ปัง!
“เทียนใจเย็นก่อนนะ”
“เทียนใจเย็นอยู่แล้วค่ะแม่ เทียนใจเย็นกับทุกคน แต่ไม่ใช่กับธาดา”
หลังจากที่ฉันเกือบจะเข้าไปขย้ำคอเขาก็ถูกจับแยกแล้วลากขึ้นมาห้องของตัวเอง ห้องนอนที่ถูกจัดเตรียมใหม่อยู่ข้างห้องของธาดา
“นั่นแหละยิ่งต้องใจเย็น”
“แล้วแม่ไม่หวงลูกสาวเหรอ ถ้าเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงทำไมแม่ไม่โกรธ” แม่มีลูกสาวคนเดียวนะ
“แม่ไม่ใช่คนหัวโบราณ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติในสังคมมั้ง แล้วแม่ก็รู้ว่าเทียนรู้จักคำว่าป้องกัน” ฉันก็รู้สึกดีใจอยู่หรอกที่มีแม่เข้าใจตัวเองมากขนาดนี้ แต่มันก็อดโมโหไม่ได้ที่แม่ก็เห็นดีเห็นงามไปเขาด้วย
“เทียนโกรธทุกคน” พูดจบก็ทิ้งตัวลงเตียงนอน
“จะมาโกรธได้ยังไงล่ะ”
“ก็แม่ไม่เข้าข้าง” แม่ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง และเอื้อมมือมาลูบหัวฉัน
“ลูกสาวแม่โตขนาดนี้แล้วยังมาทำงอนเป็นเด็กไปได้”
“โตอะไรแค่ยี่สิบแปดเอง” ฉันพูดพร้อมกับม้วนตัวเอาหัวมาหนุนตักและกอดเอวแม่ไว้
“ยี่สิบแปดก็ต้องเริ่มมีแฟนแล้วนะ”
“ไม่ค่ะ เทียนอยากอยู่กับแม่ไปสักหกสิบปีเลย”
“แม่คงไม่ได้อยู่กับเทียนแล้วแหละถ้าขนาดนั้น” แม่ลูบหัวฉันด้วยความเอ็นดู
“แม่ต้องอยู่กับเทียนตลอดไป”
“ถ้าแม่ไม่อยู่สักวันหนึ่งเทียนก็ต้องมีคนดูแล”
“ไม่เป็นไรค่ะ เทียนทำงานเก็บเงินเดี๋ยวไปอยู่บ้านพักคนชราได้” ฉันวางแผนชีวิตตัวเองไว้เป็นอย่างดี
“เทียนไข” แม่เรียกฉันด้วยน้ำเสียงดุ ฉันรู้ว่าสิ่งที่แม่พูดกำลังหมายถึงเรื่องอะไร
“ลืมเรื่องนั้นเถอะค่ะ เทียนจะจัดการทุกอย่างเอง” คนเดียวที่ต้องจัดการ และจบเรื่องทุกอย่างก็เขานั่นแหละ ธาดา เพราะถ้าทำให้เขายอมเดี๋ยวเรื่องทุกอย่างก็จบลงอย่างดีเอง
“แม่ถามอะไรหน่อย ยังไงลูกสาวของแม่ก็โตขนาดนี้แล้ว อีกสองปีเทียนก็จะสามสิบแล้วนะ”
“ก็แค่สามสิบเองแม่”
“แม่กับพ่อเป็นห่วงเทียน แม่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน โรคของแม่จะกำเริบขึ้นมาหรือเปล่า” แม่พูดพร้อมกับจับหน้าอกตัวเอง โรคของแม่ที่พร้อมจะกำเริบได้ทุกเมื่อ
“เทียนดูแลตัวเองได้ค่ะ แล้วก็จะดูแลแม่กับพ่อด้วย”
“ไม่คิดจะหาใครมาดูแลตัวเองบ้างเหรอ”
“ไม่ค่ะ”
“แต่ธาดา” แม่ยังไม่ล้มเลิกความพยายาม
“ธาดาเนี่ยนะ เทียนต่างหากที่ต้องดูแลเขา” จะบอกว่ามีฉันอยู่ด้วยแล้วเป็นอีกคนเหรอ ฉันก็เป็นอีกคนเหมือนกันเมื่อต้องอยู่ใกล้เขา
“ก็เขาอยากให้เทียนอยู่ด้วยตลอดเวลา”
“แต่เทียนไม่อยากอยู่ เทียนต้องใช้ความอดทนที่สูงมาก มากถึงมากที่สุดในการควบคุมตัวเอง และจัดการธาดาเลยนะแม่” แต่ละเรื่องกว่าจะทำให้เขายอมได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ
“ก็เพราะต้องเทียนเท่านั้นไง ป้าเขาถึงอยากได้เทียนเป็นลูกสะใภ้” แม่หันมาส่งยิ้ม ในขณะที่ฉันทำหน้าบึ้งแล้วกลิ้งตัวเข้าไปม้วนอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ล้มเลิกเรื่องนี้ไปเถอะค่ะ เทียนไม่เหมาะกับเขาหรอกค่ะ”
“เทียน...แม่เคยพูดกับพวกเขาเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ทั้งคุณป้าและคุณลุงเขาไม่สนเรื่องนี้เลย ทุกอย่างที่เขาทำให้เทียนก็เพราะต้องการให้เทียนอยู่ข้างธาดา” ฉันนอนฟังสิ่งที่แม่พูดอยู่ใต้ผ้าห่ม ฉันรู้ดีว่าคำว่าขอบคุณก็ไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาทั้งสองคน ทุกอย่างที่ฉันได้รับก็เทียบเท่ากับลูกชายของพวกท่านทั้งคู่
“....” ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
“เทียนลองคิดดูนะ เทียนคือคนที่รู้จักธาดายิ่งกว่าพ่อกับแม่ของเขาเองซะอีก ลองเปิดใจมองธาดาใหม่ดูนะลูก” สิ้นเสียงของแม่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตามมา เหมือนว่าแม่ของฉันกำลังเดินไปทางประตู
“แม่คะ...” ฉันเรียกหาแม่ในขณะที่ตัวเองยังคงหมุดอยู่ใต้ผ้าห่มแบบนั้น
“ว่าจ้ะ”
“ทุกคนคาดหวังกับเรื่องนี้มากแค่ไหนคะ” ทั้งสองฝ่ายดูจะพร้อมใจกันเห็นดีเห็นงามไปด้วย
“ก็...ขนาดที่ว่าคุณป้ากับคุณลุงเตรียมรายชื่อแขกงานแต่งแล้วจ้ะ” พูดจบแม่ก็เปิดประตูเดินออกจากห้องไปทันที
ปึง!
“กรี๊ด ~” เสียงกรี๊ดใต้ผ้าห่มหนาดังอยู่ในห้อง ฉันกัดผ้าแน่น และพยายามคิดว่าวิธีจัดการเรื่องนี้ซะ ใครก็ได้ แต่จะต้องไม่ใช่ธาดา หมอนั่นไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายเลยนะ ทุกคนมองแค่รูปลักษณ์ภายนอกกันหรือไง ถึงพยายามอยากได้เขามาเป็นลูกเขย ใครไม่มาเป็นฉันไม่รู้หรอกว่าหมอนั่นน่ะ ปีศาจดีๆนี่เอง
“ไอ้บ้าธาดา กรี๊ด!” ฉันกรี๊ดพร้อมกับซุกหน้าลงบนผ้าห่มอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไปข้างนอกห้อง
“เรียกฉันเหรอ” เสียงของคนที่ฉันกล่าวถึงดังมาจากทางประตูห้อง ฉันโผล่หน้าออกจากใต้ผ้าห่มแล้วมองไปทางประตู ธาดาเดินเข้ามาในห้องอย่างง่ายดาย ฉันกำลังจะอ้าปากด่าเขาก็ต้องหุบปากลงทันที ก็ลืมไปว่านี่มันบ้านเขา ถ้าด่าไปก็จะถูกสวนกลับมาว่า เขาจะเข้าจะออกยังไงก็ได้นี่มันบ้านของเขา
“ว่าไงคะ เรียกฉันเหรอ”
“คุณธาดาช่วยออกไปจากห้องด้วยค่ะ” ฉันมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“เมื่อกี้ยังเรียกอยู่เลย”
“ไม่ได้เรียก แต่กำลังด่า” ธาดาไม่สนใจคำพูดของฉัน เขาปิดประตูห้องลงแล้วเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง
“จะนอนแล้วเหรอ” เขาถามพร้อมกับกวาดสายตามองฉันที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่ม
“อือ”
“เจ็ตแล็กหรือเปล่า” น้ำเสียงเหมือนจะเป็นห่วง แต่ก็แค่เหมือนนั่นแหละ
“นิดหน่อย”
“นอนไปสิ จะลืมตามองฉันทำไม” ธาดายังไม่หยุดจ้องฉัน
“ก็ออกไปซะสิ ฉันจะได้นอน” ไว้ใจไม่ได้สักเรื่องนั่นแหละหมอนี่ ห้ามพลาดเด็ดขาด ถ้าพลาดท่าให้เขาเมื่อไหร่ก็เท่ากับว่าโอกาสรอดฉันหายไปเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
“เปิดแอร์มั้ย” จะมาเป็นห่วงอยากดูแลอะไรฉันขนาดนี้ ยิ่งเขาทำตัวแปลกฉันก็ยิ่งไม่ไว้ใจ
“ไม่”
“งั้นเดี๋ยวเปิดประตูระเบียงระบายอากาศให้นะ” พูดจบเขาก็เดินไปเปิดประตูระเบียงออก ลมเย็นจากภายนอกพัดโชยเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณธาดาคะ สมองกลับเหรอ” ฉันมองตามร่างสูงที่เดินกลับมาหยุดยืนข้างเตียงอย่างไม่ไว้ใจ
“ก็อยากดูแลเทียนไข” สีหน้าและคำพูดของเขายิ่งทำให้ฉันไม่ไว้ใจเข้าไปอีก
“อ๋อ เหรอ”
“การดูแลเมียตัวเองมันก็เป็นสิ่งที่ฉันสมควรจะทำ” ว่าแล้วไง คำพูดแปลก ๆ ออกมาอีกแล้ว
“หยุด...เชิญค่ะ เชิญออกไปจากห้อง ตอนนี้รู้สึกไมเกรนรับประทาน”
“ฉีดยามั้ย” ธาดาพูดพร้อมกับยืนยิ้มให้ฉัน
“ไม่! ออกไปธาดา” ฉันดีดตัวลุกจากเตียงนอนแล้วดึงแขนเขาลากออกไปจากห้อง
หมับ! เขาดึงฉันเขาไปกอด มือเล็กทั้งสองข้างดันอกกว้างเอาไว้ ขาข้างหนึ่งงอเข่ายกขึ้นช่วยดันอีกแรง บอกแล้วไงว่าห้ามพลาดท่าเด็ดขาด
“ขาเนี่ย ไวเหลือเกินนะ” เขาเหลือบตาหลุบต่ำมองไปยังขาเรียวที่ยกยันเขาเอาไว้
“ธาดา ปล่อย” ฉันกดเสียงให้ต่ำ แต่คนตัวสูงกลับยืนยิ้มและจ้องหน้าฉัน
“ชอบจังตอนที่เทียนเรียกชื่อ”
“...” ฉันเม้มริมฝีปากแน่น และพยายามบอกให้ตัวเองใจเย็นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ขอฉันพักผ่อน ตอนนี้ฉันปวดหัวมาก”
“เดี๋ยวนอนเป็นเพื่อนก็ได้นะ โอ๊ะ! ไม่ใช่เพื่อนซะแล้วสิ” ฉันเกลียดเสียงโอ๊ะของเขาที่สุด
“หุบปากไป แล้วปล่อย!” ฉันใช้แรงที่มีทั้งหมด และขาดันตัวเขาออก ซึ่งธาดาก็ปล่อยมืออกอย่างง่ายดาย
“โอเค ๆ เห็นว่านั่งเครื่องมาไกลหรอกนะ” ถึงว่ายอมง่าย ๆ ซึ่งในความสงสารของหมอนี่เหลือเกิน
“ขอบคุณมากค่ะคุณธาดา...” ฉันกัดฟันพูด และจ้องทุกการเคลื่อนไหวของเขา ธาดาเดินไปที่ประตูห้อง แต่ก่อนที่จะเดินออกไปก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมาพูดกวนประสาท
“ทำปากแบบนั้นเดี๋ยวก็จับมาจูบหรอก” ธาดาพูดพร้อมกับอมยิ้ม
“ออกไป!” แต่ละอย่าง วันหนึ่งใครจะรู้ว่าฉันต้องเจออะไรบ้าง เขาหัวเราะชอบใจ และเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูห้อง
“พี่เทียน!” เสียงของใครบางคนตะโกนเรียกมาจากทางระเบียง ฉันเลิกให้ความสนใจผู้ชายตรงหน้าแล้วหันหลังเดินไปทางระเบียงห้อง
“ห้องนี้แหละ เรามาจัดห้องให้พี่เทียนเองทำไมจะจำไม่ได้” เสียงพูดคุยดังขึ้นมา
เมื่อชะโงกหน้าออกไปมองก็พบกับผู้หญิงอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ และผู้ชายอีกคนคือ เก้า
“ว่าไงทั้งสองคน” ฉันเท้าแขนกับระเบียง และมองไปยังทั้งสองคนที่ยืนเถียงกันอยู่
“พี่เทียน ~”
น้ำหวานโบกมือด้วยความดีใจเมื่อเห็นฉัน เด็กทั้งสองคนเป็นลูกของคนงานในบ้าน เราทั้งคู่ก็เคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งฉันต้องไปต่างประเทศกับธาดา
“มาตะโกนเสียงดังอะไรกันอยู่ตรงนี้”
“เก้าไม่เชื่อว่าพี่เทียนมาอยู่ในบ้านใหญ่” น้ำหวานพูดและหันไปมองผู้ชายรุ่นเดียวกันที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่ใช่ไม่เชื่อสักหน่อย...” เก้าเถียงกลับแล้วก้มหน้าหลบสายตา
“อยู่ไม่นานหรอก เดี๋ยวพี่ก็กลับไปอยู่ที่ห้องเดิม”
“ตีแบดกันมั้ยพี่เทียน” น้ำหวานชูไม้แบดในมือให้ดู ที่มาเรียกก็อยากชวนไปเล่นเหรอ
“ก็ได้ ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บหนึ่ง”
หมับ! พอจะอ้าปากพูดจบก็ต้องตกใจเมื่อมือของใครบางคนกอดเข้าที่เอวจากด้านหลัง กลิ่นน้ำหอมนี้
“ธาดา” ฉันพลิกหันกลับไปมองธาดาที่กอดฉันจากด้านหลัง สายตาของเก้าและน้ำหวานมองขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจ
“บอกไว้ว่าไง” เขาถามฉัน และมองไปยังด้านล่างของบ้าน
“ยังไม่ออกไปอีกเหรอ” นึกว่าไปแล้วนะเนี่ย วนเวียนรอบตัวเป็นผีเลย
“ถ้าออกไปแล้วจะเห็นเหรอ”
“ออกไปไกล ๆ”
“ทำไมชอบไล่จัง ทีกับเก้าทำไมรีบลงไปหา” ต้องหาเหตุผลกี่ร้อยข้อมาทำให้เขาอยู่ห่างจากฉันนะ
“ฉันไม่ได้ลงไปหาแค่เก้านี่ น้ำหวานก็อยู่”
“...” เขาเงียบและมองเลยไปยังด้านหลัง
“ธาดา...” หมอนี่ต้องคิดจะทำอะไรแน่
พึ่บ! ธาดาซุกหน้าลงบนไหล่ และแนบริมฝีปากจูบ ธาดารวบแขนทั้งสองของฉันแนบไปกับลำตัว ไม่ให้ดิ้นหนีเขาได้ ลมหายใจร้อนเป่ารดต้นคอ
“กรี๊ด ฉันเขิน~” เสียงน้ำหวานเล็ดลอดขึ้นมาเบาๆ
“อย่าทำอะไรตรงนี้นะ” ฉันพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบมากที่สุด
“แต่ตรงอื่นได้งั้นสิ”
“ตรงไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น!” เมื่อฉันเริ่มขึ้นเสียง เขาก็เงยหน้าขึ้นมามอง
“ถ้ายังเสียงดังอยู่ ฉันเล่นเธอต่อหน้าพวกนั้นแน่” เขาทำจริงฉันรู้ดี เรื่องแกล้งขอให้บอก ถนัดที่จะสร้างความวุ่นวายให้เสมอจริงๆ
“ทำไมชอบโดนตัวฉันตลอดเวลาเลย เป็นอะไร” สงสัยมานานละ ต้องแตะต้องตัวฉันตลอดเวลาจริงๆ
“สกินชิปไง ไม่รู้จักเหรอ” สีหน้ายียวนของเขายิ่งเพิ่มความโมโหให้ฉันมากขึ้นไปอีก
“ถึงว่า ไม่เคยห่างจากผู้หญิงเลย”
“เทียน” จู่ ๆก็เรียกชื่อฉันแล้วทำหน้าตกใจ
“อะไร” ไม่เคยชอบเลยที่หมอนี่เรียกชื่อ ขนลุก
“หึงเหรอ”
“อะไรนะ...” ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง คิดอะไรขึ้นมาอีกเนี่ย
“เทียนไขหึงเหรอคะ”
“ขอร้อง อย่าคิดอะไรที่ขนลุกแบบนั้น” ต่อให้ฉันพูดอะไรออกไปเขาก็ไม่สนใจฟังทั้งนั้น เขากดหัวฉันซุกลงบนหน้าอก และลูบอย่างเบามือ
“ไม่หึงนะคะคนสวย ต่อจากนี้จากจะมีแค่เทียนไขคนเดียว”
“ขอร้องธาดา” ฉันอยากจะตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
“ขอร้องอะไรคะ”
“จะไปไหนก็ไป ช่วยไปไกล ๆ ฉันที” ที่ผ่านมาน่ะก็ว่าหนักแล้ว แต่ตอนนี้หมอนี่หนักยิ่งกว่า
“เขินเหรอคะคนสวย”
เขาปล่อยมือจากหัวฉัน และดันตัวออกให้มองเห็นหน้าชัดๆ ฉันส่งยิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มที่ใช้ความพยายามอย่างมากที่ให้มันเผยอยู่บนใบหน้า
“ธาดา จะไปไหนก็ไป ฉันรำคาญ!”
“ผู้หญิงไล่แปลว่าผู้หญิงรัก”
“จะไม่ไหวแล้วนะ...” ฉันกัดฟันพูดและจ้องหน้าเขา ซึ่งแน่นอนธาดาไม่เคยสนใจคำพูดของฉันอยู่แล้ว
“โมโหเหรอ อย่าอารมณ์ขึ้นสิ...” เขาเว้นวรรคพูดแล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนที่จะกระซิบพูดต่อข้างหู
“เปลี่ยนมาขึ้นบนตัวฉันดีกว่า” ขอเปลี่ยนจากลาออกสิ้นปีเป็นตอนนี้ได้ไหม
(ช่วงวัยเด็กของเทียนไขกับธาดา (ช่วงเกรด7หรือมัธยมชั้นปีที่ 1) ปึง!ประตูห้องครัวหอพักคนงานถูกเปิดออกเต็มแรง พร้อมกับเด็กชายผู้เป็นคุณหนูของบ้านนี้ และยังเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวหัวหน้าแม่บ้านอย่าง...เทียนไข“เทียนไข! ทำไมไม่บอกว่าจะสอบเข้าด้วยคะแนนเต็มเพื่อไปอยู่ห้องคิงล่ะ เรานึกว่าเทียนจะเลือกทำคะแนนน้อยแล้วไปอยู่ห้องสุดท้ายเพราะจะได้มีเวลาไปเล่นกับเรา”เด็กสาวเงยหน้าจากตะกร้าผักที่เธอกำลังเด็ดอยู่แล้วเงยมองขึ้นใบหน้าของ ธาดา ลูกชายเจ้าของบ้าน และเป็นเพื่อนของเธอด้วยสายตาไร้ความรู้สึก“ทำไมต้องทำแบบนั้น”“เพราะเทียนต้องไปเล่นกับเราทุกวันหลังเลิกเรียนไง”“ไม่ไปหรอก เทียนรำคาญธาดา”“...เทียนใจร้าย เทียนทำแบบนี้เราต้องอยู่คนละห้องเลยนะ เราต้องแยกกันตลอดหกปีนะเทียน!”“....” เด็กสาวหันมองธาดาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับอุ้มตะกร้าผักเดินหนี“เราอยากอยู่กับเทียน!” ธาดาวิ่งตามหลัง และพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ไปตลอดทาง“รำคาญ....” ไม่ว่าจะโดนเทียนไขว่าสักกี่ครั้งก็ไม่เคยทำให้ธาดาละความพยายามไปได้“เราจะไปรับเทียนที่ห้องทุกวัน! เทียนห้ามมีแฟนนะ เทียนต้องอยู่กับเรา!”“...รำคาญ” น้ำเสียงเย็
“หายไปไหนของเขา”เสียงบ่นพึมพำกับตัวเอง สายตาสอดส่องมองซ้ายมองขวาเพื่อหาตัวธาดาที่ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนสักพักแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่พกติดตัวนี่เดินรอบแล้วเหลือแต่ที่หอพักคนงาน แต่ปกติธาดาจะไม่ได้ไปที่นั่นถ้าไม่มีธุระสำคัญ“ป้าขวัญคะ เห็นคุณธาดามั้ย” ในระหว่างที่กำลังหยุดยืนคิดอยู่หน้าบ้านใหญ่ ป้าขวัญ แม่ครัวของบ้านก็เดินออกมาจากมุมมืดพอดี“คุณธาดาเห็นนั่งอยู่กับเก้าตรงสวนด้านหลังนะ ไอ้เก้ามันเมาด้วยเห็นขวดเบียร์ตั้งอยู่”“ขอบคุณค่ะป้า” เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันก็รีบเดินไปยังสวนด้านหลังทันทีเก้าเมาแล้วจะพูดอะไรไม่เข้าหูธาดามั้ยเนี่ย แล้วสิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดเขาไปนั่งอยู่กับเก้าทำไม ในระหว่างที่เดินไป และในหัวเองก็กำลังประมวลผลเรื่องราวที่คาดว่าจะเกิดขึ้น สายตาก็เพ่งมองไปยังร่างบางของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนพื้นแอบมองอะไรบางอย่างอยู่ก่อนแล้ว“น้ำหวาน” ฉันย่อตัวนั่งลงด้านหลังน้ำหวานแล้วกระซิบเรียกชื่อเธอ“อุ้ย! พี่เทียนตกใจหมด” เมื่อหันมาพบว่าเป็นฉันน้ำหวานก็สะดุ้งสุดตัว แต่ก็เก็บเสียงได้อย่างดี“สองคนนั้นทำอะไร” ฉันมองตรงไปยังโต๊ะม้าหินขวดเบียร์วางเรียงกันบนโต๊ะ และด้านข้างที่ถังน้
แอด!ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างบางในชุดนอนสีฟ้าอ่อนกำลังเดินออกมา แต่สองเท้าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสบตากับคนตัวสูงที่ยืนกอดอกรออยู่หน้าประตู“....” เราทั้งสองคนสบตากัน และธาดาก็ยังคงยืนทำหน้าเครียดไม่พูดไม่จา“....” เอาแต่ยืนมองหน้าแล้ววันนี้จะเข้าใจมั้ยว่าต้องการอะไร“เป็นอะไร” ต้องเป็นฝ่ายถามซะเอง เพราะธาดาเอาแต่ยืนเงียบ“ทำไมไม่ไปนอนด้วยกัน” ที่ไม่พอใจเพราะเรื่องนี้นี่เอง“ก็ของยังอยู่ห้องนี้”“ไปนอนก่อน เดี๋ยวให้คนมาย้ายของให้”“แล้วถ้าไม่ไป” ฉันเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าแล้วกอดอกถาม“....” เขาก้มมองคนตัวเล็ก“จะบังคับหรือเปล่า”“ไม่ ถ้าเทียนไขไม่ไป เราก็นอนที่ห้องนี้ อยากกอดเมียแล้วก็ลูก” ริมฝีปากบางอมยิ้มให้กับสิ่งที่เขาพูด ใช่...ฉันกำลังท้อง“ยังไม่แน่ชัดสักหน่อยว่าท้อง เดี๋ยวต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อนสิ”“ที่ตรวจสามอันขึ้นสองขีดเนี่ยยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ หรือว่าต้องว่าย้ำ” มือหนาโอบเข้าที่เอวบางแล้วดึงมาชิดตัว“อาจจะเป็นหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่คลาดเคลื่อนก็ได้” แกล้งเขานี่มันสนุกดีจริง“จะบอกว่ากินยามาตลอดยังไงก็ไม่ติดน่ะเหรอ”“....” เขายังจำทุกอย่างที่ฉันเคยพูดเอาไว้ได้อีกนะ“ยาไม่แ
เวลา 05.45 น.ตึก ตึก ตึก!เท้าเล็กวิ่งขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของตัวเองในบ้านใหญ่ ยังพอมีเวลาที่จะอาบน้ำแต่งตัวมาดักรอธาดา ถึงเขาจะพูดว่าไม่ให้ฉันมาดูแลในตอนเช้า และก็เพราะนิสัยไม่ดีของตัวเองที่พยายามปฏิเสธความรู้สึกมาตลอดโอเค! จะทำตามใจตัวเองบ้างแล้วนะ มันก็จะเหมือนกับว่าจะเป็นฉันเองที่เป็นฝ่ายไล่ตามเขา เหมือนที่ธาดาก็ทำมาตลอดก่อนหน้านี้ ต่อจากนี้ไม่สนแล้วว่าผลที่ออกจะเป็นยังไง หรือเขาจะปฏิเสธเหมือนที่ฉันเคยทำ แต่ต่อให้เขาปฏิเสธฉันก็ไม่สนแอด!มือเล็กเอื้อมจับลูกบิดประตูแล้วดันเปิดออก สายตามองผ่านความมืดเข้าไปในห้องของธาดา มองจากมุมนี้จะเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างที่นอนตะแคงหันหลังให้ เขายังไม่ตื่น ฉันจัดการตัวเองก่อนที่เขาจะออกไปทันแน่“เดี๋ยวเราเจอกัน” เสียงเล็กพึมพำเบา ๆ แล้วดึงประตูปิด ก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังห้องนอนตัวเองเพื่อจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย30 นาทีผ่านไป ก๊อก ก๊อก แอด!มือเล็กค้างกลางอากาศเมื่อประตูเปิดออกทันที ร่างสูงเปลือยกายท่อนบน ส่วนล่างมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอว ร่างกายเปียกซึ่งน่าจะพึ่งออกมาจากห้องน้ำ เขามองฉันด้วยสีหน้าตกใจ“....” ธาดามองหน้าฉันโดยที่ไม่คิดจะพูดท
หลายวันต่อมา “พี่เทียนจะร้องไห้กับหนังผีไม่ได้นะ”เสียงบ่นของน้ำหวานทำให้ฉันได้สติกลับมา ดวงตากลมโตเลอะคราบน้ำตาหันไปมองยังบุคคลที่นั่งอยู่ข้างกัน ตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ในห้องนอนของน้ำหวาน ฉันถูกชวนให้มาดูหนังเป็นเพื่อน เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้ฉันต้องอยู่เพียงลำพัง“ก็สงสารผีที่ถูกฆ่าตาย”“สงสารตาตัวเองก่อนเถอะ หันมาทางนี้หน่อย”“....” น้ำหวานดึงผ้าห่มที่คลุมหัวออกแล้วจับตัวฉันให้หันมาประจันหน้ากับเธอ“เฮ้อ ตาช้ำแล้วช้ำอีกพี่ร้องไห้ติดต่อกันมากี่วันแล้วเนี่ย” น้ำหวานถามอย่างรู้ทัน พร้อมกับเอาถุงเจลเย็นประคบลงบนเปลือกตา“ไม่ได้ร้องแล้ว มีวันนี้ร้องเพราะหนังนี่ไง”“พี่เทียนกลายเป็นคนโกหกไม่เนียนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เวลาไปทำงานทำยังไง”“ก็แต่งหน้า” ฉันปาดสายตามองเด็กรู้ทัน“ไม่ต้องมาทำตาดุ เดี๋ยวจะไปบอกคุณธาดาว่าพี่อยู่ที่นี่”“บอกแล้วได้อะไรขึ้นมา” ฉันหันไปถามน้ำหวานด้วยสีหน้าเศร้า“แล้วพี่คิดว่าคุณธาดาเขาจะรู้มั้ยว่าพี่ไม่ได้ที่นอนห้องตัวเองเลยสักคืน”“แล้วเขาจะต้องรู้ไปทำไม”“ปกติพี่อยู่ที่ไหน หายไปไหนเขาจะตามหามั้ย”“ไม่รู้ เลิกถามได้มั้ย เจ้านายของน้ำหวานเขาไม่ได้สนใจหรอกว่าพี่จะอยู่ไหน
“.....” ตอนนี้ได้แต่นั่งนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองด้วยซ้ำว่าเป็นธาดาจริงหรือเปล่าด้วยตาของตัวเอง แต่ดูจากปฏิกิริยาจากทั้งสองคนก็รู้แล้วว่าเป็นเขาจริง ๆ“เห็นลุงบุญมั้ยน้ำหวาน” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน น้ำหวานลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีลนลาน หันมองซ้ายมองขวาหาบุคคลที่ธาดาถามถึง“เดี๋ยวน้ำหวานไปตามหาให้นะคะ”“ถ้าเจอแล้วค่อยบอกว่าให้มาหาฉันหน่อย ไม่ต้องไปตาม”“ได้ค่ะ” น้ำหวานตอบรับเขา แต่สายตามองมาที่ฉันทุกอย่างรอบตัวเงียบสงบไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนกระทั่งเสียงฝีเท้าดังขึ้น เพราะธาดาเดินออกไปทันทีไม่คิดจะพูดอะไรกับฉัน น้ำหวานกับเก้ามองมาที่ฉันเป็นจุดเดียวไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ แต่ความอึดอัดแบบนี้ไม่ชอบเลยพึ่บ! ร่างบางลุกจากเก้าอี้แล้วหันหลังเดินตามหลังคนตัวสูงไปติด ๆหมับ!“ขอคุยด้วยหน่อย”มือเล็กคว้าเข้าที่ข้อมือ แต่ธาดาก็ไม่มีอาการตกใจหรือสะบัดออก เขาปล่อยฉันลากเข้าบ้านตรงไปยังห้องโดยไม่มีทีท่าขัดขืน สายตาของคนรอบตัวหันมามองด้วยความสนใจ ดีนะที่ไม่มีพวกผู้ใหญ่อยู่ตอนนี้ปึง! ประตูห้องปิดลงแล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบ“ช่วงนี้เป็นอะไร” ฉันทนต่อความรู้สึกอึดอัดแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล