เพราะปากพาซวยที่แท้ทรู... ก็ไม่รู้ว่าคืนนั้นเมาความหล่อของมัน หรือเมาเหล้า ถึงได้ชวน ไวท์ หนุ่มหล่อร้ายของคณะวิศวะฯ มาเป็นกิ๊ก ทั้งที่ฉันมีแฟนอยู่แล้ว ถึงจะเป็นแค่แฟนหลอก ๆ แถมอีกฝ่ายดันตอบตกลงซะงั้น!
View Moreเรื่องมันเริ่มต้นจากประโยคที่ฉันพูดกับคนที่เป็นเพื่อนร่วมคณะ เพื่อนที่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับมัน เคยเห็นมันควงสาวมากหน้าหลายตาก็ยังรู้สึกเฉย ๆ แต่พอวันหนึ่งมันโดนสาวที่เหมือนจะจริงจังด้วยบอกเลิก เพราะอยากให้มันหายเศร้า ไอ้ปากหมา ๆ มันก็เลยพูดขึ้นมา...
“อย่าเสียใจไปเลยว่ะ เอางี้ แกโดนแฟนขอเลิกไปแล้ว งั้นคงว่าง มาเป็นกิ๊กเราป่ะล่ะ?”
พูดไปก็ต้องมานั่งนึกเสียใจ ปากหมาพาซวยที่แท้ทรู เมื่อ “เพื่อน” ที่ตอนนี้เลื่อนสถานะมาเป็น “กิ๊ก” ดันตอบตกลงซะงั้น!
ย้อนไปเมื่อสามวันก่อน
พี่เชน หนุ่มหล่อสุดฮ็อตจัดงานวันเกิดที่ร้านเหล้าข้างมหา’ ลัย พี่เชนเป็นลูกชายของคุณป้าพี่สาวของแม่ แต่เป็นแค่เพียงในนาม ความจริงพี่เชนเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของฉันที่ป้าขอเอาไปเลี้ยงเพราะไม่มีลูก เราอายุห่างกัน 6 ปี พี่เชนเรียนทันตะฯ ปีที่ 6 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก็จะเรียนจบ ส่วนฉันเรียนวิศวะฯ เครื่องกลอยู่ปีสอง
“วู้! ม่ายมาวม่ายกลับ ชนแก้ว!”
เอิ่ม…ฉันมองพี่ชายขี้เมายกมือชูแก้วขึ้นแล้วร้องตะโกนโหวกเหวกไปมา ใบหน้าหล่อเหลาที่สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ปรากฏว่าพี่เชนเมาก่อนใครอีกเพราะเพื่อน ๆ ที่มาร่วมงานต่างคะยั้นคะยอให้ดื่ม ดีนะฉันเห็นท่าไม่ดี แค่จิบ ๆ เหล้าเล็กน้อยแล้วแอบเททิ้ง แสร้งทำเป็นเริ่มเมา ลิ้นพันกันเล็กน้อยก็เลี่ยงชนแก้วพวกเพื่อนพี่เชนไปได้หน่อย
ฉันไม่ค่อยชอบกินเหล้าเท่าไร พอกินมากเช้ามาฉันก็จะปวดหัวหนักมาก แต่จะเลี่ยงไม่มางานก็ไม่ได้วันเกิดพี่ชายตัวเอง
ฉันมองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน แสร้งยกมือขึ้นนวดขมับแล้วลุกขึ้น ทุกคนหันมามองฉัน พี่ไวน์หนึ่งในเพื่อนพี่เชนพูดขึ้น
“อ้าว จะไปไหนครับน้องปาย”
“ปาย เอ่อ ปายจะกลับแล้วค่ะ มันก็ดึกมากแล้วพรุ่งนี้ปายมีเรียน” ฉันบอกตะกุกตะกัก ทำไมทุกคนพร้อมใจกันหันมามองฉัน ก็สังสรรค์กันต่อไปเซ่! แผนที่จะค่อย ๆ เผ่นออกจากงานพังทันที พี่ไวน์พอได้ยินฉันว่าจะกลับก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาทางฉัน
“งั้นพี่ไปส่งนะครับ” พูดจบพี่ผู้ชายคนอื่นส่งเสียงเฮฮา แซวกันขรม
“วู้! ไอ้ไวน์ รุกเร็วไปนะมึง ถามไอ้เชนยังวะ ฮ่า ๆ ๆ”
“เฮ้ ปาย รอพี่ก่อนดิ ยังไม่ต้องรีบกลับหรอก” เสียงพี่เชนตะโกนบอกบ้าง ฉันรีบตอบ “ไม่เอา ปายปวดหัวแล้ว อยากกลับ”
พี่เชนได้ยินจึงพยักหน้างึก ๆ วางแก้วลง “เออ ๆ งั้นพี่พอละ เดี๋ยวกลับด้วยกันเลย”
เพื่อน ๆ ทุกคนส่งเสียงโห่ร้อง เพื่อนพี่เชนมีด้วยกันห้าคนรวมพี่เชน เป็นผู้ชายหล่อลากดินกันทั้งหมด เรียนมหาลัยฯ เดียวกัน พี่เชนเรียนทันตะฯ พี่ไวน์ พี่เอ็กซ์เรียนคณะแพทย์ฯ ส่วนพี่กัน พี่บิ๊ก เรียนนิติศาสตร์
ฉันยกมือบอกปัด “เถอะน่า เพื่อน ๆ พี่เชนกำลังสนุกเจ้าของวันเกิดหนีกลับก่อนได้ไง ปายกลับเอง เดี๋ยวไมค์มารับ”
พูดจบก็หันไปบอกพี่ไวน์ที่ยืนมองฉันเงียบ ๆ “ขอโทษนะคะพี่ไวน์ ขอบคุณที่มีน้ำใจนะคะ แต่ปายแชทบอกไมค์มารับแล้วน่ะค่ะ”
“อ๋อ ครับ ๆ ไม่เป็นไรครับน้องปาย” พี่ไวน์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแล้วกลับไปนั่งลงที่เดิม พี่เอ็กซ์ พี่กันพากันแซว ฉันทำเป็นไม่สนใจ ชินแล้วกับพวกเพื่อนพี่เชน เมื่อก่อนตอนฉันขึ้นปีหนึ่งใหม่ ๆ ด้วยความที่แม่เป็นห่วง จึงกำชับให้พี่เชนดูแลฉันทุกฝีก้าว พี่เชนไปไหนฉันต้องไปด้วย แต่ว่างเมื่อไรพี่เชนเป็นต้องกินเหล้า สังสรรค์ มันก็ไม่พ้นที่ฉันจะต้องตามตูดต้อย ๆ
เป็นพี่ที่ดีมาก ดูแลน้องไม่ให้คลาดสายตา ไปกินเหล้าที่ไหนต้องพาไปด้วย ฉันเลยเห็นอะไรมามาก และรู้จักระวังตัวเพราะเพื่อนพี่เชนก็มีแต่ผู้ชาย บางคนหล่อร้าย อันตรายกันทั้งนั้น ก็ขนาดพี่เชนยังร้าย
“ถึงบ้านโทรฯ หาพี่ด้วย” พี่เชนกำชับ ฉันพยักหน้าแล้วโบกมือ
“พี่เชนด้วยนะ กลับให้ถึงบ้านล่ะ” ฉันหันไปยกมือไหว้ลาพี่ ๆ ทุกคน “ปายฝากพี่เชนด้วยนะคะ”
ทุกคนพยักหน้ารับแล้วโบกมือให้ฉัน ก่อนกลับไปสังสรรค์กันต่อ ฉันทำเป็นไม่เห็นสายตาที่พี่ไวน์มองมา รีบเดินออกจากร้าน พอถึงหน้าร้านมีที่นั่งรออยู่ มีนักเที่ยวหลายคนนั่งคุยกัน หรือนั่งสูบบุหรี่กัน ฉันมองหาที่ว่างแล้วทิ้งตัวลงนั่งก่อนหยิบมือถือมาโทรฯ หาไมค์ ไมค์ก็คือแฟนของฉันเอง เราคบกันตั้งแต่ปีหนึ่ง
เสียงเพลงรอสายดังไม่นานพอมีคนรับฉันก็พูดขึ้น
“ไมค์มารับปายหน่อย ส่งไลน์ไปก็ไม่อ่าน”
[มารับ? ตีหนึ่งเนี่ยนะนังปาย แกไปแรดที่ไหนมาฮะ!] เสียงตวาดแว้ดดังจนแสบแก้วหู ฉันดึงโทรศัพท์มือถือออกห่าง ก่อนจะพูดตอบโต้ไป
“แกไม่ได้อ่านไลน์? วันนี้วันเกิดพี่เชนน่ะสิ พี่เชนเลยลากฉันออกมาฉลองที่ร้านเหล้าด้วย”
[กรี๊ด! วันเกิดพี่ชายแก แสดงว่าเพื่อนพี่แกก็มากันด้วยสินะ ทำไมแกไม่ชวน! ]
“เอ่อ ช่วยระงับต่อมแรดด้วยค่ะ แกเป็นแฟนฉันนะ ถึงจะแค่แฟนหลอก ๆ แต่แกคงไม่อยากให้ใครรู้ใช่ไหมว่าแกเป็นเกย์น่ะ ขืนแกมาตบะแตกไล่จับพี่ ๆ กินทำยังไง”
[อิบ้า! ก็ว่าไป เออ ๆ ก็ดีแล้วล่ะที่ไม่ได้ไป ขืนเจอพวกพี่ชายแก ต่อมแรดฉันพุ่งแรงแน่ ๆ ไอ้ที่แอ๊บไว้แตกแน่นอน]
“ย่ะ แล้วนี่จะมารับฉันเมื่อไรฮะ มัวแต่คุย ฉันก็ง่วงนะเว้ย อยากนอน”
[เออ ๆ รอนั่นแหละ อีกประมาณสิบยี่สิบนาที ร้านเหล้าข้างมอใช่ไหม]
“ใช่ค่ะที่รัก”
[โอ๊ย ชะนี เวลานี้ไม่ต้องพูด ขนลุกย่ะ] ฉันหัวเราะเมื่อไมค์วางสายไป ไมค์เป็นแฟนฉัน แต่ก็เป็นเกย์ด้วย เราคบกันเพราะไมค์อยากปกปิดเรื่องตัวเองเป็นเกย์ไม่ให้ใครรู้ บ้านไมค์เป็นครอบครัวคนจีนที่หัวโบราณมาก และอาป๊าไมค์ก็ดุสุด ๆ ขนาดฉันที่เคยไปเที่ยวบ้านไมค์เจอหน้าท่านเมื่อไรเป็นต้องตัวเกร็งเพราะความกลัว
หลังวางสายจากไมค์ฉันเพิ่งรู้ตัวว่ารอบข้างผู้คนที่นั่งอยู่ทยอยกันเดินเข้าร้านไปกันเกือบหมด รู้สึกวังเวงขึ้นมาทันที เหลือแค่คู่รักคู่หนึ่งที่ยืนห่างออกไป
สะพานบุญโขกู้สุ่ย บ้านแพมบกไวท์พาฉันมาที่สะพานไม้ไผ่ แหล่งท่องเที่ยวอีกทีหนึ่งของแม่ฮ่องสอน ห่างไกลจากตัวเมืองประมาณสิบกิโลเมตร ตลอดการเดินทางลำบากมาก ทั้งชันและแคบ โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูฝน ถนนเลยพอให้รถสปอร์ตขับผ่านไปได้ แต่กว่าจะถึงที่หมายฉันแอบสงสารรถคันหรูที่ตอนนี้มันคงจะคลุกฝุ่นจนหมอง เมื่อรถจอดฉันหันไปมองเขาอย่างแปลกใจที่เขารู้จักสถานที่แบบนี้ด้วย นึกว่าเด็กเมืองกรุงอย่างเขาจะพาฉันไปในเมือง เที่ยวห้างสรรพสินค้า ดูหนังอะไรแบบนี้“มองอะไรปาย”“รู้จักที่แบบนี้ด้วยเหรอ เมื่อก่อนเคยมาเที่ยว? ”“ไม่เคย นี่มาครั้งแรก และไม่เคยมาแม่ฮ่องสอนด้วย”“หืม...”“สมัยนี้มันยุคสี่จีนะยายบ๊อง แค่ค้นหาสถานที่เที่ยวจังหวัดนั่นนี่มันก็เจอแล้ว จีพีเอสก็มี มาไม่ถูกก็ไม่รู้จะพูดยังไง”ไวท์พูดจบก็ยกมือขึ้นเขกหัวฉันเบา ๆ ฉันย่นจมูกใส่ ก็คนมันไม่ทันได้นึกถึงนี่ แม่ฮ่องสอนก็มีหลายอำเภอ ฉันยังเที่ยวไม่ทั่วเลย ก็เลยแปลกใจที่เขารู้จักที่นี่เราสองคนลงจากรถ สะพานบุญโขกู้สุ่ยตั้งอยู่หน้าหมู่บ้านแพมบก บริเวณทางเข้ามีร้านค้าชุมชนตั้งอยู่ ขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ไวท์เดินเข้าไปซื้อน้ำเปล่ามาสองขวด ก่อนยื่นให้ฉันหนึ่งขว
ฉันยืนมองคนงานพากันยกลังส้มขึ้นรถบรรทุกของลูกค้าที่มาซื้อถึงในสวน ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพฯ งานที่รออยู่ก็ล้นมือ ประกอบกับเป็นช่วงที่คนงานลางานเพื่อกลับไปทำนา คนงานในสวนจึงมีไม่พอ ทั้งวันฉันต้องดูแลงานในสวน แล้วก็ต้องไปจัดการงานในรีสอร์ตอีกต่อหนึ่ง โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวยังไม่มากนัก ก็ไม่รู้ทำไมแม่ถึงได้ปิดบังฉันว่าไม่มีปัญหาอะไร งานที่สวนปกติ ทั้งที่ฉันกลับมาเห็นมันไม่ใช่ที่แม่บอกเลย คนงานไม่พอ งานล้นมือ ไม่อยากจะคิดถ้าฉันไม่กลับมาด้วย แม่จะต้องหัวหมุนดูแลคนเดียวไม่มีเวลาพักผ่อนแน่ ๆ“เรียบร้อยหรือยังจ๊ะปาย” แม่เดินมามือข้างนึงถือขวดน้ำก่อนจะยื่นให้ฉัน“ขอบคุณค่ะ” ฉันยื่นมือมารับ แล้วเปิดฝายกน้ำขึ้นดื่มด้วยความกระหาย พอดื่มจนพอใจก็ตอบคำถามแม่ “อีกล็อตหนึ่งก็ครบแล้วค่ะ ปายจะเช็คอีกรอบหนึ่งก็เสร็จ”“เหนื่อยไหม กลับมาก็ไม่ได้พักเลย”“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แต่ก่อนปายก็ช่วยแม่นี่ งานในสวนปายคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กแม่ก็รู้ สบายมากค่ะ”“ขอบใจนะลูก หมดรอบนี้ก็คงจะได้พักแล้วล่ะ แล้วนี่ก็มาเกือบอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เพื่อนฝูงก็พากันถามหา วันก่อนแม่เจอตั้มที่ตลาดยังถา
ผมเปิดประตูห้องก่อนก้าวเข้าไป ห้องตกแต่งโทนเรียบง่าย เครื่องเรือนหรูหรามีระดับ แต่ผมกลับไม่ชอบมัน มาค้างหนึ่งเดือนแค่ครั้งสองครั้ง ไม่สนว่าผู้ชายคนนั้นจะว่ายังไง ปกติถ้าไม่ยุ่งอยู่กับงานสังสรรค์ ติดอีหนู ผู้ชายคนนั้นก็ไม่นึกถึงผมหรอก เราต่างคนต่างอยู่มานานแล้ว ผมอยากจะไปค้างกับแม่ ย้ายไปอยู่ด้วยแต่ก็กลัวทำให้แม่เดือดร้อนจากผู้ชายบ้าอำนาจผมล้มตัวลงนอนบนเตียง กางแขนกางขาเหม่อมองเพดาน สุดท้ายเพราะยังไม่สร่างเมาดีก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง..เช้าวันต่อมา“เออ ดี! โผล่หัวมากลางดึก เช้ามาก็ไป เห็นบ้านฉันเป็นโรงแรมหรือยังไง”น้ำเสียงกระแทกแดกดันดังขึ้นทันทีที่ผมกำลังจะเดินผ่าน ผู้ชายคนนั้นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ แต่ตอนนี้หันมามองผมด้วยสีหน้าบึ้งตึง“ผมมีธุระ”ผมตอบแค่นั้นก่อนทำท่าจะก้าวขาเดินต่อ“เฮอะ! หน้าอย่างแกมีธุระด้วย”“พ่อมีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาดีกว่า ผมจะรีบไป”“เย็นนี้กลับมาด้วย ฉันจะพาแกไปทำความรู้จักคุณมานพ ท่านเป็นรัฐมนตรีฯ เย็นนี้เป็นวันเกิดท่าน”“ทำไมผมต้องไป ผมไม่รู้จักท่านเสียหน่อย เชิญพ่อไปคนเดียวเถอะ”“แกต้องไป! ฉันจะพาแกไปรู้จักลูกสาวคนเดียวของท่าน”“อ๋อ กะให้ผมไปดูตัว ทำ
“ก็พี่ไม่บอกว่าปายไปไหน”พี่เชนมองผมด้วยหางตา สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปาก“ปายกลับบ้าน”บอกแค่นี้? แล้วผมจะตรัสรู้เรอะ! ผมสบถในใจส่วนฉากหน้าก็ฉีกยิ้ม ทำตัวเป็นน้องเขยที่ดี ไม่โต้เถียง“บ้าน? บ้านที่ไหน พี่บอกเส้นทางให้ผมที”“มึงจะตามน้องกูไป”“ครับ ผมจริงจัง ผมจะไปหาปาย ผมจะเข้าไปคุยกับแม่ปายว่าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน เราจะ....”“พอ! มึงพล่ามอะไรของมึงวะ! เฮอะ แดกเหล้าจนเหม็นหึ่ง เมาหนักนะมึง คุยไปถึงเรื่องอนาคตแต่งการแต่งงาน ถามพี่อย่างกูสักคำไหม”“ผมแต่งกับปายไม่ได้แต่งกับพี่นี่”“ถุย! เห็นแก่ที่มึงเมาเหมือนหมา กูไม่เอาเรื่องเอาความอะไรมึงก็แล้วกัน ปายกลับแม่ฮ่องสอน นอกนั้นมึงไปตามหาเอาเอง ไป ๆ กูตอบคำถามแล้วก็ไสหัวไป มึงจะง้อ จะจีบอะไรอย่าลากกูไปยุ่ง ทีหลังอย่ามาถามเรื่องปายกะกู กูไม่ได้ขัดขวางมึง แต่ก็ไม่ได้ชอบมึงถึงขนาดยินดีที่มึงคบกับน้องกู”ผมฟังพี่เชนพล่าม พี่แกมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด ก่อนจะเดินหมุนตัวเข้าร้านไปตุบ!ไอ้พันรบเดินมาถึงตัวผมเมื่อไรไม่รู้ มันตบบ่าผมดังตุบ“พี่เมียมึงเหรอ”เสียงไอ้บอมถาม มันเดินมาหยุดข้างผม“เออ”“หน้าคุ้น ๆ”“อยู่มหา’ ลัยเดียวกับเราไง” ผมตอบไอ้รบ “เรียนทัน
White Talksหลายวันผ่านไปโครม!ผมเตะเก้าอี้ที่มันขวางทางจนปลิวไปอยู่แทบเท้าไอ้พันรบ วันนี้ผมมานั่งกินเหล้าที่ผับของมัน ส่วนไอ้บอมกับไอ้เวียร์มันบอกจะตามมาดึก ๆ ผมหันไปมองเก้าอี้ที่นอนตะแคงอย่างเฉยชา เดินไปถึงโต๊ะแล้วนั่งลงก่อนยกแก้วที่มันชงไว้ขึ้นมาดื่มฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ไหลผ่านคอยิ่งทำให้ผมร้อน หงุดหงิด กระสับกระส่ายปึก!ผมวางแก้วเหล้าอย่างแรงเป็นการระบายอารมณ์“มึงเป็นอะไรไอ้ไวท์”มันมองผม แล้วถาม“ไม่รู้”ผมตอบแค่นั้นก่อนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มต่อ ไอ้รบเป็นคนไม่ค่อยพูดมันเงียบ ๆ มึน ๆ พอเห็นผมไม่บอกมันก็แดกเหล้าต่อ เราสองคนยกแก้วเหล้าขึ้นเงียบ ๆ คนในร้านยังไม่มีเพราะยังเป็นช่วงหัวค่ำ จะมีก็แต่เจ้าของร้านอย่างมันที่บ้ามาแดกเหล้าเป็นเพื่อนผมตั้งแต่หัววันนี่แหละไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร พอเงยหน้าขึ้นจากแก้วเหล้าคนก็แออัดเต็มร้าน เสียงเพลงดังกระหึ่ม ไอ้รบลุกขึ้นบอกว่าจะไปดูลูกน้องหลังร้านหน่อย ผมโบกมือไล่มันไปก่อนนั่งกินเหล้าเงียบ ๆ มีผู้หญิงสองสามคนที่เดินโฉบไปโฉบมา ท่าทางเชื้อเชิญผม ผมแค่ยิ้มก่อนกลับไปสนใจเหล้าในแก้วต่อไม่มีอารมณ์ สวยแค่ไหนก็เถอะ ผมอยากเจอปายแค่นั้นใช่ หลายวันมานี่ปายไม่
“ไวท์โอเคนะ มีอะไรระบายให้ปายฟังได้”“โอเคสิ ตอนนี้ไวท์โอเค ขอแค่มีปายอยู่ข้าง ๆ ไวท์ก็พอ”“อะไรกัน แล้วถ้าวันไหนฉันไม่อยู่ข้างนายล่ะ” ฉันพูดขึ้นเล่น ๆ แต่ไวท์กลับเงียบไปอึดใจก่อนตอบกลับ“ไม่มีวันนั้น เพราะไวท์จะไม่ยอมให้ปายทิ้งไวท์แน่ ๆ ปายก็รู้ว่าชีวิตไวท์มีคนที่สำคัญกับไวท์แค่ไม่กี่คนและปายเป็นหนึ่งในนั้น”ฉันฟังเสียงเขาที่ดูเข้มขึ้นก็รู้สึกแปลก ๆ จะว่าดีใจมันก็ไม่เชิง คำพูดของไวท์มันฟังดูเหมือนเขายึดติดกับฉันมากเกินไป และมันไม่ดีเท่าไร...เราไม่ควรจะเอาชีวิตกันและกันมาผูกติดกันมากเกินไป“เอ่อ...เอาเป็นว่าตอนนี้ปายกำลังดูใจ พิจารณาไวท์ ให้โอกาสไวท์อยู่ ไวท์คงรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้อยู่ในช่วงที่ปายกำลังให้โอกาส”ฉันอดย้ำความสัมพันธ์ของเราไม่ได้“รู้ครับ และไวท์จะไม่ทำให้ปายหลุดลอยไปอีกแล้ว” เสียงไวท์ตอบกลับมาจริงจังและแฝงไปด้วยความหมายบางอย่างที่ฉันทำเป็นมองข้าม รู้อยู่หรอกว่าเขาแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ฉันเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ ฉันไม่ใช่ของใคร ฉันก็คือฉัน แต่ถ้าพูดตรงไปฉันก็กลัวว่าเขาจะโมโหอะไรขึ้นมาอีก คงต้องค่อย ๆ คุย แบ่งความสัมพันธ์ให้ชัดเจน ฉันเป็นแค่แฟนของเขาน้ำเสียงไวท์สั่นนิด ๆ ฉันจึ
Comments