยู่พูดขึ้น
“ทำไมให้เงินหนูเพิ่มมาหนึ่งร้อยละคะ” เสียงใสของจันทร์เจ้าถามกลับไปทันที
เพราะปกติแล้วค่าแรงขั้นต่ำของเธอคือสามร้อยบาทโดยเธอจะเริ่มทำงานหลังเลิกเรียนนั่นคือเวลาห้าโมงเย็นจนถึงห้าทุ่มที่เป็นเวลาร้านปิด
“วันนี้เจ๊ขายดีเลยให้แกเพิ่ม เห็นว่าแกขยันทำงานหรอกนะเลยให้อะ” เจ๊เพ็ญพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับยืนมือที่ถือเงินจำนวนสี่ร้อยบาทให้กับจันทร์เจ้า
“หนูขอบคุณเจ๊เพ็ญมากๆนะคะ หนูสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานให้สมกับที่เจ๊เพ็ญใจดีกับหนูเลย” พูดจบมือน้อยๆของจันทร์เจ้าก็ยื่นมือมารับเงินตรงหน้าพร้อมกับสีหน้าที่ดีใจอย่างปกปิดไว้ไม่มิด
“แล้วแม่แกเป็นไงบ้างละ”
“อาการก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ ถ้าแบบนั้นหนูขอตัวก่อนนะคะเจ๊เพ็ญ” จันทร์เจ้าพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้าและออกจากร้านอาหารตรงไปยังโรงพยาบาลสถานที่ประจำของเธอ
“น้องจันทร์เจ้ามาพอดีเลย พี่มีเรื่องจะแจ้งค่ะ” ท่าทางรีบร้อนของเจ้าหน้าที่พยาบาลตรงเข้ามาจันทร์เจ้าทันที
เด็กสาวคิดแล้วว่าท่าทางแบบนี้ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ภาวนาในใจขอให้มันเป็นเรื่องที่เธอรับไหว
“มะ…มีอะไรหรอคะ” น้ำเสียงสั่นๆของจันทร์เจ้าถามออกไปทันที
“ภายในหนึ่งอาทิตย์นี้คุณแม่ของน้องจันทร์เจ้าต้องเข้ารับการผ่าตัดนะคะเพราะดูจากเวลาแล้วขาน่าจะหายบวมทัน”
“ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่หรอคะ” ถึงกระนั้นเธอก็ถามออกไปเพราะการรักษาใช่ว่าจะฟรีอีกทั้งตอนนี้เธอเองก็ไม่มีเงินเก็บมากนัก
“อยู่ที่ประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นค่ะแบ่งจ่ายเป็นงวดได้” เจ้าหน้าที่พยาบาลตอบกลับมาทันที
จำนวนเงินที่เยอะขนาดนี้เด็กสาวมัธยมอย่างเธอจะหาได้จากไหนกัน ลำพังทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านเจ๊เพ็ญได้วันละสามร้อยก็ใช่ว่าจะพอ
“ถะ…ถ้าไม่ผ่าตัดละคะจะเป็นอะไรหรือเปล่า” เพราะภายในหนึ่งอาทิตย์เด็กสาวอย่างจันทร์เจ้าไม่มีทางหาเงินทันแน่ๆ
“ถ้าไม่ผ่าตัดหลังจากขาหายบวมอาจจะเดินไม่ได้ตลอดไปค่ะ” เหมือนมีดปักกลางอกกับคำพูดของเจ้าหน้าที่พยาบาล
ถ้าไม่ได้รับการผ่าตัดแม่ของเธอจะเดินไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งสาเหตุไม่ได้มากใครที่ไหนเลยนอกจากเธอ
อย่างที่เคยเป็นข่าวหน้าหนึ่งเมื่อสามสี่วันก่อน คุณแม่วัยสี่สิบห้าช่วยชีวิตลูกสาววัยสิบแปดปีโดยการกระโดดให้รถชนตัวเองแทนที่จะเป็นลูกสาว
คุณแม่ของจันทร์เจ้านอนหลับสนิทแน่นิ่งบนถนนต่างกับจันทร์เจ้าเองที่ถูกกระชากให้หลบไปข้างทาง เธอไม่เป็นอะไรเลยนอกจากแผลถลอกตามตัว ต่างกันคุณแม่ที่ขาหักผิดรูปกระดูกแตกละเอียด
“ผ่าตัดเลยค่ะ ผ่าตัดแม่ของหนูเลย” จันทร์เจ้าตอบกลับไปทันที
เพราะเธอไม่มีทางยอมให้แม่เดินไม่ได้หรอก แม่อุตส่าห์ยอมเสียสละช่วยชีวิตเธอไว้ เธอก็จะทำทุกวิถีทางให้ได้เงินมารักษาแม่ให้ได้
“คือพี่ต้องบอกแบบนี้ก่อนนะคะ การผ่าตัดครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก น้องจันทร์เจ้าต้องจ่ายเงินค่าผ่าตัดงวดแรกก่อนถึงจะทำการผ่าตัดได้” เจ้าหน้าที่ตอบกลับมาอีกครั้ง
ในใจเด็กสาวได้แต่ภาวนาขอให้ค่าผ่าตัดแบ่งจ่ายงวดแรกมันจะไม่มากเกินไปกับเงินที่เธอมีอยู่
“ค่าผ่าตัดแบ่งจ่ายต่องวด งวดละสองหมื่นห้าพันบาท โดยแบ่งเป็นหกงวดห่างกันครั้งละหนึ่งเดือนซึ่งจำนวนหกเดือนคือระยะเวลาที่คุณแม่ของน้องจันทร์เจ้าจะรักษาตัวที่โรงพยาบาล”
“หลังจากนี้จะมีค่าใช้จ่ายอีกไหมคะ” เพราะเธอเองก็กังวลเหลือเกิน เงินแสนไม่ได้หามาง่ายๆอยู่แล้ว
“ไม่มีค่ะ ราคานี้รวมการทำกายภาพบำบัดหากครบหกเดือนคุณแม่น้องจันทร์เจ้ายังเดินไม่ได้ ทางโรงพยาบาลจะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มแล้วและคุณแม่จะได้รับการรักษาตัวจนกว่าจะเดินได้”
เมื่อฟังตามที่เจ้าหน้าที่พยาบาลพูดก็รู้ได้ทันทีว่าราคาหนึ่งแสนหน้าหมื่นบาทมันคุ้มแล้วแต่ถึงแบบนั้นมันก็มากไปสำหรับคนจนๆอย่างเธอ
“ถ้าขาของแม่หายบวมผ่าตัดได้เลยค่ะ ส่วนเรื่องค่ารักษางวดแรกจันทร์เจ้าจะหามาจ่ายให้เร็วที่สุด” ถึงไม่รู้ว่าจะหาได้ยังไงแต่ตอนนี้การตอบตกลงไปเป็นผลดีต่อแม่ของเธอที่สุด
“งั้นน้องจันทร์เจ้าเซ็นเอกสารเลยค่ะ วันไหนที่คุณแม่ผ่าตัดพี่จะแจ้งให้ทราบ” เด็กสาวตรงหน้ายิ้มให้กับเจ้าหน้าที่พยาบาลก่อนจะใช้มือเซ็นชื่อตัวเองลงไปในเอกสารการรักษาตัวของผู้เป็นแม่
หลังจากนั้นร่างกายผอมบางของจันทร์เจ้าก็เดินตรงไปยังห้องพักผู้ป่วยรวมของแม่ทันที
“ทำไมวันนี้มาดึกจังละจันทร์เจ้า” เสียงคนเป็นแม่เอ่ยถามลูกสาวผู้เป็นที่รัก
“หนูไปทำงานร้านเจ๊เพ็ญมาค่ะ เมื่อกี้คุยกับพี่พยาบาลเลยเข้ามาช้า”
“จันทร์เจ้าถ้าค่ารักษามันแพงก็ไม่ต้องรักษาก็ได้นะแม่เดินไม่ได้ไม่เป็นไรเพียงแต่แม่เห็นจันทร์เจ้าปลอดภัยแม่ก็สบายใจแล้ว”
น้ำตาเม็ดเล็กของเด็กสาวอย่างจันทร์เจ้าไหลลงมาบนใบหน้าสวยทันที เธอรู้อยู่เต็มอกว่าแม่รักเธอมากแค่ไหนแต่เธอก็รักแม่ไม่ต่างเช่นกัน
“แม่ยอมเจ็บแทนหนูแล้ว หนูไม่ยอมให้แม่เสียขาไปหรอกนะ แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินเลยหนูจะหามันมารักษาแม่เอง”
“มันจะทำให้จันทร์เจ้าลำบากนะลูก”
“ลำบากกว่านี้สักเท่าไหร่หนูก็ยอม ขอแค่แม่หายดีเหมือนเดิมหนูก็พร้อมจะทำทุกอย่าง”
❤️
ฝากเอ็นดูหนูจันทร์เจ้าของเราด้วยนะคะ
แอบกระซิบเรื่องอาการป่วยและการรักษาพยาบาลเป็นเพียงการสมมุติขึ้นนะคะ
“เฮ้อ ! กลัวจะไม่ได้สัก” นะโมพูดขึ้นเมื่อช่างสักนทีเอาแต่ขยำก้นกลมของเธอ พอรู้นะว่าตัวเองก็หุ่นดีและแซ่บมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้คิดว่าช่างสักนทีจะขนาดนี้“ได้สักแน่เพราะฉันอยากเติมชื่อของฉันลงบนก้นของเธอจะแย่อยู่แล้วนะโม” เหนือนทีตอบกลับไปตามตรงก่อนจะเริ่มใส่ถุงมือและวางแผ่นกระดาษลอกลายที่เป็นชื่อตัวเองตรงหน้าคำว่า Fuck meแน่นอนว่าการสักครั้งนี้เหนือนทีเบามือกว่าครั้งไหนๆเพราะมันเป็นครั้งแรกที่เหนือนทีสักให้นะโมในฐานะแฟน สองครั้งก่อนหน้านี้นะโมเป็นเพียงลูกค้าที่มาอ่อยเขาแต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่อีกต่อไป“มือเบากว่าครั้งก่อนเยอะเลย” นะโมที่รับรู้ก็ได้แต่พูดขึ้น ครั้งก่อนมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอกแต่ครั้งนี้กับแตกต่างออกไปจนนะโมรู้สึกได้“ตอนนี้เธอเป็นแฟนฉันแล้ว ฉันก็อยากอ่อนโยนกับเธอ” เหนือนทีไม่อยากทำให้นะโมเจ็บ อะไรเบาได้เบาก็จะเบาเพราะเพียงแค่เข็มจิ้มลงบนเนื้อมันก็เจ็บมากพอแล้ว“ตอนทำกันไม่เห็นอ่อนโยน”เมื่อไหร่ที่มีเซ็กซ์กันช่างสักนทีไม่เคยอ่อนโยน ทุกสัมผัสของเขามันหนักหน่วงและรุนแรงรวมถึงดิบเถื่อน“อย่างเธอน่าจะชอบแบบแรงๆนะ”ที่ไม่ทำแบบอ่อนโยนเพราะรู้ดีว่านะโมเป็นคนยังไง รสนิยมเซ็กซ์ของน
จากที่คิดว่าการมานครนายกเที่ยวน้ำตกคือการพักผ่อนหย่อนใจปราศจากเรื่องเซ็กซ์แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เพราะทั้งเหนือนทีและนะโมก็ใส่กันจนเช้าจากที่วางแผนจะไปเที่ยวแถวที่พัก หาอะไรกิน ตามประสาคู่รัก แพลนที่วางไว้ก็ล่มหมดเพราะบทรักที่เริ่มขึ้นกว่าจะจบลงก็ตอนเช้าของอีกวัน“นะโม นะโม” เสียงเข้มของเหนือนทีเอ่ยเรียกคนรักของตัวเองที่นอนอยู่บนเตียงเพราะตอนนี้ใกล้เวลาเช็คเอ้าท์ออกแล้วแต่พวกเขาพึ่งตื่นเพราะความเหนื่อยจากบทรักที่เกิดขึ้นตั้งแต่เย็น จวบจนเช้าของอีกวัน ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีเซ็กซ์กันจนเช้าแต่พวกเขาก็หาอะไรเล่นไปเรื่อย ไม่ว่าจะผลัดกันยั่วและผลัดกันทำและทุกอย่างก็ใช้เวลาล่วงเลยมาถึงอีกวัน“อื้อ…พี่นที” น้ำเสียงงัวเงียดังขึ้นพร้อมการบิดตัวที่เป็นท่าประจำของนะโมก่อนที่ร่างเล็กจะลุกขึ้นนั่งยกมือขยี้ตาเบาๆ“อย่าขยี้ตา” คนห้ามอย่างเหนือนทีที่คอยห้ามในทุกๆวันก็ได้แต่พูดขึ้นเพราะนะโมติดนิสัยขยี้ตาไปแล้ว ส่วนตัวของเหนือนทีก็ติดนิสัยห้ามไปแล้วเช่นกัน“กี่โมงแล้วคะ” เมื่อปรับสายตาได้แล้วนะโมก็ถามขึ้นอีกครั้งเพราะวันนี้คือวันที่เธอและช่างสักนทีจะต้องกลับกรุงเทพเพราะเรามาพักกันแค่หนึ่งคืนเท่านั้น“เก้
“ไม่ได้สิ หนูชอบทะเลมากนะ” นะโมทำหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าเหนือนทีใจเสียเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะดูเศร้าขนาดนี้“ฉันหวง” เหนือนทีตอบกลับไปตามตรงที่อยากแบนออกจากการเที่ยวในอนาคตเพราะนะโมต้องแต่งตัวแบบนี้แน่ๆแค่ตอนนี้ไม่มีคนเขาก็หวงจนตัวเองแทบทนไม่ไหว ไม่อยากคิดถึงตอนนั้นเลย ตอนที่มีโอกาสไปเที่ยวทะเลด้วยกัน“จะหวงทำไมคะ คนอื่นได้แต่มองแต่พี่นทีได้ทั้งตัวของหนูเลยนะ” นะโมพูดขึ้นพร้อมสวมกอดเหนือนทีเอาไว้ก่อนจะแหงนหน้ามองและลูบเบาๆไปที่ริมฝีปากหนา“อยากจูบ” นะโมพูดขึ้นอีกครั้งเพราะเธออยากจูบจริงๆเธอรับรู้และรู้ดีว่าช่างสักนทีหวงเธอแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วต่อให้เธอแต่งตัวยังไงไม่ว่าจะโชว์ส่วนไหน ทุกคนที่มองมาก็ทำได้เพียงแค่มองต่างกับช่างสักนทีที่ได้ลิ้มลองและสัมผัสไปทุกส่วนของร่างกายเธอ“ไหนบอกจะไม่อ่อย” เพราะที่นะโมทำอยู่ตอนนี้คือการอ่อย“แค่จูบจริงๆ” นะโมพูดขึ้นพร้อมกับเขย่งขาและเป็นฝ่ายประกบจูบก่อนเหนือนทีที่ถูกต้อนก็ไม่รอช้า เขาประคองใบหน้าสวยขึ้นก่อนจะเริ่มดูดดึงริมฝีปากเล็กอย่างอ่อนโยน ไหนๆตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว เหนือนทีจึงเลือกที่จะจูบด้วยความอ่อนโยนเพื่อ
“อยากได้อะไรไหม ฉันจะได้ซื้อให้เธอบ้าง” เพราะตอนนี้เหนือนทีกำลังอิจฉาคุณป๋ากับหม่าม้ามาก รู้แบบนี้ซื้อรถคันนี้ให้ยัยเด็กนะโมเองจะดีกว่า ก็เล่นดีใจซะขนาดนี้อะ“ว่าไปก็มีอยู่นะสิ่งที่หนูอยากได้” นะโมพูดขึ้นทันทีเพราะสิ่งที่เธออยากได้มันก็ยังมีอยู่“อะไรก็พูดมา ฉันซื้อให้เธอได้ทุกอย่าง” เหนือนทีเองก็รวยและมีเงินไม่ต่างจากคุณป๋ากับหม่าม้าหรอกนะ ถึงจะรวยไม่เท่าแต่ก็มีอยู่บ้างพอประมาณหนึ่งและเพื่อเมียแน่นอนว่าเหนือนทีหามาให้ได้ทุกอย่างอยู่แล้ว“อยากได้พี่นทีตอนนี้ จะให้กันได้ไหมคะ” คำพูดของนะโมทำเหนือนทีคิ้วกระตุกให้ตายเถอะ ! ยัยเด็กคนนี้ ไม่รู้ครั้งนี้พูดเล่นหรือเอาจริงเพราะโทษของเหนือนทีมันพึ่งผ่านไปไม่กี่วันเอง“ให้ได้ถ้าเธอให้ทำ” เหนือนทีเองก็สามารถมีเซ็กซ์กับนะโมได้ทุกวัน ถ้าไม่ติดว่ายัยเด็กคนนี้ยื่นคำขาดไว้ สาบานเลยว่านะโมไม่รอดแน่“ให้ทำได้นะแต่ลืมไปพี่นทีมีโทษอยู่นี่หน่า” นะโมแสร้งทำเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้แต่แท้จริงเธอยังจำได้ดี เธอเพียงแค่อยากแกล้งช่างสักนทีก็เท่านั้น“ถ้าไม่ให้ไปก็อย่ามาพูดให้ความหวัง”เพราะแค่คำพูดของนะโมก็ทำให้เหนือนทีรู้สึกอยากทำ ถ้าให้กันไม่ได้จริงๆก็อย่าให้ความ
“ตรงไหน” เหนือนทีถามขึ้นเพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ายัยเด็กนะโมจะสักตรงไหนเพิ่มอีก“ตรงก้น” คิ้วหนาขมวดทันทีเมื่อได้ยินคำตอบเพราะตรงก้นมันก็มีอยู่แล้ว“ก้นหรอ” เหนือนทีถามย้ำขึ้นอีกครั้งเพราะไม่ค่อยมั่นใจกับคำตอบที่ยินก่อนหน้านี้“เติมคำว่าเหนือนทีตรงก้นให้หน่อยสิ”แน่นอนว่านะโมคิดมาดีแล้ว ทุกอย่างผ่านการคิดทบทวนและไตร่ตรองมาอย่างดีว่าตอนนี้นะโมอยากเติมคำว่าเหนือนทีไว้ด้านหน้าของรอยสักที่เคยสักไป“เอาจริงดิ” เหนือนทีตกใจไม่น้อยเลยเพราะเขาไม่คิดว่านะโมจะสักตรงนี้และเติมชื่อของเขาลงไป“เอาจริงค่ะ” เมื่อเห็นท่าทางของนะโม เหนือนทีก็ยิ่งประหม่าทำตัวไม่ถูกเพราะอะไรกันยัยเด็กแสบถึงมีท่าทางมั่นใจและจริงจังแบบนี้“หนูคิดมาดีแล้วและมั่นใจมากด้วยว่าพี่นทีจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตกับหนูไปตลอด”เพราะจากที่คุยกันช่างสักนทีก็มั่นใจในตัวของนะโมไม่น้อยเลยจนถึงตอนนี้นะโมก็มั่นใจในตัวของช่างสักนทีเช่นกัน ถึงความรักมันจะเริ่มต้นได้ไม่นานแต่นะโมก็กล้าพูดได้เต็มปากว่าเธอมั่นใจแล้วจริงๆกับคนคนนี้“สักแล้วมันลบไม่ได้นะ เฮ้อ ! ได้นั่นแหละแต่มั่นใจจริงๆหรอ” เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีไปไกล การลบรอยสักไม่ใช่เรื่องยาก
“อยากได้อะไรบอกไปเต็มที่ ระดับคุณทัตกับคุณจันทร์เจ้าเขาพร้อมให้ลูกสะใภ้อยู่แล้ว” เหนือนทีพูดขึ้นเพราะทั้งคุณป๋ากับหม่าม้าเป็นแบบนี้จริงๆไม่ว่านะโมจะขออะไรเห็นทีก็คงให้หมดแบบไม่คิดอะไร“พูดแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อยแต่ถ้าไม่มากเกินไปช่วยออกรถให้หนูสักคันได้ไหมคะเดี๋ยวหนูผ่อนเองเพราะคุณแม่ไม่อนุมัติสักที” นะโมพูดขึ้นทันทีความจริงแล้วเธอร้องขอรถคันใหม่กับคุณแม่มานานแล้วตั้งแต่ก่อนจะเจอคุณแม่ครั้งล่าสุดอีกแต่คุณแม่ไม่อนุมัติเพราะรถที่เธอใช้อยู่มันก็ยังโอเคและหากใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายก็ไม่ใช่กุลสตรีไทยก่อนหน้านี้ก็มีเคยคิดจะให้ไหว้วานช่างสักนทีให้ช่วยทำเรื่องให้แต่เพราะมีหลายเรื่องมากมายเกิดขึ้นหลังจากที่ตกลงคบกันทำให้นะโมไม่ได้คุยเรื่องนี้กับช่างสักนทีเลยในตอนนี้โอกาสก็มาถึงตรงหน้า มีหรอคนอย่างนะโมจะไม่รับไว้เพราะในเมื่อทั้งคุณป๋ากับหม่าม้าบอกว่าขอได้ เธอก็จะขอแต่ขอให้ท่านทั้งสองเพียงทำเรื่องให้เท่านั้นเพราะหากถึงขั้นซื้อให้เลยมันคงมากไป“อยากได้รถหรอ” คุณป๋าถามขึ้น“หนูอยากได้ค่ะ” แน่นอนว่านะโมตอบกลับไปตามตรงเธออยากได้จริงๆและราคามันค่อนข้างจะเกินตัวไปหน่อยแต่หากทำเรื่องผ่อนนะโมก็พอจะผ่
Komen