"ขอบคุณทุก ๆ คนครับ...วันนี้ทำดีมาก ขอเดินทางกลับปลอดภัยทุกคนนะ พรุ่งนี้มาลุยกันต่อ" นักรบผู้เป็นเจ้าของกล่าวขอบคุณทีมงาน เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นและราบรื่นในวันนี้ เขาเป็นมิตรกับลูกน้องจนพวกเขารักใคร่ ความไม่ถือตัวเป็นกันเองคือเสน่ห์ที่ทำให้คนใต้บัญชาเคารพ
(ค่ะ/ครับ)
ทีมงานทุกคนกล่าวลาและทยอยกันออกจากพื้นที่ทำงาน แต่ยังมีคุณแม่ลูกติดกับลูกสาวตัวน้อยที่ยังคงเก็บของอยู่ลำพัง ข้าวของเด็กที่มันเยอะกว่าปกติ เลยทำให้น้ำส้มยังคงง่วนอยู่ที่เดิม แถมลูกน้อยของเธอก็นอนหลับสนิท จึงทำให้ดูลำบากและล่าช้ากว่าคนอื่น ๆ เขายืนมองอยู่ห่าง ๆ พลางใช้ความคิดบางอย่าง สองจิตสองใจจะเข้าไปช่วยเหลือหรือให้เธอทำตามลำพัง
"มึงยืนมองเฉย ๆ ได้หรือวะนักรบ...ดูใจดำเกินไปนะ" พลันความคิดฉุดขึ้น ความคิดด้านดีจึงต่อต้าน นั่นจึงทำให้เขาเดินเข้าไปหาเธอเพื่อยื่นมือช่วยเหลือ "ผมช่วยครับ"
"คุณนักรบ" น้ำส้มเงยหน้ามองตามเสียง และระบายยิ้มอ่อนให้คนตรงหน้า ที่อาสาช่วยเก็บของให้
"ผมช่วยครับ" เขาตอบอย่างสุภาพ พร้อมกับหยิบจับของใส่กระเป๋าผ้า ทั้งที่เธอยังไม่ยินยอม
"ไม่เป็นไรค่ะคุณนักรบ ฉันเกรงใจคุณเป็นถึงเจ้าของบริษัทฉันแค่ลูกจ้าง เดี๋ยวคุณจะดูไม่ดี" เธอรีบแย่งของจากมือนักรบ ไม่ใช่ว่าไม่อยากรับการช่วยเหลือ แต่เธอเจียมตัวเองเสมอว่าเป็นใครและควรอยู่จุดไหน การที่ระดับซีอีโอทำแบบนี้มันทำให้เธอประหม่าและเกรงใจมากกว่า
"มองผมในแง่ลบจังเลยนะครับ" เขาพูดแซวทีเล่นทีจริง เพื่อหยั่งเชิงว่าผู้หญิงตรงหน้าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ...ฉันเกรงใจคุณจริง ๆ " เธอรีบโบกมือไปมาด้วยอาการลุกลี้ลุกลน กลัวว่าคนตรงหน้าจะมองเธอในทางที่ไม่ดี ทั้งที่ไม่ได้มีเจตนามองเขาแบบนั้น แค่เธอเกรงใจที่เขาต้องลดตัวมาคลุกคลีกับคนที่ระดับไม่เท่าเทียม นั่นคือสิ่งที่เธอคิด
"แต่ผมเต็มใจช่วยนะครับ อีกอย่างน้องมะนาวก็นอนหลับ คุณจะอุ้มเธอไหวได้ยังไง แถมข้าวของพวกนี้อีกตั้งเยอะ...ปฏิเสธแบบนี้ผมเสียหน้านะครับ" เขาพูดติดตลก จึงทำให้คนขี้เกรงใจอย่างน้ำส้มยากจะปฏิเสธ
"ก็ได้ค่ะ...ขอบคุณมากนะคะ งั้นฉันขอเอาของไปเก็บที่รถก่อน ยังไงฝากอยู่เป็นเพื่อนมะนาวสักแป๊บได้ไหมคะ" สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในลูกตื้อของผู้ชายที่ชื่อนักรบ ฝากลูกสาวไว้กับเขาชั่วคราวเพราะเป็นห่วงหากจะให้เด็กน้อยอยู่เพียงลำพังยามหลับ
"ได้ครับ" เขาตอบรับด้วยความเต็มใจและส่งยิ้มอ่อนให้
น้ำส้มจึงเดินถือของพะรุงพะรังไปเก็บยังรถยนต์ ระหว่างทางเดินเธอหันหลังกลับมามองเพราะห่วงลูกสาว จนเดินลับสายตาไปสมองก็เริ่มประมวลภาพในช่วงที่ผ่านมา การเข้าหาและพูดคุยมันทำให้เธอที่หัวใจหว้าเหว่ใจเต้นแรง ทั้งที่ในใจบอกย้ำกับตัวเองเสมอว่าสามีที่เป็นพ่อของลูกจะเป็นรักเดียวของเธอตลอดไป...
"น้องมะนาว....ขอบคุณนะที่พาอามาเจอแม่ของหนู ยัยกามเทพตัวกลม" เขามองหน้าหนูที่นอนหลับสนิท มือลูบหัวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู พร้อมคำพูดที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกจริง
“คุณแม่ขา” เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกตัวตื่นก็เรียกหาผู้เป็นแม่ทันที เมื่อเธอมองแล้วไม่เห็นแม่ที่รัก
"น้องมะนาวครับ...คุณแม่เอาของไปเก็บเดี๋ยวก็มา" ผู้ชายแสนอบอุ่นบอกกล่าวเด็กหญิง
“เหรอคะ” เด็กหญิงขยี้ตาแล้วลุกนั่งด้วยอาการสะลึมสะลือ ผมเผ้าฟูฟ่องแต่ก็ยังน่ารักน่าเอ็นดู
“หิวน้ำไหมคนเก่ง” เขาถามเด็กหญิงตัวกลม
“หิวค่ะ” เธอตอบฉะฉานไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัว คงเพราะคุ้นชินและนักรบก็เป็นผู้ชายใจดีชอบเด็ก
“น้ำจ้ะ” เขาเปิดฝาน้ำดื่มแล้วยื่นให้กับน้องมะนาว
“ขอบคุณค่ะคุณอาสุดหล่อ” เธอรับน้ำด้วยสองมือป้อม ๆ แล้วดูดกินต่อเนื่องเหมือนกับไม่ได้หายใจ นั่นคงเพราะหิวกระหายน้ำสุดขีด
“น้องมะนาว” เขาเรียกเมื่อพลันนึกถึงบางอย่างได้ แต่ก็เลิ่กลั่กไม่แน่ใจจะถามในสิ่งที่อยากรู้กับเด็กดีไหม แต่ถ้าไม่ถามเขาก็คงจะคาใจอยู่แบบนี้ แม้รู้ดีว่าเป็นคำพูดเลื่อนลอยเดียงสาของเด็กน้อยวัยสร้างสรรค์
"เรียกน้องทำไมเหรอคะคุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ " น้องมะนาวดื่มน้ำจนอิ่มเต็มท้อง เธอตอบรับและย้อนถามอย่างไม่ติดขัด แถมยังใช้คำพูดที่ติดปากจนทำให้คนฟังรู้สึกเขินอาย
"น้องมะนาวหยุดเรียกอาแบบนั้นได้ไหม...อาเขิน"
"ก็คุณอาหล่อเวอร์ ๆ จริง ๆ นี่คะ...น้องชอบ"
"หืม!? ชอบแบบไหนครับ"
"น้องก็ไม่รู้ค่ะ รู้แค่ว่าน้องชอบ"
"ครับ ชอบก็ชอบเนอะ"
คนสองคนที่ต่างวัยนั่งพูดคุยกันอย่างกับเพื่อนที่สนิทสนม เด็กหญิงมะนาวก็เหมือนจะชมชอบผู้ชายตรงหน้ามากเหลือเกิน และเขาก็เอ็นดูเธอที่แสนพูดคุย ยิ่งได้ใกล้ก็ยิ่งน่ารัก ทำให้เขารู้สึกไม่เบื่อหน่าย มีความสุขและยิ้มได้ตลอดเวลาที่ได้อยู่กับเธอ
"ค่ะ...ว่าแต่คุณอาเรียกน้องทำไมคะ" เด็กหญิงพยักหน้าและตอบรับ จากนั้นจึงย้อนถามในคำถามที่เธอนึกขึ้นได้
"เอ่อ~~คือว่า....ที่น้องมะนาวบอกว่าอาหล่อเหมือนคนที่คุณแม่ชอบน่ะ คุณแม่น้องมะนาวชอบใครเหรอครับ" นักรบกระอักกระอวลเมื่อสิ่งที่เขาอยากรู้ แต่เพื่อไม่ให้คาใจจึงได้กระซิบชิดหูเด็กหญิงแล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่ว
"อ๋อ...แป๊บนะคะน้องขอเปิดก่อน....นี่ค่ะคนนี้ที่คุณแม่บอกว่าชอบ" น้องมะนาวพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะล้วงหยิบมือถือแล้วเปิดภาพของดาราที่แม่ของเธอชื่นชอบให้คุณอานักรบดู
"เซียวจ้าน!? " นักรบพูดขึ้น
"ใช่ค่ะ น้องว่าจะซื้อเซียวจ้านเป็นของขวัญวันคริสมาสต์ให้คุณแม่...คุณอาสุดหล่อว่าดีไหมคะ" เด็กหญิงนั่งเอียงคอไปมาด๊อกแด๊กอย่างน่ารัก พลางพูดในสิ่งที่เธอคิดในหัว
"ซื้อง่ายขนาดนั้นเลย" นักรับย้อนถาม เมื่อความเดียงสาของเด็กน้อยทำให้เขานึกขำ
"น้องก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ น้องยังไม่เคยซื้อ คิกคิก" เด็กหญิงตอบด้วยความเดียงสา พร้อมกับยกมือป้องปากหัวเราะขบขัน และดันทำให้ผู้ชายอย่างนักรบยิ่งเอ็นดูในความน่ารักของน้องมะนาว และมีอาการปวดหัวในคราวเดียวกันกับคำพูดของเด็กหญิงมะนาว
"เด็กกวนตีนหรือกูหน้าโง่วะ" เขาก้มหน้าบ่นกับตัวเองเบา ๆ
"คุณอาว่าอะไรนะคะ" คำพูดที่ฟังไม่ชัด ทำให้น้องมะนาวต้องย้อนถาม
"เปล่าครับเปล่า" และเขาก็ปฏิเสธเพราะเป็นคำพูดที่ไม่น่าฟังสำหรับเด็ก
"คุณอาสุดหล่อขา..." เด็กหญิงเรียกขานเสียงยืดยาว
"ครับ"
"น้องมีเงินเท่านี้ซื้อเซียวจ้านให้คุณแม่ได้ไหมคะ" เด็กหญิงแบมือที่เงินแบงก์ยี่สิบสามใบแล้วเอ่ยถามคุณอานักรบที่นั่งอยู่ตรงหน้า ทำเอาเขาอยากจะขำในความเดียงสาของเด็กหญิง
"อาว่าไม่น่าพอนะ เซียวจ้านเขาเป็นซุป'ตาร์ดังทั่วโลกค่าตัวแพงมาก ๆ " เขาให้คำตอบเด็กหญิง
"อย่างนั้นเหรอคะ...ถ้าคุณแม่เห็นเซียวจ้านต้องดีใจน้ำตาไหลแน่ ๆ เลยค่ะ เสียดายจังน้องอยากให้คุณแม่ดีใจ ทำยังไงดีนะเงินมีไม่พอ" เด็กหญิงทำหน้าละห้อยอย่างน่าสงสาร ปากกระจับเล็ก ๆ ก็พร่ำบ่นไปด้วย บางครั้งก็จิ้มแก้มอย่างกับคนใช้ความคิด
"น่ารักจังเลยห่วงคุณแม่ด้วย" ทำให้นักรบอดใจไม่ไหว ต้องหยิบแก้มของน้องมะนาวอย่างมันเขี้ยว
"ก็น้องรักของน้องนี่นา...คุณอาสุดหล่ออยากมารักคุณแม่เหมือนน้องไหมล่ะคะ" เด็กหญิงตอบอย่างทันท่วงที และพูดขึ้นในสิ่งที่ผู้ใหญ่อย่างนักรบตั้งหลักไม่ทัน
"!! " จนเขานั้นนิ่งไป และรู้สึกหน้าแดงเมื่อคิดไกลในสิ่งที่เด็กพูด
"คุณอามีเงินเยอะไหมคะ" จู่ ๆ เด็กหญิงก็ถามขึ้น
"ก็พอมีครับ น้องมะนาวถามทำไมเหรอ" ทำให้เขาสงสัยและได้ถามเธอต่อ การพูดคุยทำให้รู้สึกคอแห้ง เขาจึงเปิดขวดน้ำแล้วกระดกขึ้นดื่ม สายตาก็พลางมองไปยังเด็กหญิงตัวกลม ที่นั่งเหยียดขาส่ายเล่นไปมาบนที่นอนปิกนิก
"งั้นน้องขอยืมไปซื้อเซียวจ้านเป็นของขวัญให้คุณแม่ได้ไหมคะ....โตขึ้นทำงานเดี๋ยวน้องเอามาคืน"
ฟู่!! ถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่มลงคอ เมื่อเด็กหญิงพูดออกมาตามความคิดที่ไร้เดียงสา
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยสิครับว่าที่ภรรยา” นักรบแซวขึ้นในขณะที่น้ำส้มกำลังถูกรุมด้วยพนักงานร้านวิวาห์ ที่กำลังวัดสัดส่วนเพื่อเก็บรายละเอียดของชุดแต่งงานสีขาวระยิบ ประดับประดาด้วยเลื่อมและไข่มุกแท้ ที่นักรบวางแผนเลือกดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าชื่อดัง“ยังจะมาพูดอีก ฉันผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จู่ ๆ ได้มาลองชุดเจ้าสาว คุณควรให้ฉันทำหน้าแบบไหนดีละคะ” น้ำส้มตอบกลับอย่างกระแนะกระแหน สีหน้าของเธอขุ่นเคืองกับการถูกบีบ แม้มันจะเป็นเรื่องราวที่ดี แต่เขาก็ควรให้เธอได้ตั้งหลักบ้าง“แต่งงานกับผมที่หล่อเหลาอย่างกับพระเจ้าปั้นมา แถมทั้งเก่ง หน้าที่การงานก็โคตรจะดี เพอร์เฟ็คแบบผมนี่หายากนะจะบอกให้ คุณก็ต้องทำหน้าดีใจสิครับถึงจะถูก มีผู้หญิงมากมายอยากจะได้ผมนะ คุณไม่อยากได้ผมหรือไง” เขาปั้นหน้าพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ เยินยอคุณลักษณะของตัวเองอย่างภาคภูมิ“เรื่องหลงตัวเองนี่เก่งเหลือเกิน” จากที่ยืนฟังคำเยินยอของนักรบ ทำให้น้ำส้มถึงกับกลอกตามองบนด้วยความระอา“หรือว่าไม่จริง...ไม่เชื่อคุณลองถามพวกเธอดูสิว่าผมเป็นอย่างที่พูดหรือเปล่า พวกคุณว่ายังไงครับ” เขายังคงตีสีหน้ามาดมั่น แถมยังหาแนวร่วมเอ่ยถามความเห็นเหล่าพ
หลายเดือนผ่านไป“นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉันนี่คะ?” น้ำส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้านักรบที่กำลังขับรถบนท้องถนน ในเส้นทางไม่ใช่ทางกลับบ้านของตนเอง“แล้วใครบอกว่าผมจะพาคุณกลับบ้าน” นักรบพูดตอบกลับด้วยความทะเล้น นั่นยิ่งทำให้น้ำส้มรู้สึกฉงนใจ“แล้วจะพาฉันไปไหน?” เธอย้อนถามอีกครั้ง“ถึงก็รู้เองแหละ” เขาตอบเธอด้วยความยียวน“ไม่ได้พาไปขายใช่ไหม?” น้ำส้มเอ่ยทีเล่นทีจริง พร้อมกับรอยยิ้มกริ่มมุมปาก“มันจะได้ราคาเท่าไหร่กันเชียว” นักรบตอบสบประมาท พร้อมกับเลี้ยวซ้ายในซอยหนึ่งที่เป็นปลายทางของสถานที่จะไป“ก็ลองดูไหมล่ะ?” คำหยามที่ไม่จริงจังแต่ช่างปั่นอารมณ์ผู้หญิงให้หัวร้อนได้ จนน้ำส้มต้องเอ่ยประโยคนี้ออกไปด้วยความท้าทาย“ไม่!!!” ทำให้นักรบรีบตอบทันควันด้วยน้ำเสียงแข็งและสีหน้าบึ้งตึง หันมองน้ำส้มตาเขม็ง เขาพูดแซวเล่นเพื่ออยากแกล้ง แต่เธอตลบคำปั่นอารมณ์เขาแทนเสียอย่างนั้น“หวงละสิ” เธอเย้ยเขาและพูดเข้าข้างตัวเอง สะบัดผมไปข้างหลังด้วยความเชิดมั่นใจ“..........” นักรบไม่ได้ตอบกลับเขาเลือกที่จะเงียบและเขารถนิ่ง ๆ ไปตามเส้นทาง เพราะหากพูดมากกว่านี้กลัวว่าน้ำส้มจะสวนคำจนทำให้เขาหน้าเสีย“ไม่ตอบซะด้
“เปรี้ยวจี๊ดแดดดี๊มาแล้วครับ” เสียงของนักรบดังมาแต่ไกล เรียกขานว่าที่ลูกเลี้ยงที่เขารักปานดวงใจ ข้าวของในมือที่เขาซื้อมาให้เธอ ทุกอย่างเป็นของโปรดปรานของน้องมะนาวทั้งนั้น“ว้าว...แดดดี๊ของน้องตัวจริงหล่อเวอร์ ๆ เลยค่ะ” น้องมะนาวที่อยู่ในชุดนักเรียนน่ารัก เดินลงมาจากบันไดพร้อมแม่มองเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของนักรบ จนเบิกตาร้องว้าวด้วยความตื่นตา เขามาในมาดนักรบคนเดิมหล่อเหลาและมีเสน่ห์“เดี๋ยววันนี้คนหล่อเวอร์ ๆ ของน้องจะไปส่งที่โรงเรียนดีไหม?” เขาย่อตัวลงให้เสมอเด็กหญิง แล้วบอกในสิ่งที่จะทำหลังจากนี้ เธอจะมีรอยยิ้มแห่งความสุขทุกครั้งที่นักรบและน้ำส้มไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกัน และวันนี้ก็เป็นการไปโรงเรียนวันแรก หลังจากที่เรียนออนไลน์มาเป็นเดือน เขารู้เพราะน้องสาวบอกเล่า“เย่ เย่ ดีเวอร์ ๆ ไปเลยค่ะแดดดี๊...คอยดูนะวันนี้น้องจะเอาแดดดี๊ไปอวดกรีนเพื่อนที่มาใหม่ ชอบพูดอวดพ่อกับน้องตลอดเลย” น้องมะนาวชูสองมือท่วมหัว กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ การไปโรงเรียนของเธอไม่ได้มีความสุขเหมือนกับสีหน้าและท่าทาง บางวันเธอถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อ จนทำให้เธอต้องแอบร้องไห้อยู่ในมุมอับที่ไม่มีใครเห็น เมื่อถึงเวลาที
“มะนาวเรามีเรื่องต้องเคลียร์กันหรือเปล่าคะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกสาวตัวกลมที่วิ่งเข้ามาในห้อง ทุกคนล้วนตามเธอขึ้นมาเพื่อรอจับพิรุธเด็กอ้วนผู้ปั่นป่วน“เรื่องอะไรเหรอคะคุณขา” น้องมะนาวแกล้งทำเหมือนไม่รู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งเล่นตุ๊กตาวางท่านิ่งทั้งที่ตอนนี้เธอหัวใจเต้นตุบตุบด้วยความพะวงกลัวแม่จะดุ แม้เธอเป็นคนจุดประทัดจนเสียงดังลั่นบ้าน“ยังจะมาตีหน้าใสซื่ออีกนะเปรี้ยวจี๊ด” เป็นเอมอรที่ยืนมือกอดอกพิงขอบประตูพูดขึ้น ท่าทางของน้องมะนาวในตอนนี้ทำเอาผู้ใหญ่อยากจะขำลั่น แต่ต้องวางฟอร์มนิ่งไว้ไม่อยากให้เธอได้ใจ “ใครกันที่โทรบอกแม่อรว่า ‘แม่อรเกิดเรื่องแล้วค่ะกำลังจะกินหัวกันแล้วค่า’ ประโยคใครพูดน้าคิดสิคิด...ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ใครนะใครที่เป็นคนพูดแบบนี้”“ใครเหรอคะแม่อร” น้องมะนาวก็ยังคงไม่ยอมรับ เธอจดจำประโยคพูดได้ดีว่าเป็นเธอ แต่ก็ยังไงเฉไฉตาใส เธอหันไปสบตากับนักรบแววตาเปล่งประกายระริกขยิบตาส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือจากแดดดี๊ของเธอ เพราะตอนนี้สายตาพิฆาตของผู้เป็นแม่กำลังจดจ้องอย่างจับผิด“ไม่รู้สิ สงสัยลูกหมูแถวนี้มั้ง” เอมอรตอบกลับอย่างเย้าแหย่“เอาล่ะ ๆ ผมว่าให้มันแล้วกันไปดีกว่า
“คุณใจร้ายกับผมมากเลยรู้ไหมส้ม ทำผมเกือบร้องไห้ ขอผมกอดอีกหน่อยให้หายคิดถึงแล้วกัน” เขาพูดกับเธอทันทีเมื่อเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน โอบกอดเธอแน่นด้วยความคิดถึง ดอมดมตามผิวกายและพวงแก้มจนมันแทบจะช้ำ(“ไม่นะไม่! จะกินหัวกันแล้ว น้องจะทำยังไงดีต้องหาคนมาช่วย”)“แม่อร แม่อร ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่เวอร์ ๆ แล้วค่า แดดดี๊กับคุณแม่ขาจะกินหัวกันแล้วค่า”((“อะไรกินหัวคะมะนาวแม่อรไม่เข้าใจ”) )“แดดดี๊ไง น้องบอกว่าแดดดี๊กับคุณแม่กินหัวกันแล้ว แม่อรรีบมาช่วยหน่อยสิคะ เร็ว ๆ นะคะมาตอนนี้เลย”((“แดดดี๊กลับมาแล้วเหรอ?”) )“ใช่นะสิคะตอนนี้อยู่บ้านของน้อง กำลังงาบหัวกันอยู่ข้างล่าง แม่อรต้องรีบมานะ”((“มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอลูก”) )“ก็ใช่สิคะ น้องเห็นเต็มฉองตาเลยรีบโทรหาแม่อรนี่ไง แดดดี๊กัดคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็กัดคอแดดดี๊ขยุ้มผมแดดดี๊ด้วย มันรุนแรงเวอร์ ๆ เลยค่ะแม่อร”((“โอเค ๆ เดี๋ยวแม่อรรีบไปตอนนี้เลย”) )“โอเคค่ะ”พฤติกรรมระหว่างน้ำส้มและนักรบที่น้องมะนาวเห็น สร้างความเข้าใจผิดไปคนละทิศคนละทาง ความเดียงสาที่ยากจะเข้าใจทำให้เด็กหญิงคิดว่าการสัมผัสกันที่เหมือนรุนแรงเป็นการตบตีทะเลาะวิวาท ความคิดของเด็กน้อยท
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้การสนทนาที่กำลังสนุกสนานต้องหยุดชะงักลง(น้องลงมาล้างมือเตรียมทานข้าวได้แล้วค่ะ) เสียงบอกของผู้เป็นแม่ดังลอดผ่านเข้ามาในห้อง“ค่ะคุณแม่...ไปกันค่ะแดดดี๊ คุณแม่ขามาเรียกแล้ว” คำพูดแรกเธอตอบผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยปากชวนนักรบด้วยสีหน้าระรื่นสดใส(รีบลงมานะคะ เดี๋ยวคุณอาธันวาจะรอนาน)“ค่ะ...”(แม่ไปรอที่โต๊ะอาหารนะคะ)“ลุกสิคะแดดดี๊เราไปทานข้าวกัน”“น้องไปเถอะ แดดดี๊ว่าจะกลับแล้วล่ะ”“ทำไมละคะ?”คำเอ่ยชวนของน้องมะนาวแต่นักรบปฏิเสธ ทำเอาเด็กน้อยย้อนถามทันควัน แต่สำหรับนักรบนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า ไร้ตัวตนในสายตาของน้ำส้ม ก็ตั้งแต่ที่เขาก้าวขาเข้ามาเธอก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขับไล่ที่เข้ามาในบ้าน ความเมินเย็นชาทำให้นักรบเกิดประหม่าและสู้หน้าเธอไม่ไหว เขาคิดถึงแทบขาดใจ แต่พอได้อยู่ใกล้ตรงหน้าก็ไม่สามารถกอดเธอให้หายคิดถึง...มันท้อแท้ใจจนต้องบอกกับตัวเองว่าเขาควรพอแค่นี้“แดดดี๊แค่รู้สึกเหนื่อย ๆ น่ะ” เขาตอบเด็กหญิงพลางลูบหัวของเธอเบา ๆ คำพูดของเขาทำเอาเด็กหญิงหน้าเศร้าในทันที“อยู่กับน้องไม่ได้เหรอ น้องยังไม่หายคิดถึ