วินาทีที่ฉันสะดุดแต่คว้าราวจับไว้ได้ สองหนุ่มที่นั่งจ้องตากันเงียบ ๆ ก็หันมามอง พี่ไวน์รีบวิ่งมาดูฉันพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง ส่วนไวท์นั่งมองฉันเงียบ ๆ
อีตานี่มาโผล่บ้านฉันได้ยังไงนะ!
พี่ไวน์เห็นฉันจ้องมองไวท์จึงเอ่ยขึ้น
“อ๋อ จริงสิน้องปาย เพื่อนน้องปายมารออยู่หน้าบ้านพี่เห็นพอดีเลยชวนมานั่งรอ เห็นบอกว่าลืมของ”
ของอะไร? ฉันคิดอย่างงุนงง มองไวท์ที่นั่งเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรฉันจึงตอบพี่ไวน์
“ค่ะ ใช่ ๆ เพื่อนปายคงลืมไว้ตอนมาทำรายงาน” ฉันถือโอกาสแนะนำไวท์ให้พี่ไวน์รู้จัก ขืนไม่บอกอะไรประเดี๋ยวพี่ไวน์เล่าให้พี่เชนฟังว่ามีผู้ชายเข้าบ้านฉันโดนเทศนาแน่ ๆ “พี่ไวน์คะ คนนี้ไวท์เพื่อนปาย เรียนวิศวะฯ ด้วยกันค่ะ”
“สวัสดีครับ” พี่ไวน์ยิ้มสุภาพทักทาย ส่วนอีกคนนะเหรอยังนั่งทำหน้าตาย กวนโอ๊ยอยู่นั้น
“ครับ หวัดดี” ไวท์เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ยกมือพอเป็นพิธีแถมยังนั่งไขว้ห้างกระดิกนิ้วเท้าอย่างสบายอารมณ์
ไอ้บ้าไวท์! แกจะมากวนตีนแถวนี้ไม่ได้ ฉันนึกอย่างโมโห แอบถลึงตามอง ไวท์หันมาสบตาพอดี เขาลุกขึ้นแล้วเดินมาบอกฉัน
“ไป พาไปหาของหน่อย จำไม่ได้อยู่ที่ไหน”
เอ้า! แล้วฉันจะรู้ไหมของที่ว่า ขนาดเจ้าของมันยังหาไม่เจอ แล้วเขาก็ไม่เคยมาบ้านฉันสักครั้งนี่เป็นครั้งแรก ที่ฉันเออออด้วยเมื่อกี้ก็เพราะกลัวพี่ไวน์ไปรายงานพี่เชนต่างหากว่ามีชายอื่นนอกจากไมค์เข้าบ้านมา
“งั้นพี่นั่งรอนะครับ” พี่ไวน์มองเราทั้งคู่แล้วเอ่ยยิ้ม ๆ
“ไม่ต้องรอ กว่าจะหาเสร็จ... นาน”
เป็นอีตาบ้าไวท์ที่ตัดบทอย่างรวดเร็ว จนฉันชักทนไม่ไหวกลัวพี่ไวน์จะมองเห็นความผิดปกตินี้จึงพูดแก้ไขสถานการณ์
“พี่ไวน์นั่งรอนะคะ เดี๋ยวปายมา พาเพื่อนไปหาของแป๊บ”
ฉันรีบดึงแขนอีตาไวท์ไปทางห้องครัว พลางยืดคอมองพี่ไวน์จะตามมาแอบฟังหรือเปล่า พอลากมาได้สักพักก็ปล่อยมือแล้วเท้าเอวถาม
“นี่กำลังเล่นอะไรยะ แกจะมาหาของอะไรบ้านเรา”
“หากิ๊กไง ทำไม มีปัญหา?” ไวท์ตอบทันควัน แถมยังก้มหน้ามาจนจมูกเราสองคนจะชนกัน ฉันผงะด้วยความตกใจ ท่าทางที่ฉันแสดงออกมาทำให้เขาหัวเราะหึ
“บะ บ้า ใครกิ๊กนาย”
“เอ้า ก็ปายเป็นคนเสนอตัวมาเอง จำไม่ได้?” ไวท์ย่างสามขุมมาหาจนฉันถอยหลังชิดกำแพง เขาใช้มือยันผนังไว้ทั้งสองข้างทำให้ฉันถูกกักอยู่ตรงกลางขยับไปไหนไม่ได้ “หรือต้องให้ฟื้นความจำ”
โอเค ทีแรกว่าจะมั่วนิ่มทำไม่รู้ไม่ชี้ เจอแบบนี้อีปายยอมแพ้ค่า
“จะ…จำได้” ฉันกัดฟันตอบ “พอใจยัง ทีนี้ก็ถอยไป”
“ยัง”
“อะไรยัง นี่กะมาหาเรื่องกันใช่ป่ะวะ”
“ไปบอกไอ้หน้าขาวนั่นว่าจะไปข้างนอกกับเรา ยกเลิกนัดมันซะ”
“ทำไมเราต้องทำตามแกวะ” ฉันหงุดหงิด เพราะรับปากจะไปกินข้าวกับพี่ไวน์แล้ว จู่ ๆ ไวท์โผล่มา แล้วจะให้ไปยกเลิกนัดคนมาก่อนนี่นะ บ้าชัด ๆ แล้วทำไมฉันต้องฟังคำสั่ง พ่อก็ไม่ใช่
“จะไปไม่ไป ไม่ไปพ่อจูบ”
“ไอ้บ้า! ไปก็ได้!” ฉันตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด ทำเป็นไม่มองหน้าหล่อ ๆ ที่ตอนนี้ยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ
เกลียดตัวเอง ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ปีนี้มันปีชงหรือไงวะ
ฉันเดินตรงไปหาที่ไวน์ที่นั่งรอเงียบ ๆ ตรงโซฟาก่อนบอก
“เอ่อ พี่ไวน์คะ ต้องขอโทษด้วยที่ปายไปกินข้าวกับพี่ไม่ได้แล้ว คือว่า…ปายเพิ่งนึกได้ว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จ ต้องทำส่งพรุ่งนี้น่ะค่ะ ปายคงหาอะไรกินในบ้านไปก่อน คงไม่มีเวลาออกไปข้างนอกแล้ว”
พี่ไวน์ดูแปลกใจเล็กน้อย สีหน้าท่าทางดูผิดหวัง ทำเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา ฉันมองพี่ไวน์อย่างเก้อกระดาก รู้สึกผิดมาก ๆ ที่เทพี่ไวน์กลางทางแบบนี้
“ไม่เป็นไรครับ ไว้วันหลังก็ได้” พี่ไวน์พูดเสียงนุ่ม ลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนกลับยังยิ้มให้ฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “งั้นพี่ไม่กวนแล้วนะคะ มีอะไรน้องปายโทรฯ หาพี่ได้ตลอด”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มรับ ก่อนเดินไปส่งพี่ไวน์หน้าบ้าน ยืนมองจนรถออกซอยไป แล้วเดินเข้าบ้าน ทำหน้าเหม็นเบื่อคนหน้าด้านบางคนที่ตอนนี้นั่งกระดิกเท้าดูรายการเกมโชว์อยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างสบายอารมณ์
ฉันแอบกลอกตามองบน ก่อนตัดสินใจจะพูดตรง ๆ กับไวท์
“เรื่องวันก่อนเราพูดเล่น แกจะจริงจังไมวะ”
ไวท์ขยับตัวตรง ละสายตาจากโทรทัศน์มาจ้องตาฉันกลับ ดวงตาคมกล้าแวววาวจนฉันรู้สึกถึงความอันตรายที่คืบคลานเข้ามา...
“พูดเล่นเหรอ...”
เขากระชากแขนฉันโดยไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้ฉันล้มลงไปนอนแอ้งแม้งในอ้อมแขนเขา เราจ้องหน้ากันเงียบ ๆ ตอนนี้หน้าตาฉันคงฉายแววตื่นตระหนก ทำหน้าหวาดผวาจนตลกเพราะไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรถึงดึงฉันลงมากองในอ้อมแขนเขาแถมยังล็อกฉันไว้แน่นจนขยับหนีไม่ได้
“นะ…นายจะทำอะไร”
“คนอย่างไวท์ทำอะไรไม่มีล้อเล่น”
“ดะ เดี๋ยวสิ เรื่องคืนนั้นนายก็น่าจะรู้ว่าฉันแค่พูดขำ ๆ ปลอบใจนาย แล้วฉันก็มีแฟนแล้วนะ”
ไวท์ไม่ตอบโต้แต่โน้มหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว เขาประทับริมฝีปากลงมาโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งขบ ทั้งเม้ม ดูดดึงจนฉันหนาว ๆ ร้อน ๆ สัมผัสจาบจ้วงรุนแรงเหมือนอารมณ์ในกายเขา สองมือฉันตอนนี้ทาบอกไวท์ ตัวแข็งเป็นหินไปชั่วขณะ และพอเข้าสอดลิ้นเข้ามาสติฉันก็ขาดผึง ตาเบิกโพลงพร้อมกับผลักอกเขาออกเป็นพัลวัน ปากก็ด่า
“อี๋! นายทำอะไร ไอ้บ้า! ”
“อ้าว จูบแบบแลกลิ้นไง? ” เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ฉันดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ไวท์ก้มหน้ามาชิดจนจมูกเราชนกัน “ไม่เคย? น่าแปลกนะเนี่ย มีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่สอนให้เองนะจ๊ะ รับรองคล่องปรื๋อ”
พูดจบก็ทำท่าประกบปากอีก ฉันหวีดร้องทันที
“กรี๊ดดด! ”
สะพานบุญโขกู้สุ่ย บ้านแพมบกไวท์พาฉันมาที่สะพานไม้ไผ่ แหล่งท่องเที่ยวอีกทีหนึ่งของแม่ฮ่องสอน ห่างไกลจากตัวเมืองประมาณสิบกิโลเมตร ตลอดการเดินทางลำบากมาก ทั้งชันและแคบ โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูฝน ถนนเลยพอให้รถสปอร์ตขับผ่านไปได้ แต่กว่าจะถึงที่หมายฉันแอบสงสารรถคันหรูที่ตอนนี้มันคงจะคลุกฝุ่นจนหมอง เมื่อรถจอดฉันหันไปมองเขาอย่างแปลกใจที่เขารู้จักสถานที่แบบนี้ด้วย นึกว่าเด็กเมืองกรุงอย่างเขาจะพาฉันไปในเมือง เที่ยวห้างสรรพสินค้า ดูหนังอะไรแบบนี้“มองอะไรปาย”“รู้จักที่แบบนี้ด้วยเหรอ เมื่อก่อนเคยมาเที่ยว? ”“ไม่เคย นี่มาครั้งแรก และไม่เคยมาแม่ฮ่องสอนด้วย”“หืม...”“สมัยนี้มันยุคสี่จีนะยายบ๊อง แค่ค้นหาสถานที่เที่ยวจังหวัดนั่นนี่มันก็เจอแล้ว จีพีเอสก็มี มาไม่ถูกก็ไม่รู้จะพูดยังไง”ไวท์พูดจบก็ยกมือขึ้นเขกหัวฉันเบา ๆ ฉันย่นจมูกใส่ ก็คนมันไม่ทันได้นึกถึงนี่ แม่ฮ่องสอนก็มีหลายอำเภอ ฉันยังเที่ยวไม่ทั่วเลย ก็เลยแปลกใจที่เขารู้จักที่นี่เราสองคนลงจากรถ สะพานบุญโขกู้สุ่ยตั้งอยู่หน้าหมู่บ้านแพมบก บริเวณทางเข้ามีร้านค้าชุมชนตั้งอยู่ ขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ไวท์เดินเข้าไปซื้อน้ำเปล่ามาสองขวด ก่อนยื่นให้ฉันหนึ่งขว
ฉันยืนมองคนงานพากันยกลังส้มขึ้นรถบรรทุกของลูกค้าที่มาซื้อถึงในสวน ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพฯ งานที่รออยู่ก็ล้นมือ ประกอบกับเป็นช่วงที่คนงานลางานเพื่อกลับไปทำนา คนงานในสวนจึงมีไม่พอ ทั้งวันฉันต้องดูแลงานในสวน แล้วก็ต้องไปจัดการงานในรีสอร์ตอีกต่อหนึ่ง โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวยังไม่มากนัก ก็ไม่รู้ทำไมแม่ถึงได้ปิดบังฉันว่าไม่มีปัญหาอะไร งานที่สวนปกติ ทั้งที่ฉันกลับมาเห็นมันไม่ใช่ที่แม่บอกเลย คนงานไม่พอ งานล้นมือ ไม่อยากจะคิดถ้าฉันไม่กลับมาด้วย แม่จะต้องหัวหมุนดูแลคนเดียวไม่มีเวลาพักผ่อนแน่ ๆ“เรียบร้อยหรือยังจ๊ะปาย” แม่เดินมามือข้างนึงถือขวดน้ำก่อนจะยื่นให้ฉัน“ขอบคุณค่ะ” ฉันยื่นมือมารับ แล้วเปิดฝายกน้ำขึ้นดื่มด้วยความกระหาย พอดื่มจนพอใจก็ตอบคำถามแม่ “อีกล็อตหนึ่งก็ครบแล้วค่ะ ปายจะเช็คอีกรอบหนึ่งก็เสร็จ”“เหนื่อยไหม กลับมาก็ไม่ได้พักเลย”“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แต่ก่อนปายก็ช่วยแม่นี่ งานในสวนปายคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กแม่ก็รู้ สบายมากค่ะ”“ขอบใจนะลูก หมดรอบนี้ก็คงจะได้พักแล้วล่ะ แล้วนี่ก็มาเกือบอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เพื่อนฝูงก็พากันถามหา วันก่อนแม่เจอตั้มที่ตลาดยังถา
ผมเปิดประตูห้องก่อนก้าวเข้าไป ห้องตกแต่งโทนเรียบง่าย เครื่องเรือนหรูหรามีระดับ แต่ผมกลับไม่ชอบมัน มาค้างหนึ่งเดือนแค่ครั้งสองครั้ง ไม่สนว่าผู้ชายคนนั้นจะว่ายังไง ปกติถ้าไม่ยุ่งอยู่กับงานสังสรรค์ ติดอีหนู ผู้ชายคนนั้นก็ไม่นึกถึงผมหรอก เราต่างคนต่างอยู่มานานแล้ว ผมอยากจะไปค้างกับแม่ ย้ายไปอยู่ด้วยแต่ก็กลัวทำให้แม่เดือดร้อนจากผู้ชายบ้าอำนาจผมล้มตัวลงนอนบนเตียง กางแขนกางขาเหม่อมองเพดาน สุดท้ายเพราะยังไม่สร่างเมาดีก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง..เช้าวันต่อมา“เออ ดี! โผล่หัวมากลางดึก เช้ามาก็ไป เห็นบ้านฉันเป็นโรงแรมหรือยังไง”น้ำเสียงกระแทกแดกดันดังขึ้นทันทีที่ผมกำลังจะเดินผ่าน ผู้ชายคนนั้นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ แต่ตอนนี้หันมามองผมด้วยสีหน้าบึ้งตึง“ผมมีธุระ”ผมตอบแค่นั้นก่อนทำท่าจะก้าวขาเดินต่อ“เฮอะ! หน้าอย่างแกมีธุระด้วย”“พ่อมีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาดีกว่า ผมจะรีบไป”“เย็นนี้กลับมาด้วย ฉันจะพาแกไปทำความรู้จักคุณมานพ ท่านเป็นรัฐมนตรีฯ เย็นนี้เป็นวันเกิดท่าน”“ทำไมผมต้องไป ผมไม่รู้จักท่านเสียหน่อย เชิญพ่อไปคนเดียวเถอะ”“แกต้องไป! ฉันจะพาแกไปรู้จักลูกสาวคนเดียวของท่าน”“อ๋อ กะให้ผมไปดูตัว ทำ
“ก็พี่ไม่บอกว่าปายไปไหน”พี่เชนมองผมด้วยหางตา สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปาก“ปายกลับบ้าน”บอกแค่นี้? แล้วผมจะตรัสรู้เรอะ! ผมสบถในใจส่วนฉากหน้าก็ฉีกยิ้ม ทำตัวเป็นน้องเขยที่ดี ไม่โต้เถียง“บ้าน? บ้านที่ไหน พี่บอกเส้นทางให้ผมที”“มึงจะตามน้องกูไป”“ครับ ผมจริงจัง ผมจะไปหาปาย ผมจะเข้าไปคุยกับแม่ปายว่าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน เราจะ....”“พอ! มึงพล่ามอะไรของมึงวะ! เฮอะ แดกเหล้าจนเหม็นหึ่ง เมาหนักนะมึง คุยไปถึงเรื่องอนาคตแต่งการแต่งงาน ถามพี่อย่างกูสักคำไหม”“ผมแต่งกับปายไม่ได้แต่งกับพี่นี่”“ถุย! เห็นแก่ที่มึงเมาเหมือนหมา กูไม่เอาเรื่องเอาความอะไรมึงก็แล้วกัน ปายกลับแม่ฮ่องสอน นอกนั้นมึงไปตามหาเอาเอง ไป ๆ กูตอบคำถามแล้วก็ไสหัวไป มึงจะง้อ จะจีบอะไรอย่าลากกูไปยุ่ง ทีหลังอย่ามาถามเรื่องปายกะกู กูไม่ได้ขัดขวางมึง แต่ก็ไม่ได้ชอบมึงถึงขนาดยินดีที่มึงคบกับน้องกู”ผมฟังพี่เชนพล่าม พี่แกมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด ก่อนจะเดินหมุนตัวเข้าร้านไปตุบ!ไอ้พันรบเดินมาถึงตัวผมเมื่อไรไม่รู้ มันตบบ่าผมดังตุบ“พี่เมียมึงเหรอ”เสียงไอ้บอมถาม มันเดินมาหยุดข้างผม“เออ”“หน้าคุ้น ๆ”“อยู่มหา’ ลัยเดียวกับเราไง” ผมตอบไอ้รบ “เรียนทัน
White Talksหลายวันผ่านไปโครม!ผมเตะเก้าอี้ที่มันขวางทางจนปลิวไปอยู่แทบเท้าไอ้พันรบ วันนี้ผมมานั่งกินเหล้าที่ผับของมัน ส่วนไอ้บอมกับไอ้เวียร์มันบอกจะตามมาดึก ๆ ผมหันไปมองเก้าอี้ที่นอนตะแคงอย่างเฉยชา เดินไปถึงโต๊ะแล้วนั่งลงก่อนยกแก้วที่มันชงไว้ขึ้นมาดื่มฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ไหลผ่านคอยิ่งทำให้ผมร้อน หงุดหงิด กระสับกระส่ายปึก!ผมวางแก้วเหล้าอย่างแรงเป็นการระบายอารมณ์“มึงเป็นอะไรไอ้ไวท์”มันมองผม แล้วถาม“ไม่รู้”ผมตอบแค่นั้นก่อนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มต่อ ไอ้รบเป็นคนไม่ค่อยพูดมันเงียบ ๆ มึน ๆ พอเห็นผมไม่บอกมันก็แดกเหล้าต่อ เราสองคนยกแก้วเหล้าขึ้นเงียบ ๆ คนในร้านยังไม่มีเพราะยังเป็นช่วงหัวค่ำ จะมีก็แต่เจ้าของร้านอย่างมันที่บ้ามาแดกเหล้าเป็นเพื่อนผมตั้งแต่หัววันนี่แหละไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร พอเงยหน้าขึ้นจากแก้วเหล้าคนก็แออัดเต็มร้าน เสียงเพลงดังกระหึ่ม ไอ้รบลุกขึ้นบอกว่าจะไปดูลูกน้องหลังร้านหน่อย ผมโบกมือไล่มันไปก่อนนั่งกินเหล้าเงียบ ๆ มีผู้หญิงสองสามคนที่เดินโฉบไปโฉบมา ท่าทางเชื้อเชิญผม ผมแค่ยิ้มก่อนกลับไปสนใจเหล้าในแก้วต่อไม่มีอารมณ์ สวยแค่ไหนก็เถอะ ผมอยากเจอปายแค่นั้นใช่ หลายวันมานี่ปายไม่
“ไวท์โอเคนะ มีอะไรระบายให้ปายฟังได้”“โอเคสิ ตอนนี้ไวท์โอเค ขอแค่มีปายอยู่ข้าง ๆ ไวท์ก็พอ”“อะไรกัน แล้วถ้าวันไหนฉันไม่อยู่ข้างนายล่ะ” ฉันพูดขึ้นเล่น ๆ แต่ไวท์กลับเงียบไปอึดใจก่อนตอบกลับ“ไม่มีวันนั้น เพราะไวท์จะไม่ยอมให้ปายทิ้งไวท์แน่ ๆ ปายก็รู้ว่าชีวิตไวท์มีคนที่สำคัญกับไวท์แค่ไม่กี่คนและปายเป็นหนึ่งในนั้น”ฉันฟังเสียงเขาที่ดูเข้มขึ้นก็รู้สึกแปลก ๆ จะว่าดีใจมันก็ไม่เชิง คำพูดของไวท์มันฟังดูเหมือนเขายึดติดกับฉันมากเกินไป และมันไม่ดีเท่าไร...เราไม่ควรจะเอาชีวิตกันและกันมาผูกติดกันมากเกินไป“เอ่อ...เอาเป็นว่าตอนนี้ปายกำลังดูใจ พิจารณาไวท์ ให้โอกาสไวท์อยู่ ไวท์คงรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้อยู่ในช่วงที่ปายกำลังให้โอกาส”ฉันอดย้ำความสัมพันธ์ของเราไม่ได้“รู้ครับ และไวท์จะไม่ทำให้ปายหลุดลอยไปอีกแล้ว” เสียงไวท์ตอบกลับมาจริงจังและแฝงไปด้วยความหมายบางอย่างที่ฉันทำเป็นมองข้าม รู้อยู่หรอกว่าเขาแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ฉันเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ ฉันไม่ใช่ของใคร ฉันก็คือฉัน แต่ถ้าพูดตรงไปฉันก็กลัวว่าเขาจะโมโหอะไรขึ้นมาอีก คงต้องค่อย ๆ คุย แบ่งความสัมพันธ์ให้ชัดเจน ฉันเป็นแค่แฟนของเขาน้ำเสียงไวท์สั่นนิด ๆ ฉันจึ